"ไม่ต้องห่วง!"เซียงหนงหนงโบกมือ เห็นฟู่จิ่งเจิ้งที่เพิ่งดันรถเข็นมาอย่างโยกเยกไปมา จึงรีบยื่นมือไปช่วยพยุงไว้ทั้งสองคนไปที่ชายหาดด้วยกันพรุ่งนี้ไม่มีเทศกาลงานวัดแล้ว เซียงหนงหนงเลยอยากไปขายข้าวที่ท่าเรือเมื่อมาถึงท่าเรือ เธอก็หันมองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว เธอกำลังคิดว่าจะวางแผงลอยที่ไหนดีในวันพรุ่งนี้ถึงจะเหมาะ เพื่อไม่ให้คนอื่นอิจฉาจนจงใจหาเรื่อง แม้ว่าเธอจะมีฟู่จิ่งเจิ้ง ไม่เสียเปรียบ แต่ถ้าเกิดโดนทำลายแผงขายโดยไม่ตั้งใจขึ้นมาก็ยุ่งยากพอควรคิดแล้ว เซียงหนงหนงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ฟู่จิ่งเจิ้งอีกครั้งฟู่จิ่งเจิ้งที่เพิ่งจอดรถเข็นก็มองไปที่เธอเช่นกัน สายตาของเขาสบตากับเธออย่างไม่ทันตั้งตัว เขาดูตกใจอย่างเห็นได้ชัด รีบเบนสายตากลับอย่างรวดเร็ว:"เตรียม เตรียมตัวไปจับปลาที่ไหนล่ะ?"เซียงหนงหนง: "……" อาเจิ้งนี้ยังค่อนข้างไร้เดียงสาอยู่ แค่เธอสบตากับเขา ก็หน้าแดงและพูดติดอ่างแล้วรู้สึกดีใจอย่างไม่รู้สาเหตุในใจ เธอรีบยื่นมือชี้ไปยังที่ที่มีคนไม่มาก: " ตรงนั้นแล้วกัน เรือบ้านเราจอดอยู่ตรงนั้น เมื่อคืนข้าก็เก็บเจ้าขึ้นมาจากแถวนั้น ""โอ้——"ฟู่จิ่งเจิ้งดูเหมือนมีเรื่องในใจแต่เขาไ
เมื่อนายหญิงเจิ้นกั๋วกงพูดออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่สาวใช้ใกล้ชิดอย่างปี้เฉ่าจะงงงวย แต่แม้แต่อนุภรรยาคนอื่นๆ ก็ยังงงงวยไปด้วย"รู้ว่านายหญิงชอบทานอาหารทะเล แต่ทานอาหารทะเลตอนกลางคืน——"อนุภรรยารองยังพูดไม่จบ ก็ถูกนายหญิงจวนเจิ้นกั๋วกงจ้อง จึงรีบยิ้มและปิดปากปี้เฉ่าพูดตะกุกตะกักด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสับสน:"มีอยู่บ้างเจ้าค่ะ วันนี้บ่าวเห็นคนในครัวแบกอาหารทะเลเข้าไปในครัว เพียงแต่ว่าพวกนั้นเตรียมไว้สำหรับงานเลี้ยงวันเกิดของนายท่านพรุ่งนี้"ใช่! เจิ้นกั๋วกงจะฉลองวันเกิดแล้ว!นายหญิงจวนเจิ้นกั๋วกงเม้มริมฝีปากเบา ๆ นึกถึงต้มยำกุ้งน่าอร่อยหม้อนั้นไม่รู้จบ ก่อนพูดด้วยอย่างเสียดายว่า: "งั้นก็รอจนถึงพรุ่งนี้ค่อยกินเถอะ"เธอเร่งให้อนุภรรยาสองคนรีบไปอนุภรรยาสองคนเพิ่งจากไป ไม่นาน เซียงเฉียนก็เข้ามาทักทายอย่างสุภาพเบา ๆ ว่า:"ท่านแม่"นายหญิงจวนเจิ้นกั๋วกง: "……"ช่างเป็นปีที่โชคร้ายจริงๆ! ไม่เพียงแต่ไม่ได้ลิ้มรสต้มยำกุ้งแสนอร่อยแล้ว ยังเสียเงินไปห้าสิบตำลึงอีกด้วย!แล้วเรื่องกระโปรงสวยๆที่สัญญาเซียงเฉียนไว้นี่——นายหญิงเจิ้นกั๋วกงจับศีรษะของเธอ ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ แกล้งทำเป็นเวียนหัว:
ในสวนหลังบ้านมีทั้งคอกหมู มีเล้าไก่ มีเล้าเป็ด แต่ตอนนี้ทั้งหมดว่างเปล่าเซียงเหล่าซานรู้แค่การเลี้ยงหมูเท่านั้น เขาเลี้ยงไก่และเป็ดทีไรมักจะตายเพราะกินมากเกินไป หรือไม่ก็ถูกสัตว์อื่นคาบไป——สรุปแล้ว ไม่มีตัวไหนที่โตจนถึงวัยวางไข่ได้เลยเซียงหนงหนงมองดูอย่างเศร้าใจตอนนี้ครอบครัวของเธอชำระหนี้ได้แล้วแต่หากอยากปรับปรุงคุณภาพชีวิตในปัจจุบัน จะพึ่งพาแค่การเลี้ยงสัตว์และขายข้าวกล่องนั้นไม่พอ!เธอยังอยากเปิดร้านอาหารจานด่วน!เพียงรอที่บ้านมีเงินเหลือ เธอก็ซื้อหมูสองตัวให้เซียงเหล่าซานเลี้ยงไปก่อน แบบนี้ในอนาคตแม้จะเปิดร้านอาหารก็จะได้มีแหล่งจัดหาวัตถุดิบแสงแดดในตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อยธอจึงนั่งลงบนเก้าอี้เอนข้าง ๆ เพื่อคิดทบทวนสถานการณ์เสียงของเซียงเหล่าซานดังขึ้นข้างหูอย่างกะทันหัน"อย่าตักมากขนาดนั้นสิ! เมื่อวานเป็นวันที่ห้าของเดือนตุลาคมมีเทศกาลงานวัดที่เมืองชิงซานเลยขายได้มากขนาดนั้นวันนี้ต้องไปขายที่ท่าเรือเตรียมแค่สองร้อยชุดก็พอ ไม่งั้นขายไม่หมด หรือกลับมาช้า จะไม่ทำให้หนงหนงข้าเสียกำลังใจเอาหรอกหรือ?""ช่วงสองวันนี้หนงหนงเหนื่อยมาก ตอนเจ้าออกไปเจ้าต้องช่วย
เซียงหนงหนงเดินเข้ามาเห็นเขาหน้าตาบึ้งตึง กำหมัดแน่น เธอเลิกคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเข้าไปใกล้ๆเขา: "เจ้านึกอะไรออกแล้วหรือ?"หรือว่าเขานึกถึงชาติกำเนิดของเขาออก รู้แล้วว่าเขาทำไมถึงได้รับบาดเจ็บและตกลงไปในทะเล?เซียงหนงหนงอยู่ใกล้เขามากหูของฟู่จิ่งเจิ้งรู้สึกถึงไออุ่นเล็กน้อย.เขารีบถอยห่างจากเธออย่างเงียบๆ เก็บความคิดของเขาไว้ และฝืนยิ้มออกมาเล็กน้อย: "ไม่มีอะไร เพียงแค่เมื่อครู่รู้สึกปวดหัวนิดหน่อย""ไปกันเถอะ พวกเราควรออกไปขายข้าวกล่องได้แล้ว""โอ้——"คิดว่าเขาคงจะไม่หลอกเธอหรอก เซียงหนงหนงก็เลยไม่คิดอะไรมาก เดินไปที่ลานหน้าบ้านแล้วเข็นรถเข็นออกไปฟู่จิ่งเจิ้งมองไปที่แผ่นหลังของเธอ ในใจกลับรู้สึกหลากหลายอารมณ์ตามหลักแล้วพูดได้ว่า เซียงหนงหนงเป็นเพียงหญิงสาวในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกล แต่เธอจะรู้ได้อย่างไรว่าอนาคตของราชสำนักจะพัฒนาไปในทิศทางไหนในอนาคตเมืองชิงซานนี้อยู่ห่างไกลมาก เรียกว่าเป็นที่ที่ภูเขาสูงและห่างไกลราชสำนัก แม้ว่าราชสำนึกจะมีเรื่องวุ่นวาย แต่ตราบใดที่ไม่เกิดสงครามครั้งใหญ่ ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาอยู่ดี พวกเขาเองก็ไม่เคยสนใจสถานการณ์ในราชสำนัก สนใจเพียงปั
