คลื่นทะเลซัดเข้ามา ทำให้ใบหน้าและผมของชายหนุ่มเปียกปอน"อาเจิ้ง อาเจิ้ง! พระเจ้าช่วยกล้วยตากเอ้ย เฮ้ ฟื้นเร็ว!"ไม่ว่าจะปลุกยังไงก็ไม่ฟื้น เซียงหนงหนงตกใจ รีบแหวกเปลือกตาเขาดูมองเห็นแต่ตาขาว ดูเหมือนจะเป็นลมไป แล้วจริงๆเธอยืนอยู่ที่เดิมคิดอยู่ครู่หนึ่ง คาดว่าเขาคงจะนอนจนไปถึงพรุ่งนี้แน่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ไม่ลังเลที่จะย่อตัวลงและบีบจุดกลางระหว่างจมูกและปากของเขาเซียงหนงหนงจับชายหนุ่มแยกเขี้ยวยิงฟันจนเขาครางเบา ๆ และลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆฟู่จิ่งเจิ้งรู้สึกเหมือนมีคนฟันอะไรลงมาที่กลางหน้าเขา เจ็บมากพอลืมตามาก็เห็นดวงตาสวยงามของเซียงหนงหนงอย่างชัดเจน"ฟื้นแล้ว?"เซียงหนงหนงเข้ามาใกล้ๆเขา เพื่อให้แน่ใจว่าเขามองเห็นเธอชัดๆ เธอยิ้มจนเห็นฟันขาว"ฟื้นแล้วก็ลุกขึ้นเดินต่อ ความสามารถในการรับมือสภาพจิตใจของเจ้านี่แย่มาก"งั้นไม่ทันขยับก็เป็นลมล้มพับแล้ว คิดว่าตัวเองเป็นน้องหลินซะแล้วฟู่จิ่งเจิ้งเพิ่งมองเห็นสถานการณ์ของตัวเองชัดๆ เขานอนอยู่ริมทะเล มองเห็นคลื่นที่ซัดเข้ามาเป็นระลอกๆแบบนี้ดูน่ากลัวกว่าตอนที่เขายืนอยู่ในน้ำเมื่อกี้อีกม่านตาเขาหดตัวทันที เขาพยายามลุกขึ้น แต่คว
มองดูพระจันทร์เสี้ยวที่ขอบฟ้า เซียงหนงหนงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกซาบซึ้งในใจในพริบตาเดียวก็เกือบจะถึงเดือนธันวาคมแล้ว องค์รัชทายาทหายตัวไป เกรงว่าในวังคงปิดไม่อยู่แล้ว"องค์ชายหกใช้โอกาสนี้ขึ้นสู่ตำแหน่งอย่างราบรื่น สามารถคว้าโอกาสนี้ไปได้ ต้องขอบคุณความฉลาดของเซียงเฉียน ตอนนี้เซียงเฉียนและองค์ชายหกคงได้แลกเปลี่ยนตราประจำตระกูลแทนความรู้สึกกันไปแล้ว"ไม่แปลกใจเลยที่เป็นนางเอกใหญ่ในนิยายการเมือง!มือฟู่จิ่งเจิ้งชะงัก ในใจรู้สึกเหมือนมีคลื่นใหญ่ซัดเข้ามาไม่นึกเลยว่าคู่แข่งที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือน้องหกที่ไม่เคยแย่งชิงอะไรใครเลย ถ้าน้องหกขึ้นรับตำแหน่งได้อย่างราบรื่น สิ่งที่รอเขาคงอยู่มีเพียงความตายเท่านั้นท่านกั๋วกงกำลังหารือกับบุตรชายคนโตในห้องหนังสือ ก็ได้ยินคำพูดแปลกๆ นี้โดยไม่ทันตั้งตัวเขานิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะอธิบายรายละเอียดต่างๆ ให้ฟังทั้งหมด"ปีนี้ ที่จวนไม่ควรจัดงานอะไรอีกเจ้าต้องสงบเสงี่ยม และต้องดูแลน้องชายสองคนที่มักทำให้ไม่สบายใจเจ้า"ท่านกั๋วกงพูดพร่ำเพรื่อไปมากมาย โดยรวมแล้วหมายถึงให้ถ่อมตัว อย่าออกไปอวดดี ช่วงนี้อาจจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นเซียงเฉิงหยวนก้มหน้า
