คฤหาสน์หลังงามของผู้บัญชาการหวังซานเย่ตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างใหญ่ท่ามกลางภูมิทัศน์อันแสนงดงาม แต่ทว่าบรรยากาศในวันนี้กลับแตกต่างออกไปจากทุกที สายตาของฉินเจินเจินยังคงสะท้อนความวิตกกังวลกับหลากหลายความรู้สึกที่เกิดขึ้นภายในใจ ทั้งความคิดของตัวเธอและความทรงจำอันแสนเลวร้ายของเจ้าของร่างเดิม ทำให้เธอไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องจัดการความรู้สึกในตอนนี้อย่างไร
หลังจากเหตุการณ์ที่เธอต้องเผชิญหน้ากับมารดาและพ่อเลี้ยงของเธอที่มาดักรอเพื่อขูดรีดเงินจากเธอในวันนี้ ความรู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดจากการถูกทอดทิ้งของฉินเจินเจินคนเดิมยังคงหลอกหลอนเธออยู่ในใจ แต่สำหรับความคิดของตัวเธอเองในตอนนี้นั้นโล่งราวกับยกภูเขาออกจากอก และได้แต่หวังว่าครอบครัวจอมปลอมครอบครัวนี้จะไม่กลับมาตามราวีชีวิตเธออีกต่อไป “ซานเย่...” ฉินเจินเจินเอ่ยเบา ๆ ในขณะที่มือเล็กของเธอยังคงถูกหวังซานเย่กุมไว้ เธอเป็นห่วงความรู้สึกของเขาอยู่ไม่น้อยที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ “ครับ” เขาขานรับเสียงเบา “ฉันไม่อยากให้เรื่องทั้งหมดนี้ส่งผลกระทบต่อคุณ…” หวังซานเย่หันมามองภรรยาเด็กของเขา แววตาคู่คมที่มองเธอมีความอ่อนโยนแต่กลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น “ไม่ต้องห่วงและไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น เจินเจิน คุณเลิกคิดมากนะครับคนดีของผม” เธอส่งยิ้มเล็ก ๆ ให้กับเขา ก่อนที่เขาและเธอจะเดินไปจนถึงห้องรับแขกด้านในคฤหาสน์ “คุณชาย คุณหนู...” ป้าหวังวิ่งเข้ามาต้อนรับด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความวิตก แต่พวกเขากลับมองไม่เห็น หวังซานเย่พาภรรยาของเขาไปนั่งที่โซฟาหรู หลังจากที่พวกเขานั่งลงทุกอย่างก็เข้าสู่ความสงบ ราวกับว่าต่างฝ่ายต่างใช้ความคิดของตัวเอง หวังซานเย่รู้สึกว่าในใจของเขาตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความโกรธที่ไม่สามารถระบายออกมาได้ ไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา การที่แม่และพ่อเลี้ยงของฉินเจินเจินได้เข้ามาขูดรีดเงินจากเธอ กลับทำให้ต้องนึกถึงความเหี้ยมโหดที่มารดามีต่อภรรยาของเขา แต่สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกโกรธมากที่สุดก็คือ มารดาของตัวเองคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นกับเจินเจิน เมื่อหลายวันที่ผ่านมา เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงเป็นภาพที่ตามหลอกหลอนเขาในห้วงความฝันเสมอมา ฉินเจินเจินเคยถูกชายฉกรรจ์ตามล่าจนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด และไม่อยากจะคิดเลยว่าหากเขาไปช่วยเธอช้ากว่านั้นสักเสี้ยววินาทีเธอจะเป็นอย่างไร ในระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างกำลังใช้ความคิด เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นจนเรียกสายตาของทั้งคู่ให้เหลือบมอง คุณนายหวังเดินเข้ามาด้วยท่าทางที่สงบนิ่งราวกับไร้ซึ่งความผิด มีเพียงสายตาที่จิกมองไปที่ฉินเจินเจินอย่างไม่เป็นมิตร ‘นังเด็กนี่หัวแข็งเสียจริง ทำไมถึงไม่ตาย ๆ ไปนะ !’ “ซานเย่! ลูกจะให้เธอมานั่งเสนอหน้าเทียบเคียงกับลูกได้อย่างไร” เสียงของแม่หวังซานเย่ดังขึ้นอย่างแข็งกร้าว แต่หวังซานเย่กลับหันไปมองมารดาด้วยสายตาที่เย็นชาทว่าดุดัน “คุณแม่” เขาพูดสั้น ๆ เพียงแค่คำเดียว แต่แววตาของเขานั้นสื่อถึงความโกรธมากมายที่ซ่อนอยู่ภายในดวงตาคู่คม ฉินเจินเจินเริ่มรู้สึกได้ถึงความเครียดในอากาศ รอบกายของผู้เป็นสามีเต็มไปด้วยไอร้อน ที่พร้อมจะปะทุออกมา เธอเองก็รู้สึกโกรธไม่น้อยที่แม่สามีกระทำการเช่นนั้นกับเธอ “มีอะไรจะพูดกับแม่ ก็รีบพูดมา” คุณนายหวังเริ่มรู้สึกร้อนวูบวาบ เมื่อเห็นสายตาที่ไม่เคยได้เห็นของบุตรชาย “ฉินเจินเจิน เป็นภรรยาของผม” เขาบอกกับมารดา “หนอยแน่ะ นังตัวดี สุดท้ายก็เอาตัวเข้าแลก