หวังไห่เถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว เขาคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหวังซานเย่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น
หวังซานเย่หันมองหวังไห่เถิงอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย "คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือ" เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่ต้องเผชิญกับความโกรธของหวังไห่เถิง ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่า หวังไห่เถิงก้าวไปข้างหน้า ภายในมือของเขาจับอาวุธปืนเอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าการแก้แค้นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตาม แกรก "หวังซานเย่...ทุกอย่างมันต้องจบที่นาย!" หวังไห่เถิงตะโกนลั่น ในขณะจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของหวังซานเย่ แต่ทว่ามือของเขากลับสั่นเพราะความโกรธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ "ซานเย่!" ฉินเจินเจินตกใจมาก เธอวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความกลัว แต่ทว่ากลับถูกห่าวอู๋คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัย หวังซานเย่เหลือบมองปืนที่จ่อศีรษะ เขาไม่คิดว่าจะถูกตลบหลังอีกครั้ง ดวงตาของหวังไห่เถิงนั้นเต็มไปด้วยความเกลียดชัง "ทำไมนายจะต้องทำแบบนี้" เขาถามอีกฝ่ายด้วยเสียงเรียบนิ่ง แม้จะพยายามควบคุมตัวเองไม่ให้รู้สึกโกรธ แต่ในขณะนั้นเขากลับไม่อาจควบคุมความรู้สึกที่เกาะกุมจิตใจได้ "ทำไมน่ะหรือ เพราะนายได้ทุกอย่าง มีทุกอย่างที่ดีกว่าฉัน!" หวังไห่เถิงตอบกลับด้วยเสียงโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นคุณนายหวังก็วิ่งเข้าไปดักหน้าหวังไห่เถิง ก่อนจะเกาะแขนเขาด้วยร่างกายที่สั่นเทา "พอแล้ว หยุดเถอะไห่เถิง อย่าทำแบบนี้!" น้ำเสียงของเธอดังกระทบใจหวังไห่เถิง หวังไห่เถิงสะบัดแขนของมารดาออก แล้วก้าวถอยหลัง เขามองไปที่คุณนายหวังแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่แตกสลาย "แม่ไม่ได้รักผมเลย... ทุกอย่างมันแค่การหลอกลวง!" เขาตะโกนใส่หน้าของมารดา และคิดมาตลอดว่านายท่านหวังคือพ่อของเขาอย่างสนิทใจมาโดยตลอด ในพื้นที่นั้นเงียบลงไปชั่วขณะ ความตึงเครียดระหว่างทั้งสามคนกลายเป็นอัมพาตทางอารมณ์ แม้ว่าหวังซานเย่จะยังยืนอยู่ในท่าทางที่ไม่เคยยอมแพ้ แต่วินาทีนี้เขากลับรู้สึกถึงความเปราะบางในตัวเองเป็นครั้งแรกในชีวิต เมื่อต้องมาเผชิญเรื่องราวเช่นนี้ หวังไห่เถิงยืนนิ่งอยู่ในสวนหลังบ้าน ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวดจากความจริงที่เขาพึ่งได้รับรู้ ทุกสิ่งที่เขาเคยคิดว่าเป็นชีวิตของเขา กลับกลายเป็นแค่ภาพมายาที่หลอกลวง จิตใจของเขาเต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มุ่งตรงไปยังหวังซานเย่และคุณนายหวังด้วยความรู้สึกท่วมท้น แต่เมื่อเขาหันกลับไปมองสบตามารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เขา ทุกอย่างกลับกลายเป็นความรู้สึกผิด เขาเห็นสีหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความผิดหวัง หัวใจของหวังไห่เถิงเริ่มเต้นแรงขึ้น ราวกับเขากำลังมองเห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ฟึ่บ จังหวะที่อีกฝ่ายเผลอไผล เขาจึงสะบัดตัวให้หลุดพ้นจากปลายกระบอกปืนที่จ่อศีรษะอยู่ ด้วยความตกใจ หวังไห่เถิงจึงลั่นไกปืนขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว ปัง! "คุณแม่!" หวังไห่เถิงตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเขาเห็นคุณนายหวังล้มลงกับพื้น บริเวณหน้าท้องของเธอมีเลือดไหลออกมา เขาจึงรีบวิ่งไปหาคุณนายหวังท่ามกลางความตกใจของทุกคน คุณนายหวังยกมือขึ้นมาอย่างอ่อนแรง ก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ไม่เป็นไร...