Share

บทที่ 9

ทันทีที่หนิงจื้อหมิงกลับถึงจวน ก็ได้ยินเสียงดังโวยวายมาจากเรือนตะวันตก ดังนั้นเขาจึงเดินมาดู

ทว่าเมื่อเขาเห็นหนิงเฉินซึ่งหมดสติทั้งที่จมูกช้ำใบหน้าบวม สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันที

ความหนาวเย็นไหลตามกระดูกก้นกบและพุ่งตรงไปที่ท้ายทอยของหนิงจื้อหมิง ทำให้เขาวิงเวียนศีรษะ

ฮ่องเต้เสวียนเพิ่งเตือนเขาให้ปฏิบัติต่อหนิงเฉินด้วยความเมตตา ทว่ายามนี้ก็เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเสียแล้ว นี่มิใช่ว่าจะเอาชีวิตเขาหรือ?

หากฮ่องเต้เสวียนรู้เรื่องนี้เข้า ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทุกคนที่นี่มีเท่าใดก็เท่านั้น ผู้ใดล้วนอย่าได้คิดว่าจะรอดไปได้

“ท่านพ่อ ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว...หนิงเฉินคนนี้ทำมากเกินไปขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว เมื่อสองวันก่อนทำร้ายเข้าที่ศีรษะของพี่รอง วันนี้เขายังขโมยเงินของพี่ใหญ่อีก”

“เรามาเผชิญหน้ากับเขา แต่เขาไม่เพียงแค่ไม่ยอมรับเท่านั้น ยังลงมือทำร้ายคนอีกด้วย...ท่านดูแขนของข้าสิ เป็นแผลที่เขากัดทั้งนั้นเลย”

“ท่านพ่อ ท่านต้องตัดสินให้ข้านะขอรับ!”

หนิงเม่าร้องไห้ทันที อุบายนี้เขาใช้มาหลายต่อหลายครั้ง และมันก็ได้ผลเสมอ

ทว่าคราวนี้อุบายนี้ใช้ไม่ได้ผล หนิงจื้อหมิงหันกลับมา และตวัดมือตบหน้าเขาอย่างแรง

หนิงเม่ายืนไม่อยู่ ล้มลงไปกับพื้น

หนิงกานตะลึงงัน

บ่าวรับใช้ทั้งกลุ่มก็ตะลึงงันเช่นกัน

หนิงเม่ารู้สึกปวดแสบบนใบหน้า เขายกมือกุมใบหน้า และมองหนิงจื้อหมิงด้วยความเหลือเชื่อ...เขาไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านพ่อตบเขาจริง ๆ หรือ?

“สารเลว ไอ้สารเลว... ญาติทางสายเลือดแท้ ๆ พวกเจ้ากลับลงมือได้โหดร้ายเช่นนี้ ไยข้าถึงได้ให้กำเนิดบุตรชายที่ชั่วร้ายเช่นพวกเจ้าได้?”

นิ้วของหนิงจื้อหมิงสั่นด้วยความโกรธ ชี้ใส่หนิงเม่าพลางด่าทอใหญ่โต

พอคิดถึงผลที่จะตามมายามที่ฮ่องเต้เสวียนรู้เรื่องนี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะเตะหนิงเม่าไปอีกครั้ง

หนิงกานดูตกตะลึง และสงสัยว่าพ่อกินยาผิดหรือเปล่า?

“ท่านพ่อใจเย็น ๆ ขอรับ! เรื่องนี้อย่าโทษพวกเราเลย เป็นหนิงเฉินต่างหากที่ขโมยของก่อน แล้วยังลงมือทำร้ายคนอีก ท่านดูบ่าวรับใช้พวกนี้ แล้วดูแขนของน้องสามสิขอรับ ทั้งหมดล้วนเป็นหนิงเฉิน…”

คำพูดของหนิงกานเพิ่มเชื้อเพลิงบนกองไฟอย่างไม่ต้องสงสัย คำพูดยังไม่จบ หนิงจื้อหมิงก็ย่างสามขุมไปข้างหน้าและตบหน้าหนิงกานอย่างแรง

หนิงกานถูกตบจนตกตะลึง ยกมือกุมหน้า ดวงตาซึมลง

ท่านพ่อโปรดปรานเขาที่สุด ตั้งแต่เล็กจนโตล้วนไม่เคยแตะต้องเขาแม้แต่นิ้วมือเดียว วันนี้ตบเขาเพราะหนิงเฉินหรือ?

“สารเลว สารเลว...รนหาที่ตาย ยังเล่นลิ้นอยู่อีกรึ? เจ้าอยากตายรึอย่างไร?”

หนิงจื้อหมิงคำราม

ฮ่องเต้เสวียนเพิ่งเตือนเขา ทว่าในชั่วพริบตา หนิงเฉินก็ถูกทุบตีจนหมดสติไปแล้ว นี่เป็นการกระทำที่รู้ทั้งรู้ว่าผิดแต่ก็ยังทำและจงใจยั่วยุพลังแห่งจักรพรรดิ

หากฮ่องเต้เสวียนพิโรธ ตำแหน่งเสนาบดีฝ่ายซ้ายก็ไม่สามารถปกป้องเขาได้

“บ่าวชั่วอย่างพวกเจ้า กล้าลงมือกับเจ้านาย ดี ดี ดียิ่งนัก…ครอบครัวนี้ยังมีกฎบ้านอยู่หรือไม่?”

“ใครก็ได้ พาบ่าวชั่วพวกนี้ออกไป โบยสามสิบไม้ทุกคน แล้วไล่ออกจากจวนเสีย”

หนิงจื้อหมิงโกรธจัด

“นายท่านไว้ชีวิตด้วย!”

“นายท่านไว้ชีวิตด้วย นายท่านไว้ชีวิตด้วย...”

“คุณชายใหญ่ช่วยบ่าวด้วย คุณชายใหญ่ช่วยบ่าวด้วย…”

บ่าวรับใช้หลายคนที่เพิ่งลงมือทุบตีหนิงเฉินต่างหวาดกลัว คุกเข่าโขกหัวร้องขอความเมตตา

สามสิบไม้ พูดง่าย ทว่าน้อยคนจะทนได้

ไม้โบยเหล่านั้นทั้งหมดทำจากไม้เนื้อแข็ง ด้านบนมีรอยบากไม่เท่ากัน...ไม่ต้องพูดถึงสามสิบไม้เลย คนสามัญสามารถทนได้สิบไม้ก็ไม่เลวแล้ว

สามสิบไม้ มิตายก็เจ็บสาหัส

บ่าวรับใช้กลุ่มหนึ่งรีบพุ่งตัวเข้ามาจากด้านนอกเรือน

บ่าวรับใช้ที่ทำร้ายหนิงเฉินถูกลากออกไป

“ใครก็ได้ รีบพาหนิงเฉินไปที่ห้องปีกตะวันออกให้เร็ว แล้วรีบไปตามหมอทันทีเลย ไปเร็วเข้า!”

ห้องปีกตะวันออกถึงจะเป็นที่ที่เจ้านายควรอยู่ และเรือนตะวันตกเป็นที่ที่บ่าวไพร่อาศัยอยู่

หนิงเฉินถูกพาตัวไป

หนิงกานและหนิงเม่าต่างยกมือกุมหน้า มองหน้ากันและกัน ในแววตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความคาดไม่ถึง

“พี่ใหญ่ ท่านพ่อฟั่นเฟือนไปแล้วหรือ? ไยเขาถึงมุ่งไปที่เจ้าสารเลวหนิงเฉินคนนี้เล่า?”

“ท่านพ่อตบข้าก็ช่างเถิด แต่เขาโปรดปรานพี่ใหญ่ที่สุดเสมอ ยังตบท่านด้วยน่ะหรือ?”

หนิงกานในยามนี้เองก็มีเครื่องหมายคำถามบนหน้าผากเช่นกัน

เขายังสงสัยด้วยซ้ำว่าท่านพ่อคนนี้เป็นตัวปลอมหรือเปล่า?

