Share

บทที่ 2

“นี่ข้อตกลงการหย่า เธอดูเอาเองแล้วกัน”

หลังกลับจากโรงพยาบาล เมื่อกู้เชินมาถึง เขาพูดเรื่องหย่ากับซูโม่แทบจะในทันที

เมื่อนึกใบหน้าอันเศร้าสร้อยของซูหลียามที่ต้องจากกัน ใจของเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก

ที่ผลักเธอออก ไม่ใช่แค่เพราะโรคกลัวเชื้อโรคของตน แต่ยังเป็นเพราะอาการคลื่นไส้และอ่อนแรงของเขาในตอนนั้น

เขาคิดว่าบางครั้งมันก็เกิดขึ้นได้ และไม่ได้ใส่ใจมากนัก

เพียงแต่เมื่อได้พบซูโม่ ความทรมานกายกลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อซูโม่กลับมาจากโรงพยาบาล ยังไม่ทันที่เธอจะได้เรียบเรียงความคิด เธอก็ต้องตกตะลึงกับข้อสำคัญการหย่าที่อยู่ตรงหน้า

ใช้เวลาสักพัก กว่าที่เธอจะเปล่งเสียงออกมาอย่างสั่นเทา “ต้องหย่าจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”

“อืม”

ซูโม่มือสั่น เธออดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวและถามออกไปว่า “เพราะว่าซูหลีกลับมาแล้วใช่ไหม?”

กู้เชินเอื้อมมือไปปลดเนกไท ด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “สามปีก่อน ฉันยังพูดไม่ชัดพออีกหรือไง?”

เขาพูดไว้ชัดเจนแล้ว และเธอเองก็เห็นด้วย

แต่ทว่า แต่ว่า……

ซูโม่กัดริมฝีปาก “ถ้าเกิดว่า… ฉันอยากพูดว่า ถ้าเกิด…”

กู้เชินตัดรำคาญ “ซูโม่ เกิดเป็นคนอย่าละโมบให้มากนักเลย”

ซูโม่เงยหน้าขึ้นในทันใด มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา

เขาคิดว่าเธอไม่พอใจกับข้อตกลงการหย่าอย่างนั้นหรือ?

นิ้วเรียวของกู้เชินเคาะลงบนโต๊ะถึงสองครั้ง “สามปีที่ผ่านมานี้ เธอดูแลฉันเป็นอย่างดี มีอะพาร์ตเมนต์ที่หนึ่งใกล้ถนนวงแหวนรอบที่สาม ไม่ใหญ่นัก นั่นจะถูกโอนไปเป็นชื่อของเธอ”

“นี่เป็นของชิ้นใหญ่ที่สุดที่ฉันจะให้เธอได้แล้ว อย่าให้ฉันต้องดูถูกเธอไปมากกว่านี้เลย”

คำพูดทั้งหมดของซูโม่ถูกกลืนอยู่ในลำคอ ริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ย

ชีวิตการแต่งงานที่ผ่านมาสามปี ได้อะพาร์ตเมนต์มาตั้งหนึ่งห้อง เธอควรจะขอบคุณเขางั้นสิ?

เพื่อที่จะได้หย่าให้เร็วที่สุด เขาก็คงทำได้ทุกอย่าง

เรื่องที่เธอตั้งครรภ์ คงไม่จำเป็นต้องบอกเขาแล้ว

ไม่เช่นนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าเขาจะมองเธอเป็นคนอย่างไรอีก?

เธอไม่ต้องการผู้ชายที่ในใจคิดถึงแต่ซูหลี

อาการแน่นหน้าอกที่มี ทำให้อยากอาเจียนเป็นที่สุด

ซูโม่นั่งลงยอง ๆ กอดถังขยะเอาไว้ เธอมีเสียงอาเจียน แต่กับไม่มีอะไรออกมาเลย

กู้เชินขมวดคิ้ว มองไปที่ซูโม่อย่างไม่อยากเชื่อสายตา

ทำไมเวลาซูโม่อาเจียน เขาถึงอยากอาเจียนด้วยเหมือนกันนะ?

บังเอิญงั้นหรือ?

เมื่อได้มองไปที่ใบหน้าและริมฝีปากของซูโม่ที่ซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าร่างกายของเธอดูไม่ปกติ

เขาหรี่ตามองอย่างพินิจพิเคราะห์ “เธอป่วยรึไง? เป็นตั้งแต่เมื่อไหร่? รู้สึกยังไงบ้าง?”

ซูโม่ที่อยากจะอาเจียนแต่กลับอาเจียนไม่ออก ยิ่งทำให้ทรมานมากขึ้นไปอีก ทำให้เอาแต่กอดถังขยะเอาไว้ไม่วางมือ

เมื่อได้ยินเขาถามอย่างนั้น นิ้วเรียวจู่ ๆ ก็แข็งทื่อ แสร้งทำเป็นสบายดีและตอบไปว่า “น่าจะเป็นหวัด ฉันไม่เป็นไร”

“ตอบฉัน!”

จู่ ๆ เสียงของเขาก็ดุดัน ทำให้ซูโม่กลัวมากจนตัวสั่น เธอพูดออกไปเสียงเบาอย่างไม่รู้ตัวว่า “เมื่อตอนบ่าย ตอนที่คุณ……”

“แน่นหน้าอก แขนขาไม่ค่อยมีแรง บางครั้งก็คลื่นไส้ ก็เป็นปกติของไข้หวัดธรรมดา”

เธอไม่พูดถึงเรื่องที่โรงพยาบาล บอกไปตรง ๆ ว่าตนไม่สบาย ไม่เปิดโอกาสให้เขาคิดไปไกล

ทั้งจังหวะเวลาและอาการก็เหมาะเจาะพอดีกัน

ทั้งสองคนไม่สบายอย่างนั้นหรือ?

ในที่สุดซูโม่ก็ยอมแพ้ และไม่ได้ดูข้อตกลงการหย่า ซ้ำยังเดินไปเปิดตู้เย็น เพื่อหยิบเกรปฟรุตที่ซื้อมาตอนบ่ายออกมา

เธอเปรี้ยวปากแปลก ๆ อยากกินของเปรี้ยว เมื่อถึงคราที่ต้องเซ็นสัญญาเธอเองก็ต้องมีแรงจับปากกาเหมือนกัน

เมื่อหยิบเกรปฟรุตสีส้มแดงออกมา กลิ่นหอมเปรี้ยวก็ฟุ้งไปในอากาศ

ซูโม่เหลือบมองไปที่กู้เชินที่กำลังจับจ้องมายังเธอจากด้านข้าง เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามออกไปว่า “คุณจะทานด้วยไหม?”

กู้เชินมองด้วยสายตารังเกียจ

ซูโม่ยิ้มเจื่อน “ขอโทษค่ะ ฉันลืมว่าคุณไม่ทานของเปรี้ยว”

แต่เมื่อซูโม่หั่นเกรปฟรุต ก็เผยเนื้อสดสวยอิ่มน้ำ กลิ่นความเปรี้ยวลอยคละคลุ้งอยู่ในบรรยากาศ ทันใดนั้นกู้เชินก็พบว่าเขาไม่อาจละสายตาจากมันได้เลย

ซูโม่ที่กำลังจะกิน ก็พบว่ากู้เชินกลับเดินเข้ามา

ร่างสูงดั่งกำแพงของเขา เคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ทำให้พื้นที่ทั้งหมดดูคับแคบไปในทันตา

ซูโม่เดินถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว “คุณไม่ชอบ ถ้างั้นฉัน…”

ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยค กู้เชินเดินไปเปิดก๊อกน้ำ กดสบู่ล้างมือออกมา พร้อมกับล้างมืออย่างขะมักเขม้นถึงสามรอบ หลังจากนั้นจึงเอื้อมมือมาหยิบเกรปฟรุตไปหนึ่งชิ้น

เขาขมวดคิ้วมองมันอยู่นาน ก่อนจะนำเกรปฟรุตเข้าปาก

ซูโม่อ้าปากกว้างด้วยความประหลาดใจ

กู้เชินไม่ได้คายมันออกมา เขาเคี้ยวอยู่สองสามคำ หลังจากนั้นจึงหันมามองเธออย่างจริงจังพร้อมพูดว่า “ครั้งหน้า อย่าลืมล้างมีดสามครั้ง”

ไม่ว่าเขาจะข่มใจมากแค่ไหน เขาก็ไม่อาจต้านความอยากกินเกรปฟรุตนี้ไปได้เลย

เมื่อได้กินเข้าไปแล้ว อาการคลื่นไส้ก็บรรเทาลงไปไม่น้อย

มั่นใจแล้วว่าคงไม่ใช่อาการของโรคไข้หวัดแน่ ๆ

อาการไม่สบายของเขาเกิดขึ้นหลังจากซูโม่ มันคล้ายกับว่าเมื่อซูโม่ไม่สบาย ก็เลยทำให้เขารู้สึกไม่สบายไปด้วย

นี่มันเรื่องอะไรกัน? กู้เชินแอบรู้สึกว่าเขาควรน่าจะตรวจสอบดูดี ๆ

ซูโม่ตอบรับอย่างซื่อ ๆ “คะ?”

ทั้งสองกินเกรปฟรุตลูกนั้นด้วยกันจนหมด

ภาพบรรยากาศนี้ถือเป็นบรรยากาศที่อบอุ่นที่สุดในรอบสามปี

ซูโม่ล้างมือ และเงยหน้ามองไปยังชายตรงหน้าเธอ

บางทีอาจจะเป็นเพราะได้กินเกรปฟรุตด้วยกัน จู่ ๆ เธอจึงรู้สึกขึ้นมาว่าเขาเองก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินเอื้อมขนาดนั้น

แต่สุดทางของคนทั้งคู่ได้มาอยู่ตรงหน้านี้แล้ว

เธอพูดออกไปเสียงเบาว่า “ฉันจะเซ็นสัญญาหย่าค่ะ”

คิดเสียว่าทำงานสามปี ได้เงินมาล้านพร้อมอะพาร์ตเมนต์หนึ่งห้อง มองอย่างไรเธอก็มีแต่ได้กับได้

เธอหยิบปากกาขึ้นมาเพื่อที่จะเซ็นรับรอง

กู้เชินหยิบสัญญาการหย่าออกไปหน้าตาเฉย

“ยังต้องเพิ่มอะพาร์ตเมนต์อีกหนึ่งห้อง รอให้ทนายทำเอกสารเสร็จแล้วค่อยเซ็น”

ซูโม่พยักหน้าอย่างงง ๆ

โทรศัพท์ของกู้เชินดังขึ้น

เขากดรับสาย น้ำเสียงเล็กออดอ้อนลอดผ่านโทรศัพท์ออกมา “พี่เชิน เมื่อไหร่พี่จะมา? ฉันเหงามากเลยนะ”

เป็นซูหลี

ซูโม่กำปากกาในมือแน่น นิ้วหัวแม่มือของเธอจิกลงกับด้ามปากกาจนเกือบหัก

กู้เชินรีบวางสาย หยิบเสื้อคลุมแล้วรีบเดินออกไป

ซูโม่เดินตามไปได้สองก้าว ถามถึงเรื่องที่ว่าจะอธิบายกับคุณย่าอย่างไร

กู้เชินเพียงตอบกลับมาแค่ว่า “กลับมาค่อยคุยกัน” ก่อนที่จะปิดประตูลงด้วยเสียงดัง “ปัง”

บ้านหลังใหญ่ในตอนนี้ช่างแสนว่างเปล่า

เธอหัวเราะเยาะกับตนเอง สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นไปทำบะหมี่ในครัว

ในท้องนี้ที่มีเด็กน้อยอาศัยอยู่ จะปล่อยให้ตัวเองต้องหิวไม่ได้

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

ซูโม่คิดว่าเป็นกู้เชินที่ลืมของไว้ เธอรีบไปเปิดประตูให้ทันที แต่กลับต้องพบกับคนที่ทำให้หน้าเจื่อน “ทุกคนมาทำอะไรกันคะ?”

ใบหน้าของซูจุนเหว่ยปรากฏรอยยิ้มอันแสนอบอุ่น “เห็นว่าแกไม่รับสาย พ่อกับแม่ก็เลยแวะมาดูน่ะ”

บนหน้าจอโทรศัพท์ปรากฏสายที่ไม่ได้รับเป็นจำนวนมาก

เธอไม่รับสายพวกเขาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ทำไมคราวนี้ถึงได้มีกะจิตกะใจมาหาเธอได้?

ซูโม่หน้าชาไปพักหนึ่ง “แม่ของฉันเป็นคนเสียสติที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจิตเวชซันไชน์ พ่อไม่ได้ไปเยี่ยมแม่นานจนลืมแล้วใช่ไหม?”

หลิวชูหย่าที่อยู่ด้านข้างถึงกับสีหน้าเปลี่ยน

เธอสวมชุดสูทแบรนด์ CHANEL เนื้อผ้าชั้นดี ไร้คราบของคนทำไร่ทำสวนในชนบทมานานนับสิบ ๆ ปี

แววตาเจ้าเล่ห์ร้ายกาจฉายออกมาจากดวงตางามคู่นั้น พร้อมกับน้ำเสียงแหลม “เด็กคนนี้ พูดจาแบบนี้ออกมาได้ยังไง? ไม่มีมารยาทเอาเสียเลย”

ภายในใจของซูโม่ถูกสุมไปด้วยไฟแห่งความโกรธ

หากเธอไม่มีมารยาทเธอคงจัดการยายแม่เลี้ยงนี้ให้ตายในครั้งเดียวไปแล้ว

ในตอนแรก อาการป่วยของแม่ก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น แต่เมื่อหลิวชูหย่าได้ไปหาเธอ เธอถึงกับคลั่งไปเลย

หลายปีมานี้ เธอพยายามตามหาหลักฐาน เพื่อที่สักวันหนึ่งเธอจะทำให้พวกเขาต้องชดใช้ในเรื่องทั้งหมด

เธอค่อย ๆ ปล่อยวางความเกลียดชังในใจ พูดออกไปอย่างเฉยเมยว่า “ยังไม่ได้ตอบเลยว่ามากันทำไม?”

“เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”

เมื่อทั้งคู่เข้ามาในบ้าน ซูโม่เทน้ำให้สองแก้ว

เมื่อเห็นว่าซูโม่พยายามอดกลั้นและทำตัวดี ในใจของหลิวชูหย่ากลับก่อเกิดความโกรธเกรี้ยว เธอเชิดคางแล้วพูดว่า “พี่เธอก็กลับมาแล้ว รีบหย่ากับกู้เชินซะเดี๋ยวนี้เลย คืนตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลกู้ให้พี่เธอซะ!”

“คืนงั้นเหรอ?”

ซูโม่บังคับมือของเธอที่ถือกาต้มน้ำอยู่ ไม่ให้สาดเข้าไปที่หน้าของผู้เป็นแม่เลี้ยง

“ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร”

เธอมองไปที่ซูจุนเหว่ย “ตอนแรกที่กู้เชินต้องนอนเป็นผัก คุณบอกว่าเงินทุนของบริษัทกำลังประสบปัญหา มีแค่การแต่งงานกับกู้เชินเท่านั้นที่จะหาเงินมารักษาแม่ได้”

“ฉันแต่งงานก็เพื่อคนตระกูลซู แล้วตำแหน่งคุณผู้หญิงตระกูลกู้จะกลายเป็นของซูหลีได้อย่างไร?”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status