เสียงที่ดังลั่นออกไปของเธอ ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้องสายตามายังฉินเจินเจินด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยว่าเธอกำลังเรียกชื่อของใครกัน
“คุณหมายถึงผมอย่างนั้นหรือ”
ผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะปรายนิ้วมือชี้เข้าหาตัวเอง เพื่อย้ำในสิ่งที่เธอเอ่ยเมื่อครู่อีกครั้ง และด้วยความที่เธอทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่พยายามข่มอารมณ์บอกปัดออกไป
“ปะ...เปล่าคะ คุณแค่หน้าเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ต้องขออภัยด้วย” เธอตอบออกไปโดยที่ไม่ได้คิดจะมองใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย
“เจินเจิน นี่คือหวังไห่เถิง น้องชายเพียงคนเดียวของผม” ผู้บัญชาการหวังเอ่ยแนะนำผู้เป็นน้องชายให้เธอได้รู้จัก
“ฉันฉินเจินเจินค่ะ” เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาท เธอจึงรวบรวมความกล้า มองสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำแนะนำตัวเอง
“ผมหวังไห่เถิง คุณสวยมากเลยครับ พี่ชายเธอเป็นเมียใหม่ของพี่อย่างนั้นหรือ”
หวังไห่เถิง มองสาวสวยข้างกายของผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาโลมเลีย เธอช่างสวยถูกใจของเขาเสียเหลือเกิน พี่ชายของเขาคนนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเมียใหม่หรือเมียเก่าล้วนแล้วแต่มีใบหน้าและรูปร่างที่น่าจับต้อง
“เธอยังไม่ได้เป็นเมียของฉัน แต่ฉันกำลังคบหาดูใจกับเธออยู่” หวังซานเย่ตอบออกไปตามความจริง
“อ่า แบบนี้หมายความผมก็มีสิทธิ์จีบเธออยู่ใช่ไหม”
ฉินเจินเจินเงยใบหน้าขึ้นมองผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนกับเป่าซานซาน เด็กหนุ่มที่เธอมอบทั้งใจและกายให้ในโลกก่อนด้วยความไม่เข้าใจ ว่าเหตุใดเขาถึงเอ่ยออกมาเช่นนี้ทั้งที่หวังซานเย่พี่ชายของเขาตอบสถานะของเธอไปแล้ว
“หวังไห่เถิง นายมีเมียอยู่แล้วไม่ใช่รึ ทำกิริยาเช่นนี้ฉันว่าไม่เหมาะเท่าไรนัก นั่นเมียของนายใช่ไหม” เขาตำหนิน้องชายด้วยสายตาที่ดุดัน ก่อนจะพยักพเยิดใบหน้าไปทางด้านหลังของหวังไห่เถิง เมื่อมีผู้หญิงท้องแก่เดินตามออกมา
“ผมก็แค่ล้อเล่นเองครับ พี่ก็เครียดไปได้”
หวังไห่เถิงคนนี้ช่างดูมากเล่ห์ เพียงแค่รู้ว่าภรรยาของตัวเองเดินเข้ามาใกล้ เขาก็รีบเปลี่ยนสีหน้าและแววตาที่จ้องมองฉินเจินเจินตาเป็นมันให้เป็นปกติในทันที ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปประคองภรรยาของตัวเองเอาไว้
“สวัสดีค่ะ คุณคือผู้บัญชาการหวัง พี่ชายของสามีฉันใช่ไหมคะ ฉัน เว่ยเจียม่านยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณค่ะ”
“ทำตัวตามสบาย น้องสะใภ้” ผู้บัญชาการหนุ่มส่งรอยยิ้มจาง ๆ ให้กับผู้มีศักดิ์เป็นน้องสะใภ้ของเขา
“ผมกับภรรยาต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ เอาไว้ค่อยรับประทานอาหารเย็นพร้อมหน้าพร้อมตากันเมื่อคุณแม่เดินทางมาถึง”
หวังไห่เถิงโอบไหล่ภรรยาออกไปเพื่อพักผ่อน โดยที่เขาไม่ลืมที่จะปรายหางตามองฉินเจินเจินด้วยท่าทางสนใจ
“อืม”
เขาตอบน้องชายเพียงสั้น ๆ ก่อนจะเดินมาส่งเธอที่ห้องของตัวเอง ที่อยู่ไม่ไกลจากห้องของเขา คนร่างสูงสังเกตฉินเจินเจินที่ไหล่สั่นไหวราวกับกำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง และก่อนที่จะให้เธอเข้าไปด้านในห้องของตัวเอง เขาก็อดที่จะเอ่ยถามขึ้นมาไม่ได้