สมกับเป็นนางบำเรอไม่มีผิด” ริมฝีปากแดงสดแสยะยิ้ม เหยียดเธอด้วยท่าทางรังเกียจ “เธอไม่ได้เอาตัวเข้าแลก แต่เป็นผมที่รักเธอ” เขาเอ่ยด้วยเสียงเข้ม “ซานเย่ ลูกคิดว่าผู้หญิงที่มาจากตระกูลที่ต่ำต้อยแบบนี้จะมาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลหวังได้อย่างนั้นหรือ” คุณนายหวังเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา พร้อมกับขยับกายมายืนอยู่ตรงหน้าของฉินเจินเจินราวกับจะเอาเรื่อง “พอเถอะครับคุณแม่” หวังซานเย่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง เมื่อท่าทางของมารดาไร้ความสำนึกผิด อีกทั้งน้ำเสียงของเขายังแสดงถึงความไม่พอใจที่มากขึ้นไปทุกที “นี่ลูกหลงแม่นั่นจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วหรืออย่างไร !” คุณนายหวังตวาดลั่น “ผมบอกให้หยุด ! คุณแม่อย่าคิดนะครับว่าผมไม่รู้ว่าลับหลังผมคุณแม่ทำอะไรลงไปบ้าง” เขาจะโกนออกมาด้วยความเดือดดาล สายตาที่เรียบเฉยนั้นแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว “ลูกหมายความว่าอย่างไร แม่ทำอะไร” คุณนายหวังถามกลับด้วยความไม่พอใจ แต่ทว่าดวงตากลับแฝงไปด้วยความลนลาน “การที่คุณแม่ส่งคนไปทำร้ายเธอ คุณแม่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นหรือครับ” น้ำเสียงของเขาแผ่วหลง และเจือไปด้วยความผิดหวัง เดิมทีในใจของเขายังคงหวังให้มารดามีความสำนึกผิดขึ้นมาบ้างอยู่ดี “ซานเย่ นี่ลูกกล่าวโทษแม่ออกมาเช่นนี้ได้อย่างไรกัน” ดวงตาที่เริ่มจะมีริ้วรอยนั้นล่อกแล่กจนไม่อาจซ่อนพิรุธเอาไว้ได้อีกต่อไป หวังซานเย่ถอดถอนลมหายใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “หากคุณแม่ยังคงยุ่งเกี่ยวกับเธอ หรือคิดที่จะทำร้ายเธออีกเพียงครั้งเดียว คุณแม่จะได้รู้ว่าผม รู้ในสิ่งที่คุณแม่พยายามปกปิดมาตลอดหลายสิบปี” หวังซานเย่ไม่ได้ข่มขู่ เพียงแต่เขาปล่อยผ่านเพราะเห็นแก่คำว่าบุญคุณเสมอมา คำพูดของหวังซานเย่ทำให้คุณนายใหญ่ตระกูลหวังหน้าซีดเผือดลงไปในพริบตา ในช่วงเวลานั้นฉินเจินเจินก็รู้สึกถึงความน่ากลัวที่ลอยวนอยู่เหนือร่างใหญ่โตของผู้เป็นสามี เธอหันกลับไปมองเขาด้วยความสงสัยในแววตาที่แข็งกร้าวคู่นั้น ดวงตาคมคายคู่งามที่มองดูเข้มแข็ง แต่ทว่ากลับซ่อนความรวดร้าวเอาไว้ในเบื้องลึกของดวงตาที่ไม่อาจคาดเดา “ซานเย่...” มารดาของเขาเอ่ยเสียงแข็ง ด้วยท่าทางที่ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่ฉินเจินเจินกลับรู้สึกว่าในคำพูดนั้นกลับแฝงไปด้วยความตื่นตระหนกอะไรบางอย่าง “ใช่ครับ ผมรู้ในสิ่งที่คุณแม่ซ่อนงำมันเอาไว้มาอย่างยาวนาน” หวังซานเย่เอ่ยต่อไปด้วยความมั่นใจ มารดาของเขาเกิดอาการพูดไม่ออกในทันที หน้าเธอซีดลงอย่างเห็นได้ชัด หวังซานเย่จ้องมองมารดาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธ “คุณแม่คงไม่คิดว่าผมจะรู้เรื่องพวกนี้ แต่หลังจากนี้คุณแม่จะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่คุณแม่กระทำทั้งหมด” คำพูดของหวังซานเย่กระทบจิตใจของคุณนายหวังอย่างแรง แม้ว่าเธอจะพยายามปกปิดเรื่องราวในอดีต แต่ตอนนี้ความลับที่เธอเคยพยายามเก็บงำเอาไว้ดูเหมือนจะหลุดออกมาแล้ว “ซานเย่...” คุณนายหวังเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปด้วยความโกรธ แสดงออกถึงความไม่พอใจที่ไม่สามารถจะปิดบังได้อีกต่อไป หวังซานเย่เดินเข้าไปประคองฉินเจินเจินที่ยืนนิ่งเอาไว้ ก่อนจะเอ่ยบอกกับเธอด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “เจินเจิน ไม่มีอะไรที่คุณต้องกังวล ผมจะปกป้องคุณเอง” เดิมทีเธอไม่ได้คิดจะนิ่งเฉยให้มารดาของสามีเล่นงานเธอแต่เพียงฝ่ายเดียว ครั้งนี้เธอพร้อมสู้สุดใจและตอบโต้กลับเท่าที่เธอจะสามารถทำได้ แต่ไม่นึกคิดมาก่อนเลยว่า เบื้องลึกเบื้องหลังระหว่างสามีของเธอกับมารดาเหมือนจะมีเรื่องราวที่ซับซ้อนมากกว่าที่เห็น เธอจึงไม่ได้สอดมือเข้าไปยุ่ง “ขอบคุณนะคะ ซานเย่” ท่ามกลางบรรยากาศที่คุกรุ่น และความตึงเครียดที่สะสมมาโดยตลอด ก็ได้เริ่มคลี่คลายลงไปพร้อมกับคำพูดของหวังซานเย่ ทุกคำที่เขาพูดทำให้ฉินเจินเจินรู้สึกได้ถึงความรักและความมั่นคงที่เขามอบให้จนรู้สึกมั่นใจแล้วว่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะอยู่เคียงข้างเธอตลอดไป และตัวเธอเองก็จะไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคเช่นเดียวกันหนึ่งเดือนต่อมา...