"กรี๊ด——"ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่เงียบสงบในประเทศหนานฉี มีเสียงกรีดร้องแหลมคมดังมาจากบ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง พร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของหมูเซียงหนงหนงลืมตาขึ้นมาก็รู้สึกว่าหน้าถูกพ่นอะไรอุ่นๆกลิ่นเหม็นคาวเลือดหมูจำนวนมากกระเซ็นโดนบนใบหน้าเธอ กลิ่นที่ฉุนนี้ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะอาเจียนออกมาในทันทีทว่าเซียงหนงหนงยังไม่ทันมีจะได้มีปฏิกิริยาอะไร ผมของเธอก็ถูกจับแน่นใบหน้าที่น่ากลัวและมีแผลเป็นของชายหน้าบากจ้องมองเธออย่างเย็นชา แล้วหัวเราะเยาะเย้ย: "เซียงเหล่าซาน ภายในสามวัน ถ้ายังไม่คืนเงินพวกข้า ครั้งหน้าที่จะฆ่า จะไม่ใช่หมูตัวที่สองของบ้านแก แต่จะเป็นลูกสาวแก""แต่ข้าว่าเธอมีเสน่ห์อยู่บ้าง จะฆ่าก็น่าเสียดาย ถ้าขายให้ซ่องที่ดีที่สุดในเมืองเรา ก็น่าจะได้เงินพอชดเชยเงินก้อนนี้แกได้นะ——""ผมคืน ผมจะคืนเงินให้ อย่าทำร้ายลูกสาวผม อย่าทำร้ายลูกสาวผมเลย——ผมขอร้องพวกคุณ ภายในสามวัน ผมจะคืนเงินให้พวกคุณแน่นอน!"เซียงเหล่าซานที่อยู่บนพื้นก้มหัวขอร้องไม่หยุด"จำคำพูดของแกไว้ สามวันหลังจากนี้ข้าจะกลับมา ถ้าแกไม่มีเงิน ก็ให้เธอเตรียมตัวไปทำงานที่ซ่องเถอะ!"หน้าบากกระชากเซียงหนงหนงอย่างแรง แล้วผลักเธอล
เพราะเซียงเหล่าซานสองสามีภรรยาไม่สามารถมีลูกได้ เพราะฉะนั้นเซียงหนงหนงแม้จะเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง แต่ก็ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีมาตลอด ไม่เคยให้ทำงานหนักเลย เมื่อมาเห็นเซียงหนงหนงถืออุปกรณ์ของตัวเองและโกนขน แยกชิ้นส่วนหมูอย่างคล่องแคล่ว เซียงเหล่าซานก็เบิกตากว้างทันทีเซียงหนงหนงชาติก่อนนั้นเธอเป็นเซฟ เรื่องแยกชิ้นส่วนหมูนั้นคุ้นเคยเป็นอย่างดีก่อนอื่นให้ตัดหัวหมูออกก่อน จากนั้นตัดขาทั้งสี่ข้างออก แล้วแยกเนื้อออกจากกระดูกที่เหลือไม่นานนักเธอก็แยกส่วนหมูทั้งตัวออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ"พ่อ ข้าแยกเนื้อหมูออกมาแล้ว ท่านช่วยขายนี่หน่อยนะ ข้าจะไปทำความสะอาดหัวหมูและเครื่องในหมู ไม่งั้นมันจะเหม็น "เซียงเหล่าซานเดิมทีเป็นคนฆ่าหมูอยู่แล้ว ดังนั้นเซียงหนงหนงจึงแยกขาหมู เนื้อสามชั้น เนื้อไม่ติดมัน ซี่โครงออกมา ให้เซียงเหล่าซานขายที่หน้าบ้านก่อนส่วนเรื่องชำระหนี้นั้น เธอคิดออกแล้ว นั่นก็คือการขายข้าวกล่องเมืองเล็กๆ นี้จริงๆ แล้วเป็นเมืองท่า ตั้งอยู่ใกล้ทะเล บนท่าเรือมักจะมีเรือเดินทางไปมา และมีแรงงานขนถ่ายสินค้าจำนวนมากแรงงานขนถ่ายสินค้าพวกนี้ต้องกินข้าว จึงกลายเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายขอ
"ข้าวหน้าหัวหมูหอมกรุ่น และหมูเปรี้ยวเผ็ดร้อนๆ! เดินผ่านไปอย่าพลาด เพียงห้าบาทเหรียญนั้นก็สามารถทานอาหารกลางวันหอมกรุ่นร้อนๆ ได้! ห้าเหรียญ ซื้อแล้วจะไม่เสียใจ ไม่โดนหลอกแน่!"เซียงหนงหนงใช้วิธีโฆษณาแบบในสมัยใหม่ที่เป็นที่รู้จักกันดี พอเอามาใช้ในยุคนี้ผู้คนที่ได้ยินเข้า พวกเขาต่างพากันมาดูอย่างคึกคักในนั้นมีลูกพี่เหล่าแรงงานขนย้ายที่เพิ่งได้รับเงินพอดี พอได้ยินเสียงเซียงหนงหนงพูดแบบนี้ ก็เกิดความสงสัยขึ้นทันทีว่า: "น้องสาว เจ้ากำลังตะโกนอะไรน่ะ? ขายข้าวหรือ? มีเนื้อมีผักด้วยหรือ?"เห็นว่ามีลูกค้าเข้ามา เซียงหนงหนงย่อมไม่พลาด รีบเสนอขายอย่างเต็มที่ว่า: "ไม่ผิดพี่ชาย ข้าขายข้าว ท่านดูนี่ ข้ามีสองเมนู อันหนึ่งคือข้าวหน้าหมูหัวต้ม อีกอันคือข้าวหมูสับเปรี้ยวเผ็ด ส่วนนี่คือต้มกระดูกหมูใส่หัวไชเท้าใหญ่ แค่กินข้าวก็ได้ซุปฟรีอีกหนึ่งชาม ราคาแค่ห้าเหรียญ มีทั้งกับข้าวและซุป เอาอย่างนี้ ข้าจะให้ท่านลองชิมก่อน ถ้าท่านคิดว่าอร่อยค่อยกินต่อ "พูดแล้ว เซียงหนงหนงก็รีบหยิบชามออกมาอย่างรวดเร็ว ตักอาหารสองอย่างอย่างละนิดละหน่อย แล้วให้คนที่มุงดูรอบๆ ลองชิมกันด้วยฝีมือของเธอแล้ว เธอมั่นใจมาก และแน
วันรุ่งขึ้น เซียงหนงหนงก็ขายหมูตุ๋นผักกาดดองและหมูทอดเปรี้ยวหวานหมดเกลี้ยง วันนี้เธอทำทั้งหมดสองร้อยชุด ได้เงินรวมหนึ่งพันเหรียญแต่ถึงแม้จะคืนเงินไปแล้ว ก็ยังมีเงินค่ารักษาของแม่เซียงที่ยังค้างอยู่ และมือของพ่อเซียงก็ได้รับบาดเจ็บถึงกระดูก ซึ่งต้องใช้เงินในการรักษาและคุณภาพชีวิตที่บ้านก็ยากลำบากเกินจะบรรยายดังนั้น พูดได้เลยว่า เซียงหนงหนงยังต้องพยายามมากขึ้นอีกหลังจากกลับถึงบ้านและทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว เซียงหนงหนงก็วางแผนที่จะไปเสี่ยงโชคที่ชายหาดใกล้เคียงสักหน่อย อาจจะได้จับปลา กุ้ง หรือปูที่ไม่ต้องเสียเงิน ซึ่งก็ถือเป็นการปรับปรุงอาหารบ้าง นอกจากนี้ถ้าโชคดีได้ปลามาก็จะมีวัตถุดิบสำหรับทำอาหารในวันพรุ่งนี้ในฐานะที่เป็นครอบครัวที่อาศัยอยู่ริมทะเล แทบทุกบ้านจะมีเรือไม้เล็ก ๆ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำประมงเป็นอาชีพ แต่ในวันธรรมดาก็สามารถจับสัตว์ทะเลมาทำอาหารได้เซียงหนงหนงเจอเรือลำเล็กของเซียงเหล่าซานที่มีเครื่องมือครบครันเธอแกว่งไม้พายเรือไม้เล็กตั้งใจจะไปตกปลาน่านน้ำใกล้ชายฝั่งตกปลาครั้งแรก เซียงหนงหนงรู้สึกถึงการเคลื่อนไหว และมันไม่ใช่การเคลื่อนไหวธรรมดาๆดูท่าว่าจะได้ตัวใหญ่