“เจินเจิน คุณเป็นอะไรไหม สีหน้าของคุณดูไม่ค่อยดีเลย” สายตาของผู้บัญชาการหนุ่มที่มองเธอนั้น เต็มไปด้วยความเป็นห่วง
“ฉะ...ฉันแค่เหนื่อยนิดหน่อยค่ะ เย็นนี้ฉันไม่ขอร่วมโต๊ะอาหารกับคุณนะคะ เหมือนคุณแม่ของคุณจะไม่ชอบฉันเท่าไรนัก” เธอบอกปัดออกไป เรื่องคุณแม่ของเขานั้นไม่เท่าไร แต่หวังไห่เถิง ที่มีใบหน้าเหมือนคนรักเก่าทำให้เธอไม่อาจฝืนทนเผชิญหน้ากับเขา
“คุณพักผ่อนเถอะ ประเดี๋ยวผมจะให้ป้าหวังจัดเตรียมอาหารขึ้นมาให้” ฝ่ามือใหญ่ปัดปอยผมให้กับเธอ และไม่ถามอะไรต่อ ก่อนจะปล่อยให้เธอเข้าไปพักผ่อนด้านในห้องนอน
“ขอบคุณนะคะ”
ฉินเจินเจินขอบคุณเขา ก่อนจะพาตัวเองเข้ามาด้านในห้อง และในทันทีที่บานประตูปิดลงเข่าของเธอก็อ่อนลงจนร่างเล็กทรุดลงบนพื้น หยดน้ำสีใสค่อย ๆ พรั่งพรูออกมาจากดวงตาคู่งามจนเปรอะเปื้อนใบหน้า
เธอฟุบลงไปบนพื้นโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เป่าซานซานคือคนรักที่เธอมอบทุกสิ่งทุกอย่างให้กับเขา แต่เขากลับมอบความเสียใจให้กับเธอจนตัวตาย ชีวิตเหมือนจะดีที่ได้เริ่มต้นใหม่ภายในโลกใบใหม่กับคนที่เธอรู้สึกดีกับเขา
แต่ไม่คิดเลยว่าบนโลกใบนี้จะมีผู้ชายที่หน้าเหมือนกับเป่าซานซาน ราวกับเป็นคนเดียวกัน มิหนำซ้ำยังเป็นคนใกล้ชิดที่เธอไม่อาจหลบหน้าเขาตลอดไปได้ แล้วชีวิตเธอจะต้องทำเช่นไรเมื่อต้องพบเจอกับผู้ชายหน้าเหมือนที่ทำให้เธอเจ็บช้ำจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต
สายตาของหวังไห่เถิงที่จ้องมองเธอ ยิ่งทำให้เธอหนักใจไม่น้อย แม้เขาจะมีภรรยาอยู่แล้ว เขากลับมีท่าทีคุกคามเธอในทุกครั้งที่มีโอกาส
‘ชีวิตเธอจะมีความสุขบ้างไม่ได้หรือเจินเจิน’
เธอร้องไห้ออกมาจนแทบจะหมดแรง เธอไม่อาจทำใจยอมรับที่จะอยู่ร่วมโลกกับเขา แม้ว่าเขาจะแค่มีใบหน้าที่เหมือนกันโดยบังเอิญเท่านั้น
ด้วยความอ่อนเพลียกับความเสียใจทำให้เธอผล็อยหลับอยู่บนพื้นอยู่นานหลายชั่วโมง จนเธอได้ยินเสียงเคาะประตูจึงลืมดวงตาขึ้นมองบรรยากาศภายในห้องนอน ทั่วทั้งห้องนั้นมืดสนิทเพราะน่าจะเข้าสู่ช่วงค่ำมืดแล้ว
ฉินเจินเจินจึงลุกขึ้นเปิดไฟภายในห้อง และเช็ดคราบน้ำตาออกไป ก่อนจะเดินไปเพื่อเปิดประตูเพราะคิดว่าป้าหวังคงจะนำอาหารเย็นมาให้พอดี
“มาแล้วค่ะ...ป้าหวัง คะ...คุณมาได้ยังไงคะ”
ฝ่ามือเล็กเปิดประตูห้องนอนออก ก่อนจะส่งรอยยิ้มกว้างให้กับป้าหวัง แต่ทว่าเมื่อดวงตาของเธอประสานกับคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าห้อง
เธอถึงกับผงะถอยหลัง เพราะคนที่ยืนประจันหน้าไม่ใช่ป้าหวังตามที่เธอคิด แต่กลับเป็นหวังไห่เถิงที่ถือถาดอาหารอยู่ในมือ“ผมเอง พอดีผมผ่านมาเจอป้าหวัง ผมจึงอาสานำอาหารมาให้คุณด้วยตัวเอง” เขาเป็นฝ่ายดันถาดอาหารเข้ามาภายในห้องของเธออย่างถือวิสาสะ
ทว่าเมื่อบานประตูกำลังจะปิดลง เธอก็รีบเดินออกไปในทันที แต่ทว่าหวังไห่เถิงกลับคว้าข้อมือเธอของเธอเอาไว้ แล้วดันร่างเล็กของเธอให้ประชิดผนังห้อง
“ปะ...ปล่อยนะ!” เธอพยายามสะบัดหนี แต่แรงของเขานั้นมากมายจนเธอไม่สามารถหลุดพ้นจากฝ่ามือของเขา
“จะรีบไปไหนกัน ผมอุตส่าห์นำอาหารมาให้คุณ อ่า ตัวของคุณช่างหอมหวานเหลือเกิน หวังซานเย่น่าอิจฉาเหลือเกินที่มีผู้หญิงเช่นคุณอยู่ข้างกาย” หวังไห่เถิงยื่นใบหน้าเข้ามาใกล้ลำคอระหงของเธอ ก่อนจะสูดดมกลิ่นกายของเธอด้วยท่าทางกำหนัด
“ปล่อยฉันนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะกรีดร้อง หากพี่ชายของคุณมาเห็นว่าคุณยุ่มย่ามกับฉัน เขาต้องจัดการคุณแน่” เธออ้างชื่อของหวังซานเย่ออกไป เพื่อให้เขาหยุดการกระทำที่ต่ำช้ากับเธอ
