ได้ยินเสียงในใจของเธอ ฟู่จิ่งเจิ้งก็หน้าหม่นหมองลงสายตากวาดมองหญิงสาวในชุดสีชมพูตรงหน้า รู้สึกหมดคำจะพูดเขาดูเหมือนคนที่รสนิยมแย่ขนาดนั้นลยเหรอ?"ไม่ใช่สิ ข้ากับอาเจิ้งไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน ทำไมต้องกลัวว่านางจะเข้าใจผิดล่ะ?"เมื่อคิดจุดนี้แล้ว เซียงหนงหนงก็ยืดหลังตรงและมองไปที่ฟู่จิ่งเจิ้ง"อาเจิ้งนี่คือคนที่เจ้ารู้จักหรือไม่?"ฟู่จิ่งเจิ้งส่ายหัว"ข้าไม่รู้จักนาง"หม่าชิวหยูกระทืบเท้า"เจ้าพูดบ้าอะไร!"เซียงหนงหนงตกใจ หรือว่าเป็นเพราะอาเจิ้งยังไม่ฟื้นความทรงจำ เขาเลยไม่รู้จักผู้หญิงคนนี้ เลยพูดไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นครอบครัวของเขาจริงๆขณะที่คิดๆอยู่ ผู้หญิงคนนั้นก็ชี้ไปที่เขาอย่างดุๆ: "เมื่อครู่เจ้ายังยืนคุยกับข้าอยู่ตรงหน้าประตูเลย!"อืม เป็นความสัมพันธ์นี้เองเหรอ?ใช้โอกาสที่เธอไม่อยู่ไปจีบสาวสินะ!หม่าชิวหยูมองเขาอย่างพอใจ มองขึ้นลงสำรวจฟู่จิ่งเจิ้งอย่างละเอียด สีหน้าเธอก็ยิ่งพอใจมากขึ้นวันนี้เธอมีรุ้สึกแปลกๆ อยากมารับพ่อกลับบ้าน ใครจะรู้ว่าจะมาเจอเด็กหนุ่มหล่อเหลา ยืนอยู่หน้าสำนักงานเขามีรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา เรียกได้ว่าเป็นชายในฝันของเธอเลยทีเดียว!สามี
สีหน้าขององค์รัชทายาทเปลี่ยนจากมืดมนเป็นสดใสทันที คว้าตัวเซียงหนงหนงแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมา "อย่าแม้แต่จะคิด!"ขาย ขาย ขาย เขารู้สึกเป็นครั้งแรกว่าการค้ามนุษย์นั้นน่ารังเกียจเพียงใดเขาเป็นถึงองค์รัชทายาท แม้ว่าในที่นี่จะไม่ได้แสดงตัวตน แต่ก็เป็นคนดีที่บริสุทธิ์ จะมาให้คนซื้อเพราะอยากซื้อได้อย่างไร!เมื่อกลับวัง เขาจะรายงานต่อเสด็จพ่อ ถ้าไม่ใช่ผู้กระทำผิดร้ายแรง บุคคลอื่นห้ามมีส่วนร่วมซื้อขายทุกกรณีมิฉะนั้นจะถูกดำเนินคดีในข้อหาค้ามนุษย์ทั้งหมด!ระหว่างทางกลับ เห็นว่าเขาอารมณ์ไม่ดี เซียงหนงหนงก็ไม่อยากไปทำให้เขาอารมณ์เสีย กลับหยิบแผนภาพออกมาเธอไปสำรวจรอบเมืองมาแล้ว และพบว่าร้านในตำแหน่งพวกนี้กำลังจะเซ้งขายต่อพอดี ร้านอาหารจานด่วนของเธอก็กำลังจะขยายตัว จึงสามารถใช้โอกาสนี้ในการเซ้งร้านพวกนี้ได้ฟู่จิ่งเจิ้งเดินอยู่ข้างหน้าไม่พูดอะไร เห็นว่าเขากำลังจะเลี้ยว เซียงหนงหนงจึงรีบวิ่งตามเขาไปเขามีใบหน้าที่อ่อนโยน ดูไม่โกรธเลย แต่เซียงหนงหนงมักรู้สึกว่าเขาผิดปกติ คิดแล้วคิดอีก จึงพูดปลอบ: "อาเจิ้ง รูปร่างหน้าตานั้นเป็นสิ่งที่พ่อแม่มอบให้ การที่เจ้าหล่อเหลือเกินก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้
หลังจากบทสนทนาครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเซียงหนงหนงกับฟู่จิ่งเจิ้งก็ผ่อนคลายลงอย่างแปลกประหลาดตอนนี้ใกล้จะเปิดร้านแล้ว แต่เธอได้จัดการทุกอย่างได้ดี และเริ่มเรียนรู้ตัวอักษรดั้งเดิมอย่างช้าๆที่ไม่คาดคิดคือ ชายหนุ่มที่ได้มาอย่างไม่ตั้งใจนี้จะมีความรู้มากมาย ด้วยการช่วยเหลือของเขา เซียงหนงหนงเลยพัฒนาระดับความรู้ทางวรรณกรรมขึ้นอย่างมากก่อนที่จะมาถึงโลกนี้เธอเป็นนักเรียนดีเด่นอยู่แล้ว ตอนนี้เมื่อเธอสามารถอ่านออกเขียนได้ ระดับการรู้หนังสือของเธอก็ก้าวกระโดดคืนนั้น ฟู่จิ่งเจิ้งแอบออกจากบ้านทงเซี่ยนแม้ว่าการพัฒนาจะไม่ได้ดีนัก แต่ที่นี่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีคนเก่งท่านอาจารย์ใหญ่ของราชสำนักคนปัจจุบันก็มีเชื้อสายจากเมืองชางโจว เขตทงเซี่ยน เขาเป็นลูกคนธรรมดาที่เกิดจากครอบครัวยากจนการสอบในท้องถิ่นและการสอบกลางในเมืองหลวงเขาล้วนไม่โดดเด่น ผ่านเข้ามาสอบระดับราชสำนักได้อย่างเฉียดฉิวแต่ในบทความที่เขียนในห้องสอบกลับได้รับความชื่นชมจากผู้คุมสอบหลายคน แม้แต่ฮ่องเต้องค์ก่อนยังชมเชยอดีตฮ่องเต้ทรงกล่าวถึงผู้สอบได้อันดับหนึ่งว่าเป็นผู้ที่ซ่อนความสามารถไว้ และแต่งตั้งให้เขาเป็นอาจารย์ใหญ่ขององค์ร
จางซุนหยุนเทียนหรี่ตา มองดูพระจันทร์เต็มดวงบนใบหน้าเขาขอกลับบ้านเกิดเมื่อเกษียณอายุ ฝ่าบาทก็ยังตั้งใจที่จะให้เขาอยู่ต่อ บอกว่าองค์รัชทายาทยังไม่ได้แต่งงาน ยังไม่ได้สร้างครอบครัว จึงไม่สามารถแยกจากอาจารย์ใหญ่ได้จางซุนหยุนเทียนหัวเราะทันที แม้แต่ฮ่องเต้จะมีอนุภรรยาและนางสนมมากมาย ก็ยังไม่ปล่อยให้เขาไปเลยถ้ารอให้ฟู่จิ่งเจิ้งแต่งงาน นั่นคงต้องรอถึงปีลิงเดือนม้าแล้วใช่ไหม?**ปีลิงเดือนม้า ในปฏิทินจีนไม่นับ = เวลานั้นคงไม่มีอยู่จริงอากาศค่อยๆ เย็นลง ฟู่จิ่งเจิ้งกลับมาตามทาง ลมพัดทำให้ใบหน้ารู้สึกเจ็บเล็กน้อยเขาลูบผิวที่หยาบกร้านขึ้นเรื่อยๆ ของตัวเอง แล้วเร่งฝีเท้าเดินกลับบ้านห่างออกไปไกลๆ ก็เห็นประตูบ้านเปิดกว้าง มีร่างเล็กๆ ยืนอยู่ที่ประตู มองไปรอบๆเขาหยุดชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบเดินไปข้างหน้าเซียงหนงหนงเห็นเงาดำสูงใหญ่ค่อยๆ เดินเข้ามาในความมืด เมื่อเห็นชัดเจนว่าใครก็รีบโบกมือบนตัวชายหนุ่มเต็มไปด้วยความหนาบเหน็บ จนหายใจออกมาเป็นไอเย็นเข้ามาในบ้าน"อาเจิ้งอาหารพร้อมแล้วแค่รอเจ้าอยู่"ฟู่จิ่งเจิ้งรู้สึกอบอุ่นในใจ พูดเบาๆ ว่า:"เมื่อครู่ไปเดินเล่นในเมืองนานไปหน่อย เลยมา
