วันรุ่งขึ้น เมื่อซูโม่ตื่นขึ้นมา ก็ต่อสายตรงหาซูจุนเหว่ยเมื่อวานเธอมัวแต่โกรธ ก็เลยลืมเรื่องตระกูลซูไปเลย“เรื่องที่ฉันขอไปครั้งที่แล้ว พ่อคิดได้แล้วหรือยัง?”ซูจุนเว่ยที่อยู่ปลายสายเงียบไป เขานิ่งไปสักพัก ถึงพูดออกมา “โม่โม่ แกกลับมาที่บ้านก่อนแล้วเราค่อยมาคุยกันต่อหน้า”“ฉันไม่กล้าไปหรอกค่ะ ครั้งที่แล้วฉันยังโชคดีที่ไม่ถูกตีจนตาย ครั้งนี้ฉันไม่มั่นใจเลยจริง ๆ”ซูจุนเว่ยเงียบไปอีกครั้ง “งั้นแกพูดมา แกจะให้ฉันทำยังไง?”“มาหาฉันกับแม่”ผ่านไปสักพัก ซูจุนเว่ยที่อยู่ปลายสายก็ตอบกลับมา “ก็ได้”เธอออกมาจากห้อง กู้เชินก็บังเอิญออกมาเหมือนกันกู้เชินกลับมาเยือกเย็นและเคร่งขรึมเหมือนอย่างเคย แล้วพูดน้ำเสียงสงบว่า “ตอนเที่ยง ทนายจะเอาข้อตกลงการหย่ามาให้”“เรื่องของแม่เธอก็เป็นอย่างที่คุณย่าสัญญาไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เธอไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องอะพาร์ตเมนต์ยังไงก็ยกให้เธอเหมือนเดิม”ซูโม่ก้มหน้างุด “เขียนตามที่ฉันพูดก็พอ”“ซูโม่!”น้ำเสียงของกู้เชินมีการเตือนซูโม่มองไปที่เขา “ฉันไม่ต้องการให้ใครใช้เรื่องนี้มาข่มขู่ฉันหลังจากที่หย่ากันไปแล้ว”“ถ้าเธอไม่ไปยุ่งกับพวกเขาก่อน แล้วใครจะมาขู
หลิวชูหย่าแผดเสียงแหลมขึ้นมา “ฝันไปเถอะ !”“ซูแฟชั่นเป็นสมบัติหลังแต่งงานของพ่อเธอ ถ้าจำเป็นต้องแบ่งหุ้นฉันก็จะเป็นคนแบ่งให้ ไม่เกี่ยวอะไรกับแม่ของเธอเลย”ซูจุนเหว่ยเงียบไปซูโม่รู้ดี พ่อผู้ให้กำเนิดของเธอก็เป็นแบบนี้มาตลอด ยอมให้หลิวชูหย่าพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังออกมาหากยังยอมปล่อยให้หลิวชูหย่าอยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีประโยชน์อะไร “ที่นี่เป็นห้องพักผู้ป่วย ไม่ใช่ที่ที่คุณจะมาโวยวายอะไรได้ เชิญคุณออกไปด้วย”มีหรือที่หลิวชูหย่าจะยอมซูโม่ให้พยาบาล “เชิญ” เธอออกไปในขณะที่หลิวชูหย่าถูกเชิญออกไป ทว่าไม่มีใครทันเห็นสายตาของโจวพ่านที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเมื่อห้องพักคนไข้เงียบลง ซูจุนเหว่ยถึงจะเปิดปากพูดอย่างช้า ๆ “โม่โม่ พ่อรู้ว่ามันไม่ง่ายเลยที่แกต้องดูแลแม่ของแกตลอดหลายปีที่ผ่านมา และการที่แกให้ความสำคัญกับเรื่องเงิน ก็ไม่ใช่ความผิดของแกหรอก”“แต่แกก็ต้องรู้ว่าที่แกพูดมา มันไม่เป็นไปตามข้อกฎหมาย”“แล้วมันก็ไม่มีผู้หญิงที่ไหนที่แต่งงานออกนอกบ้านไปแล้ว จะมาขอเงินครอบครัวตั้งสองพันล้านหรอกนะ”บางทีอาจเป็นอาการคลื่นไส้ขณะตั้งครรภ์ ซูโม่รู้สึกคลื่นไส้มาก เธอต้องอดทนระงับความรู้อยากอาเจีย