“คุณขู่ผมอย่างนั้นหรือ ผมรู้หมดแล้วว่าหวังซานเย่ซื้อตัวคุณมาเป็นนางบำเรอ ไม่ได้ซื้อมาตบแต่งเป็นเมีย แล้วจะเป็นอะไรไปหากผมได้ตัวคุณบ้าง แบบนี้สิถึงจะถือว่าคุ้มค่าที่พี่ชายของผมซื้อตัวของคุณมา อ่า กลิ่นกายของคุณมันหอมเย้ายวนผมเสียจริง ๆ” เขายังคงคุกคามเธอโดยไม่เกรงกลัวใด ๆ
ฉินเจินเจินตัวสั่นราวกับลูกนกตกน้ำ แค่เขาหน้าตาเหมือนกับเป่าซานซานเธอก็ชอกช้ำมากพอแล้ว แต่นี่เธอยังต้องมาถูกเขาทำกิริยาต่ำช้าใส่เช่นนี้อีก
กรี๊ดดดด
แอ๊ดดด
เธอกรีดร้องออกไปสุดเสียง เพื่อหวังให้ใครสักคนผ่านมาได้ยิน และก็เป็นจังหวะเดียวกับที่มีใครคนหนึ่งเปิดประตูเข้ามา จนเสียงของเขาดังขึ้น เธอจึงโล่งใจ
“คุณ...”
“เจินเจิน คุณเป็นอะไรไป หวังไห่เถิง นายเข้ามาอยู่ในห้องของเธอได้อย่างไรกัน!”
หวังซานเย่ดึงร่างเล็กที่สั่นสะท้านเข้ามาสวมกอด ก่อนที่ดวงตาของเขาจะเหลือบมองไปเห็นน้องชายอยู่ภายในห้องนี้ด้วย
“พอดีผมหาห้องน้ำไม่เจอ เลยเดินผ่านมาทางนี้ แล้วก็ได้ยินเสียงร้องของเธอ ผมจึงถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามา ที่แท้เธอก็ตกใจที่มีแมลงสาบอยู่ในอาหารนี่เอง” หวังไห่เถิงแก้ไขสถานการณ์น้ำขุ่น เพียงแค่ชั่วพริบตาก็มีแมลงสาบตัวใหญ่อยู่บนถาดอาหารของเธอแล้ว
ฉินเจินเจินมองผู้ชายตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่คิดเลยว่าหวังไห่เถิงคนนี้จะชั่วช้าเลวทรามเพียงนี้
“นายออกไปก่อนเถอะ” หวังซานเย่บอกกับน้องชาย
“เจินเจิน คุณไม่เป็นอะไรนะ”หวังซานเย่ลูบไล้ฝ่ามือลงบนเส้นผมของเธอด้วยความอ่อนโยน ในขณะที่ร่างบอบบางของเธอยังคงไหวสะท้านราวกับหวาดกลัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา“คุณคะ ฉันกลัว คุณอยู่กับฉันก่อนนะคะ”ที่พึ่งของเธอในยามนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่การที่เธอจะกล่าวโทษน้องชายสายเลือดเดียวกันของเขาอย่างโจ้งแจ้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำในตอนนี้"อืม ผมจะอยู่กับคุณ คุณไม่ต้องกลัวนะ" เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อหวังจะปลอบประโลมความกลัวของเธอ“...”เธอไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป แต่เธอทำเพียงแค่ซุกใบหน้าลงบนแผงอกกว้างของเขา พร้อมกับท่อนแขนเล็กที่โอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น“เจินเจิน ถ้าผมจะบอกคุณว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป หากคุณเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณจะต้องกลัวอีกต่อไป” หวังซานเย่บอกกับเธอราวกับให้ข้อคิดฉินเจินเจินคิดตามถ้อยคำที่เขาบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็นฉินเจินเจินที่จากมา หรือเจ้าของร่างนี้ ล้วนแล้วแต่อ่อนแอ และมักจะถูกคนที่ไว้ใจหักหลังและเอาเปรียบ ในตอนนี้ก็เช่นกันเธอกำลังจะถูกน้องชายของเขาเอาเปรียบ ชีวิตใหม่ของเธอจะกลับสู่หนทางเดิมอีกแล้วหรือ ในใจของเธอเองก็ไม่อยากเ
