ฮ่องเต้เสวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หนิงกานเป็นพี่ชายคนโตของหนิงเฉิน”เฉวียนกงกงตื่นตระหนกในใจ ก่อนจะเอ่ย “ความหมายของฝ่าบาทคือ คุณชายหนิงเป็นคนขั้นเกลากวีบทนี้แทนพี่ชายของเขาอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้เสวียนส่งเสียงฮึดฮัดหนึ่งเสียง “หากหนิงเฉินอยากช่วยหนิงกาน กวีบทนี้คงไม่มีทางแต่งให้สองวรรคแรกเป็นวรรณกรรม สองวรรคหลังเพี้ยนเสียงเช่นนี้”สีหน้าของเฉวียนกงกงเปลี่ยนไป “หรือว่าหนิงกานขโมยกวีของคุณชายหนิงเฉิน?”ฮ่องเต้เสวียนยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น โดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกเฉวียนกงกงชำเลืองมองสีหน้าของฮ่องเต้เสวียนแวบหนึ่ง แอบไว้ทุกข์ให้หนิงกานอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่งอยู่ในใจฝ่าบาททรงเกลียดชังผู้ที่ก่อกรรมทำชั่ว แสวงหาชื่อเสียงโดยทางที่มิชอบเป็นที่สุดฮ่องเต้เสวียนพลันกล่าวถาม “เนี่ยเหลียง ที่ข้าให้เจ้าไปสืบเรื่องของคุณชายหนิงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”เนี่ยเหลียงรีบทูลตอบ “กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้ส่งคนมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของคุณชายหนิงเฉินแล้ว เชื่อว่าอีกสองสามวันคงจะได้ข่าวคราว”ฮ่องเต้เสวียนตอบ อื้อ คำเดียว เมื่อเดินมาถึงหน้าตำหนักหย่างซินขันทีเล็กคนหนึ่งได้สาวเท้าก้าวเล็กเข้ามาต้อนรับ จา
หนิงเฉินมาถึงโถงหลัก พบว่านอกจากครอบครัวของหนิงจื้อหมิงแล้ว ยังมีขันทีน้อยอีกหนึ่งคน องครักษ์พกดาบอีกสองสามคนเขามีความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ทันทีที่เห็นคนพวกนี้ก็รู้เลยว่าเป็นคนของวังหลวง หนิงจื้อหมิงเรียกเขามาทำไม?ขันทีน้อยคนนั้นมองสำรวจหนิงเฉิน “เจ้าก็คือหนิงเฉิน?”หนิงเฉินงุนงงเล็กน้อย สะอึกในใจ นี่เหมือนกับว่าจะพุ่งเป้ามาหาเขาน่าแปลก ตนเป็นเพียงพลทหารรับใช้ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ขันทีน้อยผู้นี้มาหาเขาทำไม?“ข้าน้อยก็คือหนิงเฉิน”ขันทีน้อยเอ่ยปากกล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งขององค์หญิง หนิงเฉินฟังคำสั่ง”คำพูดของฮ่องเต้คือราชโองการ ของฮองเฮา กุ้ยเฟย คือการแจ้งให้ทราบ ขององค์หญิงคือคำสั่งในหัวสมองของหนิงเฉินเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ขันทีน้อยกล่าวด้วยความโมโห “ยังไม่คุกเข่าลงอีก?”หนิงเฉินขมวดคิ้ว สิ่งที่เกลียดมากที่สุดก็คือที่โลกนี้เอะอะอะไรก็ต้องให้คุกเข่าแต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงไปขันทีน้อยกล่าว “องค์หญิงมีคำสั่ง หนิงเฉินดูหมิ่นเบื้องสูง มีคำสั่ง ให้คุกเข่าสองชั่วยามถึงจะลุกขึ้นได้”หนิงเฉินมึนงงไปครู่หนึ่งให้เขาคุกเข่าสองชั่วยาม? องค์ห
หนิงเฉินกล่าวพึมพำ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่นาง”“ไม่ใช่ผู้ใดหรือ?”หนิงเฉินส่ายหน้า เมื่อครู่นี้เขานึกถึงบุตรสาวของฝูอ๋อง แต่ยัยเด็กคนนั้นอายุเพิ่งจะสิบกว่าปี เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นองค์หญิงห้าเขาครุ่นคิด มั่นใจว่าตนไม่รู้จักกับองค์หญิงห้าแน่นอน“เสนาบดีหนิง ข้ามั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด...ข้าไม่รู้จักองค์หญิงห้าเลยแม้แต่น้อย”หนิงจื้อหมิงขมวดคิ้ว “ไม่รู้จักจริง ๆหรือ?”“ข้าพูดว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก”“ถ้าอย่างนั้นเหตุใดองค์หญิงห้าถึงต้องลงโทษเจ้า?”หนิงเฉินกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ไม่แน่ว่าหัวสมองขององค์หญิงห้าอาจจะผิดปกติ สมองฝ่อ...หนิงเฉินแอบแขวะในใจแต่ว่าเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้สองอย่างอย่างแรก มีคนล่วงเกินองค์หญิงห้า แล้วแอบอ้างใช้ชื่อของตน ตนถึงได้กลายเป็นแพะรับบาปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างที่สอง บุตรสาวของฝูอ๋อง นางจะต้องได้เจอกับองค์หญิงห้าอย่างแน่นอน แล้วนำคำพูดพวกนั้นที่ตนแขวะองค์หญิงไปบอกแก่องค์หญิงห้าถ้าหากเป็นอย่างที่สอง ครั้งหน้าได้เจอกับฝูอ๋องจะต้องพูดจากับเขาดี ๆ ...ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะพูดคุยกันเรื่องทั่วไป จะแทงข้างหลังเ
