หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการหวังก็สั่งการให้นายทหารคนสนิทขับรถไปยังร้านตัดเย็บเสื้อผ้าร้านหนึ่ง โชคดีที่ถนนหนทางในยุคนี้ ผู้คนโดยทั่วไปไม่ได้ร่ำรวยมากพอที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัวได้เกือบทุกคน บนท้องถนนจึงมีรถไม่มากเท่าใรนัก ประชาชนทั่วไปมักจะใช้รถไฟเป็นการเดินทาง หรือไม่ก็ใช้จักรยาน
รถยุโรปที่มีตราสัญลักษณ์ของผู้บัญชาการทหารมักจะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างง่ายดาย ในช่วงที่ยุคเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟู และส่วนใหญ่ประเทศจีนเป็นพวกอนุรักษ์นิยม พวกนายทุนที่ประสบความสำเร็จจึงมักจะเป็นคนหัวสมัยใหม่พร้อมที่จะเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเสียมากกว่า
เมื่อเห็นเช่นนั้นเธอจึงมีความคิดของนักธุรกิจขึ้นมา ชีวิตใหม่ของเธอของมีเพียงเขาเป็นนายทุน เธอก็พร้อมที่จะใช้เงินลงทุนของเขาทำให้เกิดความงอกเงยด้วยการเปิดกิจการใดกิจการหนึ่งขึ้นมา หากถึงวันนั้นเขาไม่ได้มีใจให้กับเธอ เธอก็สามารถที่จะอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ได้อย่างสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร
“เรื่องแบบนี้ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ” เธอพึมพำขึ้นมา โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าเพื่อหาแรงบันดาลใจในการทำกิจการ
“คุณว่าอะไรนะ” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอพึมพำอยู่คนเดียว
“คุณรวยมากไหมคะ” เธอถามออกไปอย่างตรงประเด็น ที่ทำให้คนฟังเช่นเขาถึงกับหน้าเหวอไปเล็กน้อย
“ก็รวยอยู่นะ ทำไมหรือ” แม้จะยังสงสัย แต่เขาก็ตอบออกไปอยู่ดี
“เช่นนั้นจะเป็นอะไรไหมคะ หากว่าวันหนึ่ง ฉันจะขอให้คุณเป็นนายทุนให้กับฉัน”
ฉินเจินเจินสบตากับเขาด้วยความจริงจัง สีหน้าและแววตาของเธอในตอนนี้ไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรเธอก็ไม่ใช่เด็กสาวอายุยี่สิบ หากจะเทียบเคียงกันอย่างจริงจังความคิดความอ่านของเธอคือคนรุ่นเดียวกันกับเขา นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่สร้างความแปลกใจให้กับเขาไม่น้อย
“คุณอยากทำธุรกิจอย่างนั้นหรือ คุณจะทำอะไรกันล่ะ ถ้าคุณมีจุดมุ่งหมายที่ชัดเจนผมจะเป็นนายทุนให้คุณเอง” เขาบอกกับเธอด้วยความจริงใจ หากเธอต้องการจะทำเช่นนั้นจริง ๆ
“พ่อบุญทุ่มเหลือเกินนะคะ คุณเป็นแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนหรือเปล่านะ” เธอถามเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้
“นอกจากคุณ ก็มีแค่ภรรยาเก่าของผมเท่านั้น แต่เธอเป็นฝ่ายทรยศผมไปเอง”
พอเขาพูดถึงตรงนี้ เธอกลับนิ่งเงียบไป นั่นไม่ใช่อาการแง่งอนหรืออาการไม่พอใจแต่อย่างใด แต่เป็นความเข้าอกเข้าใจเขาเสียมากกว่า ผู้ชายอย่างเขาดูก็รู้ว่าถ้าได้รักใครก็จะรักและทุ่มสุดใจ สายตาเช่นนั้นเธอเคยได้เห็นสายตาของตัวเองที่เคยมีให้กับเด็กหนุ่มที่เธอมอบความรักให้เสมอมาจนกระทั่งเขาเป็นฝ่ายทรยศมันด้วยตัวเอง