เขามองดูสาวน้อยที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์คนนี้แล้วพูดเสียงที่ไม่พอใจ: "เงินมันขาด!"สีหน้าเซียงหนงหนงเปลี่ยนไป เธอมองเขาอย่างเย็นชา"ขาดตรงไหน? พ่อข้ายืมเงินไปทั้งหมดสองตำลึง นี่ก็เพิ่งผ่านไปสามเดือนเอง!"หน้าบากหนังตากระตุก เขามองเธอด้วยรอยยิ้มไม่ซื่อ"ใช่สิ เจ้าต้องคืนข้าห้าตำลึง แต่ในนี้มีเพียงสี่ตำลึงเอง!"เซียงหนงหนงช่วงนี้มาขายอาหารที่ท่าเรือเขาเองก็รู้ ขายอาหาร ฮึ ลูกหนี้ที่ยืมเงินไปต่างก็ไม่มีใครใช้วิธีนี้หาเงินมาคืนเลยสิ่งที่เขาไม่คาดคิดคือ เด็กสาวคนนี้เก่งมากจริงๆ ถึงขนาดสามารถรวบรวมเงินให้ครบได้มองดูท่าทางเจ้าเล่ห์และขี้โกงของเขา เซียงหนงหนงก็รู้สึกหมดคำจะพูดไอ้หมอนี่เกือบจะเขียนคำว่า 'ตัวร้าย' ไว้บนหน้าตัวเองแล้ว วันนี้ไม่ว่าจะให้เงินไปมากแค่ไหน เขาก็จะไม่คืนสัญญากู้เงินให้เธออยู่ดีเธอคว้าเงินจากมือของหน้าบากกลับมา"จะเอาหรือไม่เอา!"หน้าบากตกใจ ไม่คิดว่าเธอจะไม้ไวเช่นนี้ เขายื่นมือไปหวังจะแย่งคืนมาทว่ามีแขนยื่นออกมาจากด้านข้างขวางทางของเขาไว้ หน้าบากเป็นหันไปมอง ทันใดนั้นก็สบตาเข้ากับดวงตาที่เย็นชาราวพระจันทร์สีดำหน้าบากเบิกตากว้าง"ทำไม พวกเจ้าอยากมีเรื่องเหรอ?!"ฟ
เซียงหนงหนงยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะเกิดสูงมาก แม้กระทั่งภาพที่ตัวเองนั่งนับเงินจนมือเป็นตะคริวก็ยังเป็นไปได้"เปิดร้านอาหารแล้วเป็นเชฟใหญ่ไม่ไกลเกินเอื้อม!"ฟู่จิ่งเจิ้งฟังคำพูดของเธอ หัวใจของเขาก็สั่นไหวบ้านของเซียงเหล่าซานยากจนจนมีผนังไม่กี่อัน แน่นอนว่าไม่มีห้องว่างให้ฟู่จิ่งเจิ้งได้พักอาศัยวันนั้นเธอที่เก็บเขากลับมา เซียงหนงหนงก็เอาห้องที่เก็บฟืนไว้สำหรับฤดูหนาวมาสร้างเตียงใหญ่ชั่วคราว และจัดเขานอนเตียงนั้นชายหนุ่มสูงโปร่ง ขาเรียวยาว ต้องนอนขดตัวบนเตียงเพื่อไม่ให้ตกลงไปที่พื้นฟู่จิ่งเจิ้งมองกำแพงที่มีรูลมรั่วอย่างเงียบๆ ในดวงตาแสดงความหงุดหงิดเล็กน้อยช่างแปลกจริงๆ ช่วงนี้เขาเหมือนดื่มยาสะกดจิต ต้องคอยดูแลผู้หญิงคนหนึ่งอย่างเต็มที่ วันนี้ยังวิ่งไปเป็นบอดี้การ์ดให้เธออีก นึกถึงเรื่องแปลกเมื่อตอนกลางวัน ใบหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นเซียงหนงหนงเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ๆ จะเข้าใจเรื่องราวของราชสำนักหนานฉีได้อย่างไร?ชายหนุ่มคิดทั้งคืน คิดจนหัวจะแตกก็ยังคิดไม่ออกสักนิดทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงพูดคุยจากข้างนอก เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วในลานเงียบสงบ พระจันทร์ซีด
สีหน้าของฟู่จิ่งเจิ้งเปลี่ยนไป เขามองขาโดยไม่รู้ตัวเขาไม่ได้สั่นสักหน่อย!ก็แค่ลงน้ำเองไม่ใช่เหรอ เขาทำได้!ทั้งสองไปถึงจุดที่ห่างจากฝั่งพอสมควร เซียงหนงหนงจึงเปิดตาข่ายจับปลาและค่อยๆ โยนข้าวของที่ไม่ต้องการออกทีละชิ้นทันใดนั้น เธอพบว่ามีบางอย่างแสบตาอยู่ในนั้นดวงอาทิตย์ค่อยๆ สูงขึ้น แสงส่องให้เห็นสิ่งต่างๆ ก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเซียงหนงหนงพอได้เห็นชัดๆก็ตกใจทองคำ ก้อนทองคำขนาดเท่ากำปั้นของเธอ!เซียงหนงหนงหยิบขึ้นมา กัดไปหนึ่งคำ ปรากฏว่าเป็นทองคำจริงๆตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ดึงฟู่จิ่งเจิ้งขึ้นมาจากทะเล ตอนนี้ไม่ว่าเธอจะดึงอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้สึกแปลกใจแล้ว"อาเจิ้ง พวกเราเจอของดีแล้ว!"เซียงหนงหนงเอาทองคำให้ฟู่จิ่งเจิ้งดู แล้วเก็บไว้ในอกไอ้หมอนี่กินก็กินของเธอ ใช้ก็ของเธอ คงไม่ต้องแบ่งให้หรอกใช่ไหม?ฟู่จิ่งเจิ้งปวดขมับขึ้นมา ก่อนจะหันไปทางอื่นเงียบๆถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าช่วงนี้เธอความกระตือรือร้นในการเปิดร้าน เขาคงไม่ยอมเอาของชิ้นสุดท้ายที่เหลืออยู่ของตัวเองออกมาแน่นั่นคือหัวเข็มขัดของเขาเอง แม้ว่าจะไม่ค่อยได้ใช้ แต่ของของเขาทุกชิ้นมีลายซ่อนอยู่เมื่อของนี่หลุดออกมา คนของเขา
"แช่กุ้งในน้ำเกลือ เอาเส้นดำกุ้งออก ล้างให้สะอาด ตั้งกระทะให้ร้อน ใส่น้ำมัน แล้วโรยเกลือละเอียดลงไป วางกุ้งลงไปทอดด้วยไฟอ่อน ใส่กระเทียมสับ พริกผัดให้หอม สุดท้ายใส่เปลือกส้มและต้นหอม""รสเค็มกลมกล่อม อุดมไปด้วยสารอาหาร กุ้งกระเทียมออกขายแล้ว! ผิวสีทอง รสสัมผัสนุ่มชุ่มฉ่ำ กลิ่นหอมฟุ้ง!"ในเวลาเดียวกัน ผู้คนในจวนกั๋วกงที่อยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์ก็ได้ยินเสียงนี้อีกครั้ง พวกเขารู้สึกหิวโหย แต่เมื่อมองไปที่อาหารบนโต๊ะอาหารตรงหน้าพวกเขาก็รู้สึกไม่อยากพออาหารขึ้นมา นายหญิงกั๋วกงวางตะเกียบลงหันไปถามหญิงชรารับใช้ข้างๆ "ตรวจสอบได้ความว่าอย่างไร?"คนนั้นก้มหัวรายงานว่า"นายหญิงยังหาไม่เจอเลยเจ้าค่ะ"เซียงเฉียนเห็นทุกคนวางตะเกียบลง จึงต้องหยิบผ้าเช็ดปากขึ้นมาเช็ดปาก ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า:"ท่านแม่ ท่านเป็นอะไร?"นายหญิงกั๋วกงมีอาการเหม่อลอยเล็กน้อย เธอฝืน ยิ้ม"ไม่เป็นไร เฉียนเฉียน รีบกินของเจ้าเถอะ"เซียงเฉียนส่ายหัว"ท่านกินไม่ลง เพราะไม่อยากอาหารหรือ?"พูดแล้วเธอก็ลุกขึ้น"ท่านแม่เมื่อไม่กี่วันก่อนท่านแม่บอกว่าท่านอยากกินอาหารทะเล ที่จวนมีของสดใหม่เข้ามาเยอะ ลูกทำกุ้งลวกให้ท่านแล้วกัน"