ยังไม่ทันที่หลิวชูหย่าจะได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงสบถ “เหอะ” “ซูโม่ เธอพูดกับแม่ของฉันแบบนั้นเหรอ!”ซูหยางพูดขึ้น เขาเป็นน้องชายสุดที่รักของซูหลี ผมครึ่งหัวของเขาถูกย้อมด้วยสีม่วง บนแขนหนาเต็มไปด้วยรอยสัก พร้อมกับใบหน้าหยิ่งยโส เขาถูกหลิวชูหย่าตามใจมาตั้งแต่เล็ก ผนวกกับที่บ้านตระกูลซูก็พอมีเงินอยู่บ้าง เขาเลยใช้เงินซื้อพวกกลุ่มอันธพาลในท้องถิ่นมาเป็นพรรคพวก หลังจากนั้นจึงตั้งตนทำเหมือนเป็นหัวหน้าแก๊งอันธพาล นึกไม่ถึงเลยว่า วันนี้เขาจะมาด้วย ซูโม่เหลือบมองไปที่เขาอย่างเฉยเมย ไม่ได้สนใจเขาซูจุนเหว่ยเดินลงมาจากชั้นบน พร้อมแผดเสียงเย็น “ซูหยาง!”ซูหยางเม้มริมฝีปาก นั่งลงบนโซฟาด้วยใบหน้าอมทุกข์ซูจุนเหว่ยให้เธอนั่งลงบนเก้าอี้ “พี่แกไม่ได้กลับบ้านมาง่าย ๆ ฉันก็แค่อยากจะกินข้าวกับคนในบ้านแบบพร้อมหน้าพร้อมตา”“รีบนั่งเถอะ”“ฉันขอให้แม่แกทำปลาต้มที่แกชอบไว้ด้วย”หลิวชูหย่ารีบนำมาให้ ความมันเงาของอาหารในจานสะท้อนขึ้น กลิ่นคาวอ่อน ๆ จากตัวปลา ทำให้ซูโม่อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ทำได้แต่เลื่อนจานออกไปไกล ๆ ตัว “เป็นหวัด ไม่ค่อยอยากกินข้าว”“ฉันมาเอาของแล้วก็จะกลับเลย”ซูจุนเหว
ทุกคำที่ซูหยางพูดขึ้น มักตามมาด้วยการตบตีบนเรือนร่างของซูโม่ ซูโม่คว้ากระเป๋ามาบังเอาไว้ ถึงทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บ เรื่องที่เธอโกรธเคือง ไม่ได้มากมายอะไรนัก แต่กำลังแปลกใจมากกว่าที่ซูหยางกล้าลงไม้ลงมือ ช่วงตั้งครรภ์แรก ๆ เธออ่อนแอเป็นทุนเดิมอยู่แล้วจึงทำได้หลีกเลี่ยงอย่าตระหนกคนตระกูลซูดูเหมือนจะกลัวกันหมดในจังหวะนี้ ไม่มีใครกล้าขยับ ซูจุนเหว่ยที่กำลังจะออกปากห้าม กลับถูกหลิวชูหย่าพูดดัก “ซูหยางจะแรงเยอะขนาดไหนกันเชียว? ตียายเด็กนี่บ้างก็ดี จะได้เชื่อฟัง” ซูจุนเหว่ยสีหน้าเคร่งขรึมและเลือกที่จะนั่งลง ตัวเธอที่ผิดหวังในตัวพ่อมาตั้งนานแล้วกลับไม่คิดเลยว่า หัวใจดวงนี้ของเธอยังต้องรู้สึกเจ็บปวดยิ่งเข้าไปอีก เมื่อเห็นว่าซูหยางกำลังเข้ามา ซูโม่รู้ในทันทีว่ามีแค่ตัวเธอเองเท่านั้นที่จะปกป้องตนเองได้เธอถีบเก้าอี้ออกไปแล้วหยิบมีดปอกผลไม้ข้างกายขึ้นมา ชี้ปลายมีดไปทางซูหยาง “ถ้าเข้ามาอีกก้าวเดียว ฉันเอานายตายแน่”ซูหยางที่โดนขวางด้วยเก้าอี้ ทำให้เขาเกือบล้มเขาเอามือปาดไปที่มุมปาก “เธอกล้ารึไง?”ซูโม่กำมีดในมือแน่น ใบหน้าซีดเซียว แววตาของเธอเต็มไปด้วยความเยือกเย็น “ถ้าอยากลองก็เ
ในรถ ทั้งสองไม่พูดไม่จา ต่างพากันข่มอาการคลื่นไส้และเวียนศีรษะ กู้เชินคลายเนกไทอย่างฉุนเฉียว “สองสามวันนี้อย่าเพิ่งไปไหนแล้วกัน รอให้ใจเย็นลงก่อน ถึงตอนนั้นค่อยมาคุยกัน”ร่างกายของซูโม่ระบมอยู่หลายที่เนื่องจากการถูกทำร้าย ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับตัวเสียด้วยซ้ำ เธอหลับตาลงอย่างแผ่วเบา ไม่นานก็ถามออกไปว่า “คุณก็คิดว่าเป็นความผิดฉันสินะ?” ถึงแม้ชีวิตนี้ของกู้เชินที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนฟื้นขึ้นมาได้ เขาก็ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อนเขาถอดเนกไทออก “ไว้หย่ากันแล้ว เธอจะฆ่าใคร ฉันก็ไม่ขวาง”เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน ไม่สนใจด้วยซ้ำว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนั้น และไม่สนใจเลยว่าเธอจะทำให้ตัวเองบาดเจ็บหรือเปล่าเขาสนใจแค่ว่าเธอจะทำให้เขาเหนื่อยหรือไม่ สำหรับกู้เชินแล้วซูโม่ก็แค่แม่บ้านคนหนึ่งน่าขำสิ้นดี สามปีมานี้ที่หัวใจของเธอถูกฉีกกระชาก จนสุดท้ายแล้วก็ยังเป็นความผิดเธอสินะซูโม่มองแสงไฟที่สะท้อนตรงหน้าต่าง ถามออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “แล้วจะหย่ากันเมื่อไหร่?”กู้เชินขมวดคิ้ว นึกถึงคำที่แพทย์เคยพูดเอาไว้ “คุณกู้ครับ ผมไม่เคยได้ยินสถานการณ์อย่างนี้มาก่อนเล
ซูโม่คล้ายคนที่กำลังคว้าเชือกเส้นสุดท้ายเอาไว้ “ฉันปวดท้อง กู้เชิน ขอร้องล่ะ พาฉันไปส่งที่โรงพยาบาลที”ไม่ต้องให้เธอบอกกู้เชินก็รู้ว่าเธอปวดท้อง สิ่งที่เขาอยากถามคือ ทำไมเธอถึงปวดท้องขึ้นมาได้?ไม่สบาย คลื่นไส้ เขาเข้าใจทั้งหมดแต่เรื่องที่ปวดท้องนี่เกิดขึ้นได้อย่างไร?ซูโม่พยายามพูด เธอกัดฟันกรอด “ประจำเดือนมาน่ะ”กู้เชินขุ่นเคืองในทันที เขารีบพาซูโม่ไปส่งห้องฉุกเฉินด้วยตนเองกู้เชินที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ของโรงพยาบาล ยังไม่อยากจะเชื่อตนเองว่า มีอยู่วันหนึ่งที่เขารู้สึกเหมือนปวดประจำเดือนขึ้นมา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็มีสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้ง เขาจ้องมองไปที่ประตูของห้องฉุกเฉิน อยากจะเผามันให้รู้แล้วรู้รอด ภายในห้องฉุกเฉิน ซูโม่หายใจหอบ “คุณหมอคะ ฉันท้องได้หกสัปดาห์แล้วค่ะ มีทะเลาะวิวาทมาเมื่อตอนเย็นค่ะ ตอนนี้ปวดท้องมาก ๆ เลยค่ะ”คุณหมอเห็นรอยแตกที่มุมปากรวมถึงรอยฟกช้ำตามร่างกาย เขาพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “ความรุนแรงภายในครอบครัวใช่ไหมครับ?” “ด้านนอกคือคุณสามีใช่ไหมครับ?”ซูโม่ค่อย ๆ อ้าปากพูด พร้อมรีบส่ายหน้า “เป็นสามีฉันเองค่ะ ไม่ใช่คนในครอบครัวค่ะ”มีผู้ห