“นี่คุณ รีบปลุกลูกสาวตัวดีของคุณเร็วเข้า หากนานกว่านี้ ผู้บัญชาการเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเราแย่แน่”“อาฉวน คุณไม่เห็นหรือว่าฉันปลุกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ตื่น จะมาขี้เซาอะไรกันตอนนี้นังลูกไม่รักดี” คนที่โดนเร่งเร้าให้ออกแรงปลุกก็เริ่มจะมีน้ำเสียงที่หงุดหงิดเช่นเดียวกัน“โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หาง่าย ๆ นะคุณ รีบปลุกลูกสาวของคุณซะ ด้วยความหวังดี” บุรุษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่รื่นหูเท่าไรนัก ซ้ำยังมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจเสียงสนทนาที่ฟังดูคล้ายกับคนทะเลาะกันระหว่างชายหญิงที่ไม่คุ้นหู ผ่านเข้ามาในภวังค์ความคิด แม้จะยังคงหลับตาแต่ก็รับรู้ได้ถึงบทสนทนาที่ชัดเจนมาก พอให้รู้ว่าเสียงนั้นช่างน่ารำคาญและรบกวนการนอนมากเพียงใด ‘แต่เดี๋ยวนะ !’ฉินเจินเจิน ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะกวาดมองไปรอบกาย จนเจอเข้ากับหนึ่งหญิงหนึ่งชายในวัยกลางคนที่กำลังส่งฝ่ามือเข้ามาปลุกด้วยท่าทางรีบร้อน“พวกคุณเป็นใครกัน เข้ามาในคอนโดของฉันได้อย่างไร” เธอเอ่ยถามออกไป พร้อมกับยันกายลุกขึ้นพิงหมอนอิงใบใหญ่ ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง เพื่อมองหาเด็กหนุ่มคนรักของตัวเอ
เมืองหนานซาง มณฑลเจียงซี...คอนโดหรูกลางเมืองใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ ฉินเจินเจิน สาวใหญ่ในวัยสี่สิบปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมาย ชีวิตในปัจจุบันนั้นไร้สามี หรือลูกสาว ลูกชาย ให้สืบสกุล อีกทั้งบิดาและมารดาต่างก็พากันจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เธอยังไม่ร่ำรวยการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมานานแสนนานนั้นช่างเปลี่ยวเหงา บาร์โฮสต์อันแสนหรูหราจึงเป็นสถานที่ให้เธอได้บรรเทาความเหงา กับเงินในกระเป๋าที่ทำให้เธอซื้อความสุขมาครอบครองเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม เป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่โชคชะตากลับนำพาเด็กหนุ่มรูปหล่อนามว่าเป่าซานซาน ในวัยเพียงยี่สิบปีมาอยู่ข้างกายให้จิตใจกระชุ่มกระชวยฉินเจินเจิน ได้เจอกับเป่าซานซานที่บาร์โฮสต์ เขาทั้งเอาอกเอาใจ และไม่รังเกียจเธอที่มีอายุมากกว่า ทำให้เธอหลงรักเขาทั้งใจ จนต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินครั้งใหญ่จ้างเขาให้เลิกทำงานเป็นโฮสต์ เพื่อมาอยู่กับเธอในทุกวันชีวิตที่เป็นดั่งความฝันได้เริ่มต้นขึ้น จากความชอบกลายเป็นความรักที่ยากจะถอนตัวถอนใจ ไม่ว่าเป่าซานซานจะต้องการอะไรเธอก็บันดาลให้กับเขาได้ทุกสิ่ง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบสนองคว
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร” เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ” ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และ
ฉินเจินเจินเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ชื่อว่าป้าหวังด้วยความจำยอมและเชื่อฟัง เธอไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด จนกระทั่งป้าหวังพาเธอมายังห้องอาบน้ำที่แสนจะกว้างใหญ่และหรูหรา เมื่อเธอเห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเกือบ ๆ จะเท่าที่ที่เธอจากมา รอยยิ้มที่แสนจะสดใสและดวงตาที่ทอประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าด้วยความแช่มชื่น 'อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด'"คุณหนู ป้าชื่อหวังหมิง เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้"ป้าหวังแนะนำตัวพร้อมกับยื่นฝ่ามือที่เริ่มจะมีรอยย่นเข้ามาเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ด้วยความตกใจฉินเจินเจินจึงดึงรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอาย"ระ...เรียกว่าฉินเจินเจิน หรือเจินเจิน เฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณป้า" เธอแนะนำตัวออกไปพร้อมกับปกป้องกี่เพ้าตัวเก่าเอาไว้เป็นอย่างดี"ถอดเสื้อผ้าออกเถอะค่ะ ป้าจะอาบน้ำให้"ป้าหวังหมิงยังคงยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ซึ่งเธอก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ แม้ว่าร่างกายของเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่ร่างกายที่คุ้นเคยของเธอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอก็ไม่หน้าด้านที่จะเปลื้องผ้าล่อนจ้อนให้ใครมาอาบน้ำให้หรอกนะ"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันอาบเอ
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวันดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหากดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่
ฉินเจินเจินถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการที่ตื่นมาออกกำลังลังกายตั้งแต่ยามที่ฟ้ายังไม่สาง ดวงตากลมแทบจะปิดสนิท กว่าเธอจะได้นอนเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบจะสว่าง นั่นก็เพราะอาการตกหลุมรักจนนอนไม่หลับ“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ คุณชายรออยู่นะคะ”คุณป้าหลิวเขย่าตัวเธออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะเล่นงานเธอบนเตียงหนักไปหน่อยกระมัง คุณหนูคนนี้ถึงได้ดูอ่อนเพลียเช่นนี้“เธอยังไม่ตื่นอีกหรือป้าหวัง”หวังซานเย่เดินผ่านหน้าห้องของเธอ ก่อนจะมองเห็นว่าป้าหวังหรือแม่บ้านหวังหมิงของเขากำลังเขย่าตัวเธอเพื่อให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจึงอดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้ ‘เห็นทีคฤหาสน์ของเขาคงจะทำให้เธอหลับสบายไม่น้อย’ เขาได้แต่คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้ความจริงเลยสักนิดว่าเธอดีใจจนนอนไม่หลับ“ยังเลยค่ะ เมื่อคืนคุณชายใช้งานเธอหนักหรือคะ” ป้าหวังเอ่ยถามคนเป็นนาย โดยแฝงนัยไว้ในคำถามอย่างชัดเจน“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นครับ คุณป้าอย่าพูดไป เธอจะเสียหายเอาได้” เขาเก็บรอยยิ้มซ่อนลงในใบหน้าทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดไป“ค่ะ ๆ ป้าไม่พูดค่ะ”หวังหมิงพยักใบหน้ารับ ก่อนจะหุบปากจนสนิท แม้นายผู้นี้จะดูเหมือนใ
ในทันทีที่รถของผู้บัญชาการหวังจอดเทียบเหลา หรือร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลั่วหยาง ก็มีผู้หญิงในวัยสามสิบต้น ๆ แต่งกายด้วยกี่เพ้าสีจัดจ้านเข้ามาให้การต้อนรับเขาในทันที“ผู้บัญชาการหวัง มี่เถียนดีใจจริง ๆ ที่คุณมาทานอาหารที่นี่”ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงจากรถ ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นก็เข้ามาคล้องแขนเขาในทันที แต่ทว่าหวังซานเย่นั้นไร้คำว่าปรานี เพียงแค่เขาปรายดวงตาด้วยความดุดัน ผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยมือที่คล้องแขนเขาในทันที“รบกวนจัดโต๊ะให้ผมด้วย” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจสิ่งใด“มี่เถียนต้องขออภัยผู้บัญชาการหวัง วันนี้ด้านในร้านอาหารคนเยอะนัก เพราะรองผู้บัญชาการหลิวจองเอาไว้ตั้งแต่สามวันที่แล้ว ถ้าคุณไม่สะดวก...”“ผมขอที่นั่งแค่สองที่ ตรงไหนก็ได้ หวังว่าคุณจะมีวิธีการจัดการ” ผู้บัญชาการหวังยังคงมีท่าทีที่นิ่งเฉย เขาเอ่ยบอกกับผู้หญิงที่ชื่อมี่เถียนเพียงสั้น ๆ เท่านั้น“ค่ะ ผู้บัญชาการหวังเชิญด้านในค่ะ”มี่เถียนผายมือเชื้อเชิญเขาเพียงเท่านั้น แต่สำหรับฉินเจินเจินนั้นได้รับเพียงสายตาจิกกัดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อเดินข้างกายของผ