“ฉันเข้าใจคุณค่ะ และฉันจะไม่เป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน หากวันหนึ่งคุณเป็นสามีของฉัน คุณจะเป็นของขวัญอันแสนล้ำค่าในชีวิตของฉันอย่างแน่นอน” ฉินเจินเจินส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงใจให้กับเขา
“มั่นใจเหลือเกินนะแม่คุณ ว่าผมจะเลือกคุณมาเป็นภรรยาของผม ฮ่า” เขายิ้มออกมาด้วยความเจ้าเล่ห์
“แน่นอนค่ะ ฉันปักหมุดเอาไว้ที่คุณแล้ว”
มีหรือที่คนอย่างเธอจะยอม หากเจอเป้าหมายแล้วเธอก็พร้อมที่จะทุ่มเทหมดหน้าตักเพื่อให้ได้เขามาครอบครอง เพียงแต่ในชีวิตบนโลกใบนี้เธอไม่ได้ซื้อเขาด้วยเงินตรา แต่ว่าเธอจะซื้อเขาด้วยความดีและความจริงใจของตัวเองต่างหาก
สิ่งที่พวกเขาสนทนากันเป็นการหยอดความหวานซึ้งให้แก่กันโดยไม่รู้ตัว มีเพียงนายทหารที่รับหน้าที่เป็นคนขับรถเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่านายของเขาและผู้หญิงคนนี้ต่างถูกอกถูกใจกันและกัน จนเขาที่ได้ฟังยังต้องกำพวงมาลัยแน่นด้วยความเขินอาย
“ห่าวอู๋ เดี๋ยวคุณช่วยแจ้งไปยังกองทัพทีว่าวันนี้ผมติดธุระ”
“ครับ”
“นี่คุณถึงกับโดดงานเลยหรือคะ ฮ่า” เธอทำตาโตพร้อมกับเอ่ยแซวขึ้นมาเมื่อเห็นว่าเขาไม่เข้ากองทัพแล้ว
“ถือว่าวันนี้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณก็แล้วกัน”
หลังจากนั้นผู้บัญชาการหวังก็พาเธอไปยังร้านตัดเย็บเสื้อผ้า ก่อนจะสั่งตัดกี่เพ้าให้เธอมากมาย ในยุค 80 ประเทศจีนเข้าสู่ยุคเปิดประเทศ สังคมจีนเริ่มเปิดรับความคิดใหม่ ๆ เข้ามา จากเสื้อผ้าที่ถูกบังคับให้ใช้ได้ไม่เกินสามสีก็ได้รับอิสระเสรีทางสีสันและลวดลาย พร้อมทั้งใช้ดิไซน์โบราณ ผสมผสานกับความโมเดิร์น จึงได้กี่เพ้าร่วมสมัยออกมาอย่างงดงาม
“คุณคะ คุณตัดเสื้อผ้าให้ฉันมากมายขนาดนี้ ลืมไปหรือเปล่าคะ ว่าคุณให้ฉันอยู่ในฐานะคนใช้ คนใช้ไม่จำเป็นต้องแต่งตัวสวยหรอกนะคะ” เธอเอ่ยประท้วงขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเขาใช้จ่ายเกินความจำเป็น อีกทั้งยังเกินสถานะที่เขาให้เธอ
“ผมก็แค่ต้องการให้คนใช้คฤหาสน์ของผมแต่งตัวสวย ๆ ก็เท่านั้น” เขาตอบเธอ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเลือกลวดลวดลายของผ้าด้วยตัวเอง
“เช่นนั้นคุณก็ต้องตัดเผื่อคนใช้ทั้งคฤหาสน์ของคุณแล้วกระมังคะ” เธอก็ยังไม่เข้าใจความต้องการของเขาอยู่ดี
“คนใช้ของผม หมายถึงคุณคนเดียวต่างหากเล่า”
“คุณจะให้ฉันแต่งตัวสวย แล้วขังฉันเอาไว้ในห้องครัวหรืออย่างไรกัน”
“ผมจะขังคุณเอาไว้ในห้องนอนของผมต่างหาก คุณยินดีจะถูกขังหรือไม่ล่ะ”
หวังซานเย่เดินเข้ามาประชิดกับร่างเล็กของเธอ ก่อนจะโอบรั้งรอบเอวของเธอแล้วดึงเข้าไปใกล้ ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความคิดอย่างชัดเจน
“คุณไม่รอให้ฉันจีบคุณแล้วหรือคะ คุณถึงได้เปลี่ยนไปขนาดนี้” เธอวางฝ่ามือเล็กลงบนแผงอกของเขา ก่อนจะเงยใบหน้าถามไถ่สิ่งที่ค้างคาใจ