ซูจุนเว่ยทำได้แค่จำใจเซ็นสัญญา“ถ้าพ่อเป็นผู้ชายที่มีความสามารถพอ ไม่ต้องพูดถึงครึ่งหนึ่งเลย ฉันจะให้พ่อทั้งหมดอย่างไม่ลังเลเลย”ซูโม่เก็บเอกสารรับรองแล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อย่าทำเลย ฉันว่ามันน่ารังเกียจ”แน่นอนว่า ส่วนที่แม่ของเธอมีสิทธิ์ได้รับนั้นต่างออกไป……หลิวชูหย่ากำลังคุยกับนางพยาบาล ในที่สุดเมื่อเห็นประตูเปิดออก เธอก็รีบเดินขึ้นไป “เหล่าซู คุณอย่าฟังที่เธอพูดเลย ก็เป็นแค่เด็กผู้หญิง…”“กลับบ้าน!”ซูจุนเหว่ยกดเสียงต่ำคำราม แล้วเดินออกไปพร้อมกับย่างก้าวใหญ่หลิวชูหย่าทำได้แค่มองไปที่ซูโม่ และรีบเดินออกไปบนรองเท้าส้นสูงของเธอ“เหล่าซู รอฉันด้วยสิ”เมื่อถึงที่รถ ซูจุนเหว่ยยังคงไม่หายโกรธเคืองเขาต่อสายออกไป “ตั้งแต่เดือนนี้ไปเรื่องค่ารักษาพยาบาลของโจวพ่าน ไม่ต้องจ่ายให้แล้ว”“แต่ว่า ฝ่ายการเงินเข้ามาตรวจสอบบัญชีแล้วนะครับ”“ถ้าอย่างนั้นก็เอาไปบริจาคซะสิ ที่ไหนก็ได้!”เขาวางสายอย่างอารมณ์เสียหลิวชูหย่ารีบถาม “คุณให้เงินเธอจริง ๆ เหรอ ให้ไปเท่าไหร่?”ซูจุนเหว่ยมีสีหน้าเคร่งขรึมและไม่พูดอะไรหลิวชูหย่ากำลังจะลงจากรถไปคุยกับซูโม่“ถ้าเธอไม่อยากให้ซูหลีแต่
ตอนเที่ยง ซูโม่และจิ่งเจ๋อขับรถไปรับลั่วอี้เพื่อไปที่รีเวอร์แอนด์คลาวด์ นี่คือร้านอาหารระดับไฮเอนด์ที่ลั่วอี้อยากไปมานานแล้ว แต่ราคาก็ชวนให้ท้อใจจริง ๆ ซูโม่ได้เงินจากตระกูลมาสองพันล้าน แล้วยังได้รับข่าวดีจากจิ่งเจ๋ออีก เธอก็รู้สึกดีมาก จึงทำตามใจต้องการเสียหน่อย พวกเขาทั้งสามคนมาช้าไปหน่อย ไม่มีห้องส่วนตัวเหลือเลย ทำได้แค่นั่งในห้องโถงใหญ่เท่านั้น ลั่วอี้ตื่นเต้นมาก “โม่โม่ เธอถูกลอตเตอรี่หรือไงเนี่ย?” ซูโม่ยิ้มออกมาแต่ก็เหมือนไม่ได้ยิ้มเลย จิ่งเจ๋อรินชาให้พวกเธอ หยิบกล่องของขวัญออกมาสองกล่องแล้วส่งให้สองสาว “กลับมาจากต่างประเทศแล้ว ก็เลยเอาของขวัญมาให้พวกเธอด้วย” เป็นกระเป๋าแบรนด์เนมสองใบ ลั่วอี้พูดอย่างตื่นเต้น “โอ้โห รุ่นพี่ รุ่นพี่นี่เป็นคนดีจริง ๆ เลยนะคะ” “สีเหลืองนี่สวยมากเลย โม่โม่ แล้วของเธอเป็นสีอะไรหรือ?” ซูโม่คิดที่จะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นลั่วอี้ชอบ เธอคิดว่า แค่กระเป๋าทั้งสองใบคงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับจิ่งเจ๋อ เธอจึงยอมรับมา เมื่อเปิดดู มันเป็นสีขาว “โอ้! สีขาวก็สวยเหมือนกันนะ ขอบคุณนะคะรุ่นพี่!” “พวกเธอชอบก็ดีแล้ว” ซูโม่ขอบคุณ เก็บกระเป๋าออกไปแล้ว