“ท่านพ่อไม่มีทางทำเช่นนี้โดยไม่มีเหตุผลกระมัง? ต้องมีเหตุผลสิ...ไป ไปหาท่านแม่กัน!”

“ท่านพี่ ข้าเจ็บแขน”

“อดทนไว้ เดี๋ยวให้ท่านแม่ดูให้”

สองพี่น้องยกมือกุมหน้า แล้วไปหาฉางหรูเยว่

...

ณ ห้องปีกตะวันออก หนิงเฉินยังคงอยู่ในอาการหมดสติ

“ท่านหมอ ลูกของข้าไม่ได้เป็นอะไรมากใช่ไหม?”

หมอค้อมกายคำนับ “ใต้เท้าหนิง อาการของคุณชายมิใคร่ดีนัก บาดเจ็บภายนอกรักษาให้หายได้ ทว่าซี่โครงหักสองซี่ และจำต้องพักฟื้นอีกสักระยะหนึ่ง”

“อีกอย่าง คุณชายยังขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน ชี่พร่องร่างกายอ่อนแอ เกรงว่าระยะเวลาในการฟื้นตัวจะนานกว่าคนทั่วไป”

หนิงจื้อหมิงขมวดคิ้ว

“ท่านหมอ ต้องพยายามรักษาเขาให้ดีที่สุด และใช้ยาที่ดีที่สุด”

หมอพยักหน้า “ใต้เท้าหนิงไม่ต้องกังวล ข้าจะพยายามรักษาให้ดีที่สุด อีกประเดี๋ยวจะเปิดใบสั่งยา รบกวนใต้เท้าหนิงส่งคนมาตามข้าไปรับยาด้วย”

“อย่างไรก็ตาม คุณชายหนิงชี่พร่องร่างกายอ่อนแอ ในช่วงเวลานี้จะต้องบำรุงร่างกายให้ดี ๆ สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของเขา”

หนิงจื้อหมิงพยักหน้าและกำชับพ่อบ้านจวนสกุลหนิงที่อยู่ข้าง ๆ: “พ่อบ้านอู๋ อีกประเดี๋ยวเจ้าตามไปรับยาด้วยตนเองกับท่านหมอ”

“ขอรับ!”

พ่อบ้านอู๋เป็นชายร่างอ้วนผิวขาว อยู่ในจวนสกุลหนิงมานานมากแล้ว และได้รับความไว้วางใจจากหนิงจื้อหมิงเป็นอย่างยิ่ง

ทว่าในเวลานี้ พ่อบ้านอู๋ก็มีเครื่องหมายคำถามบนหน้าผากของเขาเช่นกัน เหตุใดจู่ ๆ นายท่านจึงปฏิบัติต่อหนิงเฉินดีนัก

หนิงจื้อหมิงกล่าวเสริม: “จริงสิ กำชับห้องครัวด้วยว่าให้เลือกแม่ไก่แก่ดี ๆ ตุ๋นน้ำแกงดี ๆ แล้วส่งมา”

“ขอรับ นายท่าน!”

หนิงจื้อหมิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยอีกครั้ง: “อีกอย่าง ประกาศลงไป เรื่องวันนี้ หากใครกล้าแพร่ออกไป อย่าตำหนิที่ข้าไม่เกรงใจ!”

“ท่านหมอ เรื่องวันนี้ โปรดเก็บไว้เป็นความลับด้วย”

หมอรีบค้อมกายด้วยความนบนอบ “ใต้เท้าหนิงวางใจได้ ข้าน้อยเข้าใจ!”

หนิงจื้อหมิงขมวดคิ้ว เรื่องนี้จะให้ฮ่องเต้เสวียนรู้มิได้เด็ดขาด มิเช่นนั้นเขาซึ่งเป็นเสนาบดีจะต้องจบเห่แน่

ในเวลาเดียวกัน ฉางหรูเยว่กำลังพาสองพี่น้องหนิงกานหนิงเม่ามาทางห้องปีกตะวันออก

หลังจากที่หนิงกานกับหนิงเม่ากลับไป พวกเขาก็ใส่สีตีไข่แล้วเล่าอีกรอบ!