ซูโม่หยุดก้าวเดินในทันที เธอมองไปที่กู้เชินด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้อธิบายอะไรออกไป แค่ตอบไปว่า “ฉันจะไปรับยานะคะ”ทั้งที่ในใจทั้งเจ็บและปวดไปหมด ถึงแม้จะเพื่อเป็นการปกป้องตัวเองแต่เธอก็พูดอะไรไม่ออกเลย คนตระกูลซูปฏิบัติต่อเธออย่างไร ในตอนแรกกู้เชินไม่เคยได้รับรู้เลย แต่ระยะเวลาสามปีที่ผ่านมาเขาไม่รู้สึกเลยหรืออย่างไร? เขาก็แค่ไม่ได้สนใจ ก็แค่เชื่อซูหลีตั้งแต่แรกอยู่แล้ว พวกเขาอยู่ฝั่งเดียวกัน เธอก็เป็นเพียงคนนอกที่งี่เง่าไร้เหตุผลคนหนึ่งเท่านั้น แล้วจะต้องให้อธิบายอะไรอีก?ยังดี ที่คุณหมอบอกว่า เธอเพียงแค่มีฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนค่อนข้างต่ำ ลองกินยาประมาณหนึ่งอาทิตย์ไปก่อน หากไม่มีอาการเลือดไหล ก็ไม่ต้องกังวลใจไป ลูกยังอยู่กับเธอ เธอยังคงมีครอบครัวของตัวเองอยู่ บนทางกลับบ้าน กู้เชินรับสายจากซูหลี “พี่เชิน แม่โกรธซูโม่มากจนเป็นลมไปเลย พี่มาโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉันได้ไหม? ฉันกลัว”เสียงนั้นลอยไปถึงหูซูโม่อย่างชัดเจน เธอไม่ต้องถามกู้เชินหรอกว่าเขาจะเลือกอะไร เธอพูดออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งว่า “คุณให้ฉันลงตรงสี่แยกข้างหน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันเรียกรถกลับเอง”แววตาข
“ฉันถามมาแล้วนะ ที่ต้องไปดูงานครั้งนี้ก็เพื่อคุยเรื่องแบรนด์แอมบาสเดอร์ของโปรเจกต์(อวิ๋นโจว)”“ความจริงแล้วครั้งนี้ประธานกู้ไม่จำเป็นต้องไปก็ได้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้เปลี่ยนใจ”“และเพราะว่าทางซูหลีเองก็ต้องวาดภาพตัวละครให้ทางแบรนด์แอมบาสเดอร์ด้วย ก็เลยไปด้วยกันน่ะ”“แต่ว่าถ้าถามฉันนะ ฉันว่าหล่อนแค่หาโอกาสเข้าใกล้กู้เชินมากกว่า!”ทันทีที่เลิกงานแล้วลั่วอี้ก็มาหาซูโม่โดยเฉพาะ ซูโม่ที่ฟังเพื่อนพูดไปเรื่อย ใจของเธอกลับสงบนิ่ง“ก็เขาสองคนเป็นคู่รักกัน แปลกหรือที่พวกเขาจะอยากอยู่ใกล้กัน?”ลั่วอี้มองบนอย่างหมดคำพูด “ฉันว่าเขาไม่เหมาะกัน”“ถึงกู้เชินจะเป็นคนเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง แต่เขาก็เป็นคนมีความสามารถที่ยอดเยี่ยมเลยทีเดียว กลับกันซูหลีนั้นถือว่ายังต้องพัฒนาอีกมาก”ว่ากันว่า มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ชี้เป็นชี้ตายพนักงานใหม่ที่พึ่งได้รับตำแหน่งได้เลย เมื่อซูหลีมาถึงบริษัท เธอตีกลับภาพต้นฉบับของตัวละครตั้งสี่ห้าตัวไปให้วาดใหม่อีกครั้ง “พวกคุณดูเอาเองแล้วกันว่าที่วาด ๆ ไปน่ะมันคืออะไร?”“ตัวละครบทบาทที่สำคัญแบบนี้ ถ้าเป็นในต่างประเทศ พวกเราต้องวาดกันตั้งหลายรอบ”“ที่ฉันทำแบ
ทันใดนั้นกู้เชินก็ยื่นมือมาคว้ามือเธอเอาไว้เขาหรี่ตามองดูคนตรงหน้า “ซูหลี?”ซูหลีแววตาเป็นประกาย “ใช่ฉันเอง พี่เชิน”เธอโน้มตัวเข้าหากู้เชิน ในขณะที่เธอกำลังจะประทับจูบลงบนริมฝีปากของเขา ก็ถูกกู้เชินตรึงเธอเอาไว้กับเตียงกู้เชินคลายคอเสื้อออก และกำลังจะโน้มตัวลงไปจูบเธอ ในจังหวะที่ทั้งสองกำลังจะสัมผัสซึ่งกันและกันทันใดนั้นก็กลับหยุดลงเสียดื้อ ๆซูหลีที่แอบดีใจถูกปล่อยให้ลอยเคว้งกลางอากาศ กู้เชินขมวดคิ้ว “กลิ่นน้ำหอมของเธอฉุนไปหน่อย”ซูหลี ……ผ่านมาหลายปีแล้วเขายังเป็นโรคบ้านี่อยู่อีกหรือ!เธอมองกู้เชินด้วยสายตาน้อยใจ “งั้นฉันไปอาบน้ำก่อนก็ได้ พี่เชิน รอฉันหน่อยได้ไหม?”เธอไม่ได้รอคำตอบจากกู้เชิน และลุกออกจากเตียง ปลายนิ้วเรียวรากไปตามส่วนต่าง ๆ บนร่างกายของกู้เชินราวกับไม่ตั้งใจแต่ที่จริงเธอตั้งใจนัยน์ตาของกู้เชินยากที่จะหยั่งรู้ เมื่อซูหลีอาบน้ำเสร็จ เธอมองไปยังกู้เชินที่นอนอยู่บนเตียง เธอกัดฟันกรอด และถอดผ้าเช็ดตัวที่คลุมไว้ออก เธอขึ้นไปบนเตียงที่กู้เชินนอนอยู่ ด้วยเรือนร่างอันเปลือยเปล่า กู้เชินขยับตัวเพียงเล็กน้อย ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้มากนัก ซูหลีเองก็ไม่รีบ
บะหมี่เนื้อผักกาดดองอุ่น ๆ ชามหนึ่งวางอยู่ด้านหน้าของซูโม่ ซูโม่มีความสุขเป็นพิเศษ “ฉัน… ฉันก็แค่ชอบรสชาติของบะหมี่สุด ๆ เลย”จิ่งเจ๋อทำท่าเชิญชวน “บะหมี่ร้านนี้เด็ดจริง ฉันเองก็คิดถึงอยู่บ่อย ๆ กินสิ”ซูโม่ที่หิวเอามาก ๆ เธอยิ้มให้เขา และเริ่มลงมือทานในทันที ในขณะที่กำลังทานอยู่นั้น เถ้าแก่ถือหัวไชเท้าดองมาให้แล้วพูดว่า “ลองชิมนี่สิ อันนี้ก็อร่อยไม่แพ้แบบผักกาดดองเลย”ซูโม่รีบวางตะเกียบลง “คุณปู่ฉิน”ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะมีความสัมพันธ์อันดีกับจิ่งเจ๋อ ซูโม่ก็เลยเรียกเขาว่าคุณปู่เช่นกัน คุณปู่ฉินโบกมือ แสดงท่าทีให้เธอทานต่อได้ “ถ้าไม่ใช่เพราะจิ่งเจ๋อพาเธอมาด้วย ฉันคงไม่รู้ว่า เจ้าเด็กคนนี้มีแฟนสวยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”ซูโม่แทบสำลัก เธอรีบดื่มน้ำในทันที จิ่งเจ๋อรีบอธิบายในทันทีว่า “คุณปู่ฉินอย่าพูดไปเรื่อยสิครับ พวกเราเป็นแค่เพื่อนร่วมชั้นกันเอง”“แค่เพื่อนร่วมชั้นงั้นรึ?”เขาทั้งคู่พยักหน้ารับ คุณปู่ฉินไม่ได้ถามต่อ เขาเพียงแค่บอกกับซูโม่ว่า “ถ้าครั้งหน้าอยากกินอีก ก็มาได้เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน ปู่ก็จะทำให้เธอเอง”ซูโม่รู้สึกอบอุ่นในใจ “ขอบคุณมาก ๆ เลยนะคะคุณปู่ฉิ