ซูโม่มองเขา “อีกประมาณครึ่งเดือน ก็จะเป็นวันเกิดของปู่ฉันแล้ว คุณปู่ของฉันชอบภาพวาดของเธอมาก เธอช่วยวาดรูปให้ฉันเป็นของขวัญให้คุณปู่หน่อยได้รึเปล่า?”ซูโม่โบกมือไปมาที่คุณปู่จิ่งบอกว่าชอบนั้นเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น แล้วจะจริงจังได้อย่างไรจิ่งเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม “เธออย่ามาไม่เชื่อกันสิ เขาชอบจริง ๆ นะ ถ้าไม่ใช่เพราะ(คืนวันฝนพรำ)ถูกขายไปแล้ว เขาคงจะซื้อภาพนั้นไปนานแล้วซูโม่ยังคงปฏิเสธ “นั้นไม่เหมือนกันสักหน่อย ถ้าจะให้ภาพวาดจริง ๆ ก็ควรจะเป็นผลงานของศิลปินที่มีชื่อเสียงสิ”จู่ ๆ ลั่วอี้ขัดจังหวะขึ้นมา “ฉันรู้! ในเมื่อคุณปู่จิ่งชอบวาดภาพ เขาคงจะเคยเห็นผลงานของศิลปินชื่อดังมาทุกประเภทแล้วน่ะสิ”“แต่ศิลปินยุคใหม่อย่างคุณโม่โม่เนี่ย ทั้งใหม่ น่าสนใจ และสร้างสรรค์มากกว่ายังไงเล่า”จิ่งเจ๋อพยักหน้า “ถูกที่สุดเลย”ซูโม่รู้สึกขบขันเธอไม่หลงไปกับคำเยินยอของพวกเขาหรอก เธอยังปฏิเสธออกไปอย่างขันแข็ง “ภาพวาดต้องขึ้นอยู่กับสภาพจิตใจ แค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ฉันวาดไม่ได้หรอก”“แต่ถ้ารุ่นพี่อยากซื้อภาพวาด ฉันก็ไปดูเป็นเพื่อนได้นะ”ภายใต้การฝึกฝนจากโจวพ่าน เธอก็ถือว่ามีความรู้อยู่บ้าง จิ่งเจ๋อ
โรงพยาบาล “ผลการตรวจต้องใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงนะคะ”นางพยาบาลยิ้มด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน เธอพูดในขณะที่เก็บตัวอย่างเลือดออกไป ซูโม่กดก้านสำลีบริเวณที่ถูกเจาะเลือดเอาไว้ และหาที่นั่งใบหน้าของเธอซีดเซียว แต่นัยน์ตาของเธอกลับเต็มไปด้วยความคาดหวัง เธอเดาว่าตัวเองตั้งครรภ์ จึงมาตรวจที่โรงพยาบาลเพื่อความแน่ใจ สามปีก่อนหน้า กู้เชินต้องตกอยู่ในอาการโคม่าเนื่องจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แพทย์วินิจฉัยว่าเขาจะต้องเป็นเจ้าชายนิทรา ในฐานะที่เป็นรักแรกของเขา แต่ซูหลีไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศโดยไม่สนใจ ทว่าคุณย่ากู้กลับไปฟังคำใครมาก็ไม่อาจทราบได้ บอกว่าซูโม่เป็นผู้มีบุญคุณของกู้เชิน และยืนกรานที่จะให้ซูโม่แต่งงานกับกู้เชินให้ได้ และตามเงื่อนไขแล้ว ตระกูลกู้จะเข้ามาช่วยเหลือเรื่องแม่ของเธอที่เสียสติ ซูโม่ไร้ซึ่งทางเลือกใด ๆไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า ซูโม่เองก็แอบชอบกู้เชินมานานหลายปีแล้ว แต่น่าแปลกที่หลังจากการแต่งงานเกิดขึ้น กู้เชินกลับฟื้นขึ้นมาจริง ๆ ยังไม่ทันที่ซูโม่จะได้ดีใจ เธอกลับต้องได้ยินคำพูดแสนเย็นชาจากกู้เชิน “เพื่อเป็นการเห็นแก่หน้าคุณย่า ฉันจะให้เธอเป็นคุณผู้หญิงของตร
“นี่ข้อตกลงการหย่า เธอดูเอาเองแล้วกัน”หลังกลับจากโรงพยาบาล เมื่อกู้เชินมาถึง เขาพูดเรื่องหย่ากับซูโม่แทบจะในทันที เมื่อนึกใบหน้าอันเศร้าสร้อยของซูหลียามที่ต้องจากกัน ใจของเขารู้สึกทำอะไรไม่ถูก ที่ผลักเธอออก ไม่ใช่แค่เพราะโรคกลัวเชื้อโรคของตน แต่ยังเป็นเพราะอาการคลื่นไส้และอ่อนแรงของเขาในตอนนั้น เขาคิดว่าบางครั้งมันก็เกิดขึ้นได้ และไม่ได้ใส่ใจมากนัก เพียงแต่เมื่อได้พบซูโม่ ความทรมานกายกลับชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อซูโม่กลับมาจากโรงพยาบาล ยังไม่ทันที่เธอจะได้เรียบเรียงความคิด เธอก็ต้องตกตะลึงกับข้อสำคัญการหย่าที่อยู่ตรงหน้า ใช้เวลาสักพัก กว่าที่เธอจะเปล่งเสียงออกมาอย่างสั่นเทา “ต้องหย่าจริง ๆ ใช่ไหมคะ?”“อืม”ซูโม่มือสั่น เธออดกลั้นเอาไว้ไม่ไหวและถามออกไปว่า “เพราะว่าซูหลีกลับมาแล้วใช่ไหม?”กู้เชินเอื้อมมือไปปลดเนกไท ด้วยใบหน้าแสนเย็นชา “สามปีก่อน ฉันยังพูดไม่ชัดพออีกหรือไง?”เขาพูดไว้ชัดเจนแล้ว และเธอเองก็เห็นด้วยแต่ทว่า แต่ว่า……ซูโม่กัดริมฝีปาก “ถ้าเกิดว่า… ฉันอยากพูดว่า ถ้าเกิด…”กู้เชินตัดรำคาญ “ซูโม่ เกิดเป็นคนอย่าละโมบให้มากนักเลย”ซูโม่เงยหน้าขึ้นในทันใด มอง
“ที่ฉันทำก็เพื่อตระกูลซูเหมือนกัน”ซูจุนเหว่ยจิบน้ำ น้ำเสียงกดต่ำ“สายสัมพันธ์การแต่งงานระหว่างตระกูลซูและกู้จะจบลงไม่ได้”“ข้อแรก แกอยู่กับกู้เชินมาตั้งสามปี แต่ก็ยังไม่มีลูกสักที ข้อที่สอง แกเอาชนะใจกู้เชินไม่ได้ ข้อที่สาม แกไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้คนตระกูลซูเลยสักนิด”“ในเมื่อวันนี้หลีเอ๋อร์กลับมาแล้ว แถมกู้เชินและหลีเอ๋อร์ก็ต่างมีความรู้สึกดีให้กัน ดังนั้นแล้วเรื่องทั้งหมดนี้ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร”“ฉันก็จะได้มีเงินมารักษาแม่แกให้ดีขึ้น”ซูโม่ต้องตะลึงงันอีกครั้งกับความหน้าซื่อใจคดของซูจุนเหว่ยเธอพูดเพื่อย้ำเตือน “ทำไมซูหลีถึงต้องไปต่างประเทศ เธอคงลืมไปแล้วงั้นสิ แล้วเธอคิดว่าคนตระกูลกู้เขาจะลืมด้วยไหม?”“เพราะงั้นแล้ว ถึงอยากให้เธอหย่ากับกู้เชินก่อนไง”ซูโม่รู้ดีว่าพวกเขากำลังวางแผนอะไรกันหากเธอเป็นฝ่ายยอมสละฐานะของตน ซูหลีก็จะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นั้น และผลประโยชน์ทั้งหมดก็จะเกิดแก่บ้านตระกูลซูหลังจากเงียบไปนาน ซูโม่พูดขึ้นมาว่า “ฉันจะหย่าให้ก็ได้ แต่ว่าฉันมีข้อแม้”“ฉันต้องการหุ้นของแม่ ส่วนที่แม่ควรได้รับโดยชอบธรรม”ทันใดนั้นสีหน้าของซูจุนเหว่ยก็เคร่งขรึม เมื่