“ผมเปลี่ยนใจแล้ว ผมเพิ่งจะรู้ตัวว่าผมเองก็สนใจคุณเช่นเดียวกัน” เขาบอกกับเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความจริงจัง
‘ผู้ชายยุคนี้เป็นไบโพล่าหรืออย่างไรกันนะ ทั้ง ๆ ที่เมื่อคืนลงทุนอ่อยแทบตายกลับไม่สนใจ แต่พอมาวันนี้กลายเป็นฝ่ายรุกเฉยเลย’ เธอบอกกับตัวเองในความคิด แต่เป็นเช่นนี้ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคใด ๆ กับเธอ ในเมื่อเธอและเขามีใจตรงกัน ที่เหลือก็คือหน้าที่ที่ต้องเรียนรู้กันและกัน
“ฉันตามอารมณ์ของคุณไม่ทันแล้วค่ะ คุณเข้าสู่วัยทองแล้วหรือเปล่าคะ” เธอบอกกับเขาด้วยท่าทางประชดประชัน
“นี่คุณว่าผมหรือ แล้วคุณไม่อยากรู้บ้างหรือว่าคนวัยทองแบบผมทำอะไรได้มากกว่าที่คุณคิด” เขาขยิบตาให้กับเธอ ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธออ่อนไหวไปหมดแล้ว
แค่ก แค่ก
“เอ่อ ขอโทษนะคะ คุณผู้ชายคุณผู้หญิง พอดีจะถามว่าลายผ้าพวกนี้คุณจะเลือกด้วยไหม” พนักงานหญิงของร้านกระแอมขึ้นขัดจังหวะ หลังจากรอถามไถ่อยู่นาน
“ครับ ผมเลือกหมดนี่เลย”
หลังจากที่เธอวัดตัวเพื่อตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ เขาก็พาเธอไปเลือกซื้อข้าวของเครื่องใช้อีกหลายอย่าง ก่อนจะเดินทางกลับไปยังคฤหาสน์ของผู้บัญชาการแห่งลั่วหยาง แต่เขากลับบอกให้ห่าวอู๋แวะที่หนึ่งก่อนกลับ ซึ่งตอนนี้ท้องฟ้าก็มืดสนิทไปเสียแล้ว
“เจินเจิน แวะดื่มสักนิดก่อนกลับคฤหาสน์กันดีไหม”
เขาเอ่ยขึ้นมา โดยที่ห่าวอู๋ยังอดที่จะแปลกใจไม่ได้ เขาอยู่กับนายคนนี้มานานหลายปี ก็ไม่เคยเห็นว่าผู้บัญชาการของเขาจะแวะไนต์คลับก่อนกลับคฤหาสน์
“อืม ฉันเหนื่อยนิดหน่อยค่ะ เอาไว้วันหลังได้ไหมคะ” เธอบอกกับเขาไปตามความจริง ก็เพราะเขานั่นแหละที่พาเธอออกมาตั้งแต่ยามฟ้าสางจนถึงพลบค่ำ กลางคืนเธอก็นอนไม่หลับ ฝืนตัวเองเอาไว้ได้นานขนาดนี้ก็นับว่าถึกทนสำหรับตัวเธอแล้ว
“ไม่เป็นไรครับ กลับบ้านกันจะดีกว่า”
เขาไม่ฝืนใจเธอ ก่อนจะพยักหน้าให้ห่าวอู๋เดินทางกลับคฤหาสน์ของผู้บัญชาการ ไม่นานรถยุโรปนำเข้าก็เคลื่อนมาจอดด้านหน้าคฤหาสน์หลังงามเป็นที่เรียบร้อย
ผู้บัญชาการหนุ่มประคองเธอเดินเข้าไปยังด้านใน แต่ไม่ทันไรเสียงของใครคนใดคนหนึ่งก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นเสียงของบุรุษที่แม้แต่เขายังไม่คุ้นเคย
“พี่ชายกลับมาแล้วหรือครับ”
ดวงตาคู่คมปรายขึ้นมองผู้ที่เอ่ยคำทักทาย และด้วยเค้าโครงใบหน้าที่ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเท่าไรนัก เขาก็พอจะนึกออกว่านั่นคือ หวังไห่เถิงน้องชายของเขา
ฉินเจินเจินเองก็แหงนใบหน้าขึ้นมองไปตามเสียงเช่นเดียวกันกับผู้บัญชาการ แต่ทว่าบุคคลที่ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าทำให้เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ทำอะไรไม่ถูก หัวใจของเธอเต้นเร่าด้วยความตื่นตระหนก
“เป่าซานซาน!”