ที่จวนกั๋วกง ยากนักที่ทุกคนจะมารวมตัวกินข้าวด้วยกัน วันนี้ท่านกั๋วกงที่ยากนักจะมีเวลาว่าง จึงมาร่วมกินข้าวกับลูกๆ ที่จวนใครจะรู้ว่าเสียงในหัวนั้นดังไม่หยุด แถมมันยังคงบอกชื่ออาหารที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนอาหารจานนั้นที่ดูมีชีวิตชีวา ปรากฏขึ้นในหัวของเขากั๋วกงวางตะเกียบลงบนโต๊ะไม่มีใครกล้าขยับอีกเซียงเฉิงหยวนก็ถูกกระตุ้นด้วยอาหารไม่กี่จานนั้นจนไม่ไหว ท้องบิดตัวไม่หยุด ทว่าเมื่อมองดูอาหารบนโต๊ะตรงหน้า ก็รู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนในจวนก็มีพ่อครัวที่ดีที่สุดอยู่นะ แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมากลับไม่มีความรู้สึกอยากอาหารขนาดนั้นตั้งแต่เสียงนั้นปรากฏขึ้น การควบคุมตนเองของเขาก็แย่ลงเรื่อยๆยังไงก็ต้องรีบหาคนให้เจอเซียงเฉียนอดไม่ได้ที่จะถามเบาๆ ว่า "ท่านพ่อ อาหารไม่ถูกปากหรือเปล่า?"ได้แต่มองไม่อาจได้กิน อารมณ์ของท่านกั๋วกงก็แย่ลงโดยไม่รู้ตัวเขาเงยหน้าขึ้น มองไปที่เซียงเฉียนด้วยสายตาที่เคร่งขรึม "เฉียนเอ๋อร์ เรื่องแต่งงานของเจ้า แม่ของเจ้าได้บอกกับเจ้าหรือยัง?"เซียงเฉียนตกใจ ใบหน้าซีดลงไม่น้อยแม่ของเธอให้เธอดูภาพของชายที่เหมาะสมมากมายในช่วงนี้ แต่พวกเขาล้วนเป็นบุตรชายของตร
ไป คืนนี้ไปดูที่บ้านนางว่านางซ่อนสูตรอาหารไว้ที่ไหนชายร่างเตี้ยและอ้วนหดหัวและถามอย่างอดไม่ได้ว่า: "นายจ้าง ท่านมั่นใจหรือว่าสูตรอาหารอยู่ในมือของนาง?"หลิวต้ากุ้ยหรี่ตา "ข้ามีวิธีของข้าเอง ไม่เหมือนคนโง่อย่างเจ้า ที่มีแต่หัวไม่มีสมอง!"พอโดนด่า ผู้ชายคนนั้นก็หดหัวทันทีเซียงหนงหนงนั่นเขาเคยเช็คประวัติเธอแล้ว ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง ประวัติขาวสะอาดมาหลายปี ไม่น่าสร้างปัญหาอะไรได้เขาไม่เชื่อว่า ผู้หญิงคนนี้จะคิดค้นสูตรอาหารมากมายจากไหนมาได้!แน่นอนว่าเพราะเธอได้ตำราอาหารเล่มนั้นโดยบังเอิญ เลยมีโอกาสดีๆแบบนี้ นี่เธอก็ถือว่าโชคดีแล้ว แต่ผู้ชายที่ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ เธออย่างกะทันหันนั้น ควรตรวจสอบดูสักหน่อยหลิวต้ากุ้ยลูบคางของเขา สูตรอาหารนั้นเขาต้องเอามาให้ได้นานแล้วที่เขาไม่ได้ยุ่งกับเมืองทงเซี่ยนเล็กๆ และยากจนนี่ เขาเองก็หวังว่าสักวันเป็นเชฟที่เก่งที่สุดในใต้หล้าเหมือนกัน!กลุ่มคนกลุ่มหนึ่งแอบซุ่มอยู่ที่บ้านของเซียงหนงหนงในขณะเดียวกันที่บ่อน หลังจากพักฟื้นเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าบากนั่นอีกครั้งเขาฟังรายงานของลูกน้องอย่างทนไม่ไหว ความหงุดหงิดในใจเพิ่มขึ้น