เช้าตรู่ วันถัดมาหนิงเฉินตื่นนอน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เตรียมจะไปที่จวนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินตอนนี้เขาไม่ได้กินข้าวเช้าที่จวนเลย เนื่องจากกังวลว่าฉางหรูเยว่แม่ลูกจะวางยาพิษเขาปกติเขาจะซื้ออาหารเช้าระหว่างการเดินทาง เงินแค่ไม่กี่บาทก็สามารถกินจนอิ่มท้องได้แล้วบางครั้งเขาก็จะไปอาศัยกินข้าวที่จวนแม่ทัพผลปรากฏว่าทันทีที่ออกจากบ้าน ก็เจอเข้ากับหนิงกานพอดิบพอดีหนิงกานสวมชุดขุนนางใหม่ทั้งตัว ท่าทางภูมิอกภูมิใจวันนี้เป็นวันที่หนิงกานเข้ารับตำแหน่งเมื่อคืนนี้เป็นเพราะหนิงเฉิน พวกเขาสามคนพี่น้อง จึงถูกบิดาดุด่าอย่างรุนแรงดังนั้น เมื่อหนิงกานเห็นหนิงเฉินจึงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“หนิงเฉิน วันนี้เจ้าออกจวนแต่เช้ากลับมาก็ดึก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมน่ะ?”“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ สกุลหนิงของพวกเราไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป เจ้าอย่าทำเรื่องที่ต้องพลอยทำให้สกุลหนิงของพวกเราเดือดร้อนไปด้วยหนิงเฉินแสยะยิ้ม ยิ้มอย่างสดใส “อย่าเป็นห่วงไปเลยน่า ข้าจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสกุลหนิงได้อย่างไรกัน? ข้าออกแต่เช้ากลับดึก ก็เพียงแค่แอบไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเจ้าเท่านั้น”หนิงกานท่าทางแข็
แน่นอนว่า ยกเว้นตัวข้าเอง...หนิงเฉินพูดต่อในใจรัชทายาทถามด้วยความสงสัย “เจ้าต้องการเงินมากเลยหรือ?”“เหลวไหล ใครไม่ต้องการเงินบ้าง?” หนิงเฉินควักเงินขาด ๆ จำนวนหนึ่งออกมา “ท่านดูสิ นี่คือทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว”“เจ้าฝากเงินไว้ที่บิดาของเจ้าห้าร้อยตำลึง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้”หนิงเฉินกลอกตามองบน กล่าว “ลูกพี่ ห้าร้อยตำลึงเยอะมากหรือ? คนในครอบครัวข้าตายหมดแล้ว บัดนี้เหลือแค่ตัวข้าเท่านั้น...ข้าต้องซื้อบ้านนะ? บ้านในเมืองหลวงแพงจะตายไป ห้าร้อยตำลึงสามารถซื้อได้แค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น”“อีกอย่าง ต่อไปถ้าข้าแต่งงานมีลูกล่ะ? ข้าไม่ต้องจัดเตรียมสินสอดเอาไว้ล่วงหน้าหรือ? คนเช่นข้า ไม่มีเงินแม่นางคนไหนจะยอมแต่งงานกับข้ากัน?”“อะไร ๆ ก็ต้องใช้เงิน เงินห้าร้อยตำลึงนั่นของข้าไม่พอเลยด้วยซ้ำ”รัชทายาทกระตุกมุมปากเล็กน้อยคนในครอบครัวตายหมดแล้ว?ดูท่าหนิงเฉินจะใช้ชีวิตอยู่ในสกุลหนิงอย่างยากลำบาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางพูดออกมาเช่นนี้รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ขอเพียงแค่ก้าวออกมายอมรับว่าตนคือหลันซิง...ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายขนาดเท่าไหร่ที่อยากจะแย่งกันแต่งงานกับเจ้า”“อย่า
หนิงเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนสามคนเดินเข้ามาจากประตูหัวหน้าเป็นคุณชายที่แต่งตัวหรูหรา ดื่มสุราจนใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วทั้งตัว ฝีเท้าโงนเงนด้านหลังยังตามมาด้วยผู้ชายสวมกางเกงขาสั้น ดูท่าทางน่าจะเป็นคนรับใช้“ดูซิเจ้าจะหนีไปไหน? แม่นาง กลับไปกับข้า...ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มหื่นกาม เดินเข้ามาหาหนิงเฉิน“คุณชายช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าขอร้องท่านล่ะ!”หญิงสาวตัวสั่นระริก ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม เห็นหนิงเฉินเป็นความหวังสุดท้ายหนิงเฉินหันหน้าไปมองเสวียนหง จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไม่พอใจ“แม่นาง รีบมานี่ กลับไปกับคุณชาย...ถ้าหากปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดี จะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราเรอเป็นกลิ่นเหล้าออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหายหญิงสาวขอร้องอย่างโศกเศร้า “คุณชาย ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว...ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”“มีคู่หมั้นแล้วอย่างไร? ถอนหมั้นเสียก็สิ้นเรื่อง...ผู้หญิงที่ข้าชอบ ใครกล้าปฏิเสธ?”“กลับไปกับข้าอย่างว่าง่าย...ไม่อย่างนั้น เพียงแค่ข้าพูดคำเดียว ว
“หนิงเฉิน โผล่หัวออกมานะ”“คุณชายรอง ท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ... คุณชายสี่ติดไข้หวัด อย่าให้แพร่เชื้อใส่ท่านไปด้วยเลยนะขอรับ”“หลีกไป เจ้าสุนัขรับใช้ชั่วช้า กล้าดีอย่างไรมาขวางทางข้า? ให้ไอ้สารเลวนั่นเลิกแสร้งตายแล้วไสหัวออกมาหาข้าเสีย”เสียงด่าทอผสมผสานไปกับเสียงตบหน้าดังก้องหนิงเฉินตกใจตื่นขึ้นมาเขามองไปรอบห้องเล็ก ๆ ด้วยสีหน้าฉงนสนเท่ห์มีเพียงโต๊ะสี่เหลี่ยม เก้าอี้กลม เตียงผุพังหลังเล็ก ๆ ไม่มีอะไรอื่นอีกที่นี่คือที่ไหน?ขณะที่หนิงเฉินกำลังสงสัย ชิ้นส่วนความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา ความเจ็บปวดแสนสาหัสแทบจะทำให้เขาหมดสติไปทว่าความรู้สึกเจ็บปวดนี้ เกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วหนิงเฉินเช็ดเหงื่อเย็นที่ซึมออกจากหน้าผาก เผยสีหน้าประหลาดออกมา... เขาทะลุมิติหรือนี่เดิมทีเขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยกองกำลังพิเศษในโลก ระหว่างการสู้รบกับศัตรู เขาถูกลูกหลงของกระสุนปืนเข้าที่ส่วนสำคัญ และพลีชีพเพื่อประเทศชาติหลังจากที่ตายไปแล้ว เขากลับเดินทางทะลุมิติ เข้ามาในร่างของคนที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับเขาคนนี้อย่างนั้นหรือ?ที่นี่คือราชวงศ์ต้าเสวียนนี่เป็นราชวงศ์ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในป
รถม้าคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูจวนสกุลหนิงบ่าวรับใช้รีบนำม้าวางเท้ามาชายหนุ่มผอมเพรียว รูปร่างหน้าตาองอาจผ่าเผย สวมอาภรณ์หรูหราลงจากรถม้าก่อนคนผู้นี้เป็นบุตรชายคนโตแห่งจวนสกุลหนิง หนิงกานทันใดนั้น บุรุษวัยห้าสิบปีซึ่งมีใบหน้าสง่างามลุ่มลึก มีกลิ่นอายไม่ธรรมดาเดินลงจากรถม้าเช่นกันเขาคือหนิงจื้อหมิง เสนาบดีกรมพิธีการของราชวงศ์ปัจจุบัน หนิงกานผลักบ่าวรับใช้ออกไปอย่างแรง และช่วยประคองหนิงจื้อหมิงลงจากรถม้าอย่างเอาใจใส่“กานเอ๋อร์ ข้ากำชับให้คนตุ๋นแม่ไก่แก่ให้เจ้าแล้วหนึ่งตัว เจ้าควรกินอาหารเย็นให้เยอะหน่อยนะ บำรุงให้เต็มที่ สองสามวันมานี้เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว”สองสามวันมานี้ มีการสอบคัดเลือกขุนนางที่จัดขึ้นสามปีครั้งในต้าเสวียน หนิงกานเพิ่งเข้าร่วมการสอบขุนนางเสร็จสิ้น หนิงจื้อหมิงจึงไปรับเขาด้วยตนเอง และนี่ก็เพิ่งจะกลับมาถึง“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ!”หนิงกานประคองหนิงจื้อหมิงเดินเข้าไปข้างในทันทีที่ผ่านเข้าประตูไป เห็นหนิงเม่าน้องชายคนที่สามของเขา เดินนำบ่าวในบ้านหลายคน ในมือถือท่อนไม้ดูดุร้ายหนิงจื้อหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?”ครั้นหนิงเม่าเห็นว่าเป็นพ่อข