แม้ว่าในใจของฉางหรูเยว่จะเต็มไปด้วยความสงสัย ทว่าทนเห็นรอยฝ่ามือบนใบหน้าของหนิงกานและหนิงเม่า อีกทั้งหนิงเม่าที่ถูกกัดแขนจนชิ้นเนื้อเกือบจะหลุดออกมาก็อดรนทนไม่ได้

นางต้องมาถามหนิงจื้อหมิงให้ชัดเจน

หนิงจื้อหมิงเห็นฉางหรูเยว่แล้วยิ่งปวดหัวมากขึ้น

หากฉางหรูเยว่เป็นเพียงฮูหยินของเขา นั่นก็คงไม่มีอะไร? ทว่าฉางหรูเยว่ยังคงเป็นบุตรีของเสนาบดีฝ่ายซ้ายด้วย ที่เขาสามารถขึ้นมาในตำแหน่งที่เขานั่งอยู่จนถึงวันนี้ได้ ต้องขอบคุณเสนาบดีฝ่ายซ้าย

“นายท่าน ข้าไม่เข้าใจ เป็นหนิงเฉินที่ขโมยก่อนแล้วทำร้ายผู้อื่นในภายหลัง ความผิดทั้งหมดเป็นของเขา...แม้ว่านายท่านจะต้องการปกป้องเขา แต่ก็ไม่สามารถไม่แยกถูกผิดกระมัง?”

“ท่านดูแขนของเม่าเอ๋อร์สิ เกือบถูกเขากัดเนื้อหลุดไปชิ้นหนึ่งแล้ว เขาเป็นบุตรชายแท้ ๆ ของท่านนะ หรือท่านไม่รักเขาเลย?”

ฉางหยูเยว่ขณะที่พร่ำไป น้ำตาไหลก็หยดแหมะ ๆ ลงมา

ในฐานะที่เป็นอิสตรีหลักแหลม นางรู้ว่าไม่สามารถทำตัวแข็งกร้าวเกินไปได้ การหงายไพ่อารมณ์อ่อนไหวในขณะที่ตั้งคำถามและแสร้งทำเป็นอ่อนแอถึงจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด

“ฮูหยิน มันไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดนะ เจ้ารู้ไหม...”

คำพูดมาถึงริมฝีปาก และเขาก็กลืนมันกลับไปอีก

เขานึกถึงคำพูดของฮ่องเต้เสวียนขึ้นมา ที่ว่าไม่อนุญาตให้บุคคลที่สี่รู้เกี่ยวกับบทสนทนาในวันนี้

แม้ว่าฮ่องเต้เสวียนจะเป็นที่รู้จักในฐานะจักรพรรดิผู้ใจดี กลับไม่เคยออมมือเมื่อถึงเวลาลงมือ

เมื่อปีที่แล้วเสนาบดีกรมพระคลังเมาสุรา แล้วหลุดคำพูดของฮ่องเต้เสวียน เป็นผลให้ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูล

ยามนี้หนิงจื้อหมิงกำลังมีเรื่องทุกข์ใจทว่ายากจะเอ่ย

“ฮูหยิน มีเรื่องราวอีกมากมายที่บัดนี้ข้ายังไม่แน่ใจ...เจ้าพาเม่าเอ๋อร์ไปพันผ้าพันแผลก่อน ภายหลังเจ้าจะเข้าใจว่าเหตุใดข้าถึงทำเช่นนี้”

“ตอนนี้ข้าบอกเจ้าได้เพียงว่า ความเป็นตายของหนิงเฉินข้องเกี่ยวกับการอยู่รอดของสกุลหนิงข้า”

ฉางหรูเยว่และลูกชายได้ยินเช่นนี้ สีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความตกตะลึง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status