เขาไอเบา ๆ "ไม่จำเป็น ขอบคุณที่เป็นห่วง"เซียงหนงหนงไม่อาจเบนสายตาที่มองเขาได้ คิดในใจ: "เขาเป็นอะไร? ทำไมอยู่ๆถึงพูดจาดูทางการแบบนี้?"ได้ยินเสียงในใจเธอ ฟู่จิ่งเจิ้งรีบหลบสายตา"ที่จริงข้าไปทะเลบ่อยๆ คิดว่าน่าจะลงน้ำได้แล้ว"เซียงหนงหนงตกใจ "เจ้าไปคนเดียวได้ยังไง อันตรายนะ"เมื่อคิดถึงตอนที่เขาเป็นลมลงไปอย่างกะทันหันที่ริมทะเล เธอตอนนี้ยังรู้สึกกลัวอยู่เลยหนักสุดคือ หลังจากวันนั้นเขานอนไปทั้งวันกว่าจะฟื้นตัวองค์รัชทายาทไม่เคยอับอายขายหน้าขนาดนี้มาก่อน หูของเขาแดงทันที แค่ลงน้ำเล็กๆน้อยๆจะไปทำให้เธอลำบากใจได้อย่างไรแม้จะคิดเช่นนี้ แต่เขาก็ยังพูดว่า: "ครั้งหน้าไม่เป็นแล้ว""ยังจะมีครั้งหน้าอีกเหรอ?"เซียงหนงหนงลุกขึ้นยืน เดินตามหลังชายหนุ่มแล้วพูดไม่หยุด"ถ้าเอาชนะไม่ได้เราก็ไม่ต้องบังคับตัวเอง ถ้าเจ้าไปทะเลคนเดียวแล้วเป็นลมถูกคลื่นซัดไปจะทำยังไง? จะมีข้าคนที่สองไปช่วยเจ้าขึ้นมาได้เหรอ""ไม่ใช่ทุกคนที่จะโง่เหมือนข้าขนาดนี้นะ ถ้าเจ้าถูกจับไม่แน่อาจจะถูกขายไปเป็นทาสก็ได้นะ!"ฟู่จิ่งเจิ้งหยุดนิ่ง มองเธออย่างนิ่งนิ่ง แต่เขาที่ถูกช่วยพากลับบ้านมา ก็ยังคงเป็นคนงานในบ้านอยู่ดีไม่ใ
เธอวางแผนที่จะเริ่มสอนพวกเขาในวันพรุ่งนี้ฟู่จิ่งเจิ้งเพิ่งทานข้าวเสร็จ เห็นเธอเป็นแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะถามว่า "หนงหนง เจ้าไม่กลัวว่าพวกนางจะเรียนรู้ทักษะที่นี่แล้วไปเป็นหัวหน้าแม่ครัวที่อื่นหรือ? "สูตรอาหารรั่วไหล?เซียงหนงหนงชะงัก แล้วก็ยกมือขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ"ไปก็ไปสิ อาหารที่ข้าทำได้มีเยอะขนาดนั้น นางเรียนทั้งชีวิตก็เรียนไม่หมดหรอก"ถ้าเรียนรู้ได้สักสองสามอย่างแล้วนำสูตรไปเผยแพร่ มันช่วยให้คนในประเทศหนานฉีมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ก็ถือเป็นการทำดีในแต่ละวันของเธอฟู่จิ่งเจิ้งมองเธออย่างลึกซึ้ง ในใจชื่นชมเธอมากขึ้นเรื่อยๆจิตใจดีเช่นนี้ นับว่ามีความสง่างามของพ่อครัวหลวงที่อยู่ข้างฮ่องเต้องค์แรกอยู่บ้างฟู่จิ่งเจิ้งนั้นพูดถึงเรื่องที่เซียงหนงหนงเองเคยคิดไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่จ้างแม่ครัวมากมายขนาดนั้นถึงเวลาล้างผัก หั่นผัก เตรียมผัก ใส่ลงในหม้อ ใส่เครื่องปรุง คนไม่กี่คนก็แยกกันเรียนรู้ไปแม้ว่าพวกเธอจะออกไปหางานใหม่ ฝ่ายตรงข้ามก็ต้องจ้างทั้งสามคนพร้อมกันเท่านั้น เพื่อที่จะผัดอาหารให้อร่อยตามต้นตำรับทั้งเพิ่มต้นทุนและไม่ได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าอะไรในร้านที่มีคนเข้าออกตลอดเ
หยู่ตูเมื่อยล้าไปทั้งตัว เขาคิดว่ามาทำงานที่ร้านเล็กๆแบบนี้จะเบาๆสบายๆ ใครจะรู้ว่าหนักกว่าโรงเตี๊ยมใหญ่อีกเขาตักผักทั้งวันจนยกมือไม่ขึ้นเขาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด เซียงหนงหนงยกมือขึ้น"ข้าจะไปดู"หน้าบากและคนอื่นๆ พากันเข้าไปดู พวกเขาเห็นกลุ่มคนที่เคยเจอที่บ้นเซียงหนงหนงมารวมตัวกัน คนอ้วนสุดในกลุ่มกำลังกุมท้องร้องโอดโอยไม่หยุดแม้ว่าพวกเขาจะปิดหน้ากันอยู่ แต่ท่าทางลับๆล่อๆของพวกเขา ไม่มีใครในเขคทงเซี่ยนจะสามารถเลียนแบบได้อีกแล้วหลิวอี้นอนบนพื้นแกล้งตาย ขณะที่หลิวเอ้อร์ตะโกนเสียงดัง "เกิดอะไรขึ้น อาหารที่พวกเจ้าทำนี่กินแล้วตายเลยเหรอ?!"หลิวอี้กุมท้องร้องโอ๊ยโอ๊ยโอ๊ย พร้อมกับแอบมองสีหน้าของเซียงหนงหนงเขาพูดไม่ได้เลย ดังนั้นงานที่ต้องพูดคุยจึงมอบให้หลิวเอ้อร์นายจ้างเห็นว่าร้านนี้ยิ่งเปิดยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และมีคนเข้ามาใช้บริการมากขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถนั่งนิ่งได้อีกต่อไปแม่ครัวที่ส่งมาไม่มีใครได้รับเลือกสักคน พยายามขโมยสูตรอาหารแต่ก็หาไม่เจอ จึงต้องใช้วิธีนี้"ลูกค้าขอโทษนะ พวกท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?"เซียงหนงหนงแกล้งทำเป็นอัธยาศัยดีเมื่อเข้าไปใกล้ หลิวเอ้อร์ก็เริ่มตะโกนท
ไม่ว่าจะเกิดปัญหาที่ขั้นตอนใด ข้าจะคนที่รับผิดชอบจะออกมายืนรับผิดชอบแน่"เพียงแต่ว่าเต้าหู้ตุ๋นผักดองนี่หมดไปนานแล้ว คนที่กินก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีใครเป็นไรเลย ดังนั้นข้าว่าปัญหามันเกิดหลังจากเสิร์ฟถึงมือทุกท่านแล้ว อาหารในมือทุกคนเป็นของสะอาดแน่นอน ทานได้อย่างสบายใจ"ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้แล้ว ช่วงเวลาเดียวทุกคนต่างตกตะลึงร้านอาหารของใครบ้างที่จะพิถีพิถันขนาดนี้ ถึงขั้นเก็บตัวอย่างไว้ด้วยร้านนี้พูดถูกแล้ว อาหารทั้งหมดตักมาจากถังนั้น ทำไมพวกเขากินแล้วไม่เป็นไรล่ะ?เห็นเธอจะไปแจ้งความจริงๆ หลิวเอ้อร์ก็มีสีหน้าลุกลน"เจ้าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ให้น้อยลงหน่อย พี่ของข้ากินอาหารที่นี่แล้วท้องเสีย พวกข้าเองก็ไม่อยากจะเอาเรื่องกับเจ้า ""คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งร้านบ้าๆนี่ก็ต้องปิดตัวลง!"ถ้าเรื่องนี้ไปถึงเบื้องบน มันจะไม่ใช่ว่าสร้างปัญหาให้กับหลิวต้ากุ้ยหรอกหรือ?แล้วพวกเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่ไหม?เมื่อหลิวเอ้อร์เห็นว่าท่าไม่ค่อยดีก็เตรียมจะหนี เซียงหนงหนงให้คนหยุดเขาไว้ "รอสักครู่""อาหารจานนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย พวกเจ้าคิดจะไปก็ไปงั้นหรือ?"หลิวอี้ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว เปลือกตากระตุกไม่