“เจินเจิน คุณไม่เป็นอะไรนะ”หวังซานเย่ลูบไล้ฝ่ามือลงบนเส้นผมของเธอด้วยความอ่อนโยน ในขณะที่ร่างบอบบางของเธอยังคงไหวสะท้านราวกับหวาดกลัวอยู่ในอ้อมกอดของเขา“คุณคะ ฉันกลัว คุณอยู่กับฉันก่อนนะคะ”ที่พึ่งของเธอในยามนี้มีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้น แต่การที่เธอจะกล่าวโทษน้องชายสายเลือดเดียวกันของเขาอย่างโจ้งแจ้ง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เธอควรจะทำในตอนนี้"อืม ผมจะอยู่กับคุณ คุณไม่ต้องกลัวนะ" เขากระชับวงแขนแน่นขึ้นเพื่อหวังจะปลอบประโลมความกลัวของเธอ“...”เธอไม่เอ่ยสิ่งใดออกไป แต่เธอทำเพียงแค่ซุกใบหน้าลงบนแผงอกกว้างของเขา พร้อมกับท่อนแขนเล็กที่โอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้แน่น“เจินเจิน ถ้าผมจะบอกคุณว่า คุณไม่จำเป็นต้องอ่อนแอเสมอไป หากคุณเอาชนะความกลัวของตัวเองได้ ก็ไม่มีสิ่งใดที่คุณจะต้องกลัวอีกต่อไป” หวังซานเย่บอกกับเธอราวกับให้ข้อคิดฉินเจินเจินคิดตามถ้อยคำที่เขาบอกกล่าว ไม่ว่าจะเป็นฉินเจินเจินที่จากมา หรือเจ้าของร่างนี้ ล้วนแล้วแต่อ่อนแอ และมักจะถูกคนที่ไว้ใจหักหลังและเอาเปรียบ ในตอนนี้ก็เช่นกันเธอกำลังจะถูกน้องชายของเขาเอาเปรียบ ชีวิตใหม่ของเธอจะกลับสู่หนทางเดิมอีกแล้วหรือ ในใจของเธอเองก็ไม่อยากเ
เสียงที่ดังลั่นออกไปของเธอ ทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันจับจ้องสายตามายังฉินเจินเจินด้วยความไม่เข้าใจ และสงสัยว่าเธอกำลังเรียกชื่อของใครกัน“คุณหมายถึงผมอย่างนั้นหรือ”ผู้ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอขยับเท้าเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะปรายนิ้วมือชี้เข้าหาตัวเอง เพื่อย้ำในสิ่งที่เธอเอ่ยเมื่อครู่อีกครั้ง และด้วยความที่เธอทำอะไรไม่ถูก จึงได้แต่พยายามข่มอารมณ์บอกปัดออกไป“ปะ...เปล่าคะ คุณแค่หน้าเหมือนคนที่ฉันเคยรู้จัก ต้องขออภัยด้วย” เธอตอบออกไปโดยที่ไม่ได้คิดจะมองใบหน้าของเขาเลยแม้แต่น้อย“เจินเจิน นี่คือหวังไห่เถิง น้องชายเพียงคนเดียวของผม” ผู้บัญชาการหวังเอ่ยแนะนำผู้เป็นน้องชายให้เธอได้รู้จัก“ฉันฉินเจินเจินค่ะ” เพื่อเป็นการไม่ให้เสียมารยาท เธอจึงรวบรวมความกล้า มองสบตากับเขา ก่อนจะเอ่ยถ้อยคำแนะนำตัวเอง“ผมหวังไห่เถิง คุณสวยมากเลยครับ พี่ชายเธอเป็นเมียใหม่ของพี่อย่างนั้นหรือ”หวังไห่เถิง มองสาวสวยข้างกายของผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตาโลมเลีย เธอช่างสวยถูกใจของเขาเสียเหลือเกิน พี่ชายของเขาคนนี้ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นเมียใหม่หรือเมียเก่าล้วนแล้วแต่มีใบหน้าและรูปร่างที่น่าจับต้อง“เธอย
หลังจากรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ผู้บัญชาการหวังก็สั่งการให้นายทหารคนสนิทขับรถไปยังร้านตัดเย็บเสื้อผ้าร้านหนึ่ง โชคดีที่ถนนหนทางในยุคนี้ ผู้คนโดยทั่วไปไม่ได้ร่ำรวยมากพอที่จะซื้อรถยนต์ส่วนตัวได้เกือบทุกคน บนท้องถนนจึงมีรถไม่มากเท่าใรนัก ประชาชนทั่วไปมักจะใช้รถไฟเป็นการเดินทาง หรือไม่ก็ใช้จักรยานรถยุโรปที่มีตราสัญลักษณ์ของผู้บัญชาการทหารมักจะผ่านทุกอย่างไปได้อย่างง่ายดาย ในช่วงที่ยุคเศรษฐกิจกำลังฟื้นฟู และส่วนใหญ่ประเทศจีนเป็นพวกอนุรักษ์นิยม