พิธีแต่งงานของหวังซานเย่และฉินเจินเจินถูกจัดขึ้นอย่างหรูหราภายในคฤหาสน์ของเขา พื้นที่โดยรอบนั้นถูกตกแต่งประดับประดาด้วยดอกไม้สีแดงสดที่เธอชื่นชอบเป็นชีวิตจิตใจ ท่ามกลางบรรยากาศแห่งความชื่นมื่น อีกทั้งท้องฟ้าในวันนี้ยังเป็นสีฟ้าครามสดใส แสงแดดอ่อน ๆ ส่องสะท้อนผ่านบานหน้าต่างไม้ที่สลักลวดลายสวยงามด้วยความเป็นใจ ทำให้ทุกคนที่มาร่วมงานรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและความสุขที่เอ่อล้นหวังซานเย่ในชุดเครื่องแบบของนายทหารยศสูงยืนอยู่ในห้องพิธีประจำตระกูลหวัง ใบหน้าที่งดงามราวกับรูปสลักแสดงถึงความสุขที่มีล้นใจ สายตาคู่คมของเขาเอาแต่จับจ้องไปยังเจ้าสาวตาเป็นมันฉินเจินเจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กาย สวมชุดกี่เพ้าสีแดงสดที่ปักลวดลายสีทองงดงามละเอียดลออ เครื่องประดับหยกชิ้นงามที่ประดับลงบนร่างกายของเธอนั้นส่งเสริมให้เธอดูสง่างามราวกับเทพธิดา ดวงตากลมโตของเธอส่องประกายระยิบระยับด้วยความสุขที่ไม่ต่างไปจากเขา"เจินเจิน…" หวังซานเย่กระซิบเรียกชื่อของเธออย่างอบอุ่นฉินเจินเจินหันมาส่งยิ้มให้กับเขาด้วยความอบอุ่น ก่อนจะเอื้อมฝ่ามือเล็กเข้ามากอบกุมฝ่ามือของเขาไว้แน่น"ซานเย่ ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า ค
ท่ามกลางแสงไฟที่ส่องสว่างทอดยาวไปตามทางเดิน หวังซานเย่ไม่ได้พาเธอไปยังเตียงนอนที่ถูกจัดเอาไว้อย่างหรูหราด้านในคฤหาสน์ ทว่าเขากลับพาเธอมายังรถยุโรปของตัวเองเสียอย่างนั้น“ซานเย่เราไม่ได้จะกลับห้องหรือคะ” ใบหน้าได้รูปเอียงถามด้วยความสงสัย หลังจากที่ถูกเขาวางร่างของตัวเองลงบนเบาะรถ“ผมมีที่หนึ่งจะพาคุณไป และน่าจะสนุกกว่าที่นี่” เขาเอ่ยเสียงหนักเน้นย้ำความว่าสนุกจนเธอกัดริมฝีปากด้วยความเขินอาย โดยที่เขาเองก็ไม่รู้เลยว่าจุดมุ่งหมายข้างหน้าจะเป็นแบบที่เขาคิดเอาไว้หรือไม่“ที่ไหนคะ” เธอถามต่อด้วยความอยากรู้“อดใจเอาไว้ก่อนนะครับ ผมรู้ว่าคุณเองก็อยากจะกินผมใจจะขาดเช่นเดียวกัน ฮ่า” เขาประคองใบหน้าของเธอเอาไว้ด้วยฝ่ามือเดียว ก่อนจะใช้นิ้วหัวแม้มือขยี้กลีบปากบางด้วยสายตาที่เปล่งประกาย“รู้ดีจังเลยนะคะ”หลังจากนั้นเธอก็นั่งเงียบ สายตามุ่งตรงไปยังเบื้องหน้าด้วยใจจดจ่อและลุ้นระทึกไปพร้อมกับเขา ที่แห่งนั้นมีอะไรดีเขาถึงได้พาเธอออกมาในยามวิกาลเช่นนี้บ้านเรือนและถนนหนทางที่เต็มไปด้วยแสงไฟนั้นเริ่มลดเลือนลงไปเรื่อย ๆ จนความสงบเข้าครอบงำ สองฝั่งทางเต็มไปด้วยความมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากหน้ารถที่สาดส่องใ
ปลายนิ้วที่เรียวสวยผลักร่างใหญ่โตของเขาให้นอนราบลงไปบนฝากระโปรงของรถได้ด้วยมือเดียว หวังซานเย่ร่างกายอ่อนระทวยไปกับลีลาอันแสนเร่าร้อนของเธอเสียแล้วฉินเจินเจินนั่งคร่อมลงบนท่อนกายอุ่นร้อนของเขาจนมิดลำ ส่งให้เขาหน้าเบ้ด้วยความคับแน่น ความเจ็บสะท้านแล่นไปทั่วลำใหญ่แต่ทว่ายังคงซ่านเสียวจนสมองขาวโพลนซี้ดไม่ได้มีเพียงเขาที่เจ็บปวด เธอเองก็เช่นกันเพราะขนาดที่ใหญ่โตของเขาได้เบียดเสียดเข้ามาภายในโพรงสวาทจนแทบจะปริแตกจากกัน แต่นั่นกลับเป็นความเจ็บปวดที่เธอยินดีสะโพกอิ่มโขลกไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนท่อนเอ็นเขื่องเข้าออกร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยความต้องการที่พุ่งพล่าน ไฟร่านกำลังครอบงำตัวของเธอฉินเจินเจินยกตัวขึ้นแล้วกระแทกตัวลงไปเพื่อให้แท่งหยกเข้าไปในร่องรักของเธออย่างแรง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกและความสะใจ มันทั้งร้อนแรงและวาบหวาม จนเขาครางออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า“อ่า เจินเจิน กระแทกอีก ผมเสียวจังเลยครับ”“อะ...อื้อ”ริมฝีปากบางสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันด้วยความซ่านสยิว ก่อนที่เธอจะออกแรงขยับสะโพกอย่างเชี่ยวชาญ แล้วบดสะโพกลงไปอย่างหนักจนน้ำกามไหลออกมาชุ่มฉ่ำและเกิดเสียงดังแ