ไห่เถิง" เธอพยายามยิ้มให้ลูกชาย แต่ในขณะที่เธอยิ้มออกมานั้น กลับมีน้ำตาไหลออกจากดวงตาด้วยความเจ็บปวด หวังไห่เถิงรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขากำลังจะพังทลายลง เขาไม่เคยเห็นแม่ของตัวเองเจ็บปวดขนาดนี้มาก่อน เป็นความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ภายในใจของเขา ตอนนี้เขากลายเป็นลูกอกตัญญูอย่างแท้จริงเมื่อเขาทำร้ายมารดา "คุณนายหวัง!" หวังซานเย่ตะโกนออกมา เมื่อเขาเห็นว่าคุณนายหวังบาดเจ็บ ก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาและพยุงเธอขึ้นจากพื้น พร้อมกับมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความไม่เข้าใจ "พอใจนายแล้วหรือยัง ไห่เถิง" หวังไห่เถิงยังคงจับจ้องสายตามองไปที่หวังซานเย่ด้วยความโกรธที่ยังคงไม่หายไปจากใจ แต่เมื่อเขาหันไปมองมารดาที่เจ็บปวดอยู่ในอ้อมแขนของเขา จึงเกิดความรู้สึกผิดและเสียใจท่วมท้นภายในจิตใจของเขา "ผม...ผมทำให้แม่ต้องมาเป็นแบบนี้..." หวังไห่เถิงพูดเสียงสั่น มือของเขาสั่นเทาเหมือนไม่สามารถควบคุมได้ เมื่อเห็นเลือดมากมายไหลออกมาจากหน้าท้องของมารดา "มะ...แม่ไม่เป็นอะไร...ให้มันจบแค่นี้เถอะนะลูก ไห่เถิง" มือที่เต็มไปด้วยเลือดสีแดงสดยกขึ้นจับใบหน้าลูกชายด้วยความหวงแหน "แม่...แม่บอกให้ผมหยุด แต่ผมกลับไม่ทำ...ผมทำร้ายแม่" หยาดน้ำตาของลูกผู้ชายไหลลงบนมือของมารดา คุณนายหวังพยายามยิ้มให้ลูกชายของเธอ แม้ว่าเธอจะรู้สึกเจ็บปวดเจียนตาย "ไม่...ไห่เถิง...แม่ไม่โทษลูก" เธอส่ายหัวเบา ๆ "สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันเป็นแค่ความเข้าใจผิด นายไม่ควรทำร้ายใครเลย แม้กระทั่งตัวเอง" หวังซานเย่บอกกับเขา หวังไห่เถิงทรุดตัวลงไปนั่งข้าง ๆ คุณนายหวัง ใจของเขาท่วมท้นไปด้วยความรู้สึกผิดและความเสียใจที่ไม่อาจย้อนกลับคืนได้ เขาไม่สามารถให้อภัยตัวเองได้ "แม่...ผมทำให้คุณเจ็บ...ผมทำให้ทุกอย่างพังลงไปหมด" หวังไห่เถิงพูดเสียงแผ่ว เขาหันไปมองหวังซานเย่ที่ถอยออกไปยืนอยู่ห่าง ๆ ในใจของเขาเต็มไปด้วยความสงสารตัวเองและคนที่เขาคิดว่าเป็นศัตรู หวังซานเย่มองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อน เขารู้ดีว่าไห่เถิงไม่ใช่คนผิดทั้งหมด แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถยอมรับความจริงที่มันเจ็บปวดได้ง่าย ๆ "หวังไห่เถิง ทุกอย่างมันไม่ใช่ความผิดของนายทั้งหมด แต่สิ่งที่นายต้องคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ คือคุณแม่ของนายบาดเจ็บหนัก เราต้องช่วยกันพาเธอไปโรงพยาบาลก่อน" หวังไห่เถิงรับฟังคำพูดของหวังซานเย่ ก่อนจะทำตามคำบอกกล่าวในทันที และเขาก็รู้ดีว่าในเวลานี้เขาไม่ควรทะเลาะกับใครอีก เขาต้องทำสิ่งที่ถูกต้องเพื่อปกป้องมารดาของเขาเอาไว้ หลังจากนั้นพวกเขาก็พาคุณนายหวังไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ และสิ่งที่น่าเศร้าคือกระสุนถูกอวัยวะสำคัญ จึงทำให้คุณนายหวังไม่สามารถกลับมาเดินได้อีกต่อไป หวังไห่เถิงรู้ว่าความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขานั้น ไม่สามารถที่จะเป็นเหมือนเดิมกับตระกูลหวังได้อีกต่อไป ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เขาต้องตัดสินใจอย่างหนัก ในคืนนั้น ขณะที่ทุกคนแยกย้ายกันกลับมายังคฤหาสน์ หวังไห่เถิงยืนอยู่หน้าประตูห้องพักของมารดาด้วยความรู้สึกที่หนักอึ้ง เขารู้ดีว่าตัวเองและมารดาไม่สามารถอยู่ในตระกูลหวังได้อีกต่อไป เขาสูดลมหายใจและคิดอยู่นาน ถึงจะเข้าไปยังด้านใน ก่อนจะเห็นมารดาร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่ไม่อาจกลับมาเดินได้อีกต่อไป ด้วยความรู้สึกผิดเขาจึงปฏิญาณกับตัวเองในใจ ว่าเขาจะดูแลมารดาของเขาให้ดี โดยไม่พึ่งอำนาจบารมีของตระกูลหวังอีกต่อไป "คุณแม่ครับ ผม...ผมจะออกไปจากตระกูลหวัง" เขาพูดกับคุณนายหวังด้วยน้ำเสียงเศร้า "แม่ตามใจลูกเสมอ แต่ไห่เถิง แม่ไม่สามารถปกป้องลูกได้อีกต่อไปแล้ว ขาของแม่..." หยาดน้ำตาไหลพรากออกมาจนอาบแก้ม นี่คงจะเป็นกรรมของเธอที่เคยคิดร้ายกับคนอื่น "มันไม่ใช่ที่ของผมแล้ว ผมทำให้ทุกคนต้องเจ็บปวด ผมต้องการหาทางเริ่มต้นใหม่ และผมจะดูแลแม่เอง" คุณนายหวังมองไปที่ลูกชายด้วยความสงสาร และส่ายหัวไปมาเพื่อบอกว่าไม่เป็นอะไร "ไห่เถิง...ถ้าลูกคิดว่าการออกไปจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น แม่ก็จะยอมรับ แต่ลูกอย่าลืมว่าพวกเราคือครอบครัว ยังมีที่ยืนสำหรับลูกเสมอ" หวังไห่เถิงหันหลังและเดินอออกจากห้องพักของมารดา หลังจากที่เขาปลอบมารดาจนเธอหลับไป เขาตัดสินใจที่จะออกไปจากตระกูลหวัง แม้จะเป็นทางเดินในคืนที่มืดมิด และรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังจะออกจากทุกสิ่งที่เคยรู้จัก แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเหมือนกำลังเริ่มต้นเส้นทางใหม่ที่อาจจะมีแสงสว่างรออยู่ข้างหน้า แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดและสูญเสีย แต่บางทีการเริ่มต้นใหม่ อาจจะเป็นบทเรียนที่เขาสมควรจะได้รับแสงแดดในยามเช้าของวันใหม่ยังคงสาดส่องและทอประกายแสงที่เจิดจ้า เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าแก่ภายห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ผู้บัญชาการหวังด้วยความสดใส แสงที่ส่องสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาด นั้นดูอบอุ่นและเงียบสงบราวกับไร้ผู้คน แม้แต่เสียงฝีเท้าของคนในบ้านยังคงเงียบเชียบหวังซานเย่ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขา ดวงตาอันแสนจะเคร่งขรึมจ้องมองไปยังเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวอักษรบนกระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการค้าขาย และการบริหารจัดการสิ่งของมีค่าของตระกูลหวังที่ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้จะไร้เงาของอดีตคุณนายหวัง และแม้ว่าหวังไห่เถิงจะออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม แต่การบริหารงานของตระกูลยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเขาและภรรยาผู้บัญชาการหวังรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์นั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่หวังไห่เถิงและมารดาตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่ภายในกองทัพ และภรรยาที่เพิ่งจะเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างภายในตระกูล ทำให้ทุกสิ่งยังไม่เข้าร่องเข้ารอย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมของเขายังคงจับจ้องไ
บรรยากาศภายในห้องนอนของผู้บัญชาการหวังและภรรยาของเขา ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและมีแสงไฟสลัว ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบตามคำสั่งของเขา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสำหรับทำกิจกรรมกระชับรักหวังซานเย่กำลังนั่งข้างเตียง ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท่อนแขนของภรรยาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความหลงใหล ใบหน้าของเธอยังคงเปล่งประกายอ่อนหวานเหมือนทุกวัน แต่ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอ่อนแอลงไปบ้างหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป หวังซานเย่ตั้งอกตั้งใจที่จะเร่งผลิตทายาทให้กับตระกูลหวังของเขาด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ และดูเหมือนว่าความเหน็ดเหนื่อยของเขาและภรรยาจะบังเกิดผล เมื่อฉินเจินเจิน เมียเด็กของเขาเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันด้วยความดีอกดีใจจนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร โชคดีที่ป้าหวังให้คำแนะนำวิธีการดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ลืมที่จะรีบพาเธอไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการของเธอให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อผลการตรวจออกมา ชายวัยสี่สิบที่ยังหนุ่มแน่น แข็งแรงและมั่นคงก็คงต้องอ่อนแรงลงไป หลังจากที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยบอก"ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ตอนนี้ก็รา
“นี่คุณ รีบปลุกลูกสาวตัวดีของคุณเร็วเข้า หากนานกว่านี้ ผู้บัญชาการเปลี่ยนใจขึ้นมา พวกเราแย่แน่”“อาฉวน คุณไม่เห็นหรือว่าฉันปลุกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว แต่เธอก็ไม่ตื่น จะมาขี้เซาอะไรกันตอนนี้นังลูกไม่รักดี” คนที่โดนเร่งเร้าให้ออกแรงปลุกก็เริ่มจะมีน้ำเสียงที่หงุดหงิดเช่นเดียวกัน“โอกาสดี ๆ แบบนี้ไม่ได้หาง่าย ๆ นะคุณ รีบปลุกลูกสาวของคุณซะ ด้วยความหวังดี” บุรุษเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่รื่นหูเท่าไรนัก ซ้ำยังมีใบหน้าที่บิดเบี้ยวเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่พอใจเสียงสนทนาที่ฟังดูคล้ายกับคนทะเลาะกันระหว่างชายหญิงที่ไม่คุ้นหู ผ่านเข้ามาในภวังค์ความคิด แม้จะยังคงหลับตาแต่ก็รับรู้ได้ถึงบทสนทนาที่ชัดเจนมาก พอให้รู้ว่าเสียงนั้นช่างน่ารำคาญและรบกวนการนอนมากเพียงใด ‘แต่เดี๋ยวนะ !’ฉินเจินเจิน ลืมตาขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่ดวงตาคู่สวยจะกวาดมองไปรอบกาย จนเจอเข้ากับหนึ่งหญิงหนึ่งชายในวัยกลางคนที่กำลังส่งฝ่ามือเข้ามาปลุกด้วยท่าทางรีบร้อน“พวกคุณเป็นใครกัน เข้ามาในคอนโดของฉันได้อย่างไร” เธอเอ่ยถามออกไป พร้อมกับยันกายลุกขึ้นพิงหมอนอิงใบใหญ่ ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบอีกครั้ง เพื่อมองหาเด็กหนุ่มคนรักของตัวเอ
เมืองหนานซาง มณฑลเจียงซี...คอนโดหรูกลางเมืองใหญ่ เป็นที่อยู่อาศัยของ ฉินเจินเจิน สาวใหญ่ในวัยสี่สิบปี เจ้าของอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจมากมาย ชีวิตในปัจจุบันนั้นไร้สามี หรือลูกสาว ลูกชาย ให้สืบสกุล อีกทั้งบิดาและมารดาต่างก็พากันจากโลกนี้ไปตั้งแต่ที่เธอยังไม่ร่ำรวยการใช้ชีวิตเพียงคนเดียวมานานแสนนานนั้นช่างเปลี่ยวเหงา บาร์โฮสต์อันแสนหรูหราจึงเป็นสถานที่ให้เธอได้บรรเทาความเหงา กับเงินในกระเป๋าที่ทำให้เธอซื้อความสุขมาครอบครองเธอไม่ใช่ผู้หญิงที่หน้าตางดงาม เป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาธรรมดาที่มีรูปร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ แต่โชคชะตากลับนำพาเด็กหนุ่มรูปหล่อนามว่าเป่าซานซาน ในวัยเพียงยี่สิบปีมาอยู่ข้างกายให้จิตใจกระชุ่มกระชวยฉินเจินเจิน ได้เจอกับเป่าซานซานที่บาร์โฮสต์ เขาทั้งเอาอกเอาใจ และไม่รังเกียจเธอที่มีอายุมากกว่า ทำให้เธอหลงรักเขาทั้งใจ จนต้องควักกระเป๋าจ่ายเงินครั้งใหญ่จ้างเขาให้เลิกทำงานเป็นโฮสต์ เพื่อมาอยู่กับเธอในทุกวันชีวิตที่เป็นดั่งความฝันได้เริ่มต้นขึ้น จากความชอบกลายเป็นความรักที่ยากจะถอนตัวถอนใจ ไม่ว่าเป่าซานซานจะต้องการอะไรเธอก็บันดาลให้กับเขาได้ทุกสิ่ง และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ตอบสนองคว
บรรยากาศภายในรถยุโรปนั้นเงียบสนิท มีเพียงเสียงของลมหายใจที่ดังขึ้นด้วยความแผ่วเบาราวกับขนนก ช่างชวนให้รู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก สตรีร่างกายบอบบางที่นั่งตัวเกร็งจำต้องส่งสายตากวาดมองสำรวจภายในรถเพื่อลดความเกร็ง เมื่อเธอมองอย่างเต็มตาก็ต้องรู้สึกประหลาด เพียงแค่ปรายตามองดูก็รู้ว่าผู้เป็นเจ้าของนั้นทรงอำนาจและมีเงินมากมายเพียงใด ถึงจะสามารถครอบครองรถเหล่านี้ได้ในยุคสาธารณรัฐที่เพิ่งฟื้นจากวิกฤตเศรษฐกิจและยังไม่ได้เปิดกว้างเช่นนี้ได้“นี่คุณ ปีนี้คือปีที่เท่าไร” เธอถามออกไปโดยไร้หางเสียงเพื่อทำลายความเงียบที่แสนจะน่าเบื่อหน่าย จากสายตาและการประเมินเพียงผิวเผินบุรุษที่นั่งสงบนิ่งอยู่ข้างกายของเธอก็น่าจะอายุราว ๆ เดียวกันกับเธอในโลกใบที่เธอจากมา“ไม่มีมารยาท คุณเด็กกว่าผมจนเกือบจะเป็นลูกสาวของผมได้อยู่แล้ว พูดจาไม่มีหางเสียงเช่นนี้ได้อย่างไรกัน หรือว่าตระกูลฉินของคุณไม่สั่งไม่สอนมารยาทมาบ้างเลยหรือ” เสียงเข้มของเขากล่าวขึ้นด้วยความตำหนิ ที่ทำให้เธอต้องขบกรามแน่น“คุณซื้อฉันมาเป็นลูกสาวหรือคะ หากเป็นเช่นนั้นฉันจะได้เรียกคุณว่า คุณพ่อ” ฉินเจินเจินเอ่ยคำประชดขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย และ
ฉินเจินเจินเดินตามสตรีวัยกลางคนที่ชื่อว่าป้าหวังด้วยความจำยอมและเชื่อฟัง เธอไม่ได้คิดจะขัดขืนแต่อย่างใด จนกระทั่งป้าหวังพาเธอมายังห้องอาบน้ำที่แสนจะกว้างใหญ่และหรูหรา เมื่อเธอเห็นว่าที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันเกือบ ๆ จะเท่าที่ที่เธอจากมา รอยยิ้มที่แสนจะสดใสและดวงตาที่ทอประกายก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าด้วยความแช่มชื่น 'อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบากเท่าที่คิด'"คุณหนู ป้าชื่อหวังหมิง เป็นคนดูแลความเรียบร้อยของคฤหาสน์นี้"ป้าหวังแนะนำตัวพร้อมกับยื่นฝ่ามือที่เริ่มจะมีรอยย่นเข้ามาเพื่อปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอ ด้วยความตกใจฉินเจินเจินจึงดึงรั้งเสื้อผ้าของตัวเองเอาไว้ด้วยความเขินอาย"ระ...เรียกว่าฉินเจินเจิน หรือเจินเจิน เฉย ๆ ก็ได้ค่ะคุณป้า" เธอแนะนำตัวออกไปพร้อมกับปกป้องกี่เพ้าตัวเก่าเอาไว้เป็นอย่างดี"ถอดเสื้อผ้าออกเถอะค่ะ ป้าจะอาบน้ำให้"ป้าหวังหมิงยังคงยื้อยุดฉุดกระชากเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอ ซึ่งเธอก็ปกป้องตัวเองเต็มที่ แม้ว่าร่างกายของเด็กสาวคนนี้จะไม่ใช่ร่างกายที่คุ้นเคยของเธอ แต่เมื่อเข้ามาอยู่ในร่างนี้เธอก็ไม่หน้าด้านที่จะเปลื้องผ้าล่อนจ้อนให้ใครมาอาบน้ำให้หรอกนะ"ไม่เป็นไรค่ะป้า ฉันอาบเอ
หวังซานเย่เดินขึ้นบันได้มาหยุดยังบานประตูไม้เรียบหรู วันนี้เป็นวันที่เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก ไหนจะต้องสะสางงานในกองทัพ ไหนจะต้องไปเจรจากับหยางตงฉวน มิหนำซ้ำยังต้องมาอธิบายให้คุณแม่เข้าใจเรื่องที่เขาซื้อฉินเจินเจินมาอีก ตอนนี้เขาแทบจะหมดแรงจนอยากจะอาบน้ำและพักผ่อนเต็มที ร่างสูงผลักฝ่ามือลงบนบานประตูเข้ามายังห้องนอนของตัวเองดังเช่นทุกวันดวงตาคู่คมที่พร่ามัวสะลึมสะลือด้วยอาการง่วงนอน กวาดมองไปยังเตียงนอนของตัวเองดังเช่นเคย แต่ทว่าเขากลับต้องเบิกตากว้างขึ้นเมื่อภาพเบื้องหน้าปรากฏหญิงสาวในชุดกี่เพ้าสีชมพูบางเบานั่งไขว่ห้างโชว์เรียวขาพร้อมกับส่งสายตาสุดเย้ายวนมาให้เห็นทีคุณป้าหวังและฉินเจินเจินคงเข้าใจผิดไปกับคำพูดของเขาอยู่ไม่น้อย การที่เขาเอ่ยปากออกไปเช่นนั้นไม่ได้สื่อความหมายว่าตัวเองต้องการให้เธอมาเป็นนางบำเรอในค่ำคืนนี้ แต่เขาต้องการให้เธอเข้ามามารอที่ห้องนอนของตัวเอง นั่นก็เพื่อที่จะหลบหลีกสายตาของคุณแม่และคนอื่นที่ภายในคฤหาสน์ต่างหากดวงตาของเขาทอประกายขึ้นอย่างวาบหวาม เมื่อเผลอไผลจ้องมองไปตามร่างกายสาวของสาวน้อยวัยแย้มยิ้ม เธอช่างดูงดงามอย่างไร้ซึ่งที่ติ ผิวพรรณนั้นขาวผ่
ฉินเจินเจินถูกปลุกตั้งแต่เช้าตรู่ตามคำสั่งของผู้บัญชาการที่ตื่นมาออกกำลังลังกายตั้งแต่ยามที่ฟ้ายังไม่สาง ดวงตากลมแทบจะปิดสนิท กว่าเธอจะได้นอนเวลาก็ล่วงเลยจนเกือบจะสว่าง นั่นก็เพราะอาการตกหลุมรักจนนอนไม่หลับ“คุณคะ ตื่นเถอะค่ะ คุณชายรออยู่นะคะ”คุณป้าหลิวเขย่าตัวเธออยู่นาน แต่ดูเหมือนว่าผู้บัญชาการจะเล่นงานเธอบนเตียงหนักไปหน่อยกระมัง คุณหนูคนนี้ถึงได้ดูอ่อนเพลียเช่นนี้“เธอยังไม่ตื่นอีกหรือป้าหวัง”หวังซานเย่เดินผ่านหน้าห้องของเธอ ก่อนจะมองเห็นว่าป้าหวังหรือแม่บ้านหวังหมิงของเขากำลังเขย่าตัวเธอเพื่อให้เธอลืมตาตื่นขึ้นมา เขาจึงอดที่จะเดินเข้าไปดูไม่ได้ ‘เห็นทีคฤหาสน์ของเขาคงจะทำให้เธอหลับสบายไม่น้อย’ เขาได้แต่คิดเช่นนั้น โดยไม่รู้ความจริงเลยสักนิดว่าเธอดีใจจนนอนไม่หลับ“ยังเลยค่ะ เมื่อคืนคุณชายใช้งานเธอหนักหรือคะ” ป้าหวังเอ่ยถามคนเป็นนาย โดยแฝงนัยไว้ในคำถามอย่างชัดเจน“ไม่มีเรื่องเช่นนั้นครับ คุณป้าอย่าพูดไป เธอจะเสียหายเอาได้” เขาเก็บรอยยิ้มซ่อนลงในใบหน้าทันทีที่ดูเหมือนว่าจะมีหลายต่อหลายคนเข้าใจผิดไป“ค่ะ ๆ ป้าไม่พูดค่ะ”หวังหมิงพยักใบหน้ารับ ก่อนจะหุบปากจนสนิท แม้นายผู้นี้จะดูเหมือนใ
บรรยากาศภายในห้องนอนของผู้บัญชาการหวังและภรรยาของเขา ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและมีแสงไฟสลัว ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบตามคำสั่งของเขา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสำหรับทำกิจกรรมกระชับรักหวังซานเย่กำลังนั่งข้างเตียง ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท่อนแขนของภรรยาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความหลงใหล ใบหน้าของเธอยังคงเปล่งประกายอ่อนหวานเหมือนทุกวัน แต่ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอ่อนแอลงไปบ้างหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป หวังซานเย่ตั้งอกตั้งใจที่จะเร่งผลิตทายาทให้กับตระกูลหวังของเขาด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ และดูเหมือนว่าความเหน็ดเหนื่อยของเขาและภรรยาจะบังเกิดผล เมื่อฉินเจินเจิน เมียเด็กของเขาเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันด้วยความดีอกดีใจจนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร โชคดีที่ป้าหวังให้คำแนะนำวิธีการดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ลืมที่จะรีบพาเธอไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการของเธอให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อผลการตรวจออกมา ชายวัยสี่สิบที่ยังหนุ่มแน่น แข็งแรงและมั่นคงก็คงต้องอ่อนแรงลงไป หลังจากที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยบอก"ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ตอนนี้ก็รา
แสงแดดในยามเช้าของวันใหม่ยังคงสาดส่องและทอประกายแสงที่เจิดจ้า เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าแก่ภายห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ผู้บัญชาการหวังด้วยความสดใส แสงที่ส่องสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาด นั้นดูอบอุ่นและเงียบสงบราวกับไร้ผู้คน แม้แต่เสียงฝีเท้าของคนในบ้านยังคงเงียบเชียบหวังซานเย่ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขา ดวงตาอันแสนจะเคร่งขรึมจ้องมองไปยังเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวอักษรบนกระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการค้าขาย และการบริหารจัดการสิ่งของมีค่าของตระกูลหวังที่ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้จะไร้เงาของอดีตคุณนายหวัง และแม้ว่าหวังไห่เถิงจะออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม แต่การบริหารงานของตระกูลยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเขาและภรรยาผู้บัญชาการหวังรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์นั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่หวังไห่เถิงและมารดาตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่ภายในกองทัพ และภรรยาที่เพิ่งจะเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างภายในตระกูล ทำให้ทุกสิ่งยังไม่เข้าร่องเข้ารอย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมของเขายังคงจับจ้องไ
หวังไห่เถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว เขาคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหวังซานเย่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหวังซานเย่หันมองหวังไห่เถิงอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย"คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือ"เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่ต้องเผชิญกับความโกรธของหวังไห่เถิง ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่าหวังไห่เถิงก้าวไปข้างหน้า ภายในมือของเขาจับอาวุธปืนเอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าการแก้แค้นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตามแกรก"หวังซานเย่...ทุกอย่างมันต้องจบที่นาย!"หวังไห่เถิงตะโกนลั่น ในขณะจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของหวังซานเย่ แต่ทว่ามือของเขากลับสั่นเพราะความโกรธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ"ซานเย่!" ฉินเจินเจินตกใจมาก เธอวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความกลัว แต่ทว่ากลับถูกห่าวอู๋คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยหวังซานเย่เหลือบมองปืนที่จ่อศีรษะ เขาไ
ท่ามกลางเสียงตะโกนและการโต้เถียงที่ดังสนั่นภายในสวนด้านหลังของตระกูลหวัง เกิดการต่อสู้ในระหว่างพี่น้องที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่าย ๆ หวังซานเย่บุตรชายคนโตของตระกูลหวัง จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของหวังไห่เถิงอย่างไร้ความปรานี"ซานเย่...อย่าทำร้ายเขา!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้หวังซานเย่หยุดนิ่ง ความโกรธแค้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่สายตายังจ้องมองไปที่ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่"คุณแม่" เสียงหวังซานเย่นั้นเรียบเฉยและไม่ได้ดูตกใจเท่าไรนักคุณนายหวัง มารดาที่เคยแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยของเขา แต่ในขณะนี้ดวงตาของเธอที่มักจะอ่อนโยน กลับแฝงด้วยความเด็ดขาดและบางครั้งก็เห็นสายตาที่ซ่อนความรู้สึก ในแบบที่เขาไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน"ซานเย่! อย่าทำแบบนี้!"คุณนายหวังเดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหวังซานเย่กลับสะบัดมือของเธอออกแล้วจ้องมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความเจ็บปวด"นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ!" หวังซานเย่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง"ซานเย่...แต่เขาเป็นน้องชายของลูก" คุณนายหวังพูดเสียงเบาลง พร้อมกับหายใจเข้าลึก"คุณแน่ใจหรือครับ ว่าเขา
"หวังไห่เถิง....ถอยไป" เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ผู้บัญชาการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่หวังซานเย่ เดินมาจากทางเดินที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านหลังของเขาคือที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ที่ออกมาจากเงามืด เขาส่งสายตามองไปยังฉินเจินเจินแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหวังไห่เถิงอีกครั้ง"ซานเย่ในที่สุดคุณก็มาทันเวลา" ฉินเจินเจินพึมพำออกมาในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทว่าคำพูดของหวังไห่เถิงก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย"รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะ...พี่ชาย ฮ่า"หวังซานเย่ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างของสวนด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พยายามกดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ร่างสูงใหญ่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ แต่ทว่าในตอนนี้น้องชายกลับทำในสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อีกต่อไป"ไห่เถิง!" เสียงทุ้มต่ำของหวังซานเย่ดังก้องขึ้น"..." เจ้าของชื่อหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"หวังไห่เถิง นายกล
เสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดแต่ทว่าบรรยากาศของคฤหาสน์ผู้บัญชาการในตอนนี้กลับเปรียบเสมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นภายในเงามืด เงาทึมของพระจันทร์เสี้ยวทอแสงลงมากระทบบนพื้นดินด้วยความเยือกเย็น ความมืดมิดปกคลุมทุกอย่าง ราวกับว่าทุกสิ่งในคฤหาสน์นี้กำลังหลบซ่อนตัวเองจากความน่ากลัวภายในมุมหนึ่งที่มืดสนิท ฉินเจินเจินยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเสียงฝีเท้าของ หวังไห่เถิง ดังกระหึ่มมาจากทางเดิน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวี เธอหันกลับไปมองบานประตูไม้ทึบที่เปิดอ้าออกไว้เล็กน้อย ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน"เจินเจิน คุณอยู่ไหนกัน ผมหวังว่าคุณคงไม่อยากทำให้ผมโกรธหรอกกระมัง"เสียงของหวังไห่เถิงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมองเห็นว่าในมือของเขาถือดาบรูปทรงโบราณ ส่องสะท้อนแสงจันทร์ ทำให้เงานั้นช่างดูดุดันและน่าสะพรึงกลัว‘บ้าชิบ นี่มันคนวิปริตชัด ๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร’ เธอคิดในใจ ก่อนจะกัดฟันแน่น เธอรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย
แสงอาทิตย์ในยามอรุณรุ่งได้ลาลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดที่เงียบสงัด ราวกับไม่มีอะไรจะหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งลั่วหยาง หวังซานเย่ เป็นผู้บัญชาการทหารที่ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญ เขาได้รับคำสั่งให้ปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อความเดือดร้อนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่ในระหว่างทางเขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจนไม่อาจมองข้ามไปได้"ผู้บัญชาการครับ เหตุการณ์ในวันนี้มันดูแปลกไปนะครับ"ห่าวอู๋ ลูกน้องคนสนิทของหวังซานเย่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ขณะกอบกุมพวงมาลัยของรถยุโรปทางการทหารหวังซานเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขากำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ และสิ่งที่คิดก็เริ่มจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ดูแปลกตามที่ห่าวอู๋บอกกล่าว และดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้มีจำนวนมากมายเหมือนในทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งพวกมันยังดูเหมือนกับกำลังพยายามหนีเสียมากกว่าการตั้งใจต่อสู้"มันไม่น่าจะใช่แบบนี้" หวังซานเย่พึมพำเบา ๆ เมื่อสายตาคู่คมมองเห็นความผิดปกติในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางผ่านเขาสั่งให้ห่าวอู๋หยุดรถในทันทีที่มองเห็นว่าหมู่
หวังซานเย่รับหน้าที่เป็นคนขับรถในเช้าวันใหม่ เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา บรรยากาศในวันนี้สดใสกว่าทุกวัน ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ทั้งสองฝั่งทำให้เธอทอดสายตามองด้วยความสบายใจ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองอันกว้างไกลที่เธอเองก็ยังเดินสำรวจไม่ครบทุกมุม เป็นความหรูหราของสถาปัตยกรรมจีนโบราณผสมผสานกับกลิ่นอายยุคสาธารณรัฐสะท้อนความมั่งคั่งและทรงอำนาจของตระกูลหวัง ตระกูลที่มีบทบาทสำคัญทั้งในกองทัพและเศรษฐกิจระดับประเทศที่ฉินเจินเจินได้มองอย่างเต็มตาในวันนี้"เจินเจิน ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณสองต่อสองมากกว่า" เขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอเอาไว้"ซานเย่ ตั้งใจขับรถหน่อยสิคะ ฉันยังไม่อยากนอนข้างทางนะคะ!" เธอบ่นอุบ เมื่อเห็นเขาขับรถมือเดียว จนรู้สึกไม่ปลอดภัย"คุณไม่อยากอยู่กับผมแค่สองคนอย่างนั้นหรือ" เขาไม่ฟังเธอปราม แต่ทว่าเร่งรัดให้เธอตอบคำถามของเขา"ที่คฤหาสน์ก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับคุณนี่คะ ซานเย่ คุณตั้งใจขับรถก่อนเถอะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะงอนคุณนะคะ" เธอกอดอกมุ่ยหน้าใส่เขาด้วยสายตาเอาจริง"ไม่งอนนะ ผมยอมแล้วก็ได้"ฟอดหวังซ
ปลายนิ้วที่เรียวสวยผลักร่างใหญ่โตของเขาให้นอนราบลงไปบนฝากระโปรงของรถได้ด้วยมือเดียว หวังซานเย่ร่างกายอ่อนระทวยไปกับลีลาอันแสนเร่าร้อนของเธอเสียแล้วฉินเจินเจินนั่งคร่อมลงบนท่อนกายอุ่นร้อนของเขาจนมิดลำ ส่งให้เขาหน้าเบ้ด้วยความคับแน่น ความเจ็บสะท้านแล่นไปทั่วลำใหญ่แต่ทว่ายังคงซ่านเสียวจนสมองขาวโพลนซี้ดไม่ได้มีเพียงเขาที่เจ็บปวด เธอเองก็เช่นกันเพราะขนาดที่ใหญ่โตของเขาได้เบียดเสียดเข้ามาภายในโพรงสวาทจนแทบจะปริแตกจากกัน แต่นั่นกลับเป็นความเจ็บปวดที่เธอยินดีสะโพกอิ่มโขลกไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนท่อนเอ็นเขื่องเข้าออกร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยความต้องการที่พุ่งพล่าน ไฟร่านกำลังครอบงำตัวของเธอฉินเจินเจินยกตัวขึ้นแล้วกระแทกตัวลงไปเพื่อให้แท่งหยกเข้าไปในร่องรักของเธออย่างแรง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกและความสะใจ มันทั้งร้อนแรงและวาบหวาม จนเขาครางออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า“อ่า เจินเจิน กระแทกอีก ผมเสียวจังเลยครับ”“อะ...อื้อ”ริมฝีปากบางสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันด้วยความซ่านสยิว ก่อนที่เธอจะออกแรงขยับสะโพกอย่างเชี่ยวชาญ แล้วบดสะโพกลงไปอย่างหนักจนน้ำกามไหลออกมาชุ่มฉ่ำและเกิดเสียงดังแ