เซียงเฉียนยิ้มอย่างมีความสุข เปิดกล่องอาหารและหยิบเนื้อแห้งออกมานี่คือเนื้อสัตว์ที่เป็นผลิตภัณฑ์พิเศษในเมืองอี้หวู่ เราะไม่สามารถเก็บรักษาได้ จึงพบเจอได้ยากในเมืองหลวง"ลูกใช้เครื่องเทศพิเศษหมักทำเป็นเนื้อแห้งแบบนี้ ท่านแม่ลองชิมดูสิ"เนื้อแห้งสีดำกองอยู่ในกล่อง เห็นได้ชัดว่า เซียงเฉียนพยายามจัดให้ดูดีนายหญิงกั๋วกงมองดูแวบหนึ่ง รู้สึกไม่ค่อยสนใจเห็นแล้วไม่ค่อยอยากกินเลย อย่าว่าแต่ลองชิมเลยเห็นเซียงเฉียนจ้องมองตัวเอง เธอเลยลองชิมหนึ่งอันเพื่อรักษาหน้าลูกสาวเธอแปลกๆ ขมๆ เค็มๆ แม้แต่กลิ่นความคาวของเนื้อก็ไม่ได้จัดการให้สะอาดนายหญิงกั๋วกงกือบจะอาเจียนออกมา รีบใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปากแล้วคายออกมา"เฉียนเฉียน ต่อไปไม่ต้องลำบากทำของพวกนี้หรอกนะ ให้พ่อครัวในจวนทำก็พอ"เซียงเฉียนนิ่งอึ้ง มองดูนายหญิงกั๋วกงบ้วนปากหลายครั้ง"ท่านแม่ลูกไม่ได้……""เฉียนเฉียน" นายหญิงกั๋วกงขัดจังหวะเธอ ก่อนจะพูดด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า"แม่รู้ว่าช่วงนี้ในจวนยุ่งมาก ทุกคนอาจไม่ทันสังเกตหรือใส่ใจความรู้สึกลูก""ลูกตอนนี้สถานการณ์ไม่แน่นอน พวกเราจวนกั๋วกงไม่สามารถเดินทางผิดได้"นายหญิงกั๋วกงลูบมือเธอพูดอย่างจริง
พอคิดถึงเรื่องนี้ เซียงเหล่าซานก็ถอนหายใจ "ไอ้หนู กินให้เต็มที่ บ้านเรามีข้าวเยอะ กินให้อิ่ม!"แม่เซียงถอนหายใจ "ใช่ ต้องกินให้อิ่ม!"เธอและเซียงเหล่าซานสบตากัน และเห็นความรู้สึกเมตตาบนใบหน้าของกันและกันในตอนกลางคืน ครอบครัวนี้กำลังจะปิดไฟนอน จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก"เซียงเหล่าซาน เซียงเหล่าซานอยู่บ้านไหม?"เซียงหนงหนงหยุดมือชะงัก แล้วเดินออกไป"มีอะไรหรือ?"เป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน หมู่บ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ใหญ่ไม่เล็ก มีสองร้อยกว่าครัวเรือนในหมู่บ้านหนึ่ง เพราะอยู่ติดทะเล จึงมีคนจากที่อื่นมาพักอาศัยเป็นครั้งคราวคนนั้นถือขวดเหล้าและห่อกระดาษน้ำมัน ยื่นให้กับเซียงหนงหนง "นี่คือหนงหนงใช่ไหม!""โอ้ ข้ามาหาพ่อเจ้า""นี่ไม่ใช่ช่วงปีใหม่แล้วหรอกหรือ หมูที่บ้านข้าก็เลี้ยงจนโตพอแล้ว พรุ่งนี้เลยอยากเชิญเหล่าซานไปสักรอบ"ขอให้พ่อเธอไปฆ่าหมูให้สินะเซียงหนงหนงคิดครู่หนึ่ง แล้วก็เรียกเซียงเหล่าซานออกมาในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มือของเซียงเหล่าซานหายดีเกือบหมดแล้ว การฆ่าหมูเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะ ต้องรวดเร็ว เด็ดขาด และแม่นยำเพื่อให้แน่ใจว่าหมูจะตายในเวลาที่สั้นที่สุดและไม
ตลอดทางฟู่จิ่งเจิ้งมีสีหน้าที่ไม่ดีนัก เซียงหนงหนงเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว มองดูแผ่นหลังเธอ เขารู้ว่าเด็กสาวคนนี้ไม่ได้หลอกเขาเธอจะไปฆ่าหมูจริงๆและตัวเองก็ต้องไปช่วยยกจริงๆกลิ่นเหม็นของคอกหมูแรงมาก คอกหมูในชนบทบางแห่งตั้งอยู่ใต้ห้องน้ำที่ไม่มีน้ำ มูลของคนผสมกับของหมู น่าขยะแขยงเท่าไหร่ก็ขยะแขยงเท่านั้นฟู่จิ่งเจิ้งเพิ่งยืนดูอยู่ข้างๆได้สักพัก ก็รู้สึกคลื่นไส้เล็กน้อยแค่คิดว่าจะต้องเข้าไปจับหมูตัวนั้น เขาก็หน้าซีดแล้ว"คนฆ่าหมูมาแล้ว!"เสียงที่ตื่นเต้นดังขึ้น ฟู่จิ่งเจิ้งหันหัวไป เห็นเพียงเงาร่างสูงใหญ่กำลังเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วเขาอดไม่ได้ที่จะจ้องมองชายผู้นั้นสูงเกือบสองเมตร รูปร่างคล้ายกับนายพลผู้มีชื่อเสียงและแข็งแกร่งในราชสำนักปัจจุบัน ผิวสีเหลืองแดงสุขภาพดี คนยากจนแทบไม่มีใครสามารถเลี้ยงดูมาได้ดีขนาดนี้ ฟู่จิ่งเจิ้งอดไม่ได้ที่จะมองอีกสองสามครั้ง คิดในใจว่านี่น่าจะเป็นพวกฝึกศิลปะการต่อสู้หันกลับมาอีกครั้ง ถึงพบว่าเซียงหนงหนงเหมือนจะหลงเขาไปแล้ว มองอย่างไม่ละสายตาขนาดนั้นหนุ่มหล่อผิวแทน!เซียงหนงหนงมีความชอบในเรื่องรูปลักษณ์ที่แตกต่างออกไป ไม่ได้ชอบผิวขาวซีด แ
ชาวบ้านพูดกันไปมากๆ เขาก็บอกว่าเขาจะไปเป็นทหารเอาค่อยๆพูดไปบ่อยๆ ก็จะไม่มีคนพูดเรื่องซุบซิบมากนักแต่พวกเขาแทบจะล่องหนในหมู่บ้าน ไม่มีเพื่อนสนิทมากนัก ปกติแล้วถ้าทำธุระก็จะขอความช่วยเหลือเอาได้ก็ได้ ถ้าไม่ได้ก็ใช้เงินเซียงหนงหนงยิ้มกว้าง:"ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะรีบทำให้เสร็จซะอีก วันนี้ข้าว่างทั้งวัน หมูพวกนี้ จัดการจัดการไป ก็คงจะยุ่งถึงตอนเย็นแหละ""แต่ว่ารบกวนเจ้าช่วยอาเจิ้งจับหมูออกมาก่อน ข้าขอไปลับมีดก่อน""ได้เลย!"เมื่อเข้าไปในคอกหมู ฟู่จิ่งเจิ้งก็พบว่าจริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้ยอมรับได้ยากขนาดนั้นนี่ชายผิวแทนคนนั้นวิ่งไล่หมูไปรอบๆเป็นวงกลม หมูวิ่งหนีมาที่เท้าของเขา เขาก็ยื่นมือออกไปจับโดยไม่รู้ตัวไม่รู้ทำไม เขากลับนึกถึงว่าถ้าขุนนางในหนานฉีรู้เรื่องนี้เข้า คงจะเขียนรายงานฮ่องเต้ จนเอกสารในห้องหนังสือฮ่องเต้พูนเป็นกอง"เฮ้พี่ชาย"ฉินเสี่ยวจงรีบวิ่งเข้ามา"ท่านมือไวจริงๆ"เขายกขาของหมูขึ้นด้วยสองมือ ในช่วงฤดูหนาวเขาก็ยังใส่เสื้อบาง ๆ แขนเสื้อของเขาถูกกล้ามเนื้อของเขาดันยืดออกจนเห็นได้ชัดฟู่จิ่งเจิ้งนึกถึงท่าทางที่เซียงหนงหนงไม่ละสายตาเมื่อครู่ จู่ๆ ก็รู้สึกไม่สบายใจ"ข้าช่วยเ