หวังซานเย่รับหน้าที่เป็นคนขับรถในเช้าวันใหม่ เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา บรรยากาศในวันนี้สดใสกว่าทุกวัน ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ทั้งสองฝั่งทำให้เธอทอดสายตามองด้วยความสบายใจ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองอันกว้างไกลที่เธอเองก็ยังเดินสำรวจไม่ครบทุกมุม เป็นความหรูหราของสถาปัตยกรรมจีนโบราณผสมผสานกับกลิ่นอายยุคสาธารณรัฐสะท้อนความมั่งคั่งและทรงอำนาจของตระกูลหวัง ตระกูลที่มีบทบาทสำคัญทั้งในกองทัพและเศรษฐกิจระดับประเทศที่ฉินเจินเจินได้มองอย่างเต็มตาในวันนี้"เจินเจิน ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณสองต่อสองมากกว่า" เขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอเอาไว้"ซานเย่ ตั้งใจขับรถหน่อยสิคะ ฉันยังไม่อยากนอนข้างทางนะคะ!" เธอบ่นอุบ เมื่อเห็นเขาขับรถมือเดียว จนรู้สึกไม่ปลอดภัย"คุณไม่อยากอยู่กับผมแค่สองคนอย่างนั้นหรือ" เขาไม่ฟังเธอปราม แต่ทว่าเร่งรัดให้เธอตอบคำถามของเขา"ที่คฤหาสน์ก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับคุณนี่คะ ซานเย่ คุณตั้งใจขับรถก่อนเถอะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะงอนคุณนะคะ" เธอกอดอกมุ่ยหน้าใส่เขาด้วยสายตาเอาจริง"ไม่งอนนะ ผมยอมแล้วก็ได้"ฟอดหวังซ
แสงอาทิตย์ในยามอรุณรุ่งได้ลาลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดที่เงียบสงัด ราวกับไม่มีอะไรจะหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งลั่วหยาง หวังซานเย่ เป็นผู้บัญชาการทหารที่ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญ เขาได้รับคำสั่งให้ปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อความเดือดร้อนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่ในระหว่างทางเขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจนไม่อาจมองข้ามไปได้"ผู้บัญชาการครับ เหตุการณ์ในวันนี้มันดูแปลกไปนะครับ"ห่าวอู๋ ลูกน้องคนสนิทของหวังซานเย่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ขณะกอบกุมพวงมาลัยของรถยุโรปทางการทหารหวังซานเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขากำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ และสิ่งที่คิดก็เริ่มจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ดูแปลกตามที่ห่าวอู๋บอกกล่าว และดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้มีจำนวนมากมายเหมือนในทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งพวกมันยังดูเหมือนกับกำลังพยายามหนีเสียมากกว่าการตั้งใจต่อสู้"มันไม่น่าจะใช่แบบนี้" หวังซานเย่พึมพำเบา ๆ เมื่อสายตาคู่คมมองเห็นความผิดปกติในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางผ่านเขาสั่งให้ห่าวอู๋หยุดรถในทันทีที่มองเห็นว่าหมู่
เสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดแต่ทว่าบรรยากาศของคฤหาสน์ผู้บัญชาการในตอนนี้กลับเปรียบเสมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นภายในเงามืด เงาทึมของพระจันทร์เสี้ยวทอแสงลงมากระทบบนพื้นดินด้วยความเยือกเย็น ความมืดมิดปกคลุมทุกอย่าง ราวกับว่าทุกสิ่งในคฤหาสน์นี้กำลังหลบซ่อนตัวเองจากความน่ากลัวภายในมุมหนึ่งที่มืดสนิท ฉินเจินเจินยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเสียงฝีเท้าของ หวังไห่เถิง ดังกระหึ่มมาจากทางเดิน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวี เธอหันกลับไปมองบานประตูไม้ทึบที่เปิดอ้าออกไว้เล็กน้อย ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน"เจินเจิน คุณอยู่ไหนกัน ผมหวังว่าคุณคงไม่อยากทำให้ผมโกรธหรอกกระมัง"เสียงของหวังไห่เถิงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมองเห็นว่าในมือของเขาถือดาบรูปทรงโบราณ ส่องสะท้อนแสงจันทร์ ทำให้เงานั้นช่างดูดุดันและน่าสะพรึงกลัว‘บ้าชิบ นี่มันคนวิปริตชัด ๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร’ เธอคิดในใจ ก่อนจะกัดฟันแน่น เธอรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย
"หวังไห่เถิง....ถอยไป" เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ผู้บัญชาการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่หวังซานเย่ เดินมาจากทางเดินที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านหลังของเขาคือที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ที่ออกมาจากเงามืด เขาส่งสายตามองไปยังฉินเจินเจินแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหวังไห่เถิงอีกครั้ง"ซานเย่ในที่สุดคุณก็มาทันเวลา" ฉินเจินเจินพึมพำออกมาในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทว่าคำพูดของหวังไห่เถิงก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย"รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะ...พี่ชาย ฮ่า"หวังซานเย่ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างของสวนด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พยายามกดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ร่างสูงใหญ่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ แต่ทว่าในตอนนี้น้องชายกลับทำในสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อีกต่อไป"ไห่เถิง!" เสียงทุ้มต่ำของหวังซานเย่ดังก้องขึ้น"..." เจ้าของชื่อหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"หวังไห่เถิง นายกล
ท่ามกลางเสียงตะโกนและการโต้เถียงที่ดังสนั่นภายในสวนด้านหลังของตระกูลหวัง เกิดการต่อสู้ในระหว่างพี่น้องที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่าย ๆ หวังซานเย่บุตรชายคนโตของตระกูลหวัง จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของหวังไห่เถิงอย่างไร้ความปรานี"ซานเย่...อย่าทำร้ายเขา!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้หวังซานเย่หยุดนิ่ง ความโกรธแค้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่สายตายังจ้องมองไปที่ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่"คุณแม่" เสียงหวังซานเย่นั้นเรียบเฉยและไม่ได้ดูตกใจเท่าไรนักคุณนายหวัง มารดาที่เคยแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยของเขา แต่ในขณะนี้ดวงตาของเธอที่มักจะอ่อนโยน กลับแฝงด้วยความเด็ดขาดและบางครั้งก็เห็นสายตาที่ซ่อนความรู้สึก ในแบบที่เขาไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน"ซานเย่! อย่าทำแบบนี้!"คุณนายหวังเดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหวังซานเย่กลับสะบัดมือของเธอออกแล้วจ้องมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความเจ็บปวด"นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ!" หวังซานเย่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง"ซานเย่...แต่เขาเป็นน้องชายของลูก" คุณนายหวังพูดเสียงเบาลง พร้อมกับหายใจเข้าลึก"คุณแน่ใจหรือครับ ว่าเขา
บรรยากาศภายในห้องนอนของผู้บัญชาการหวังและภรรยาของเขา ถูกตกแต่งด้วยโทนสีอบอุ่นและมีแสงไฟสลัว ๆ เต็มไปด้วยความเงียบสงบตามคำสั่งของเขา เพื่อสร้างบรรยากาศที่สุดแสนจะโรแมนติกสำหรับทำกิจกรรมกระชับรักหวังซานเย่กำลังนั่งข้างเตียง ฝ่ามือของเขาวางอยู่บนท่อนแขนของภรรยาที่กำลังนอนหลับตาพริ้มด้วยความหลงใหล ใบหน้าของเธอยังคงเปล่งประกายอ่อนหวานเหมือนทุกวัน แต่ทว่าในตอนนี้ดูเหมือนเธอจะอ่อนแอลงไปบ้างหลังจากหนึ่งเดือนผ่านไป หวังซานเย่ตั้งอกตั้งใจที่จะเร่งผลิตทายาทให้กับตระกูลหวังของเขาด้วยความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจ และดูเหมือนว่าความเหน็ดเหนื่อยของเขาและภรรยาจะบังเกิดผล เมื่อฉินเจินเจิน เมียเด็กของเขาเริ่มมีอาการคลื่นไส้และอาเจียนติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันด้วยความดีอกดีใจจนไม่รู้ว่าควรจะต้องทำอย่างไร โชคดีที่ป้าหวังให้คำแนะนำวิธีการดูแลเธอได้อย่างดีเยี่ยม และไม่ลืมที่จะรีบพาเธอไปพบกับคุณหมอที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจอาการของเธอให้แน่ใจอีกครั้งเมื่อผลการตรวจออกมา ชายวัยสี่สิบที่ยังหนุ่มแน่น แข็งแรงและมั่นคงก็คงต้องอ่อนแรงลงไป หลังจากที่ได้ยินคุณหมอเอ่ยบอก"ภรรยาของคุณกำลังตั้งครรภ์ครับ อายุครรภ์ตอนนี้ก็รา
แสงแดดในยามเช้าของวันใหม่ยังคงสาดส่องและทอประกายแสงที่เจิดจ้า เล็ดลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าแก่ภายห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์ผู้บัญชาการหวังด้วยความสดใส แสงที่ส่องสะท้อนกับผนังสีขาวสะอาด นั้นดูอบอุ่นและเงียบสงบราวกับไร้ผู้คน แม้แต่เสียงฝีเท้าของคนในบ้านยังคงเงียบเชียบหวังซานเย่ นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้องทำงานของเขา ดวงตาอันแสนจะเคร่งขรึมจ้องมองไปยังเอกสารต่าง ๆ ที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ตัวอักษรบนกระดาษเหล่านั้นเต็มไปด้วยรายละเอียดเกี่ยวกับการค้าขาย และการบริหารจัดการสิ่งของมีค่าของตระกูลหวังที่ยังคงต้องดำเนินต่อไปแม้จะไร้เงาของอดีตคุณนายหวัง และแม้ว่าหวังไห่เถิงจะออกจากบ้านไปแล้วก็ตาม แต่การบริหารงานของตระกูลยังคงต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิดจากเขาและภรรยาผู้บัญชาการหวังรู้สึกว่าชีวิตในคฤหาสน์นั้นเริ่มเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ตั้งแต่หวังไห่เถิงและมารดาตัดสินใจออกไปใช้ชีวิตของตัวเอง ด้วยภาระหน้าที่ภายในกองทัพ และภรรยาที่เพิ่งจะเข้ามาจัดการดูแลความเรียบร้อยของทุกอย่างภายในตระกูล ทำให้ทุกสิ่งยังไม่เข้าร่องเข้ารอย อีกทั้งยังเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ดวงตาคู่คมของเขายังคงจับจ้องไ
หวังไห่เถิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงก้าวร้าว เขาคว้าอาวุธปืนที่วางอยู่ใกล้ ๆ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาหวังซานเย่ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นหวังซานเย่หันมองหวังไห่เถิงอย่างไม่สะทกสะท้านและไม่ได้รู้สึกกลัวเลยแม้แต่น้อย"คิดว่าฉันจะกลัวนายหรือ"เขาเอ่ยถามน้ำเสียงเย็นชา แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหวาดระแวงเล็กน้อย แต่การที่ต้องเผชิญกับความโกรธของหวังไห่เถิง ทำให้เขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เสียมากกว่าหวังไห่เถิงก้าวไปข้างหน้า ภายในมือของเขาจับอาวุธปืนเอาไว้แน่น เขารู้สึกว่าการแก้แค้นอาจจะเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้เขาจะรู้สึกมีอำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ไม่ว่าจะต้องสูญเสียอะไรไปก็ตามแกรก"หวังซานเย่...ทุกอย่างมันต้องจบที่นาย!"หวังไห่เถิงตะโกนลั่น ในขณะจ่อปากกระบอกปืนไปที่ขมับของหวังซานเย่ แต่ทว่ามือของเขากลับสั่นเพราะความโกรธ แต่ในขณะเดียวกันมันก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกที่อยากจะหลุดพ้นจากทุกสิ่งที่ต้องเผชิญ"ซานเย่!" ฉินเจินเจินตกใจมาก เธอวิ่งเข้าไปหาเขาด้วยความกลัว แต่ทว่ากลับถูกห่าวอู๋คว้าตัวเอาไว้เสียก่อน เพราะกลัวว่าเธอจะไม่ปลอดภัยหวังซานเย่เหลือบมองปืนที่จ่อศีรษะ เขาไ
ท่ามกลางเสียงตะโกนและการโต้เถียงที่ดังสนั่นภายในสวนด้านหลังของตระกูลหวัง เกิดการต่อสู้ในระหว่างพี่น้องที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ง่าย ๆ หวังซานเย่บุตรชายคนโตของตระกูลหวัง จ่อปากกระบอกปืนเข้ากับศีรษะของหวังไห่เถิงอย่างไร้ความปรานี"ซานเย่...อย่าทำร้ายเขา!"เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ทำให้หวังซานเย่หยุดนิ่ง ความโกรธแค้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของเขา ขณะที่สายตายังจ้องมองไปที่ผู้ที่เดินเข้ามาใหม่"คุณแม่" เสียงหวังซานเย่นั้นเรียบเฉยและไม่ได้ดูตกใจเท่าไรนักคุณนายหวัง มารดาที่เคยแสดงออกถึงความเมตตาและความห่วงใยของเขา แต่ในขณะนี้ดวงตาของเธอที่มักจะอ่อนโยน กลับแฝงด้วยความเด็ดขาดและบางครั้งก็เห็นสายตาที่ซ่อนความรู้สึก ในแบบที่เขาไม่เคยเห็นจากเธอมาก่อน"ซานเย่! อย่าทำแบบนี้!"คุณนายหวังเดินเข้ามาหาเขาและยกมือขึ้นจับแขนของเขาอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าหวังซานเย่กลับสะบัดมือของเธอออกแล้วจ้องมองไปที่หวังไห่เถิงด้วยความเจ็บปวด"นี่คือสิ่งที่เขาสมควรจะได้รับ!" หวังซานเย่พูดด้วยเสียงแหบแห้ง ความโกรธปะทุขึ้นอีกครั้ง"ซานเย่...แต่เขาเป็นน้องชายของลูก" คุณนายหวังพูดเสียงเบาลง พร้อมกับหายใจเข้าลึก"คุณแน่ใจหรือครับ ว่าเขา
"หวังไห่เถิง....ถอยไป" เสียงนั้นหนักแน่นและทรงพลังดังขึ้น ผู้บัญชาการยิงปืนขึ้นฟ้าเป็นการข่มขู่หวังซานเย่ เดินมาจากทางเดินที่ห่างออกไปเพียงไม่กี่เมตร ด้านหลังของเขาคือที่ที่แสงจันทร์สาดส่อง จึงทำให้เขาดูเหมือนกับผู้ที่ออกมาจากเงามืด เขาส่งสายตามองไปยังฉินเจินเจินแล้วยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าเธอปลอดภัยดี ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับหวังไห่เถิงอีกครั้ง"ซานเย่ในที่สุดคุณก็มาทันเวลา" ฉินเจินเจินพึมพำออกมาในใจ ก่อนจะยิ้มออกมาด้วยความโล่งอกแต่ทว่าคำพูดของหวังไห่เถิงก็ดังขึ้น พร้อมกับรอยยิ้มเยาะเย้ย"รู้ตัวเร็วกว่าที่คิดนะ...พี่ชาย ฮ่า"หวังซานเย่ยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างของสวนด้านหลังคฤหาสน์ ใบหน้าคมเข้มของเขาเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวที่พยายามกดไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ร่างสูงใหญ่นั้นเปี่ยมไปด้วยอำนาจดูน่ากลัวกว่าที่เคยเป็น ดวงตาของเขาจับจ้องไปที่ชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาที่ว่างเปล่า เขาพยายามรักษาความสัมพันธ์ของครอบครัวเอาไว้ แต่ทว่าในตอนนี้น้องชายกลับทำในสิ่งที่เขายอมรับไม่ได้อีกต่อไป"ไห่เถิง!" เสียงทุ้มต่ำของหวังซานเย่ดังก้องขึ้น"..." เจ้าของชื่อหาได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย"หวังไห่เถิง นายกล
เสียงของสายลมที่พัดผ่านต้นไม้ใหญ่ ท่ามกลางความเงียบสงัดแต่ทว่าบรรยากาศของคฤหาสน์ผู้บัญชาการในตอนนี้กลับเปรียบเสมือนเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังขึ้นภายในเงามืด เงาทึมของพระจันทร์เสี้ยวทอแสงลงมากระทบบนพื้นดินด้วยความเยือกเย็น ความมืดมิดปกคลุมทุกอย่าง ราวกับว่าทุกสิ่งในคฤหาสน์นี้กำลังหลบซ่อนตัวเองจากความน่ากลัวภายในมุมหนึ่งที่มืดสนิท ฉินเจินเจินยืนหอบหายใจอย่างหนักหน่วง เมื่อเสียงฝีเท้าของ หวังไห่เถิง ดังกระหึ่มมาจากทางเดิน และนั่นยิ่งทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงขึ้นเป็นเท่าทวี เธอหันกลับไปมองบานประตูไม้ทึบที่เปิดอ้าออกไว้เล็กน้อย ใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียเดี๋ยวนี้ แต่เธอก็รู้ดีว่าไม่อาจหนีออกจากคฤหาสน์หลังนี้ไปได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน"เจินเจิน คุณอยู่ไหนกัน ผมหวังว่าคุณคงไม่อยากทำให้ผมโกรธหรอกกระมัง"เสียงของหวังไห่เถิงดังแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ดวงตาคู่สวยของเธอกลับมองเห็นว่าในมือของเขาถือดาบรูปทรงโบราณ ส่องสะท้อนแสงจันทร์ ทำให้เงานั้นช่างดูดุดันและน่าสะพรึงกลัว‘บ้าชิบ นี่มันคนวิปริตชัด ๆ ถึงกับจะฆ่าจะแกงกันเลยหรืออย่างไร’ เธอคิดในใจ ก่อนจะกัดฟันแน่น เธอรู้ดีว่าไม่สามารถเอาชนะเขาได้ด้วย
