Share

บทที่ 3

"ข้าวหน้าหัวหมูหอมกรุ่น และหมูเปรี้ยวเผ็ดร้อนๆ! เดินผ่านไปอย่าพลาด เพียงห้าบาทเหรียญนั้นก็สามารถทานอาหารกลางวันหอมกรุ่นร้อนๆ ได้! ห้าเหรียญ ซื้อแล้วจะไม่เสียใจ ไม่โดนหลอกแน่!"

เซียงหนงหนงใช้วิธีโฆษณาแบบในสมัยใหม่ที่เป็นที่รู้จักกันดี พอเอามาใช้ในยุคนี้ผู้คนที่ได้ยินเข้า พวกเขาต่างพากันมาดูอย่างคึกคัก

ในนั้นมีลูกพี่เหล่าแรงงานขนย้ายที่เพิ่งได้รับเงินพอดี พอได้ยินเสียงเซียงหนงหนงพูดแบบนี้ ก็เกิดความสงสัยขึ้นทันทีว่า: "น้องสาว เจ้ากำลังตะโกนอะไรน่ะ? ขายข้าวหรือ? มีเนื้อมีผักด้วยหรือ?"

เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามา เซียงหนงหนงย่อมไม่พลาด รีบเสนอขายอย่างเต็มที่ว่า: "ไม่ผิดพี่ชาย ข้าขายข้าว ท่านดูนี่ ข้ามีสองเมนู อันหนึ่งคือข้าวหน้าหมูหัวต้ม อีกอันคือข้าวหมูสับเปรี้ยวเผ็ด ส่วนนี่คือต้มกระดูกหมูใส่หัวไชเท้าใหญ่ แค่กินข้าวก็ได้ซุปฟรีอีกหนึ่งชาม ราคาแค่ห้าเหรียญ มีทั้งกับข้าวและซุป เอาอย่างนี้ ข้าจะให้ท่านลองชิมก่อน ถ้าท่านคิดว่าอร่อยค่อยกินต่อ "

พูดแล้ว เซียงหนงหนงก็รีบหยิบชามออกมาอย่างรวดเร็ว ตักอาหารสองอย่างอย่างละนิดละหน่อย แล้วให้คนที่มุงดูรอบๆ ลองชิมกัน

ด้วยฝีมือของเธอแล้ว เธอมั่นใจมาก และแน่นอนว่าหลังจากที่คนเหล่านี้ได้ลองชิมแล้ว พวกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยมากจนต้องนั่งลงและสั่งอาหารมาทาน

ที่นั่งของเซียงหนงหนงไม่พอ บางคนก็ไปนั่งในที่ที่นั่งได้แถวข้างๆ เพื่อนั่งกิน

ข้าวหนึ่งชามใหญ่ๆที่ข้างบนมีเนื้อหมูหัวอ้วนๆที่ไม่มันมาก ราดด้วยน้ำซุปหรือราดเครื่องในหมูสับเปรี้ยวเผ็ดแซ่บๆ แถมยังมีน้ำซุปกระดูกหมูที่เข้มข้นให้ซดอีก แบบนี้สบายกว่าการดื่มน้ำเย็นๆ กินขนมจีบหรือหมั่นโถวมาก แถมราคาก็ไม่ถือว่าแพงด้วย

แผงลอยของเซียงหนงหนงผู้คนหนาแน่นในทันที อาหารจานด่วนกว่าร้อยชุดหมดในพริบตา ทำรายได้กว่าหกร้อยเหรียญ

เซียงหนงหนงเข็นรถเข็นกลับบ้านด้วยความพึงพอใจ

อีกฝั่งหนึ่ง ณ​ จวนเจิ้นกั๋วกงในเมืองหลวง หญิงสาวในชุดผ้าไหมชั้นดีคนหนึ่งกำลังต้มบะหมี่ด้วยตัวเอง

เธอใส่บะหมี่ลงในหม้อ น้ำเดือดกระเด็นขึ้นมาโดนหลังมือของเธอจนเธออดไม่ได้ที่จะร้องโอ๊ยออกมา

สาวใช้ที่อยู่ข้างๆเห็นแบบนั้นก็รีบเข้ามา: "คุณหนู ให้บ่าวทำเถอะเจ้าค่ะ ท่านไม่เคยทำอาหารมาก่อน บะหมี่นี่ท่านก็ทำเองแล้ว ให้ข้าต้มแล้วกันนะเจ้าคะ คุณชายใหญ่คงดีใจมากอยู่แล้ว หากลวกท่านเข้า คุณชายใจจะเสียใจเอานะเจ้าคะ"สาวใช้ ชิงหลิวเอ่ยปากบอก

เธอคนนี้ไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นเซียงเฉียน คนที่สลับตัวตนกับเซียงหนงหนงนั่นเอง

"แค่โดนน้ำร้อนลวกนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ต้องตกใจ ครั้งนี้พี่ใหญ่ถูกลงโทษเพราะพาข้าไปพบกับองค์ชายหก เขายังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย ข้าในฐานะน้องสาวก็แค่ทำบะหมี่ให้เขาด้วยตัวเอง ไม่มีอะไรใหญ่โต"เซียงเฉียนพูดพลางไม่สนใจความเจ็บปวดที่หลังมือ ยังคงทำตามที่สาวใช้สอน ต้มบะหมี่จนสุกแล้วจึงตักขึ้นมา จากนั้นใส่เกลือ น้ำมัน ซอส และน้ำส้มสายชูเพื่อปรุงรส แล้วโรยด้วยต้นหอม

เมื่อทำบะหมี่เสร็จแล้ว เธอก็ถือกล่องอาหารแอบมาที่ศาลบรรพชน แต่ศาลบรรพชนกลับว่างเปล่า ไม่มีเงาของเซียงเฉิงหยวนเลย

เซียงเฉียน: ".."ทำไมถึงเป็นแบบนี้ล่ะ เธออุตส่าห์ตั้งใจจะเอาบะหมี่มาให้ทั้งๆที่ก็บาดเจ็บ จะได้ไม่ต้องบาดหมางกับพี่ใหญ่ในเรื่องนี้——

แต่พี่ใหญ่ไปไหนล่ะ?

อีกด้านหนึ่ง เซียงหนงหนงเข็นรถเข็นกลับบ้าน

เนื้อของเซียงเหล่าซานขายไม่ได้มากนัก ใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวล เพราะอากาศร้อนเลยมีแมลงวันบินตอมไปตอมมาอยู่บนหัว

"พ่อนี่คือเงินที่ข้าหาได้จากการขายข้าวกล่อง ท่านเก็บไว้ก่อนนะ ข้าจะจัดการกับเนื้อพวกนี้หน่อย ไม่อย่างนั้นมันจะเน่าเอา พรุ่งนี้ท่านไปขายข้าวกล่องกับข้า เราต้องหาเงินสองตำลึงมาใช้หนี้ได้แน่นอน"

เซียงหนงหนงยื่นเงินที่เพิ่งได้จากการขายข้าวกล่องให้กับเซียงเหล่าซาน

เซียงเหล่าซานเปิดกระเป๋าเงินดู ตอนไม่นับไม่เท่าไหร่ พอนับแล้วก็ตกใจขึ้นมา!

มีเงินอยู่มากกว่าหกร้อยเหรียญ!

และใช้แค่หัวหมูกับเครื่องในหมูเท่านั้นเอง!

เงินนี้เทียบเท่ากับเงินที่เขาขายหมูครึ่งตัวเลยนะ!

เซียงเหล่าซานมองไปที่เซียงหนงหนงอย่างไม่น่าเชื่อ แต่เซียงหนงหนงกำลังยุ่งอยู่กับการจัดการเนื้อที่เหลืออยู่ ไม่มีเวลามาสนใจเขา

ซี่โครงและของขาหมูส่วนดีๆทั้งหมดถูกขายไปแล้ว เหลือแต่หมูสามชั้นและเนื้อไม่ติดมัน

เซียงหนงหนงเอาเนื้อทั้งหมดไปล้าง แล้วเริ่มคิดเมนูอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ที่สถาบันซงเฮ่อในเมืองหลวง ชายหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังง่วงนอนอยู่ มือหนึ่งถือหนังสือปิดหน้าตัวเอง ปากกัดปลายปากกา และกำลังเหม่อลอย เขามักชอบศิลปะการต่อสู้ ไม่ชอบเรียนหนังสือ ฟังอาจารย์บรรยายไปก็ไม่เข้าใจในเนื้อหาที่เรียนอยู่ดี

ในขณะที่เขากำลังจะหลับ อยู่ๆ ก็มีบทพูดและภาพแปลกๆ ลอยขึ้นมาในหัว

"หั่นหมูสามชั้นนี้เป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ก่อน แล้วใส่ขิง ต้นหอมและเหล้า จากนั้นลงไปลวกน้ำหนึ่งครั้ง หลังตักขึ้นมาแล้ว ทาด้านหลังด้วยเกลือหยาบ แล้วเจาะรู จากนั้นนำไปทอดในกระทะน้ำมันจนเหลืองทองทั้งสี่ด้าน แล้วนำไปแช่น้ำเย็นเพื่อให้เกิดลายหนังเสือ"

"เมื่อหมูสามชั้นมีลายหนังเสือแล้ว ก็หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ได้ จากนั้นใส่เครื่องปรุงรสต่างๆ ปรุงรสให้ดี แล้วใส่ผักกาดดองสับละเอียดลงไปนึ่งประมาณหนึ่งถึงสองชั่วโมง แค่นี้หมูสามชั้นผักกาดดองหอมกรุ่นก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว"

"ส่วนเนื้อไม่ติดมันพวกนี้ ให้หมักด้วยเกลือ ขิง และต้นหอมก่อน จากนั้นคลุกแป้งแล้วทอดให้กรอบ แล้วทำเป็นหมูทอดรสเปรี้ยวหวานที่มีสีสันสวยงาม"

ได้ยินคำพูดพวกนี้แล้ว สิ่งสุดท้ายที่ปรากฏในใจของเขาก็คือชามใหญ่ๆของหมูสามชั้นที่มีทั้งมันทั้งเนื้อ และหมูทอดที่ดูกรอบนอกนุ่มใน

เขาไม่เคยจู้จี้จุกจิกกับการกิน ตราบใดที่สามารถเติมท้องให้เต็มได้ก็พอแล้ว และแทบไม่มีอาหารจานโปรดด้วย ทว่าภาพที่ลอยอยู่ในหัวของเขา แค่ดู ก็ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย

"เซียงเฉิงเฟิง เจ้าตอบคำถามนี้ที"

ในขณะนั้น อาจารย์บนเวที ก็เรียกชื่อเขาออกมาอย่างกะทันหัน

เซียงเฉิงเฟิงที่เดิมทีสมองก็เบลออยู่แล้ว จู่ๆได้ยินอาจารย์เรียกชื่อเขา เขาก็ลุกขึ้นยืนโดยไม่ทันคิดเลย แล้วก็พูดสิ่งที่อยู่ในหัวออกมาโดยไม่รู้ตัวว่า:"หมูสามชั้นตุ๋นกับผักกาดดองแล้วก็หมูทอดซอสเปรี้ยวหวาน!"

ทันทีที่พูดคำนี้ออกมา นักเรียนในห้องเรียนทั้งหมดก็หัวเราะกันอย่างครึกครื้น

"ฮ่าฮ่าฮ่า เซียงเฉิงเฟิง เจ้าหิวจนเวียนหัวเลยหรือ?"

"ใช่ หนังสือทั้งสี่และคัมภีร์ทั้งห้าก็เรียนไม่เข้าใจ เดิมทีก็เป็นนักเรียนที่แย่ที่สุดในโรงเรียน ตอนนี้ในหัวก็คิดแต่เรื่องกินทั้งวัน ข้าว่า โรงเรียนนี้ไม่เหมาะกับเจ้า เจ้าเหมาะกับการเป็นคนที่กินเหล้ากินข้าวไปวันๆ!"

อาจารย์เองโกรธจนหน้าแดงคอแดง เขามองไปที่เซียงเฉิงเฟิงด้วยสายตาเย็นชา พูดด้วยความโกรธว่า: เจ้า ออกไปยืนลงโทษซะ! และวันนี้เจ้าต้องคัดลอกบทความนี้สามสิบจบ ถ้าคัดลอกไม่เสร็จเจ้าก็อย่าหวังจะกินข้าวเลย!

เซียงเฉิงเฟิง: "..."

เขาจึงได้เพียงถือหนังสือ เดินออกไปยืนทำโทศข้างนอกอย่างไม่เต็มใจ

แปลกจริงๆ ปกติเขาไม่ใช่คนที่ชอบกิน แต่ทำไมในหัวของเขาถึงได้ยินเสียงพวกนั้น และยังเห็นภาพอีกด้วย

เหมือนจริงมาก!

แต่หมูสามชั้นตุ๋นกับผักกาดดองแล้วก็หมูทอดซอสเปรี้ยวหวานนี่รสชาติเป็นอย่างไรนะ ในหัวเขาแอบสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย——

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status