แต่เขาก็ยังคงจะอยู่ต่ออยู่ดีราตรีหนึ่งผ่านไปเช้าวันที่สองฟ้ายังไม่ทันสว่าง เซียงหนงหนงก็ตื่นแล้ว เมื่อวานเธอไม่ได้จัดการเรื่องวัตถุดิบสำหรับทำข้าวกล่อง จึงคิดว่าจะไปตลาดในเมืองแต่เช้ายังไม่ทันถึงตลาด ระหว่างทางเธอก็ได้พบกับลุงคนหนึ่งที่กำลังรีบเข็นรถเข็นไปตามทางเห็นบนรถของคุณลุงวางไก่ที่เปื้อนเลือดอยู่หลายตัว เซียงหนงหนงตาเป็นประกายแล้วรีบเดินเข้าไปคุยกับเขาทันที "คุณลุง นี่ท่านจะไปขายไก่ในเมืองหรือ?""ไม่ใช่อะไรหรอก!นี่เป็นไก่ที่ข้าเลี้ยงน่ะ เมื่อวานตอนเย็นไอ้เด็กซนบ้านข้ามันปีนขึ้นไปเล่นบนหลังคา แต่ไม่ทันระวัง ตกลงมาจากหลังคาทำเล้าไก่พัง! ไก่สิบกว่าตัวนี่ เดิมทีข้าตั้งใจจะเลี้ยงไว้กินตอนปีใหม่ แต่ตอนนี้ถูกทับตายหมด ข้าเลยต้องรีบเอาไปขายถูกๆ ที่ตลาดในเมือง! ใช่แล้ว แม่นางก็ไปตลาดในเมืองเหมือนกันหรือ?"คุณลุงเป็นคนที่กระตือรือร้นและพูดคุยเก่งมาก.เซียงหนงหนงเพิ่งรู้ว่าวันนี้เมืองชิงซานมีงานวัดในเมืองมีตลาดใหญ่ในช่วงเทศกาลงานวัด สินค้าที่ขายในตลาดมักจะราคาถูก ไม่เช่นนั้นจะขายไม่ออกไม่แปลกใจเลยที่คุณลุงจะดูเศร้าๆไก่ที่เลี้ยงด้วยความยากลำบาก พอถึงเวลาสุดท้าย กลับต้องม
ในหัวของเซียงเฉิงหยุนปรากฏภาพของไก่ผัดพริกขึ้นมาอย่างเหมาะเจาะเห็นไก่สีเหลืองทองมันเงาแต่งแต้มด้วยพริกเขียวแดง ดูน่าทานมากเซียงเฉิงหยุนเดิมทีก็เป็นคนที่ชอบกินอยู่แล้ว ในวันปกติไม่ทำการทำงานอะไร เป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลวงว่าเป็นคุณชายฟุ่มเฟือยตอนนี้ เมื่อต้องมาเห็นฉากนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายหนึ่งคำเสียงเชียร์รุนแรงดังขึ้นข้างหู: "ชนะแล้ว ชนะแล้ว! พวกเราชนะแล้ว! เซียงเฉิงหยุนเจ้าแพ้แล้ว! ฮ่าๆ เจ้าเสี่ยวเฮยของเจ้าแพ้แล้ว!"เป็นไปได้อย่างไร?เซียงเฉิงหยุนรู้สึกตัวขึ้นมา เขาก้มลงมองก็เห็นเสี่ยวเฮยซึมๆเศร้าๆใช้ปากจิกปีกที่แทบไม่มีขนของตัวเองอยู่"ไอ้ไก่ไร้น้ำยา! น่าจับเจ้าต้มกินไปซะ——"พูดถึงการกิน เซียงเฉิงหยุนก็นึกถึงไก่ผัดพริกขึ้นมาอีกครั้ง!แล้วไก่ผัดพริกที่น่ากินแบบนั้นมีขายที่ไหนกัน?ทำไมเขาไม่เคยกินมาก่อน?ไม่ได้——เขาอยากกินมาก เขาจะไปโรงเตี๊ยมเพื่อกินไก่ผัดพริกเดี๋ยวนี้!เซียงเฉิงหยุนอุ้มเสี่ยวเฮยแล้วส่งให้กับคนรับใช้ที่ตามเขาออกมา: "เจ้าพาเสี่ยวเฮยกลับไป เพิ่มการฝึกซ้อมด้วย! แล้วบอกท่านพ่อท่านแม่ข้าว่า ข้าจะไม่กลับไปทานข้าวกลางวันที่จวน ช้าจะไปทานของอร่อยที่
เซียงหนงหนงหลบได้ เขาก็ยังพยายามจะลวนลามเธอต่อเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะเอื้อมมือไปจับเซียงหนงหนง ตะเกียบอันหนึ่งก็พุ่งเข้าไปโดนที่ข้อมือเขาพอดีชายหนุ่มร้องด้วยความเจ็บปวด"โอ๊ย"มาหนึ่งทีก่อนจะดึงมือกลับอย่างรวดเร็ว:"ใคร? ใครมันกล้าทำร้ายข้าในถิ่นข้า?""ข้า!"เสียงที่หนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ต่อมาฟู่จิ่งเจิ้งก็วางตะเกียบอีกอันที่ยังถืออยู่ลง หยิบผ้าขนหนูข้างๆ มาเช็ดมือ แล้วเดินออกมาอย่างไม่รีบร้อนนักแม้ว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าของคนธรรมดา แต่รูปร่างที่สูงโปร่งและท่วงท่าก้าวเดินที่สง่างามของเขานั้นขู่ขวัญอยู่มากคนของร้านโจ๊กอี้เหว่ยถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว: "เจ้า-เจ้าอย่าคิดว่าเจ้าสู้เป็นแล้วข้าจะกลัวพวกเจ้านะ!"เขาไม่กล้าสบตากับฟู่จิ่งเจิ้งจึงหันไปมองเซียงหนงหนงด้วยความโกรธและพูดด้วยเสียงดุดันว่า:"พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อทำลายธุรกิจพวกข้า ต่อให้เรียกคนจากทางการมาก็ตาม แต่พวกเจ้าก็ไม่มีเหตุผลอะไรอยู่ดี!""ใช่ถ้าเข้าใจสถานการณ์ก็รีบไสหัวไปซะ! ออกไปจากบริเวณร้านอาหารของเรา!""ไสหัวไป! ไสหัวไป!"มีคนออกมาจากร้านอาหารอีกสองสามคนมีคนสองสามคนตะโกนและเดินเข้ามาพร้อมกับตะหลิว พวกเขาล้อมรอบช
"ไม่ต้องห่วง!"เซียงหนงหนงโบกมือ เห็นฟู่จิ่งเจิ้งที่เพิ่งดันรถเข็นมาอย่างโยกเยกไปมา จึงรีบยื่นมือไปช่วยพยุงไว้ทั้งสองคนไปที่ชายหาดด้วยกันพรุ่งนี้ไม่มีเทศกาลงานวัดแล้ว เซียงหนงหนงเลยอยากไปขายข้าวที่ท่าเรือเมื่อมาถึงท่าเรือ เธอก็หันมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เธอกำลังคิดว่าจะวางแผงลอยที่ไหนดีในวันพรุ่งนี้ถึงจะเหมาะ เพื่อไม่ให้คนอื่นอิจฉาจนจงใจหาเรื่อง แม้ว่าเธอจะมีฟู่จิ่งเจิ้ง ไม่เสียเปรียบ แต่ถ้าเกิดโดนทำลายแผงขายโดยไม่ตั้งใจขึ้นมาก็ยุ่งยากพอควรคิดแล้ว เซียงหนงหนงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฟู่จิ่งเจิ้งอีกครั้งฟู่จิ่งเจิ้งที่เพิ่งจอดรถเข็นก็มองไปที่เธอเช่นกัน สายตาของเขาสบตากับเธออย่างไม่ทันตั้งตัว เขาดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบเบนสายตากลับอย่างรวดเร็ว:"เตรียม เตรียมตัวไปจับปลาที่ไหนล่ะ?"เซียงหนงหนง: "……" อาเจิ้งนี้ยังค่อนข้างไร้เดียงสาอยู่ แค่เธอสบตากับเขา ก็หน้าแดงและพูดติดอ่างแล้วรู้สึกดีใจอย่างไม่รู้สาเหตุในใจ เธอรีบยื่นมือชี้ไปยังที่ที่มีคนไม่มาก: " ตรงนั้นแล้วกัน เรือบ้านเราจอดอยู่ตรงนั้น เมื่อคืนข้าก็เก็บเจ้าขึ้นมาจากแถวนั้น ""โอ้——"ฟู่จิ่งเจิ้งดูเหมือนมีเรื่องในใจแต่เขาไ