แสงอาทิตย์ในยามอรุณรุ่งได้ลาลับขอบฟ้าไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเปลี่ยนเป็นความมืดมิดที่เงียบสงัด ราวกับไม่มีอะไรจะหยุดยั้งความชั่วร้ายที่กำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้งลั่วหยาง หวังซานเย่ เป็นผู้บัญชาการทหารที่ฉลาดเฉลียวและกล้าหาญ เขาได้รับคำสั่งให้ปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อความเดือดร้อนในพื้นที่ห่างไกลจากเมืองหลวง แต่ในระหว่างทางเขากลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติจนไม่อาจมองข้ามไปได้"ผู้บัญชาการครับ เหตุการณ์ในวันนี้มันดูแปลกไปนะครับ"ห่าวอู๋ ลูกน้องคนสนิทของหวังซานเย่ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงเบา ขณะกอบกุมพวงมาลัยของรถยุโรปทางการทหารหวังซานเย่ไม่ได้ตอบอะไรออกไป เขากำลังครุ่นคิดอยู่ภายในใจ และสิ่งที่คิดก็เริ่มจะชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ การเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อการร้ายในครั้งนี้ดูแปลกตามที่ห่าวอู๋บอกกล่าว และดูเหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้มีจำนวนมากมายเหมือนในทุกครั้งที่ผ่านมา อีกทั้งพวกมันยังดูเหมือนกับกำลังพยายามหนีเสียมากกว่าการตั้งใจต่อสู้"มันไม่น่าจะใช่แบบนี้" หวังซานเย่พึมพำเบา ๆ เมื่อสายตาคู่คมมองเห็นความผิดปกติในระหว่างที่พวกเขากำลังเดินทางผ่านเขาสั่งให้ห่าวอู๋หยุดรถในทันทีที่มองเห็นว่าหมู่
หวังซานเย่รับหน้าที่เป็นคนขับรถในเช้าวันใหม่ เขาพาเธอกลับไปยังคฤหาสน์ของเขา บรรยากาศในวันนี้สดใสกว่าทุกวัน ความเขียวชะอุ่มของต้นไม้ทั้งสองฝั่งทำให้เธอทอดสายตามองด้วยความสบายใจ จนกระทั่งเริ่มมองเห็นคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนเนินสูง สามารถมองเห็นตัวเมืองอันกว้างไกลที่เธอเองก็ยังเดินสำรวจไม่ครบทุกมุม เป็นความหรูหราของสถาปัตยกรรมจีนโบราณผสมผสานกับกลิ่นอายยุคสาธารณรัฐสะท้อนความมั่งคั่งและทรงอำนาจของตระกูลหวัง ตระกูลที่มีบทบาทสำคัญทั้งในกองทัพและเศรษฐกิจระดับประเทศที่ฉินเจินเจินได้มองอย่างเต็มตาในวันนี้"เจินเจิน ผมยังไม่อยากกลับเลย อยากอยู่กับคุณสองต่อสองมากกว่า" เขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะเอื้อมมือข้างหนึ่งมาจับมือเธอเอาไว้"ซานเย่ ตั้งใจขับรถหน่อยสิคะ ฉันยังไม่อยากนอนข้างทางนะคะ!" เธอบ่นอุบ เมื่อเห็นเขาขับรถมือเดียว จนรู้สึกไม่ปลอดภัย"คุณไม่อยากอยู่กับผมแค่สองคนอย่างนั้นหรือ" เขาไม่ฟังเธอปราม แต่ทว่าเร่งรัดให้เธอตอบคำถามของเขา"ที่คฤหาสน์ก็ไม่มีใครมาวุ่นวายกับคุณนี่คะ ซานเย่ คุณตั้งใจขับรถก่อนเถอะคะ ไม่อย่างนั้นฉันจะงอนคุณนะคะ" เธอกอดอกมุ่ยหน้าใส่เขาด้วยสายตาเอาจริง"ไม่งอนนะ ผมยอมแล้วก็ได้"ฟอดหวังซ
ปลายนิ้วที่เรียวสวยผลักร่างใหญ่โตของเขาให้นอนราบลงไปบนฝากระโปรงของรถได้ด้วยมือเดียว หวังซานเย่ร่างกายอ่อนระทวยไปกับลีลาอันแสนเร่าร้อนของเธอเสียแล้วฉินเจินเจินนั่งคร่อมลงบนท่อนกายอุ่นร้อนของเขาจนมิดลำ ส่งให้เขาหน้าเบ้ด้วยความคับแน่น ความเจ็บสะท้านแล่นไปทั่วลำใหญ่แต่ทว่ายังคงซ่านเสียวจนสมองขาวโพลนซี้ดไม่ได้มีเพียงเขาที่เจ็บปวด เธอเองก็เช่นกันเพราะขนาดที่ใหญ่โตของเขาได้เบียดเสียดเข้ามาภายในโพรงสวาทจนแทบจะปริแตกจากกัน แต่นั่นกลับเป็นความเจ็บปวดที่เธอยินดีสะโพกอิ่มโขลกไปข้างหน้าเพื่อให้เกิดแรงขับเคลื่อนท่อนเอ็นเขื่องเข้าออกร่องสวาทที่ชุ่มฉ่ำเต็มไปด้วยความต้องการที่พุ่งพล่าน ไฟร่านกำลังครอบงำตัวของเธอฉินเจินเจินยกตัวขึ้นแล้วกระแทกตัวลงไปเพื่อให้แท่งหยกเข้าไปในร่องรักของเธออย่างแรง ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความลึกและความสะใจ มันทั้งร้อนแรงและวาบหวาม จนเขาครางออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า“อ่า เจินเจิน กระแทกอีก ผมเสียวจังเลยครับ”“อะ...อื้อ”ริมฝีปากบางสีแดงสดขบเม้มเข้าหากันด้วยความซ่านสยิว ก่อนที่เธอจะออกแรงขยับสะโพกอย่างเชี่ยวชาญ แล้วบดสะโพกลงไปอย่างหนักจนน้ำกามไหลออกมาชุ่มฉ่ำและเกิดเสียงดังแ