เขามองดูสาวน้อยที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์คนนี้แล้วพูดเสียงที่ไม่พอใจ: "เงินมันขาด!"สีหน้าเซียงหนงหนงเปลี่ยนไป เธอมองเขาอย่างเย็นชา"ขาดตรงไหน? พ่อข้ายืมเงินไปทั้งหมดสองตำลึง นี่ก็เพิ่งผ่านไปสามเดือนเอง!"หน้าบากหนังตากระตุก เขามองเธอด้วยรอยยิ้มไม่ซื่อ"ใช่สิ เจ้าต้องคืนข้าห้าตำลึง แต่ในนี้มีเพียงสี่ตำลึงเอง!"เซียงหนงหนงช่วงนี้มาขายอาหารที่ท่าเรือเขาเองก็รู้ ขายอาหาร ฮึ ลูกหนี้ที่ยืมเงินไปต่างก็ไม่มีใครใช้วิธีนี้หาเงินมาคืนเลยสิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ เด็กสาวคนนี้เก่งมากจริงๆ ถึงขนาดสามารถรวบรวมเงินให้ครบได้มองดูท่าทางเจ้าเล่ห์และขี้โกงของเขา เซียงหนงหนงก็รู้สึกหมดคำจะพูดไอ้หมอนี่เกือบจะเขียนคำว่า 'ตัวร้าย' ไว้บนหน้าตัวเองแล้ว วันนี้ไม่ว่าจะให้เงินไปมากแค่ไหน เขาก็จะไม่คืนสัญญากู้เงินให้เธออยู่ดีเธอคว้าเงินจากมือของหน้าบากกลับมา"จะเอาหรือไม่เอา!"หน้าบากตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะไม้ไวเช่นนี้ เขายื่นมือไปหวังจะแย่งคืนมาทว่ามีแขนยื่นออกมาจากด้านข้างขวางทางของเขาไว้ หน้าบากเป็นหันไปมอง ทันใดนั้นก็สบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาราวพระจันทร์สีดำหน้าบากเบิกตากว้าง"ทำไม พวกเจ้าอยากมีเรื่องเหรอ?!"ฟ
เซียงหนงหนงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสูงมาก แม้กระทั่งภาพที่ตัวเองนั่งนับเงินจนมือเป็นตะคริวก็ยังเป็นไปได้"เปิดร้านอาหารแล้วเป็นเชฟใหญ่ไม่ไกลเกินเอื้อม!"ฟู่จิ่งเจิ้งฟังคำพูดของเธอ หัวใจของเขาก็สั่นไหวบ้านของเซียงเหล่าซานยากจนจนมีผนังไม่กี่อัน แน่นอนว่าไม่มีห้องว่างให้ฟู่จิ่งเจิ้งได้พักอาศัยวันนั้นเธอที่เก็บเขากลับมา เซียงหนงหนงก็เอาห้องที่เก็บฟืนไว้สำหรับฤดูหนาวมาสร้างเตียงใหญ่ชั่วคราว และจัดเขานอนเตียงนั้นชายหนุ่มสูงโปร่ง ขาเรียวยาว ต้องนอนขดตัวบนเตียงเพื่อไม่ให้ตกลงไปที่พื้นฟู่จิ่งเจิ้งมองกำแพงที่มีรูลมรั่วอย่างเงียบๆ ในดวงตาแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อยช่างแปลกจริงๆ ช่วงนี้เขาเหมือนดื่มยาสะกดจิต ต้องคอยดูแลผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเต็มที่ วันนี้ยังวิ่งไปเป็นบอดี้การ์ดให้เธออีก นึกถึงเรื่องแปลกเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเซียงหนงหนงเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ จะเข้าใจเรื่องราวของราชสำนักหนานฉีได้อย่างไร?ชายหนุ่มคิดทั้งคืน คิดจนหัวจะแตกก็ยังคิดไม่ออกสักนิดทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยจากข้างนอก เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วในลานเงียบสงบ พระจันทร์ซีด