เสียงที่ดังลั่นออกไปของเธอ ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้องสายตามายังฉินเจินเจินด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยว่าเธอกำลังเรียกชื่อของใครกัน“คุณหมายถึงผมอย่างนั้นหรือ”ผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะปรายนิ้วมือชี้เข้าหาตัวเอง เพื่อย้ำในสิ่งที่เธอเอ่ยเมื่อครู่อีกครั้ง และด้วยความที่เธอทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่พยายามข่มอารมณ์บอกปัดออกไป“ปะ...เปล่าคะ คุณแค่หน้าเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ต้องขออภัยด้วย” เธอตอบออกไปโดยที่ไม่ได้คิดจะมองใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย“เจินเจิน นี่คือหวังไห่เถิง น้องชายเพียงคนเดียวของผม” ผู้บัญชาการหวังเอ่ยแนะนำผู้เป็นน้องชายให้เธอได้รู้จัก“ฉันฉินเจินเจินค่ะ” เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาท เธอจึงรวบรวมความกล้า มองสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำแนะนำตัวเอง“ผมหวังไห่เถิง คุณสวยมากเลยครับ พี่ชายเธอเป็นเมียใหม่ของพี่อย่างนั้นหรือ”หวังไห่เถิง มองสาวสวยข้างกายของผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาโลมเลีย เธอช่างสวยถูกใจของเขาเสียเหลือเกิน พี่ชายของเขาคนนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเมียใหม่หรือเมียเก่าล้วนแล้วแต่มีใบหน้าและรูปร่างที่น่าจับต้อง“เธอย
“เจินเจิน คุณไม่เป็นอะไรนะ”หวังซานเย่ลูบไล้ฝ่ามือลงบนเส้นผมของเธอด้วยความอ่อนโยน ในขณะที่ร่างบอบบางของเธอยังคงไหวสะท้านราวกับหวาดกลัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา“คุณคะ ฉันกลัว คุณอยู่กับฉันก่อนนะคะ”ที่พึ่งของเธอในยามนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่การที่เธอจะกล่าวโทษน้องชายสายเลือดเดียวกันของเขาอย่างโจ้งแจ้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำในตอนนี้"อืม ผมจะอยู่กับคุณ คุณไม่ต้องกลัวนะ" เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อหวังจะปลอบประโลมความกลัวของเธอ“...”เธอไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป แต่เธอทำเพียงแค่ซุกใบหน้าลงบนแผงอกกว้างของเขา พร้อมกับท่อนแขนเล็กที่โอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น“เจินเจิน ถ้าผมจะบอกคุณว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป หากคุณเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณจะต้องกลัวอีกต่อไป” หวังซานเย่บอกกับเธอราวกับให้ข้อคิดฉินเจินเจินคิดตามถ้อยคำที่เขาบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็นฉินเจินเจินที่จากมา หรือเจ้าของร่างนี้ ล้วนแล้วแต่อ่อนแอ และมักจะถูกคนที่ไว้ใจหักหลังและเอาเปรียบ ในตอนนี้ก็เช่นกันเธอกำลังจะถูกน้องชายของเขาเอาเปรียบ ชีวิตใหม่ของเธอจะกลับสู่หนทางเดิมอีกแล้วหรือ ในใจของเธอเองก็ไม่อยากเ
“นี่คุณ รีบปลุกลูกสาวตัวดีของคุณเร็วเข้า หากนานกว่านี้ ผู้บัญชาการเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเราแย่แน่”“อาฉวน คุณไม่เห็นหรือว่าฉันปลุกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ตื่น จะมาขี้เซาอะไรกันตอนนี้นังลูกไม่รักดี” คนที่โดนเร่งเร้าให้ออกแรงปลุกก็เริ่มจะมีน้ำเสียงที่หงุดหงิดเช่นเดียวกัน“โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หาง่าย ๆ นะคุณ รีบปลุกลูกสาวของคุณซะ ด้วยความหวังดี” บุรุษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่รื่นหูเท่าไรนัก ซ้ำยังมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจเสียงสนทนาที่ฟังดูคล้ายกับคนทะเลาะกันระหว่างชายหญิงที่ไม่คุ้นหู ผ่านเข้ามาในภวังค์ความคิด แม้จะยังคงหลับตาแต่ก็รับรู้ได้ถึงบทสนทนาที่ชัดเจนมาก พอให้รู้ว่าเสียงนั้นช่างน่ารำคาญและรบกวนการนอนมากเพียงใด ‘แต่เดี๋ยวนะ !’ฉินเจินเจิน ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะกวาดมองไปรอบกาย จนเจอเข้ากับหนึ่งหญิงหนึ่งชายในวัยกลางคนที่กำลังส่งฝ่ามือเข้ามาปลุกด้วยท่าทางรีบร้อน“พวกคุณเป็นใครกัน เข้ามาในคอนโดของฉันได้อย่างไร” เธอเอ่ยถามออกไป พร้อมกับยันกายลุกขึ้นพิงหมอนอิงใบใหญ่ ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง เพื่อมองหาเด็กหนุ่มคนรักของตัวเอ
เมืองหนานซาง มณฑลเจียงซี...คอนโดหรูกลางเมืองใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ ฉินเจินเจิน สาวใหญ่ในวัยสี่สิบปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมาย ชีวิตในปัจจุบันนั้นไร้สามี หรือลูกสาว ลูกชาย ให้สืบสกุล อีกทั้งบิดาและมารดาต่างก็พากันจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เธอยังไม่ร่ำรวยการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมานานแสนนานนั้นช่างเปลี่ยวเหงา บาร์โฮสต์อันแสนหรูหราจึงเป็นสถานที่ให้เธอได้บรรเทาความเหงา กับเงินในกระเป๋าที่ทำให้เธอซื้อความสุขมาครอบครองเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม เป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่โชคชะตากลับนำพาเด็กหนุ่มรูปหล่อนามว่าเป่าซานซาน ในวัยเพียงยี่สิบปีมาอยู่ข้างกายให้จิตใจกระชุ่มกระชวยฉินเจินเจิน ได้เจอกับเป่าซานซานที่บาร์โฮสต์ เขาทั้งเอาอกเอาใจ และไม่รังเกียจเธอที่มีอายุมากกว่า ทำให้เธอหลงรักเขาทั้งใจ จนต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินครั้งใหญ่จ้างเขาให้เลิกทำงานเป็นโฮสต์ เพื่อมาอยู่กับเธอในทุกวันชีวิตที่เป็นดั่งความฝันได้เริ่มต้นขึ้น จากความชอบกลายเป็นความรักที่ยากจะถอนตัวถอนใจ ไม่ว่าเป่าซานซานจะต้องการอะไรเธอก็บันดาลให้กับเขาได้ทุกสิ่ง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบสนองคว
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร” เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ” ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และ
ฉินเจินเจินเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ชื่อว่าป้าหวังด้วยความจำยอมและเชื่อฟัง เธอไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด จนกระทั่งป้าหวังพาเธอมายังห้องอาบน้ำที่แสนจะกว้างใหญ่และหรูหรา เมื่อเธอเห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเกือบ ๆ จะเท่าที่ที่เธอจากมา รอยยิ้มที่แสนจะสดใสและดวงตาที่ทอประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าด้วยความแช่มชื่น 'อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด'"คุณหนู ป้าชื่อหวังหมิง เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้"ป้าหวังแนะนำตัวพร้อมกับยื่นฝ่ามือที่เริ่มจะมีรอยย่นเข้ามาเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ด้วยความตกใจฉินเจินเจินจึงดึงรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอาย"ระ...เรียกว่าฉินเจินเจิน หรือเจินเจิน เฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณป้า" เธอแนะนำตัวออกไปพร้อมกับปกป้องกี่เพ้าตัวเก่าเอาไว้เป็นอย่างดี"ถอดเสื้อผ้าออกเถอะค่ะ ป้าจะอาบน้ำให้"ป้าหวังหมิงยังคงยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ซึ่งเธอก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ แม้ว่าร่างกายของเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่ร่างกายที่คุ้นเคยของเธอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอก็ไม่หน้าด้านที่จะเปลื้องผ้าล่อนจ้อนให้ใครมาอาบน้ำให้หรอกนะ"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันอาบเอ
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวันดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหากดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่
ฉินเจินเจินถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการที่ตื่นมาออกกำลังลังกายตั้งแต่ยามที่ฟ้ายังไม่สาง ดวงตากลมแทบจะปิดสนิท กว่าเธอจะได้นอนเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบจะสว่าง นั่นก็เพราะอาการตกหลุมรักจนนอนไม่หลับ“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ คุณชายรออยู่นะคะ”คุณป้าหลิวเขย่าตัวเธออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะเล่นงานเธอบนเตียงหนักไปหน่อยกระมัง คุณหนูคนนี้ถึงได้ดูอ่อนเพลียเช่นนี้“เธอยังไม่ตื่นอีกหรือป้าหวัง”หวังซานเย่เดินผ่านหน้าห้องของเธอ ก่อนจะมองเห็นว่าป้าหวังหรือแม่บ้านหวังหมิงของเขากำลังเขย่าตัวเธอเพื่อให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจึงอดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้ ‘เห็นทีคฤหาสน์ของเขาคงจะทำให้เธอหลับสบายไม่น้อย’ เขาได้แต่คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้ความจริงเลยสักนิดว่าเธอดีใจจนนอนไม่หลับ“ยังเลยค่ะ เมื่อคืนคุณชายใช้งานเธอหนักหรือคะ” ป้าหวังเอ่ยถามคนเป็นนาย โดยแฝงนัยไว้ในคำถามอย่างชัดเจน“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นครับ คุณป้าอย่าพูดไป เธอจะเสียหายเอาได้” เขาเก็บรอยยิ้มซ่อนลงในใบหน้าทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดไป“ค่ะ ๆ ป้าไม่พูดค่ะ”หวังหมิงพยักใบหน้ารับ ก่อนจะหุบปากจนสนิท แม้นายผู้นี้จะดูเหมือนใ
“เจินเจิน คุณไม่เป็นอะไรนะ”หวังซานเย่ลูบไล้ฝ่ามือลงบนเส้นผมของเธอด้วยความอ่อนโยน ในขณะที่ร่างบอบบางของเธอยังคงไหวสะท้านราวกับหวาดกลัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา“คุณคะ ฉันกลัว คุณอยู่กับฉันก่อนนะคะ”ที่พึ่งของเธอในยามนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่การที่เธอจะกล่าวโทษน้องชายสายเลือดเดียวกันของเขาอย่างโจ้งแจ้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำในตอนนี้"อืม ผมจะอยู่กับคุณ คุณไม่ต้องกลัวนะ" เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อหวังจะปลอบประโลมความกลัวของเธอ“...”เธอไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป แต่เธอทำเพียงแค่ซุกใบหน้าลงบนแผงอกกว้างของเขา พร้อมกับท่อนแขนเล็กที่โอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น“เจินเจิน ถ้าผมจะบอกคุณว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป หากคุณเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณจะต้องกลัวอีกต่อไป” หวังซานเย่บอกกับเธอราวกับให้ข้อคิดฉินเจินเจินคิดตามถ้อยคำที่เขาบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็นฉินเจินเจินที่จากมา หรือเจ้าของร่างนี้ ล้วนแล้วแต่อ่อนแอ และมักจะถูกคนที่ไว้ใจหักหลังและเอาเปรียบ ในตอนนี้ก็เช่นกันเธอกำลังจะถูกน้องชายของเขาเอาเปรียบ ชีวิตใหม่ของเธอจะกลับสู่หนทางเดิมอีกแล้วหรือ ในใจของเธอเองก็ไม่อยากเ
เสียงที่ดังลั่นออกไปของเธอ ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้องสายตามายังฉินเจินเจินด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยว่าเธอกำลังเรียกชื่อของใครกัน“คุณหมายถึงผมอย่างนั้นหรือ”ผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะปรายนิ้วมือชี้เข้าหาตัวเอง เพื่อย้ำในสิ่งที่เธอเอ่ยเมื่อครู่อีกครั้ง และด้วยความที่เธอทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่พยายามข่มอารมณ์บอกปัดออกไป“ปะ...เปล่าคะ คุณแค่หน้าเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ต้องขออภัยด้วย” เธอตอบออกไปโดยที่ไม่ได้คิดจะมองใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย“เจินเจิน นี่คือหวังไห่เถิง น้องชายเพียงคนเดียวของผม” ผู้บัญชาการหวังเอ่ยแนะนำผู้เป็นน้องชายให้เธอได้รู้จัก“ฉันฉินเจินเจินค่ะ” เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาท เธอจึงรวบรวมความกล้า มองสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำแนะนำตัวเอง“ผมหวังไห่เถิง คุณสวยมากเลยครับ พี่ชายเธอเป็นเมียใหม่ของพี่อย่างนั้นหรือ”หวังไห่เถิง มองสาวสวยข้างกายของผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาโลมเลีย เธอช่างสวยถูกใจของเขาเสียเหลือเกิน พี่ชายของเขาคนนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเมียใหม่หรือเมียเก่าล้วนแล้วแต่มีใบหน้าและรูปร่างที่น่าจับต้อง“เธอย
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการหวังก็สั่งการให้นายทหารคนสนิทขับรถไปยังร้านตัดเย็บเสื้อผ้าร้านหนึ่ง โชคดีที่ถนนหนทางในยุคนี้ ผู้คนโดยทั่วไปไม่ได้ร่ำรวยมากพอที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัวได้เกือบทุกคน บนท้องถนนจึงมีรถไม่มากเท่าใรนัก ประชาชนทั่วไปมักจะใช้รถไฟเป็นการเดินทาง หรือไม่ก็ใช้จักรยานรถยุโรปที่มีตราสัญลักษณ์ของผู้บัญชาการทหารมักจะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างง่ายดาย ในช่วงที่ยุคเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟู และส่วนใหญ่ประเทศจีนเป็นพวกอนุรักษ์นิยม พวกนายทุนที่ประสบความสำเร็จจึงมักจะเป็นคนหัวสมัยใหม่พร้อมที่จะเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเสียมากกว่าเมื่อเห็นเช่นนั้นเธอจึงมีความคิดของนักธุรกิจขึ้นมา ชีวิตใหม่ของเธอของมีเพียงเขาเป็นนายทุน เธอก็พร้อมที่จะใช้เงินลงทุนของเขาทำให้เกิดความงอกเงยด้วยการเปิดกิจการใดกิจการหนึ่งขึ้นมา หากถึงวันนั้นเขาไม่ได้มีใจให้กับเธอ เธอก็สามารถที่จะอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ได้อย่างสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร“เรื่องแบบนี้ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ” เธอพึมพำขึ้นมา โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าเพื่อหาแรงบันดาลใจในการทำกิจการ“คุณว่าอะไรนะ” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอพึมพำอยู่ค
ในทันทีที่รถของผู้บัญชาการหวังจอดเทียบเหลา หรือร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลั่วหยาง ก็มีผู้หญิงในวัยสามสิบต้น ๆ แต่งกายด้วยกี่เพ้าสีจัดจ้านเข้ามาให้การต้อนรับเขาในทันที“ผู้บัญชาการหวัง มี่เถียนดีใจจริง ๆ ที่คุณมาทานอาหารที่นี่”ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงจากรถ ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นก็เข้ามาคล้องแขนเขาในทันที แต่ทว่าหวังซานเย่นั้นไร้คำว่าปรานี เพียงแค่เขาปรายดวงตาด้วยความดุดัน ผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยมือที่คล้องแขนเขาในทันที“รบกวนจัดโต๊ะให้ผมด้วย” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจสิ่งใด“มี่เถียนต้องขออภัยผู้บัญชาการหวัง วันนี้ด้านในร้านอาหารคนเยอะนัก เพราะรองผู้บัญชาการหลิวจองเอาไว้ตั้งแต่สามวันที่แล้ว ถ้าคุณไม่สะดวก...”“ผมขอที่นั่งแค่สองที่ ตรงไหนก็ได้ หวังว่าคุณจะมีวิธีการจัดการ” ผู้บัญชาการหวังยังคงมีท่าทีที่นิ่งเฉย เขาเอ่ยบอกกับผู้หญิงที่ชื่อมี่เถียนเพียงสั้น ๆ เท่านั้น“ค่ะ ผู้บัญชาการหวังเชิญด้านในค่ะ”มี่เถียนผายมือเชื้อเชิญเขาเพียงเท่านั้น แต่สำหรับฉินเจินเจินนั้นได้รับเพียงสายตาจิกกัดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อเดินข้างกายของผ
ฉินเจินเจินถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการที่ตื่นมาออกกำลังลังกายตั้งแต่ยามที่ฟ้ายังไม่สาง ดวงตากลมแทบจะปิดสนิท กว่าเธอจะได้นอนเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบจะสว่าง นั่นก็เพราะอาการตกหลุมรักจนนอนไม่หลับ“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ คุณชายรออยู่นะคะ”คุณป้าหลิวเขย่าตัวเธออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะเล่นงานเธอบนเตียงหนักไปหน่อยกระมัง คุณหนูคนนี้ถึงได้ดูอ่อนเพลียเช่นนี้“เธอยังไม่ตื่นอีกหรือป้าหวัง”หวังซานเย่เดินผ่านหน้าห้องของเธอ ก่อนจะมองเห็นว่าป้าหวังหรือแม่บ้านหวังหมิงของเขากำลังเขย่าตัวเธอเพื่อให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจึงอดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้ ‘เห็นทีคฤหาสน์ของเขาคงจะทำให้เธอหลับสบายไม่น้อย’ เขาได้แต่คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้ความจริงเลยสักนิดว่าเธอดีใจจนนอนไม่หลับ“ยังเลยค่ะ เมื่อคืนคุณชายใช้งานเธอหนักหรือคะ” ป้าหวังเอ่ยถามคนเป็นนาย โดยแฝงนัยไว้ในคำถามอย่างชัดเจน“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นครับ คุณป้าอย่าพูดไป เธอจะเสียหายเอาได้” เขาเก็บรอยยิ้มซ่อนลงในใบหน้าทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดไป“ค่ะ ๆ ป้าไม่พูดค่ะ”หวังหมิงพยักใบหน้ารับ ก่อนจะหุบปากจนสนิท แม้นายผู้นี้จะดูเหมือนใ
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวันดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหากดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่
ฉินเจินเจินเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ชื่อว่าป้าหวังด้วยความจำยอมและเชื่อฟัง เธอไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด จนกระทั่งป้าหวังพาเธอมายังห้องอาบน้ำที่แสนจะกว้างใหญ่และหรูหรา เมื่อเธอเห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเกือบ ๆ จะเท่าที่ที่เธอจากมา รอยยิ้มที่แสนจะสดใสและดวงตาที่ทอประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าด้วยความแช่มชื่น 'อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด'"คุณหนู ป้าชื่อหวังหมิง เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้"ป้าหวังแนะนำตัวพร้อมกับยื่นฝ่ามือที่เริ่มจะมีรอยย่นเข้ามาเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ด้วยความตกใจฉินเจินเจินจึงดึงรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอาย"ระ...เรียกว่าฉินเจินเจิน หรือเจินเจิน เฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณป้า" เธอแนะนำตัวออกไปพร้อมกับปกป้องกี่เพ้าตัวเก่าเอาไว้เป็นอย่างดี"ถอดเสื้อผ้าออกเถอะค่ะ ป้าจะอาบน้ำให้"ป้าหวังหมิงยังคงยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ซึ่งเธอก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ แม้ว่าร่างกายของเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่ร่างกายที่คุ้นเคยของเธอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอก็ไม่หน้าด้านที่จะเปลื้องผ้าล่อนจ้อนให้ใครมาอาบน้ำให้หรอกนะ"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันอาบเอ
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร” เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ” ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และ
เมืองหนานซาง มณฑลเจียงซี...คอนโดหรูกลางเมืองใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ ฉินเจินเจิน สาวใหญ่ในวัยสี่สิบปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมาย ชีวิตในปัจจุบันนั้นไร้สามี หรือลูกสาว ลูกชาย ให้สืบสกุล อีกทั้งบิดาและมารดาต่างก็พากันจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เธอยังไม่ร่ำรวยการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมานานแสนนานนั้นช่างเปลี่ยวเหงา บาร์โฮสต์อันแสนหรูหราจึงเป็นสถานที่ให้เธอได้บรรเทาความเหงา กับเงินในกระเป๋าที่ทำให้เธอซื้อความสุขมาครอบครองเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม เป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่โชคชะตากลับนำพาเด็กหนุ่มรูปหล่อนามว่าเป่าซานซาน ในวัยเพียงยี่สิบปีมาอยู่ข้างกายให้จิตใจกระชุ่มกระชวยฉินเจินเจิน ได้เจอกับเป่าซานซานที่บาร์โฮสต์ เขาทั้งเอาอกเอาใจ และไม่รังเกียจเธอที่มีอายุมากกว่า ทำให้เธอหลงรักเขาทั้งใจ จนต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินครั้งใหญ่จ้างเขาให้เลิกทำงานเป็นโฮสต์ เพื่อมาอยู่กับเธอในทุกวันชีวิตที่เป็นดั่งความฝันได้เริ่มต้นขึ้น จากความชอบกลายเป็นความรักที่ยากจะถอนตัวถอนใจ ไม่ว่าเป่าซานซานจะต้องการอะไรเธอก็บันดาลให้กับเขาได้ทุกสิ่ง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบสนองคว