ไม่ว่าจะเกิดปัญหาที่ขั้นตอนใด ข้าจะคนที่รับผิดชอบจะออกมายืนรับผิดชอบแน่"เพียงแต่ว่าเต้าหู้ตุ๋นผักดองนี่หมดไปนานแล้ว คนที่กินก่อนหน้านี้ไม่เห็นมีใครเป็นไรเลย ดังนั้นข้าว่าปัญหามันเกิดหลังจากเสิร์ฟถึงมือทุกท่านแล้ว อาหารในมือทุกคนเป็นของสะอาดแน่นอน ทานได้อย่างสบายใจ"ได้ยินคำอธิบายเช่นนี้แล้ว ช่วงเวลาเดียวทุกคนต่างตกตะลึงร้านอาหารของใครบ้างที่จะพิถีพิถันขนาดนี้ ถึงขั้นเก็บตัวอย่างไว้ด้วยร้านนี้พูดถูกแล้ว อาหารทั้งหมดตักมาจากถังนั้น ทำไมพวกเขากินแล้วไม่เป็นไรล่ะ?เห็นเธอจะไปแจ้งความจริงๆ หลิวเอ้อร์ก็มีสีหน้าลุกลน"เจ้าพูดเรื่องไร้สาระพวกนี้ให้น้อยลงหน่อย พี่ของข้ากินอาหารที่นี่แล้วท้องเสีย พวกข้าเองก็ไม่อยากจะเอาเรื่องกับเจ้า ""คอยดูเถอะ สักวันหนึ่งร้านบ้าๆนี่ก็ต้องปิดตัวลง!"ถ้าเรื่องนี้ไปถึงเบื้องบน มันจะไม่ใช่ว่าสร้างปัญหาให้กับหลิวต้ากุ้ยหรอกหรือ?แล้วพวกเขาจะยังมีชีวิตรอดอยู่ไหม?เมื่อหลิวเอ้อร์เห็นว่าท่าไม่ค่อยดีก็เตรียมจะหนี เซียงหนงหนงให้คนหยุดเขาไว้ "รอสักครู่""อาหารจานนี้ยังแก้ปัญหาไม่ได้เลย พวกเจ้าคิดจะไปก็ไปงั้นหรือ?"หลิวอี้ตกใจจนเหงื่อท่วมตัว เปลือกตากระตุกไม่
หมอหลินลูบจมูกแล้วยิ้ม: "เพียงแต่ชีพจรค่อนข้างอ่อนแอ ถ้าตื่นกลางดึกบ่อย อาจรู้สึกเวียนหัว ปากแห้ง และรู้สึกหมดแรง"ผู้คนจำนวนไม่น้อย พอได้ยินก็หัวเราะอย่างโล่งใจออกมาเบาๆเซียงหนงหนงเพิ่งจะรู้สึกตัว ที่แท้คนนี้เป็นโรคไตอ่อนแอนี่เองหลิวอี้หน้าแดงก่ำ แม้แต่หลิวเอ้อร์ก็รู้สึกอับอายมากเช่นกัน"โอ้ คุณหมอหลิน ช่วยกรุณาดูอย่างละเอียด คนนี้มีถูกพิษหรือปวดท้องไม่สบายหรือไม่""ทักษะทางการแพทย์ของฉันเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวเมืองทงเซี่ยน"หมอหลินยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น มองดูแม่หนูตรงหน้าอย่างไม่พอใจและพูดว่า:"ในเมื่อข้าบอกว่าเขาไม่เป็นไรเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร!"เซียงหนงหนงถอนหายใจ"ขอบคุณค่ะ คุณหมอหลิน""ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงปวดท้องล่ะ?"มาถึงขั้นนี้แล้ว จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ก็ไม่ได้แล้ว หน้าของหลิวอี้แดงถึงคอ พยายามลุกขึ้นยืน "ที่จริงแล้วเมื่อครู่ข้าแค่กินมากไปหน่อย ไม่มีอะไรใหญ่โต"พูดแล้วก็พูดให้หลิวเอ้อร์ดูไม่ดีไปอีก "น้องข้าคนนี้เป็นห่วง เลยทำให้เรื่องใหญ่ขนาดนี้ ""พูดไร้สาระ!"มีคนตะโกนขึ้นมาจากรอบๆ"เจ้าแค่ต้องการใส่ร้ายร้านมีให้กิน อยากให้มันปิดลง เพื่อที่เราจะไม่ได
เซียงหนงหนงไม่คิดว่าเรื่องนี้จะคลี่คลายได้ง่ายดายขนาดนี้ เธอยืนอยู่ข้างๆ รอชมการประหารของทั้งสองคนห้าสิบไม้ ครึ่งชีวิตพวกเขาคงไม่เหลือแล้ว ถ้าโชคดีก็อาจจะรอดทั้งสองคนตกใจจนเสียสติ พูดตะกุกตะกักและเริ่มอธิบายอีกครั้ง"ใต้เท้า ขอให้ท่านได้โปรดตรวจสอบอย่างละเอียด"พวกข้าต่างได้รับมอบหมายจากผู้อื่นมาให้ทำแบบนี้!หม่าอู่ทงเริ่มอดทนไม่ไหวแล้ว เขายังต้องรีบกลับบ้านไปกินข้าวนะ "รับมอบหมายจากผู้ใดล่ะ?"หลิวอี้หลิวเอ้อร์รีบคุกเข่า ความแตกต่างระหว่างผู้กระทำผิดหลักและผู้กระทำผิดรองยังมีอยู่บ้าง ตราบใดที่พวกเขาลงมือยอมรับมาก่อน บางทีพวกเขาอาจไม่ต้องถูกทุบตีด้วยไม้กระดาน"จาก……นายจ้างพวกข้า หลิวต้ากุ้ย เป็นคนสั่งขอรับ"พวกเขาถึงแม้ว่าจะทำงานให้หลิวต้ากุ้ย แต่ก็เป็นคนที่มาจากครอบครัวที่ดี ไม่อยากให้เรื่องนี้ทำให้พวกเขามีมลทินดังนั้นพวกเขาจึงแฉหลิวต้ากุ้ย พวกเขาแทบจะไม่ลังเลเลยเซียงหนงหนงมองอย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าหลิวต้ากุ้ยจะเป็นผู้บงการเบื้องหลัง"นายจ้างพวกข้าคือเถ้าแก่หม่านถิงฟาง ช่วงนี้ลูกค้าไปกินแต่ร้านมีให้กินกันหมด แต่หม่านถิงฟางของเรากลับเงียบเหงา นายจ้างไม่พอใจ……ก็……ก็เลยคิดวิธีน
ได้ยินเสียงในใจของเธอ ฟู่จิ่งเจิ้งก็หน้าหม่นหมองลงสายตากวาดมองหญิงสาวในชุดสีชมพูตรงหน้า รู้สึกหมดคำจะพูดเขาดูเหมือนคนที่รสนิยมแย่ขนาดนั้นลยเหรอ?"ไม่ใช่สิ ข้ากับอาเจิ้งไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน ทำไมต้องกลัวว่านางจะเข้าใจผิดล่ะ?"เมื่อคิดจุดนี้แล้ว เซียงหนงหนงก็ยืดหลังตรงและมองไปที่ฟู่จิ่งเจิ้ง"อาเจิ้งนี่คือคนที่เจ้ารู้จักหรือไม่?"ฟู่จิ่งเจิ้งส่ายหัว"ข้าไม่รู้จักนาง"หม่าชิวหยูกระทืบเท้า"เจ้าพูดบ้าอะไร!"เซียงหนงหนงตกใจ หรือว่าเป็นเพราะอาเจิ้งยังไม่ฟื้นความทรงจำ เขาเลยไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เลยพูดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นครอบครัวของเขาจริงๆขณะที่คิดๆอยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็ชี้ไปที่เขาอย่างดุๆ: "เมื่อครู่เจ้ายังยืนคุยกับข้าอยู่ตรงหน้าประตูเลย!"อืม เป็นความสัมพันธ์นี้เองเหรอ?ใช้โอกาสที่เธอไม่อยู่ไปจีบสาวสินะ!หม่าชิวหยูมองเขาอย่างพอใจ มองขึ้นลงสำรวจฟู่จิ่งเจิ้งอย่างละเอียด สีหน้าเธอก็ยิ่งพอใจมากขึ้นวันนี้เธอมีรุ้สึกแปลกๆ อยากมารับพ่อกลับบ้าน ใครจะรู้ว่าจะมาเจอเด็กหนุ่มหล่อเหลา ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขามีรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา เรียกได้ว่าเป็นชายในฝันของเธอเลยทีเดียว!สามี
สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนจากมืดมนเป็นสดใสทันที คว้าตัวเซียงหนงหนงแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมา "อย่าแม้แต่จะคิด!"ขาย ขาย ขาย เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการค้ามนุษย์นั้นน่ารังเกียจเพียงใดเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท แม้ว่าในที่นี่จะไม่ได้แสดงตัวตน แต่ก็เป็นคนดีที่บริสุทธิ์ จะมาให้คนซื้อเพราะอยากซื้อได้อย่างไร!เมื่อกลับวัง เขาจะรายงานต่อเสด็จพ่อ ถ้าไม่ใช่ผู้กระทำผิดร้ายแรง บุคคลอื่นห้ามมีส่วนร่วมซื้อขายทุกกรณีมิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ทั้งหมด!ระหว่างทางกลับ เห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดี เซียงหนงหนงก็ไม่อยากไปทำให้เขาอารมณ์เสีย กลับหยิบแผนภาพออกมาเธอไปสำรวจรอบเมืองมาแล้ว และพบว่าร้านในตำแหน่งพวกนี้กำลังจะเซ้งขายต่อพอดี ร้านอาหารจานด่วนของเธอก็กำลังจะขยายตัว จึงสามารถใช้โอกาสนี้ในการเซ้งร้านพวกนี้ได้ฟู่จิ่งเจิ้งเดินอยู่ข้างหน้าไม่พูดอะไร เห็นว่าเขากำลังจะเลี้ยว เซียงหนงหนงจึงรีบวิ่งตามเขาไปเขามีใบหน้าที่อ่อนโยน ดูไม่โกรธเลย แต่เซียงหนงหนงมักรู้สึกว่าเขาผิดปกติ คิดแล้วคิดอีก จึงพูดปลอบ: "อาเจิ้ง รูปร่างหน้าตานั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบให้ การที่เจ้าหล่อเหลือเกินก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้
หลังจากบทสนทนาครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเซียงหนงหนงกับฟู่จิ่งเจิ้งก็ผ่อนคลายลงอย่างแปลกประหลาดตอนนี้ใกล้จะเปิดร้านแล้ว แต่เธอได้จัดการทุกอย่างได้ดี และเริ่มเรียนรู้ตัวอักษรดั้งเดิมอย่างช้าๆที่ไม่คาดคิดคือ ชายหนุ่มที่ได้มาอย่างไม่ตั้งใจนี้จะมีความรู้มากมาย ด้วยการช่วยเหลือของเขา เซียงหนงหนงเลยพัฒนาระดับความรู้ทางวรรณกรรมขึ้นอย่างมากก่อนที่จะมาถึงโลกนี้เธอเป็นนักเรียนดีเด่นอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเธอสามารถอ่านออกเขียนได้ ระดับการรู้หนังสือของเธอก็ก้าวกระโดดคืนนั้น ฟู่จิ่งเจิ้งแอบออกจากบ้านทงเซี่ยนแม้ว่าการพัฒนาจะไม่ได้ดีนัก แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเก่งท่านอาจารย์ใหญ่ของราชสำนักคนปัจจุบันก็มีเชื้อสายจากเมืองชางโจว เขตทงเซี่ยน เขาเป็นลูกคนธรรมดาที่เกิดจากครอบครัวยากจนการสอบในท้องถิ่นและการสอบกลางในเมืองหลวงเขาล้วนไม่โดดเด่น ผ่านเข้ามาสอบระดับราชสำนักได้อย่างเฉียดฉิวแต่ในบทความที่เขียนในห้องสอบกลับได้รับความชื่นชมจากผู้คุมสอบหลายคน แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังชมเชยอดีตฮ่องเต้ทรงกล่าวถึงผู้สอบได้อันดับหนึ่งว่าเป็นผู้ที่ซ่อนความสามารถไว้ และแต่งตั้งให้เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ขององค์ร
จางซุนหยุนเทียนหรี่ตา มองดูพระจันทร์เต็มดวงบนใบหน้าเขาขอกลับบ้านเกิดเมื่อเกษียณอายุ ฝ่าบาทก็ยังตั้งใจที่จะให้เขาอยู่ต่อ บอกว่าองค์รัชทายาทยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้สร้างครอบครัว จึงไม่สามารถแยกจากอาจารย์ใหญ่ได้จางซุนหยุนเทียนหัวเราะทันที แม้แต่ฮ่องเต้จะมีอนุภรรยาและนางสนมมากมาย ก็ยังไม่ปล่อยให้เขาไปเลยถ้ารอให้ฟู่จิ่งเจิ้งแต่งงาน นั่นคงต้องรอถึงปีลิงเดือนม้าแล้วใช่ไหม?**ปีลิงเดือนม้า ในปฏิทินจีนไม่นับ = เวลานั้นคงไม่มีอยู่จริงอากาศค่อยๆ เย็นลง ฟู่จิ่งเจิ้งกลับมาตามทาง ลมพัดทำให้ใบหน้ารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเขาลูบผิวที่หยาบกร้านขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้านห่างออกไปไกลๆ ก็เห็นประตูบ้านเปิดกว้าง มีร่างเล็กๆ ยืนอยู่ที่ประตู มองไปรอบๆเขาหยุดชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินไปข้างหน้าเซียงหนงหนงเห็นเงาดำสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้ามาในความมืด เมื่อเห็นชัดเจนว่าใครก็รีบโบกมือบนตัวชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหนาบเหน็บ จนหายใจออกมาเป็นไอเย็นเข้ามาในบ้าน"อาเจิ้งอาหารพร้อมแล้วแค่รอเจ้าอยู่"ฟู่จิ่งเจิ้งรู้สึกอบอุ่นในใจ พูดเบาๆ ว่า:"เมื่อครู่ไปเดินเล่นในเมืองนานไปหน่อย เลยมา
เซียงเฉียนยิ้มอย่างมีความสุข เปิดกล่องอาหารและหยิบเนื้อแห้งออกมานี่คือเนื้อสัตว์ที่เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษในเมืองอี้หวู่ เราะไม่สามารถเก็บรักษาได้ จึงพบเจอได้ยากในเมืองหลวง"ลูกใช้เครื่องเทศพิเศษหมักทำเป็นเนื้อแห้งแบบนี้ ท่านแม่ลองชิมดูสิ"เนื้อแห้งสีดำกองอยู่ในกล่อง เห็นได้ชัดว่า เซียงเฉียนพยายามจัดให้ดูดีนายหญิงกั๋วกงมองดูแวบหนึ่ง รู้สึกไม่ค่อยสนใจเห็นแล้วไม่ค่อยอยากกินเลย อย่าว่าแต่ลองชิมเลยเห็นเซียงเฉียนจ้องมองตัวเอง เธอเลยลองชิมหนึ่งอันเพื่อรักษาหน้าลูกสาวเธอแปลกๆ ขมๆ เค็มๆ แม้แต่กลิ่นความคาวของเนื้อก็ไม่ได้จัดการให้สะอาดนายหญิงกั๋วกงกือบจะอาเจียนออกมา รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแล้วคายออกมา"เฉียนเฉียน ต่อไปไม่ต้องลำบากทำของพวกนี้หรอกนะ ให้พ่อครัวในจวนทำก็พอ"เซียงเฉียนนิ่งอึ้ง มองดูนายหญิงกั๋วกงบ้วนปากหลายครั้ง"ท่านแม่ลูกไม่ได้……""เฉียนเฉียน" นายหญิงกั๋วกงขัดจังหวะเธอ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า"แม่รู้ว่าช่วงนี้ในจวนยุ่งมาก ทุกคนอาจไม่ทันสังเกตหรือใส่ใจความรู้สึกลูก""ลูกตอนนี้สถานการณ์ไม่แน่นอน พวกเราจวนกั๋วกงไม่สามารถเดินทางผิดได้"นายหญิงกั๋วกงลูบมือเธอพูดอย่างจริง