พวกนายทุนที่ประสบความสำเร็จจึงมักจะเป็นคนหัวสมัยใหม่พร้อมที่จะเปิดรับอะไรใหม่ ๆ เข้ามาเสียมากกว่าเมื่อเห็นเช่นนั้นเธอจึงมีความคิดของนักธุรกิจขึ้นมา ชีวิตใหม่ของเธอของมีเพียงเขาเป็นนายทุน เธอก็พร้อมที่จะใช้เงินลงทุนของเขาทำให้เกิดความงอกเงยด้วยการเปิดกิจการใดกิจการหนึ่งขึ้นมา หากถึงวันนั้นเขาไม่ได้มีใจให้กับเธอ เธอก็สามารถที่จะอยู่ต่อไปในโลกใบนี้ได้อย่างสบายโดยไม่ต้องพึ่งพาใคร“เรื่องแบบนี้ทำไมถึงคิดไม่ได้นะ” เธอพึมพำขึ้นมา โดยที่สายตายังคงจับจ้องไปยังเบื้องหน้าเพื่อหาแรงบันดาลใจในการทำกิจการ“คุณว่าอะไรนะ” เขาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอพึมพำอยู่ค
ในทันทีที่รถของผู้บัญชาการหวังจอดเทียบเหลา หรือร้านอาหารที่ใหญ่ที่สุดของเมืองลั่วหยาง ก็มีผู้หญิงในวัยสามสิบต้น ๆ แต่งกายด้วยกี่เพ้าสีจัดจ้านเข้ามาให้การต้อนรับเขาในทันที“ผู้บัญชาการหวัง มี่เถียนดีใจจริง ๆ ที่คุณมาทานอาหารที่นี่”ทันทีที่เขาก้าวเท้าลงจากรถ ผู้หญิงจัดจ้านคนนั้นก็เข้ามาคล้องแขนเขาในทันที แต่ทว่าหวังซานเย่นั้นไร้คำว่าปรานี เพียงแค่เขาปรายดวงตาด้วยความดุดัน ผู้หญิงคนนั้นก็ปล่อยมือที่คล้องแขนเขาในทันที“รบกวนจัดโต๊ะให้ผมด้วย” เขาบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในร้านโดยไม่สนใจสิ่งใด“มี่เถียนต้องขออภัยผู้บัญชาการหวัง วันนี้ด้านในร้านอาหารคนเยอะนัก เพราะรองผู้บัญชาการหลิวจองเอาไว้ตั้งแต่สามวันที่แล้ว ถ้าคุณไม่สะดวก...”“ผมขอที่นั่งแค่สองที่ ตรงไหนก็ได้ หวังว่าคุณจะมีวิธีการจัดการ” ผู้บัญชาการหวังยังคงมีท่าทีที่นิ่งเฉย เขาเอ่ยบอกกับผู้หญิงที่ชื่อมี่เถียนเพียงสั้น ๆ เท่านั้น“ค่ะ ผู้บัญชาการหวังเชิญด้านในค่ะ”มี่เถียนผายมือเชื้อเชิญเขาเพียงเท่านั้น แต่สำหรับฉินเจินเจินนั้นได้รับเพียงสายตาจิกกัดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เธอจึงรีบเดินเข้าไปเพื่อเดินข้างกายของผ
ฉินเจินเจินถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการที่ตื่นมาออกกำลังลังกายตั้งแต่ยามที่ฟ้ายังไม่สาง ดวงตากลมแทบจะปิดสนิท กว่าเธอจะได้นอนเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบจะสว่าง นั่นก็เพราะอาการตกหลุมรักจนนอนไม่หลับ“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ คุณชายรออยู่นะคะ”คุณป้าหลิวเขย่าตัวเธออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะเล่นงานเธอบนเตียงหนักไปหน่อยกระมัง คุณหนูคนนี้ถึงได้ดูอ่อนเพลียเช่นนี้“เธอยังไม่ตื่นอีกหรือป้าหวัง”หวังซานเย่เดินผ่านหน้าห้องของเธอ ก่อนจะมองเห็นว่าป้าหวังหรือแม่บ้านหวังหมิงของเขากำลังเขย่าตัวเธอเพื่อให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจึงอดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้ ‘เห็นทีคฤหาสน์ของเขาคงจะทำให้เธอหลับสบายไม่น้อย’ เขาได้แต่คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้ความจริงเลยสักนิดว่าเธอดีใจจนนอนไม่หลับ“ยังเลยค่ะ เมื่อคืนคุณชายใช้งานเธอหนักหรือคะ” ป้าหวังเอ่ยถามคนเป็นนาย โดยแฝงนัยไว้ในคำถามอย่างชัดเจน“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นครับ คุณป้าอย่าพูดไป เธอจะเสียหายเอาได้” เขาเก็บรอยยิ้มซ่อนลงในใบหน้าทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดไป“ค่ะ ๆ ป้าไม่พูดค่ะ”หวังหมิงพยักใบหน้ารับ ก่อนจะหุบปากจนสนิท แม้นายผู้นี้จะดูเหมือนใ
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวันดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหากดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่
ฉินเจินเจินเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ชื่อว่าป้าหวังด้วยความจำยอมและเชื่อฟัง เธอไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด จนกระทั่งป้าหวังพาเธอมายังห้องอาบน้ำที่แสนจะกว้างใหญ่และหรูหรา เมื่อเธอเห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเกือบ ๆ จะเท่าที่ที่เธอจากมา รอยยิ้มที่แสนจะสดใสและดวงตาที่ทอประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าด้วยความแช่มชื่น 'อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด'"คุณหนู ป้าชื่อหวังหมิง เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้"ป้าหวังแนะนำตัวพร้อมกับยื่นฝ่ามือที่เริ่มจะมีรอยย่นเข้ามาเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ด้วยความตกใจฉินเจินเจินจึงดึงรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอาย"ระ...เรียกว่าฉินเจินเจิน หรือเจินเจิน เฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณป้า" เธอแนะนำตัวออกไปพร้อมกับปกป้องกี่เพ้าตัวเก่าเอาไว้เป็นอย่างดี"ถอดเสื้อผ้าออกเถอะค่ะ ป้าจะอาบน้ำให้"ป้าหวังหมิงยังคงยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ซึ่งเธอก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ แม้ว่าร่างกายของเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่ร่างกายที่คุ้นเคยของเธอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอก็ไม่หน้าด้านที่จะเปลื้องผ้าล่อนจ้อนให้ใครมาอาบน้ำให้หรอกนะ"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันอาบเอ
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร” เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ” ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และ
เมืองหนานซาง มณฑลเจียงซี...คอนโดหรูกลางเมืองใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ ฉินเจินเจิน สาวใหญ่ในวัยสี่สิบปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมาย ชีวิตในปัจจุบันนั้นไร้สามี หรือลูกสาว ลูกชาย ให้สืบสกุล อีกทั้งบิดาและมารดาต่างก็พากันจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เธอยังไม่ร่ำรวยการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมานานแสนนานนั้นช่างเปลี่ยวเหงา บาร์โฮสต์อันแสนหรูหราจึงเป็นสถานที่ให้เธอได้บรรเทาความเหงา กับเงินในกระเป๋าที่ทำให้เธอซื้อความสุขมาครอบครองเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม เป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่โชคชะตากลับนำพาเด็กหนุ่มรูปหล่อนามว่าเป่าซานซาน ในวัยเพียงยี่สิบปีมาอยู่ข้างกายให้จิตใจกระชุ่มกระชวยฉินเจินเจิน ได้เจอกับเป่าซานซานที่บาร์โฮสต์ เขาทั้งเอาอกเอาใจ และไม่รังเกียจเธอที่มีอายุมากกว่า ทำให้เธอหลงรักเขาทั้งใจ จนต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินครั้งใหญ่จ้างเขาให้เลิกทำงานเป็นโฮสต์ เพื่อมาอยู่กับเธอในทุกวันชีวิตที่เป็นดั่งความฝันได้เริ่มต้นขึ้น จากความชอบกลายเป็นความรักที่ยากจะถอนตัวถอนใจ ไม่ว่าเป่าซานซานจะต้องการอะไรเธอก็บันดาลให้กับเขาได้ทุกสิ่ง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบสนองคว