บ้านพักตากอากาศของผู้บัญชาการ...
สามวันแล้วที่เจินเจินของเขานอนหลับไป อาการเบื้องต้นของเธอคือความอ่อนล้า และได้รับการกระทบกระเทือนจิตใจอย่างหนัก หวังซานเย่จึงเลือกที่จะพาเธอมายังบ้านพักตากอากาศที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเขามีบ้านพักอยู่นอกชานเมือง ดวงตาคู่คมมองฝ่าเท้าที่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนด้วยความรู้สึกผิด เขาไม่คิดเลยว่ามารดาของตัวเองจะร้ายกาจมากถึงเพียงนี้ ผู้บัญชาการหนุ่มคิดหนักและไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น เขาจึงไม่อยากพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ จึงได้พาเธอมารักษาตัวที่นี่เป็นการชั่วคราว หวังซานเย่เฝ้าอยู่ข้างกายของเธอไม่ห่าง และเฝ้ารอคอยการตื่นของเธอด้วยใจจดจ่อ ฝ่ามือคู่ใหญ่จับมือเล็กของเธอเอาไว้แน่น แววตาบ่งบอกถึงความรักใคร่ห่วงใยเธออย่างท่วมท้น “เจินเจิน คุณนอนนานเกินไปแล้วนะ” เขาบ่นพึมพำก่อนจะแนบมือเล็กไปกับใบหน้าของตัวเองด้วยความหวงแหน “คุณคิดถึงฉันหรือคะ แค่ก แค่ก” ฉินเจินเจินรู้สึกตัวและได้ยินสิ่งที่เขาเอ่ยขึ้นมาพอดี เธอจึงฝืนยิ้มและเก็บอาการเอาไว้ หวังจะแกล้งเขาเล็ก ๆ “นี่คุณตื่นนานแล้วหรือ แกล้งผมนี่นา” ใบหน้าคร้ามเข้มของเขาเต็มไปด้วยความดีใจ เมื่อเห็นว่าเธอฟื้นตื่นขึ้นมาเสียที หวังซานเย่จึงสอดร่างกายของตัวเองเข้าไปใกล้ โดยให้เธอเป็นฝ่ายหนุนนอนบนแผงอกของเขาแทนฝูกที่นอน พร้อมกับโอบกอดเธอด้วยความคิดถึง “คุณยังไม่ตอบฉันเลยนะคะ ว่าคุณคิดถึงฉันหรือ” เธอดื่มน้ำที่เขาป้อนให้จนหมด ก่อนจะแหงนใบหน้าถามเขาด้วยสายตาที่ทอประกาย คาดหวังในคำตอบของเขา “เจินเจิน ผมคิดถึงคุณใจจะขาดเลยรู้ไหม” เขามองสตรีในอ้อมกอดด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะลูบฝ่ามือลงบนเส้นผมสีดำขลับของเธอด้วยความอ่อนโยน “ดีใจที่สุดเลยค่ะ ที่คุณคิดถึงฉัน” เธอพลิกตัวนอนตะแคง ก่อนจะซุกใบหน้าลงบนแผงอกใหญ่ของเขาแล้วสวมกอดรอบเอวหนาเอาไว้แน่น ‘มันช่างอบอุ่นเสียเหลือเกิน พ่อหนุ่มใหญ่ของฉัน’ เธอคิดในใจ “หิวไหม ผมจะหาอะไรให้คุณทาน” “นิดหน่อยค่ะ ว่าแต่ที่นี่คือที่ไหนหรือคะ” เธอตอบเขาเพราะตอนนี้กระเพาะน้อย ๆ ของเธอเริ่มทำงานแล้ว ก่อนจะเอ่ยปากถามออกไป เมื่อบรรยากาศรอบกายช่างไม่คุ้นตาเอาเสียเลย “บ้านพักตากอากาศของผมเอง ผมจะพาคุณออกไปนั่งทางด้านนอก ที่นี่ติดกับน้ำตกพอดี” เขาลุกขึ้นแล้วประคองเธอเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เธอล้มลงไป “ที่นี่สวยนะคะ แต่ดูท่าแล้ว คุณน่าจะเคยพาผู้หญิงมาแล้วหลายคน” เธอเอ่ยถามเขา ด้วยรอยยิ้มกรุ้มกริ่มและไม่ได้คาดหวังในคำตอบเพียงแต่หยอกเย้าเล่นแต่เพียงเท่านั้น เธอไม่ใช่คนงี่เง่า เขาอายุอานามก็สี่สิบเข้าไปแล้ว การจะมีผู้หญิงผ่านมือมาหลายคน นั่นคงไม่ใช่เรื่องแปลก “ผมพาคุณมาเป็นคนแรก แม้แต่ภรรยาเก่าของผม เธอก็ไม่เคยมา” หวังซานเย่ตอบเธอด้วยน้ำเสียงขึงขัง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความจริงจัง จนเธอหุบยิ้มบนใบหน้าแทบไม่ทัน “คุณคะ ฉันแค่ล้อคุณเล่นค่ะ ฉันไม่ได้งี่เง่าแบบนั้นเสียหน่อย” “เจินเจิน ผมจริงจังกับคุณมากนะครับ” เขาบอกกับเธอ ก่อนจะปล่อยมือเธอให้นั่งลงบนเก้าอี้ตัวยาว ที่มองเห็นม่านน้ำตกได้อย่างชัดเจน “ฉันรู้แล้วค่ะ” หลังจากนั้นเขาก็หายไปครู่ใหญ่โดยปล่อยให้เธอนั่งชมม่านน้ำตกไปพลาง ๆ ที่นี่สวยงามราวกับภาพวาด ชานบ้านหลังนี้ยื่นออกไปโดยทำเป็นลานกว้าง ราวกับเป็นสถานที่ให้ชื่นชมธรรมชาติจากเบื้องหน้าแบบชิดใกล้ มิหนำซ้ำยังสามารถจุ่มเท้าลงในสายน้ำเยียบเย็นได้อีกด้วย “เจินเจิน ผมอุ่นโจ๊กร้อน ๆ กับหมั่นโถวมาให้คุณทาน ทานสักหน่อยนะ” เขาถือถาดที่มีอาหารเข้ามาให้เธอ พร้อมกับผ้ากันเปื้อนที่เขาสวมใส่ราวกับว่าลืมถอดไปเสียสนิท มันช่างน่ารักเสียจริง “คิคิ คุณพ่อบ้านคะ ช่วยป้อนฉันหน่อยได้ไหมคะ” เธอยกมือขึ้นป้องริมฝีปาก ก่อนจะหัวเราะขบขันให้กับเขา “เจินเจิน นี่คุณหัวเราะผมหรือ” “ก็คุณน่ารักนี่คะ...” เธอมองเขาด้วยสายตาที่หวานหยด เปี่ยมด้วยความหลงใหล “ทานข้าวเถอะครับ ก่อนที่ผมจะไม่ให้คุณทาน...” หวังซานเย่รับรู้ได้ว่าเด็กสาวตัวน้อยนั้นยั่วยวนเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อยู่หลายครั้งหลายครา จนก้อนเนื้อในอกเต้นระส่ำอย่างบ้าคลั่ง จนแทบไม่อาจอดใจ “ก็ได้ค่ะ” เธอรับประทานอาหารที่เขาป้อนจนหมด ก่อนที่เธอและเขาจะนั่งชื่นชมธรรมชาติไปพร้อมกัน เวลานี้เริ่มเข้าสู่ยามเย็น แสงอาทิตย์ที่สาดส่องกลายเป็นสีส้มทองที่พร้อมจะลาลับ เพื่อเข้าสู่ทิวาราตรีอันมืดมิด ไอเย็นจากสายน้ำทำให้เธอสดชื่นไม่น้อย หวังซานเย่กระชับอ้อมแขนเพื่อให้ร่างแน่งน้อยแนบชิดกับเขา เวลาที่ผ่านมาทั้งเขาและเธอต่างเปิดใจให้แก่กัน จนความสัมพันธ์เพิ่มพูนจนเอ่อล้น ว่าที่ภรรยาเด็กของเขาทั้งแสนซน ขี้เล่น และจริงจังราวกับคนรุ่นราวคราวเดียวกันในบางเวลาจนน่าแปลกใจ และเขาไม่ต้องระแวงเธอเลย มันเป็นความสุขที่เขาไม่ต้องเหนื่อย “เจินเจิน ผมขอโทษ ที่คุณแม่ของผม...” “ซานเย่ นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ” ยังไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยปากของโทษเธอแทนมารดาที่ทำการอุกอาจกับเธอ ฉินเจินเจินก็ทาบทับนิ้วเรียวลงบนกลีบปากหยักของเขาเพื่อเป็นการบอกให้เขาอย่าได้โทษตัวเอง “แต่คุณต้องบาดเจ็บเพราะคุณแม่ของผม” เขาไม่คิดนิ่งเฉย แม้ว่าจะเป็นมารดา แต่ถ้าทำความผิดเขาก็ไม่อาจปล่อยผ่านไปได้ เรื่องนี้เขาจะต้องจัดการอย่างเด็ดขาด “ขอบคุณนะคะ ซานเย่ ที่คุณไปช่วยฉันได้ทันเวลา ไม่อย่างนั้นฉันคงตกเป็นของพวกมันไปแล้ว...” เธอบอกออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหตุการณ์ในวันนั้นเธอยังรู้สึกหวาดกลัวไม่หาย ชายฉกรรจ์เหล่านั้นช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน “ผมจะไม่ยอมให้คุณตกเป็นของใครทั้งนั้น คุณต้องเป็นของผม ผมจะรีบจัดงานแต่งให้เร็วที่สุด เราจะได้...” หวังซานเย่เว้นวรรคเอาไว้ เมื่อคิดได้ว่าตัวเองช่างเป็นผู้ชายที่หัวโบราณเสียเหลือเกิน แต่นี่เป็นการให้เกียรติเธอ ผู้หญิงที่จะเป็นภรรยาเพียงหนึ่งเดียวของเขา “ซานเย่ คุณไม่ต้องรอให้ถึงวันแต่งงานก็ได้นะคะ ฉันพร้อมตกเป็นของคุณมานานแล้ว พ่อหัวโบราณ ฮ่า” ท่อนแขนเล็กของเธอถูกยื่นเข้าไปโอบรอบคอของเขา ก่อนจะกดแรงเพื่อให้ใบหน้าคมคายเข้ามาใกล้ชิดกับเธอ “แก่แดดเกินไปไหมคุณ” เขายิ้มกรุ้มกริ่ม และเป็นรอยยิ้มที่ทำให้เธอนั้นอ่อนระทวย เขาจะว่าเธอแก่แดดก็ช่าง แม้ร่างจะเป็นเด็กสาว แต่จิตวิญญาณเธอหาใช่เด็กไม่รู้ความเสียหน่อย “ฉันเสียขวัญมากนะคะ คุณรู้ไหม” ฝ่ามือบางลงระดับลงมาลูบไล้แก้มของเขา ก่อนจะจ้องมองสบตากับเขาด้วยความอ้อยอิ่ง ริมฝีปากเล็กขบเม้มเข้าหากัน แล้วช้อนสายตามองเขาด้วยความเย้ายวน “แล้วคุณจะให้ผมทำอะไรหรือครับ” ผู้บัญชาการรู้สึกเสียอาการจนต้องกลืนน้ำลายลงคอ เมื่อเธอเริ่มรุกเร้าเขาหนักมากขึ้น จนเขาไม่อาจข่มใจ ตึกตัก ตึกตัก “ฉันเสียขวัญ คุณก็ต้องปลอบขวัญของฉันไม่ใช่หรือคะ” ใบหน้าได้รูปยื่นเข้าไปใกล้จนปลายจมูกแนบชิดติดกัน จนสามารถได้ยินเสียงลมหายใจที่เริ่มหอบกระชั้นของกันและกันได้อย่างชัดเจน “ยะ...อย่างไร” เสียงของเขาแหบพร่า และขาดช่วง “ฉันอยากเป็นเมียเด็กของคุณ...” เธอบอกความต้องการของตัวเองออกไป “แต่พวกเรา...” “ซานเย่ ฉันรอคุณจนถึงวันแต่งงานไม่ไหวหรอกค่ะ ขอบคุณที่คุณให้เกียรติฉัน แต่ฉันอยากได้คุณตอนนี้มากกว่า” ฉินเจินเจินนำจิตวิญญาณที่แท้จริงของตัวเองมาใช้ โดยลืมภาพลักษณ์เด็กสาวในวัยบริสุทธิ์ไปเสียสนิท “เจินเจิน...คุณ” หวังซานเย่ไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะมีความรู้สึกประหม่าจนเสียอาการได้มากมายถึงเพียงนี้ “เป็นของฉันนะคะ ซานเย่...”แสงอาทิตย์อันแสนอบอุ่นได้ลาลับไปเมื่อหมดเวลาของการทำหน้าที่ ท้องทิวาสีส้มอมแดงได้เปลี่ยนเป็นความมืดมิดไปทั่วทั้งผืนฟ้า กลุ่มดาวน้อยใหญ่นั้นทอประกายระยิบระยับประดับท้องฟ้าให้น่าชื่นชม จันทราทรงกลมลอยเด่นหราอยู่กลางท้องฟ้า ทอแสงประกายสีทองส่องสว่างสายลมที่พัดผ่านนั้นแผ่วเบาและนุ่มนวล พอให้ละอองน้ำพัดพาความเย็นมาสู่ผิวกาย ก่อนที่ต้นไม้น้อยใหญ่บริเวณน้ำตกจะส่งเสียงเสียดสีที่ไพเราะราวกับบรรเลงเครื่องดนตรี“เป็นของฉันนะคะ ซานเย่...”ถ้อยคำของเธอสะท้อนกึกก้องอยู่ภายในศีรษะของเขา โลกทั้งใบนั้นราวกับหยุดหมุน เป็นคำพูดที่ทำให้เขาแทบจะคลั่ง และพร้อมจะสยบให้แก่เธอตลอดไปตึกตัก ตึกตักเสียงของหัวใจเต้นอย่างรุนแรง แข่งขันกับเสียงของใบไม้ที่บิดปลิว ฉินเจินเจินนั่งคร่อมตัวลงบนตัวของเขา ก่อนจะประคองใบหน้าของผู้บัญชาการด้วยมือทั้งสองข้าง สบตากับเขาด้วยความลึกซึ้ง แล้วโน้มลงมาจูบอย่างอ่อนโยนในขณะที่เขาดึงเธอเข้ามาชิด มือข้างหนึ่งโอบเอวบาง ส่วนมืออีกข้างก็จับประคองใบหน้าได้รูปเอาไว้ริมฝีปากบางนุ่มหยุ่นทาบทับลงมาบนกลีบปากหยักของเขา จนเกิดความรู้สึกที่ร้อนผ่าวไปตามอณูรูขุมขน และรู้สึกซาบซ่าน เขาไม่อาจต้
“เจินเจิน นี่คุณกำลังท้าทายผมอยู่หรือเปล่า” เขาถามเธอออกไป“ค่ะ ฉันท้าทายคุณ ฉันอยากรู้เต็มแก่แล้วว่าสามีในวัยสี่สิบของฉันทำอะไรได้บ้าง” เธอเชยปลายคางของเขาให้แหงนมองสบตา“ผมจะมอบความเป็นผัวให้กับคุณ ผมจะทำให้คุณร้องขอชีวิต”หวังซานเย่ไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเมียเด็กของเขาร่านสวาทถึงเพียงนี้เขาก็จำต้องแสดงฝีไม้ลายมือให้เต็มที่ ก่อนที่เขาจะอุ้มเธอนั่งคร่อมลงบนตัก ก่อนจะโอบกอดร่างของเธอ ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่ม ความอบอุ่นแผ่ซ่านจากจุดสัมผัส ทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม ราวกับโลกรอบตัวนั้นหยุดหมุน เหลือเพียงสองคนในห้วงเวลาอันแสนหวานฉินเจินเจินหลับตาพริ้มเพื่อรับรสจูบอันแสนร้อนแรง เขาขบเม้มดูดดึงกลีบปากของเธอจนบวมแดง แล้วดูดไซ้ซอกคออันขาวผ่องของเธอแล้วประทับรอยจนเธอครางออกมาอ่าฝ่ามืออุ่นบีบเค้นเนื้อนุ่มของเธออย่างแรง ในณะที่นิ้วหัวแม่มือก็เขี่ยเม็ดทับทิมสีหวานแล้วบีบขยี้ไปมา เขาผลักเธอให้เอนพิงเก้าอี้ตัวยาว ก่อนจะสวมครอบริมฝีปากลงไปบนเต้าอวบสองฝ่ามือบีบขยำส่งก้อนขาวอวบเข้าปากด้วยความกระหาย ลิ้นเรียวตวัดลงบนตุ่มไตจนเปียกชุ่ม ก่อนจะดูดดึงและขบกัดทรวงอกอิ่มจนเกิดรอยแดงอ่า ซี้ดเธอครางออกมาด
รุ่งอรุณยามเช้าที่แสงแดดสาดส่อง กับเสียงของน้ำตกที่ไหลจากที่สูง ฉินเจินเจินลืมตาขึ้นมาแต่ทว่ากลับต้องหลับตาแน่นเพื่อปรับสายตาให้รับกับแสงแดดที่เจิดจ้าอีกครั้งแพขนตาหนากระพริบถี่ กวาดมองทุกสิ่งที่กระจัดกระจายรอบกาย ก่อนจะอมยิ้มออกมาด้วยความเขินอาย ข้างกายของเธอมีร่างที่เปลือยเปล่าของเขา ทำให้เธออดที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อคืนไม่ได้“ซานเย่นะซานเย่ ลีลาของคุณช่างร้อนแรงเสียจริง ๆ”เธอพึมพำ และมองหน้าเขาด้วยสายตาที่จับจ้อง ยามที่เขาหลับตาพริ้มนั้นช่างดูดีเสียเหลือเกินหมับ“คุณยังไม่อิ่มหรือครับ”เธอที่ไม่ทันได้ระวังตัว กลับเป็นฝ่ายถูกคนที่แอบหลับกระชากเข้าไปโอบกอด ปลายจมูกที่โด่งเป็นสันคมซุกไซ้ไปตามลำคอระหงของเธอด้วยความคลั่งไคล้“ฉันเจ็บระบมไปหมดแล้วค่ะ โดยเฉพาะตรงนั้น”เธอก้มมองเนินสวาทของตัวเอง มันทั้งเจ็บและรวดร้าวไปเสียหมด เพราะเขาทั้งดูด ทั้งเลีย ทั้งขยี้ ทั้งกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง“ก็ตรงนั้นของคุณมันหอม มันหวาน มันอร่อยถูกใจผมนี่ครับ”เพียงแค่ชั่วข้ามคืนเขาก็เปลี่ยนไปทุกอย่าง คนที่ไม่ค่อยเปิดเผยความรู้สึกอย่างเขา กลับพูดทุกอย่างออกมาอย่างไม่อาย“พักก่อนนะคะ แล้วฉันจะให้คุณกินอี
ท้องฟ้าในยามเช้าของวันใหม่นั้นยังคงสดใสเสมอ พระอาทิตย์ดวงโตโผล่พ้นขอบฟ้าสาดแสงอ่อนๆ ทำให้บรรยากาศของบ้านพักตากอากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น ม่านน้ำตกยังคงไหลเทลงมาจากที่สูงอย่างต่อเนื่องทำให้อากาศเย็นสบายและรู้สึกสดชื่น เธอและเขายังคงพักอยู่ที่นี่ต่อเนื่องหลายวัน มันทั้งสงบสุขและหอมหวานไปด้วยกลิ่นอายของความรัก“เจินเจิน คุณคิดเห็นอย่างไร หากผมจะพาคุณกลับไปที่คฤหาสน์ของผม” เขาสวมกอดเธอจากทางด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยถามความคิดเห็นและความต้องการของเธอ“ซานเย่ ฉันรู้ว่าคุณกำลังกังวลเรื่องของฉันกับคุณแม่ ใช่หรือไม่”ร่างบางหันมาโอบกอดรอบเอวของเขาเอาไว้ สิ่งที่เขาคิดได้ผ่านออกมาทางสายตาทั้งหมดแล้ว และเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเพียงใด“เรื่องที่คุณแม่ผมทำกับคุณ มันร้ายแรงเหลือเกิน และผมกลัวว่าคุณแม่จะไม่ยอมรามือ” ฝ่ามือคู่ใหญ่จับมือของคนรักเอาไว้แน่น เขาต้องจัดการอะไรบางอย่าง เพื่อให้เธอได้อยู่อย่างสงบสุข“ซานเย่ เราหนีไปตลอดไม่ได้หรอกนะคะ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ฉันขอเพียงให้คุณมาช่วยฉันได้ทันเวลาในทุกครั้งก็พอ” ฉินเจินเจินบอกกับเขาด้วยความเข้าอกเข้าใจ และยอมรับความจริง“ไม่พูดอย่างนี้นะครับ ผมจะไม่
คฤหาสน์หลังงามของผู้บัญชาการหวังซานเย่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางภูมิทัศน์อันแสนงดงาม แต่ทว่าบรรยากาศในวันนี้กลับแตกต่างออกไปจากทุกที สายตาของฉินเจินเจินยังคงสะท้อนความวิตกกังวลกับหลากหลายความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจ ทั้งความคิดของตัวเธอและความทรงจำอันแสนเลวร้ายของเจ้าของร่างเดิม ทำให้เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องจัดการความรู้สึกในตอนนี้อย่างไรหลังจากเหตุการณ์ที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมารดาและพ่อเลี้ยงของเธอที่มาดักรอเพื่อขูดรีดเงินจากเธอในวันนี้ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งของฉินเจินเจินคนเดิมยังคงหลอกหลอนเธออยู่ในใจ แต่สำหรับความคิดของตัวเธอเองในตอนนี้นั้นโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก และได้แต่หวังว่าครอบครัวจอมปลอมครอบครัวนี้จะไม่กลับมาตามราวีชีวิตเธออีกต่อไป“ซานเย่...”ฉินเจินเจินเอ่ยเบา ๆ ในขณะที่มือเล็กของเธอยังคงถูกหวังซานเย่กุมไว้ เธอเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้“ครับ” เขาขานรับเสียงเบา“ฉันไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อคุณ…”หวังซานเย่หันมามองภรรยาเด็กของเขา แววตาคู่คมที่มองเธอมีความอ่อนโยนแต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น“ไม่ต้
หนึ่งเดือนต่อมา...พิธีแต่งงานของหวังซานเย่และฉินเจินเจินถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราภายในคฤหาสน์ของเขา พื้นที่โดยรอบนั้นถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้สีแดงสดที่เธอชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความชื่นมื่น อีกทั้งท้องฟ้าในวันนี้ยังเป็นสีฟ้าครามสดใส แสงแดดอ่อน ๆ ส่องสะท้อนผ่านบานหน้าต่างไม้ที่สลักลวดลายสวยงามด้วยความเป็นใจ ทำให้ทุกคนที่มาร่วมงานรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความสุขที่เอ่อล้นหวังซานเย่ในชุดเครื่องแบบของนายทหารยศสูงยืนอยู่ในห้องพิธีประจำตระกูลหวัง ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปสลักแสดงถึงความสุขที่มีล้นใจ สายตาคู่คมของเขาเอาแต่จับจ้องไปยังเจ้าสาวตาเป็นมันฉินเจินเจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กาย สวมชุดกี่เพ้าสีแดงสดที่ปักลวดลายสีทองงดงามละเอียดลออ เครื่องประดับหยกชิ้นงามที่ประดับลงบนร่างกายของเธอนั้นส่งเสริมให้เธอดูสง่างามราวกับเทพธิดา ดวงตากลมโตของเธอส่องประกายระยิบระยับด้วยความสุขที่ไม่ต่างไปจากเขา"เจินเจิน…" หวังซานเย่กระซิบเรียกชื่อของเธออย่างอบอุ่นฉินเจินเจินหันมาส่งยิ้มให้กับเขาด้วยความอบอุ่น ก่อนจะเอื้อมฝ่ามือเล็กเข้ามากอบกุมฝ่ามือของเขาไว้แน่น"ซานเย่ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ค
ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างทอดยาวไปตามทางเดิน หวังซานเย่ไม่ได้พาเธอไปยังเตียงนอนที่ถูกจัดเอาไว้อย่างหรูหราด้านในคฤหาสน์ ทว่าเขากลับพาเธอมายังรถยุโรปของตัวเองเสียอย่างนั้น“ซานเย่เราไม่ได้จะกลับห้องหรือคะ” ใบหน้าได้รูปเอียงถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ถูกเขาวางร่างของตัวเองลงบนเบาะรถ“ผมมีที่หนึ่งจะพาคุณไป และน่าจะสนุกกว่าที่นี่” เขาเอ่ยเสียงหนักเน้นย้ำความว่าสนุกจนเธอกัดริมฝีปากด้วยความเขินอาย โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าจุดมุ่งหมายข้างหน้าจะเป็นแบบที่เขาคิดเอาไว้หรือไม่“ที่ไหนคะ” เธอถามต่อด้วยความอยากรู้“อดใจเอาไว้ก่อนนะครับ ผมรู้ว่าคุณเองก็อยากจะกินผมใจจะขาดเช่นเดียวกัน ฮ่า” เขาประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม้มือขยี้กลีบปากบางด้วยสายตาที่เปล่งประกาย“รู้ดีจังเลยนะคะ”หลังจากนั้นเธอก็นั่งเงียบ สายตามุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าด้วยใจจดจ่อและลุ้นระทึกไปพร้อมกับเขา ที่แห่งนั้นมีอะไรดีเขาถึงได้พาเธอออกมาในยามวิกาลเช่นนี้บ้านเรือนและถนนหนทางที่เต็มไปด้วยแสงไฟนั้นเริ่มลดเลือนลงไปเรื่อย ๆ จนความสงบเข้าครอบงำ สองฝั่งทางเต็มไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดส่องใ
ปลายนิ้วที่เรียวสวยผลักร่างใหญ่โตของเขาให้นอนราบลงไปบนฝากระโปรงของรถได้ด้วยมือเดียว หวังซานเย่ร่างกายอ่อนระทวยไปกับลีลาอันแสนเร่าร้อนของเธอเสียแล้วฉินเจินเจินนั่งคร่อมลงบนท่อนกายอุ่นร้อนของเขาจนมิดลำ ส่งให้เขาหน้าเบ้ด้วยความคับแน่น ความเจ็บสะท้านแล่นไปทั่วลำใหญ่แต่ทว่ายังคงซ่านเสียวจนสมองขาวโพลนซี้ดไม่ได้มีเพียงเขาที่เจ็บปวด เธอเองก็เช่นกันเพราะขนาดที่ใหญ่โตของเขาได้เบียดเสียดเข้ามาภายในโพรงสวาทจนแทบจะปริแตกจากกัน แต่นั่นกลับเป็นความเจ็บปวดที่เธอยินดีสะโพกอิ่มโขลกไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนท่อนเอ็นเขื่องเข้าออกร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยความต้องการที่พุ่งพล่าน ไฟร่านกำลังครอบงำตัวของเธอฉินเจินเจินยกตัวขึ้นแล้วกระแทกตัวลงไปเพื่อให้แท่งหยกเข้าไปในร่องรักของเธออย่างแรง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกและความสะใจ มันทั้งร้อนแรงและวาบหวาม จนเขาครางออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า“อ่า เจินเจิน กระแทกอีก ผมเสียวจังเลยครับ”“อะ...อื้อ”ริมฝีปากบางสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันด้วยความซ่านสยิว ก่อนที่เธอจะออกแรงขยับสะโพกอย่างเชี่ยวชาญ แล้วบดสะโพกลงไปอย่างหนักจนน้ำกามไหลออกมาชุ่มฉ่ำและเกิดเสียงดังแ
บรรยากาศภายในห้องนอนของผู้บัญชาการหวังและภรรยาของเขา ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและมีแสงไฟสลัว ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบตามคำสั่งของเขา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสำหรับทำกิจกรรมกระชับรักหวังซานเย่กำลังนั่งข้างเตียง ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท่อนแขนของภรรยาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความหลงใหล ใบหน้าของเธอยังคงเปล่งประกายอ่อนหวานเหมือนทุกวัน แต่ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอ่อนแอลงไปบ้างหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป หวังซานเย่ตั้งอกตั้งใจที่จะเร่งผลิตทายาทให้กับตระกูลหวังของเขาด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ และดูเหมือนว่าความเหน็ดเหนื่อยของเขาและภรรยาจะบังเกิดผล เมื่อฉินเจินเจิน เมียเด็กของเขาเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันด้วยความดีอกดีใจจนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร โชคดีที่ป้าหวังให้คำแนะนำวิธีการดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ลืมที่จะรีบพาเธอไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการของเธอให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อผลการตรวจออกมา ชายวัยสี่สิบที่ยังหนุ่มแน่น แข็งแรงและมั่นคงก็คงต้องอ่อนแรงลงไป หลังจากที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยบอก"ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ตอนนี้ก็รา
แสงแดดในยามเช้าของวันใหม่ยังคงสาดส่องและทอประกายแสงที่เจิดจ้า เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าแก่ภายห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ผู้บัญชาการหวังด้วยความสดใส แสงที่ส่องสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาด นั้นดูอบอุ่นและเงียบสงบราวกับไร้ผู้คน แม้แต่เสียงฝีเท้าของคนในบ้านยังคงเงียบเชียบหวังซานเย่ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขา ดวงตาอันแสนจะเคร่งขรึมจ้องมองไปยังเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวอักษรบนกระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการค้าขาย และการบริหารจัดการสิ่งของมีค่าของตระกูลหวังที่ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้จะไร้เงาของอดีตคุณนายหวัง และแม้ว่าหวังไห่เถิงจะออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม แต่การบริหารงานของตระกูลยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเขาและภรรยาผู้บัญชาการหวังรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์นั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่หวังไห่เถิงและมารดาตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่ภายในกองทัพ และภรรยาที่เพิ่งจะเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างภายในตระกูล ทำให้ทุกสิ่งยังไม่เข้าร่องเข้ารอย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมของเขายังคงจับจ้องไ
หวังไห่เถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว เขาคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหวังซานเย่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหวังซานเย่หันมองหวังไห่เถิงอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย"คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือ"เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่ต้องเผชิญกับความโกรธของหวังไห่เถิง ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่าหวังไห่เถิงก้าวไปข้างหน้า ภายในมือของเขาจับอาวุธปืนเอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าการแก้แค้นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตามแกรก"หวังซานเย่...ทุกอย่างมันต้องจบที่นาย!"หวังไห่เถิงตะโกนลั่น ในขณะจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของหวังซานเย่ แต่ทว่ามือของเขากลับสั่นเพราะความโกรธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ"ซานเย่!" ฉินเจินเจินตกใจมาก เธอวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความกลัว แต่ทว่ากลับถูกห่าวอู๋คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยหวังซานเย่เหลือบมองปืนที่จ่อศีรษะ เขาไ
ท่ามกลางเสียงตะโกนและการโต้เถียงที่ดังสนั่นภายในสวนด้านหลังของตระกูลหวัง เกิดการต่อสู้ในระหว่างพี่น้องที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่าย ๆ หวังซานเย่บุตรชายคนโตของตระกูลหวัง จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของหวังไห่เถิงอย่างไร้ความปรานี"ซานเย่...อย่าทำร้ายเขา!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้หวังซานเย่หยุดนิ่ง ความโกรธแค้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่สายตายังจ้องมองไปที่ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่"คุณแม่" เสียงหวังซานเย่นั้นเรียบเฉยและไม่ได้ดูตกใจเท่าไรนักคุณนายหวัง มารดาที่เคยแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยของเขา แต่ในขณะนี้ดวงตาของเธอที่มักจะอ่อนโยน กลับแฝงด้วยความเด็ดขาดและบางครั้งก็เห็นสายตาที่ซ่อนความรู้สึก ในแบบที่เขาไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน"ซานเย่! อย่าทำแบบนี้!"คุณนายหวังเดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหวังซานเย่กลับสะบัดมือของเธอออกแล้วจ้องมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความเจ็บปวด"นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ!" หวังซานเย่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง"ซานเย่...แต่เขาเป็นน้องชายของลูก" คุณนายหวังพูดเสียงเบาลง พร้อมกับหายใจเข้าลึก"คุณแน่ใจหรือครับ ว่าเขา
"หวังไห่เถิง....ถอยไป" เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ผู้บัญชาการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่หวังซานเย่ เดินมาจากทางเดินที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านหลังของเขาคือที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ที่ออกมาจากเงามืด เขาส่งสายตามองไปยังฉินเจินเจินแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหวังไห่เถิงอีกครั้ง"ซานเย่ในที่สุดคุณก็มาทันเวลา" ฉินเจินเจินพึมพำออกมาในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทว่าคำพูดของหวังไห่เถิงก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย"รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะ...พี่ชาย ฮ่า"หวังซานเย่ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างของสวนด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พยายามกดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ร่างสูงใหญ่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ แต่ทว่าในตอนนี้น้องชายกลับทำในสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อีกต่อไป"ไห่เถิง!" เสียงทุ้มต่ำของหวังซานเย่ดังก้องขึ้น"..." เจ้าของชื่อหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"หวังไห่เถิง นายกล
เสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดแต่ทว่าบรรยากาศของคฤหาสน์ผู้บัญชาการในตอนนี้กลับเปรียบเสมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นภายในเงามืด เงาทึมของพระจันทร์เสี้ยวทอแสงลงมากระทบบนพื้นดินด้วยความเยือกเย็น ความมืดมิดปกคลุมทุกอย่าง ราวกับว่าทุกสิ่งในคฤหาสน์นี้กำลังหลบซ่อนตัวเองจากความน่ากลัวภายในมุมหนึ่งที่มืดสนิท ฉินเจินเจินยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเสียงฝีเท้าของ หวังไห่เถิง ดังกระหึ่มมาจากทางเดิน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวี เธอหันกลับไปมองบานประตูไม้ทึบที่เปิดอ้าออกไว้เล็กน้อย ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน"เจินเจิน คุณอยู่ไหนกัน ผมหวังว่าคุณคงไม่อยากทำให้ผมโกรธหรอกกระมัง"เสียงของหวังไห่เถิงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมองเห็นว่าในมือของเขาถือดาบรูปทรงโบราณ ส่องสะท้อนแสงจันทร์ ทำให้เงานั้นช่างดูดุดันและน่าสะพรึงกลัว‘บ้าชิบ นี่มันคนวิปริตชัด ๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร’ เธอคิดในใจ ก่อนจะกัดฟันแน่น เธอรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย
แสงอาทิตย์ในยามอรุณรุ่งได้ลาลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดที่เงียบสงัด ราวกับไม่มีอะไรจะหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งลั่วหยาง หวังซานเย่ เป็นผู้บัญชาการทหารที่ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญ เขาได้รับคำสั่งให้ปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อความเดือดร้อนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่ในระหว่างทางเขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจนไม่อาจมองข้ามไปได้"ผู้บัญชาการครับ เหตุการณ์ในวันนี้มันดูแปลกไปนะครับ"ห่าวอู๋ ลูกน้องคนสนิทของหวังซานเย่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ขณะกอบกุมพวงมาลัยของรถยุโรปทางการทหารหวังซานเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขากำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ และสิ่งที่คิดก็เริ่มจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ดูแปลกตามที่ห่าวอู๋บอกกล่าว และดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้มีจำนวนมากมายเหมือนในทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งพวกมันยังดูเหมือนกับกำลังพยายามหนีเสียมากกว่าการตั้งใจต่อสู้"มันไม่น่าจะใช่แบบนี้" หวังซานเย่พึมพำเบา ๆ เมื่อสายตาคู่คมมองเห็นความผิดปกติในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางผ่านเขาสั่งให้ห่าวอู๋หยุดรถในทันทีที่มองเห็นว่าหมู่
หวังซานเย่รับหน้าที่เป็นคนขับรถในเช้าวันใหม่ เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา บรรยากาศในวันนี้สดใสกว่าทุกวัน ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ทั้งสองฝั่งทำให้เธอทอดสายตามองด้วยความสบายใจ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองอันกว้างไกลที่เธอเองก็ยังเดินสำรวจไม่ครบทุกมุม เป็นความหรูหราของสถาปัตยกรรมจีนโบราณผสมผสานกับกลิ่นอายยุคสาธารณรัฐสะท้อนความมั่งคั่งและทรงอำนาจของตระกูลหวัง ตระกูลที่มีบทบาทสำคัญทั้งในกองทัพและเศรษฐกิจระดับประเทศที่ฉินเจินเจินได้มองอย่างเต็มตาในวันนี้"เจินเจิน ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณสองต่อสองมากกว่า" เขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอเอาไว้"ซานเย่ ตั้งใจขับรถหน่อยสิคะ ฉันยังไม่อยากนอนข้างทางนะคะ!" เธอบ่นอุบ เมื่อเห็นเขาขับรถมือเดียว จนรู้สึกไม่ปลอดภัย"คุณไม่อยากอยู่กับผมแค่สองคนอย่างนั้นหรือ" เขาไม่ฟังเธอปราม แต่ทว่าเร่งรัดให้เธอตอบคำถามของเขา"ที่คฤหาสน์ก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับคุณนี่คะ ซานเย่ คุณตั้งใจขับรถก่อนเถอะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะงอนคุณนะคะ" เธอกอดอกมุ่ยหน้าใส่เขาด้วยสายตาเอาจริง"ไม่งอนนะ ผมยอมแล้วก็ได้"ฟอดหวังซ
ปลายนิ้วที่เรียวสวยผลักร่างใหญ่โตของเขาให้นอนราบลงไปบนฝากระโปรงของรถได้ด้วยมือเดียว หวังซานเย่ร่างกายอ่อนระทวยไปกับลีลาอันแสนเร่าร้อนของเธอเสียแล้วฉินเจินเจินนั่งคร่อมลงบนท่อนกายอุ่นร้อนของเขาจนมิดลำ ส่งให้เขาหน้าเบ้ด้วยความคับแน่น ความเจ็บสะท้านแล่นไปทั่วลำใหญ่แต่ทว่ายังคงซ่านเสียวจนสมองขาวโพลนซี้ดไม่ได้มีเพียงเขาที่เจ็บปวด เธอเองก็เช่นกันเพราะขนาดที่ใหญ่โตของเขาได้เบียดเสียดเข้ามาภายในโพรงสวาทจนแทบจะปริแตกจากกัน แต่นั่นกลับเป็นความเจ็บปวดที่เธอยินดีสะโพกอิ่มโขลกไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนท่อนเอ็นเขื่องเข้าออกร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยความต้องการที่พุ่งพล่าน ไฟร่านกำลังครอบงำตัวของเธอฉินเจินเจินยกตัวขึ้นแล้วกระแทกตัวลงไปเพื่อให้แท่งหยกเข้าไปในร่องรักของเธออย่างแรง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกและความสะใจ มันทั้งร้อนแรงและวาบหวาม จนเขาครางออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า“อ่า เจินเจิน กระแทกอีก ผมเสียวจังเลยครับ”“อะ...อื้อ”ริมฝีปากบางสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันด้วยความซ่านสยิว ก่อนที่เธอจะออกแรงขยับสะโพกอย่างเชี่ยวชาญ แล้วบดสะโพกลงไปอย่างหนักจนน้ำกามไหลออกมาชุ่มฉ่ำและเกิดเสียงดังแ