สีหน้าของฟู่จิ่งเจิ้งเปลี่ยนไป เขามองขาโดยไม่รู้ตัวเขาไม่ได้สั่นสักหน่อย!ก็แค่ลงน้ำเองไม่ใช่เหรอ เขาทำได้!ทั้งสองไปถึงจุดที่ห่างจากฝั่งพอสมควร เซียงหนงหนงจึงเปิดตาข่ายจับปลาและค่อยๆ โยนข้าวของที่ไม่ต้องการออกทีละชิ้นทันใดนั้น เธอพบว่ามีบางอย่างแสบตาอยู่ในนั้นดวงอาทิตย์ค่อยๆ สูงขึ้น แสงส่องให้เห็นสิ่งต่างๆ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเซียงหนงหนงพอได้เห็นชัดๆก็ตกใจทองคำ ก้อนทองคำขนาดเท่ากำปั้นของเธอ!เซียงหนงหนงหยิบขึ้นมา กัดไปหนึ่งคำ ปรากฏว่าเป็นทองคำจริงๆตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ดึงฟู่จิ่งเจิ้งขึ้นมาจากทะเล ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะดึงอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว"อาเจิ้ง พวกเราเจอของดีแล้ว!"เซียงหนงหนงเอาทองคำให้ฟู่จิ่งเจิ้งดู แล้วเก็บไว้ในอกไอ้หมอนี่กินก็กินของเธอ ใช้ก็ของเธอ คงไม่ต้องแบ่งให้หรอกใช่ไหม?ฟู่จิ่งเจิ้งปวดขมับขึ้นมา ก่อนจะหันไปทางอื่นเงียบๆถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าช่วงนี้เธอความกระตือรือร้นในการเปิดร้าน เขาคงไม่ยอมเอาของชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมาแน่นั่นคือหัวเข็มขัดของเขาเอง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ของของเขาทุกชิ้นมีลายซ่อนอยู่เมื่อของนี่หลุดออกมา คนของเขา
"แช่กุ้งในน้ำเกลือ เอาเส้นดำกุ้งออก ล้างให้สะอาด ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน แล้วโรยเกลือละเอียดลงไป วางกุ้งลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ใส่กระเทียมสับ พริกผัดให้หอม สุดท้ายใส่เปลือกส้มและต้นหอม""รสเค็มกลมกล่อม อุดมไปด้วยสารอาหาร กุ้งกระเทียมออกขายแล้ว! ผิวสีทอง รสสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอมฟุ้ง!"ในเวลาเดียวกัน ผู้คนในจวนกั๋วกงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ก็ได้ยินเสียงนี้อีกครั้ง พวกเขารู้สึกหิวโหย แต่เมื่อมองไปที่อาหารบนโต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากพออาหารขึ้นมา นายหญิงกั๋วกงวางตะเกียบลงหันไปถามหญิงชรารับใช้ข้างๆ "ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไร?"คนนั้นก้มหัวรายงานว่า"นายหญิงยังหาไม่เจอเลยเจ้าค่ะ"เซียงเฉียนเห็นทุกคนวางตะเกียบลง จึงต้องหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปาก ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า:"ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร?"นายหญิงกั๋วกงมีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย เธอฝืน ยิ้ม"ไม่เป็นไร เฉียนเฉียน รีบกินของเจ้าเถอะ"เซียงเฉียนส่ายหัว"ท่านกินไม่ลง เพราะไม่อยากอาหารหรือ?"พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้น"ท่านแม่เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านแม่บอกว่าท่านอยากกินอาหารทะเล ที่จวนมีของสดใหม่เข้ามาเยอะ ลูกทำกุ้งลวกให้ท่านแล้วกัน"
เขาก้มลงมอง เขาไม่เข้าใจแผนการตกแต่งพวกนี้เลยองค์รัชทายาทกระแอมไอเบาๆ ในมือเขามีร้านค้าและโรงเตี๊ยมนับไม่ถ้วน ไม่มีที่ไหนเหมือนกับแบบที่เธอวาดไว้เลย แปลกประหลาด……เซียงหนงหนงมองดูชายหนุ่มแปลกประหลาดคนนี้ ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่า แต่คนโง่คนนี้เหม่อลอยบ่อยในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมามองไปที่สายตาเหม่อลอยของเขา ก่อนเขาจะใช้นิ้วชี้ไปที่กระดาษแผ่นหนึ่ง"ข้าคิดว่าตกแต่งแบบนี้ไม่เลว"เซียงหนงหนงยิ้มเยาะเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเขาหลอกเธอ พอก้มลงมองดู ก็พบว่าเป็นแบบที่เธอชอบที่สุดเธอพยักหน้า "ตกลง งั้นก็ตกแต่งตามนี้"พูดแล้วก็หยิบกระดาษแผ่นนั้นเดินออกไปหัวใจของฟู่จิ่งเจิ้งเต้นตึกตักไม่หยุดความเห็นของเขาสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?ตัวเองและเธอเพียงแค่พบกันโดยบังเอิญ แต่เธอกลับทำทุกอย่างโดยนึกถึงเขาเป็นอันดับแรกมันช่าง……มันช่าง……เมื่อนึกถึงท่าทีที่จิ้มๆไปไม่ใส่ใจของตัวเองเมื่อครู่ หัวใจขององค์รัชทายาทก็เจ็บปวดอย่างที่ไม่ได้รู้สึกมานานเขามันสมควรตาย......ตั้งแต่กลายเป็นคนในหนังสือ เซียงหนงหนงก็มีแรงบันดาลใจเต็มเปี่ยม มุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ของตัวเอง.เช้าวันรุ่งขึ้น เธอก
ไม่รู้หลังๆแม่ลวี่พูดอะไร เซียงหนงหนงก็ไม่ได้ฟังมากนัก"แม่ลวี่ ข้าเซ้งร้านในเมืองไว้ร้านหนึ่ง กะว่าจะเปิดร้านอาหารจานด่วนในอีกไม่นานนี้ ช่วงนี้ยุ่งกับการตกแต่งร้าน ข้าขอกลับก่อน"แม่ลวี่ได้ยินคำพูดของเธอ ก็ตกใจทันที "หา หนงหนง เจ้าถึงกับเปิดร้านในเมืองเลยหรือ!"ได้รับคำตอบที่หนักแน่นและมั่นใจจากเซียงหนงหนง แม่ลวี่ก็หัวเราะอย่างมีความสุข"ไม่แปลกใจที่ชิงเฟิงมักจะบอกว่าเจ้าเป็นคนมีความคิด เขาไม่ได้มองคนผิดเลย!"เมื่อพูดถึลวี่ชิงเฟิง เซียงหนงหนงก็ยิ้มขมขื่นมาตอนนี้คนนี้ในหัวของเธอเป็นเพียงจุดอะไรสักอย่าง เธอจำไม่ได้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไรแม่ลวี่จับมือเธอ " หนงหนงเก่งมาก เปิดร้านเองได้แล้ว "เธอถอนหายใจ"มีอะไรที่ต้องการให้แม่ลวี่ช่วย ก็บอกมาได้เลยนะ ลุงเจ้าออกทะเลวันนี้ รอเขากลับมามาช่วยเจ้าจัดการ"เซียงหนงหนงยิ้มอย่างจริงใจ"ข้าตั้งใจจะจ้างคนมาปรับปรุงร้านใหม่ แม่ลวี่ ท่านรู้จักคนที่ทำงานพวกนี้ไหม?"แม่ลวี่หยุดไปชั่วครู่แล้วพยักหน้าอย่างช้าๆ"มีนะ"ในทันทีที่แก้ไขปัญหาสองเรื่องได้ เซียงหนงหนงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเธอเดินตามแม่ลวี่ไปอีกหมู่บ้านหนึ่ง"ผู้ชายบ้านนี้ชำนาญเร
คลื่นทะเลซัดเข้ามา ทำให้ใบหน้าและผมของชายหนุ่มเปียกปอน"อาเจิ้ง อาเจิ้ง! พระเจ้าช่วยกล้วยตากเอ้ย เฮ้ ฟื้นเร็ว!"ไม่ว่าจะปลุกยังไงก็ไม่ฟื้น เซียงหนงหนงตกใจ รีบแหวกเปลือกตาเขาดูมองเห็นแต่ตาขาว ดูเหมือนจะเป็นลมไป แล้วจริงๆเธอยืนอยู่ที่เดิมคิดอยู่ครู่หนึ่ง คาดว่าเขาคงจะนอนจนไปถึงพรุ่งนี้แน่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ไม่ลังเลที่จะย่อตัวลงและบีบจุดกลางระหว่างจมูกและปากของเขาเซียงหนงหนงจับชายหนุ่มแยกเขี้ยวยิงฟันจนเขาครางเบา ๆ และลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆฟู่จิ่งเจิ้งรู้สึกเหมือนมีคนฟันอะไรลงมาที่กลางหน้าเขา เจ็บมากพอลืมตามาก็เห็นดวงตาสวยงามของเซียงหนงหนงอย่างชัดเจน"ฟื้นแล้ว?"เซียงหนงหนงเข้ามาใกล้ๆเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขามองเห็นเธอชัดๆ เธอยิ้มจนเห็นฟันขาว"ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อ ความสามารถในการรับมือสภาพจิตใจของเจ้านี่แย่มาก"งั้นไม่ทันขยับก็เป็นลมล้มพับแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นน้องหลินซะแล้วฟู่จิ่งเจิ้งเพิ่งมองเห็นสถานการณ์ของตัวเองชัดๆ เขานอนอยู่ริมทะเล มองเห็นคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอกๆแบบนี้ดูน่ากลัวกว่าตอนที่เขายืนอยู่ในน้ำเมื่อกี้อีกม่านตาเขาหดตัวทันที เขาพยายามลุกขึ้น แต่คว
มองดูพระจันทร์เสี้ยวที่ขอบฟ้า เซียงหนงหนงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งในใจในพริบตาเดียวก็เกือบจะถึงเดือนธันวาคมแล้ว องค์รัชทายาทหายตัวไป เกรงว่าในวังคงปิดไม่อยู่แล้ว"องค์ชายหกใช้โอกาสนี้ขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่น สามารถคว้าโอกาสนี้ไปได้ ต้องขอบคุณความฉลาดของเซียงเฉียน ตอนนี้เซียงเฉียนและองค์ชายหกคงได้แลกเปลี่ยนตราประจำตระกูลแทนความรู้สึกกันไปแล้ว"ไม่แปลกใจเลยที่เป็นนางเอกใหญ่ในนิยายการเมือง!มือฟู่จิ่งเจิ้งชะงัก ในใจรู้สึกเหมือนมีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามาไม่นึกเลยว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือน้องหกที่ไม่เคยแย่งชิงอะไรใครเลย ถ้าน้องหกขึ้นรับตำแหน่งได้อย่างราบรื่น สิ่งที่รอเขาคงอยู่มีเพียงความตายเท่านั้นท่านกั๋วกงกำลังหารือกับบุตรชายคนโตในห้องหนังสือ ก็ได้ยินคำพูดแปลกๆ นี้โดยไม่ทันตั้งตัวเขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ฟังทั้งหมด"ปีนี้ ที่จวนไม่ควรจัดงานอะไรอีกเจ้าต้องสงบเสงี่ยม และต้องดูแลน้องชายสองคนที่มักทำให้ไม่สบายใจเจ้า"ท่านกั๋วกงพูดพร่ำเพรื่อไปมากมาย โดยรวมแล้วหมายถึงให้ถ่อมตัว อย่าออกไปอวดดี ช่วงนี้อาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเซียงเฉิงหยวนก้มหน้า