Share

บทที่ 10

ซูโม่หยุดก้าวเดินในทันที เธอมองไปที่กู้เชินด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกไป แค่ตอบไปว่า “ฉันจะไปรับยานะคะ”

ทั้งที่ในใจทั้งเจ็บและปวดไปหมด

ถึงแม้จะเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองแต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกเลย

คนตระกูลซูปฏิบัติต่อเธออย่างไร ในตอนแรกกู้เชินไม่เคยได้รับรู้เลย แต่ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้สึกเลยหรืออย่างไร?

เขาก็แค่ไม่ได้สนใจ ก็แค่เชื่อซูหลีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

พวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกัน เธอก็เป็นเพียงคนนอกที่งี่เง่าไร้เหตุผลคนหนึ่งเท่านั้น

แล้วจะต้องให้อธิบายอะไรอีก?

ยังดี ที่คุณหมอบอกว่า เธอเพียงแค่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนค่อนข้างต่ำ ลองกินยาประมาณหนึ่งอาทิตย์ไปก่อน หากไม่มีอาการเลือดไหล ก็ไม่ต้องกังวลใจไป

ลูกยังอยู่กับเธอ

เธอยังคงมีครอบครัวของตัวเองอยู่

บนทางกลับบ้าน กู้เชินรับสายจากซูหลี

“พี่เชิน แม่โกรธซูโม่มากจนเป็นลมไปเลย พี่มาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ฉันกลัว”

เสียงนั้นลอยไปถึงหูซูโม่อย่างชัดเจน

เธอไม่ต้องถามกู้เชินหรอกว่าเขาจะเลือกอะไร เธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งว่า “คุณให้ฉันลงตรงสี่แยกข้างหน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับเอง”

แววตาของกู้เชินเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด “จะหนีปัญหาหลังจากไปก่อเรื่องมาหรือไง? ซูโม่ ทำตัวให้สมกับเป็นผู้ใหญ่หน่อยเถอะ”

ดวงตาของซูโม่เบิกกว้าง

กู้เชินเหลือบมองไปที่ รอยช้ำบนมุมปากของเธอ “เธอต้องไปขอโทษ เรื่องนี้ถึงจะจบ”

“ฉันไม่ไป!”

กู้เชินขมวดคิ้วในทันที แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป เขาเพียงแต่กลับรถตรงสี่แยกเท่านั้น

ซูโม่เป็นกังวล

เมื่อเห็นว่าไม่ว่าจะพูดอย่างไรเขาก็ไม่ยอมหยุด เธอทำได้แค่เลือกที่จะเปิดประตูในทันที

กู้เชินตัวชาวาบ รีบวกรถเข้าข้างทางในทันที

“นี่เธอบ้าไปแล้วใช่ไหม?”

ดวงตาแดงก่ำของซูโม่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่เหมือนเช่นเคย “ต่อให้ฉันต้องตายก็จะไม่มีวันขอโทษหรอก”

กู้เชินตะลึงงัน

ภาพที่เธอเผชิญหน้ากับคนตระกูลซูพร้อมมีดในมือแวบเข้ามาในหัวของเขา

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอปฏิเสธอย่างจริงจังต่อหน้าเขา

ถึงแม้ว่าจะปวดท้องมาก เธอก็ยังจ้องไปที่เขาอย่างเอาเป็นเอาตาย

มือของเธอจับไปที่ประตู คล้ายว่าพร้อมจะกระโดดออกไปได้ทุกเมื่อ

ความสัมพันธ์ของเธอกับคนตระกูลมันแย่ถึงขั้นนี้เลยหรือ?

“อย่ามาเสียใจทีหลังแล้วกัน”

กู้เชินเหยียบคันเร่ง เร่งเครื่องกลับบ้านอย่างรวดเร็ว

เมื่อส่งซูโม่ถึงบ้านแล้วเขาก็รีบกลับไปที่โรงพยาบาลทันที

ซูโม่ไม่ได้พูดอะไร เธอแค่กินยาไปเงียบ ๆ และนอกพัก

กู้เชินไม่ได้กลับมา จนกระทั่งเย็นวันต่อมา

กลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลยังติดตัวเขามาอยู่เลย

ซูโม่หยิบกระเป๋าเดินทางออกมา ช่วยจัดของให้เขา เฉกเช่นที่เคยทำให้เขาเป็นปกติ

ทันทีที่เธอลุกขึ้น กู้เชินรู้สึกได้ว่าอาการไม่สบายนั้นแย่ลง

เขานวดขมับ ถึงแม้ว่าจะรู้สึกรำคาญกับความรู้สึกนี้แต่ก็ไร้ทางแก้

เขาคว้าเอาของในมือของซูโม่มาด้วยความหงุดหงิด “ช่างเถอะ ของของฉัน เธอไม่ต้องมาจับ”

ซูโม่มือสั่นเทา ใจของเธอเจ็บจนจุก

เธอค่อย ๆ ถอยหลังออกไป หย่อนตัวลงบนโซฟา มือทั้งสองกอบกุมแก้วน้ำเอาไว้ไม่ได้พูดอะไร

ทว่าเมื่อตกกลางดึก เธอก็ทนไม่ได้ที่ต้องเห็นกู้เชินออกจากบ้านด้วยความไม่สะดวกสบาย เธอจึงจัดกระเป๋าเดินทางให้เขาเพิ่มเติม

เมื่อกู้เชินถึงที่โรงแรมแล้ว หลังจากที่เขาเปิดกระเป๋าออกดูถึงได้รู้ว่าซูโม่ใส่ของใช้เพิ่มให้

เขายิ้มกริ่ม และต่อสายหาซูโม่เป็นครั้งแรก

ซูโม่ที่กำลังวาดรูปออกแบบ เมื่อเห็นสายจากเขาเธอก็รู้สึกแปลกไม่น้อย “ฮัลโหลค่ะ?”

“ขอบคุณ”

น้ำเสียงของกู้เชินดูไม่ค่อยเป็นตัวเองมากนัก

ซูโม่อึ้งไปสักพัก เธอมองไปที่มือถือด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากกู้เชินจริง ๆ จึงตอบกลับไปอย่างระมัดระวังว่า “ไม่เป็นไรค่ะ?”

น้ำเสียงของเธอทำกู้เชินยิ้มขำขึ้นมาได้ “ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ? ในสายตาเธอ เธอคิดว่าแค่คำว่าขอบคุณฉันก็พูดไม่เป็นเหรอ? ”

ซูโม่รีบพูดออกไปว่าไม่ใช่อย่างนั้น “แค่ตกใจนิดหน่อยน่ะค่ะ”

เธอยังกลัวอยู่เลยว่าเขาโทรมาว่า ที่เธอไปยุ่มย่ามของของเขา

กู้เชินสบถออกมาเสียงเย็น ก่อนที่จะได้พูดอะไรก็ได้ยินเสียงกริ่งดังขึ้น

เสียงที่คุ้นเคยของผู้หญิงคนหนึ่งสะท้อนออกมาจากมือถือ “พี่เชิน ร้านอาหารของโรงแรมอาหารอร่อยใช้ได้เลย เราไปลองทานกันดีไหมคะ?”

ซูโม่ตะลึงงัน

เขาไม่เคยบอกเลยว่า ที่เขาไปดูงาน เขาไปกับซูหลี

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status