หนิงเฉินกล่าวพึมพำ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่นาง”“ไม่ใช่ผู้ใดหรือ?”หนิงเฉินส่ายหน้า เมื่อครู่นี้เขานึกถึงบุตรสาวของฝูอ๋อง แต่ยัยเด็กคนนั้นอายุเพิ่งจะสิบกว่าปี เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นองค์หญิงห้าเขาครุ่นคิด มั่นใจว่าตนไม่รู้จักกับองค์หญิงห้าแน่นอน“เสนาบดีหนิง ข้ามั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด...ข้าไม่รู้จักองค์หญิงห้าเลยแม้แต่น้อย”หนิงจื้อหมิงขมวดคิ้ว “ไม่รู้จักจริง ๆหรือ?”“ข้าพูดว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก”“ถ้าอย่างนั้นเหตุใดองค์หญิงห้าถึงต้องลงโทษเจ้า?”หนิงเฉินกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ไม่แน่ว่าหัวสมองขององค์หญิงห้าอาจจะผิดปกติ สมองฝ่อ...หนิงเฉินแอบแขวะในใจแต่ว่าเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้สองอย่างอย่างแรก มีคนล่วงเกินองค์หญิงห้า แล้วแอบอ้างใช้ชื่อของตน ตนถึงได้กลายเป็นแพะรับบาปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างที่สอง บุตรสาวของฝูอ๋อง นางจะต้องได้เจอกับองค์หญิงห้าอย่างแน่นอน แล้วนำคำพูดพวกนั้นที่ตนแขวะองค์หญิงไปบอกแก่องค์หญิงห้าถ้าหากเป็นอย่างที่สอง ครั้งหน้าได้เจอกับฝูอ๋องจะต้องพูดจากับเขาดี ๆ ...ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะพูดคุยกันเรื่องทั่วไป จะแทงข้างหลังเ
เช้าตรู่ วันถัดมาหนิงเฉินตื่นนอน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เตรียมจะไปที่จวนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินตอนนี้เขาไม่ได้กินข้าวเช้าที่จวนเลย เนื่องจากกังวลว่าฉางหรูเยว่แม่ลูกจะวางยาพิษเขาปกติเขาจะซื้ออาหารเช้าระหว่างการเดินทาง เงินแค่ไม่กี่บาทก็สามารถกินจนอิ่มท้องได้แล้วบางครั้งเขาก็จะไปอาศัยกินข้าวที่จวนแม่ทัพผลปรากฏว่าทันทีที่ออกจากบ้าน ก็เจอเข้ากับหนิงกานพอดิบพอดีหนิงกานสวมชุดขุนนางใหม่ทั้งตัว ท่าทางภูมิอกภูมิใจวันนี้เป็นวันที่หนิงกานเข้ารับตำแหน่งเมื่อคืนนี้เป็นเพราะหนิงเฉิน พวกเขาสามคนพี่น้อง จึงถูกบิดาดุด่าอย่างรุนแรงดังนั้น เมื่อหนิงกานเห็นหนิงเฉินจึงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“หนิงเฉิน วันนี้เจ้าออกจวนแต่เช้ากลับมาก็ดึก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมน่ะ?”“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ สกุลหนิงของพวกเราไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป เจ้าอย่าทำเรื่องที่ต้องพลอยทำให้สกุลหนิงของพวกเราเดือดร้อนไปด้วยหนิงเฉินแสยะยิ้ม ยิ้มอย่างสดใส “อย่าเป็นห่วงไปเลยน่า ข้าจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสกุลหนิงได้อย่างไรกัน? ข้าออกแต่เช้ากลับดึก ก็เพียงแค่แอบไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเจ้าเท่านั้น”หนิงกานท่าทางแข็
แน่นอนว่า ยกเว้นตัวข้าเอง...หนิงเฉินพูดต่อในใจรัชทายาทถามด้วยความสงสัย “เจ้าต้องการเงินมากเลยหรือ?”“เหลวไหล ใครไม่ต้องการเงินบ้าง?” หนิงเฉินควักเงินขาด ๆ จำนวนหนึ่งออกมา “ท่านดูสิ นี่คือทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว”“เจ้าฝากเงินไว้ที่บิดาของเจ้าห้าร้อยตำลึง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้”หนิงเฉินกลอกตามองบน กล่าว “ลูกพี่ ห้าร้อยตำลึงเยอะมากหรือ? คนในครอบครัวข้าตายหมดแล้ว บัดนี้เหลือแค่ตัวข้าเท่านั้น...ข้าต้องซื้อบ้านนะ? บ้านในเมืองหลวงแพงจะตายไป ห้าร้อยตำลึงสามารถซื้อได้แค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น”“อีกอย่าง ต่อไปถ้าข้าแต่งงานมีลูกล่ะ? ข้าไม่ต้องจัดเตรียมสินสอดเอาไว้ล่วงหน้าหรือ? คนเช่นข้า ไม่มีเงินแม่นางคนไหนจะยอมแต่งงานกับข้ากัน?”“อะไร ๆ ก็ต้องใช้เงิน เงินห้าร้อยตำลึงนั่นของข้าไม่พอเลยด้วยซ้ำ”รัชทายาทกระตุกมุมปากเล็กน้อยคนในครอบครัวตายหมดแล้ว?ดูท่าหนิงเฉินจะใช้ชีวิตอยู่ในสกุลหนิงอย่างยากลำบาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางพูดออกมาเช่นนี้รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ขอเพียงแค่ก้าวออกมายอมรับว่าตนคือหลันซิง...ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายขนาดเท่าไหร่ที่อยากจะแย่งกันแต่งงานกับเจ้า”“อย่า
หนิงเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนสามคนเดินเข้ามาจากประตูหัวหน้าเป็นคุณชายที่แต่งตัวหรูหรา ดื่มสุราจนใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วทั้งตัว ฝีเท้าโงนเงนด้านหลังยังตามมาด้วยผู้ชายสวมกางเกงขาสั้น ดูท่าทางน่าจะเป็นคนรับใช้“ดูซิเจ้าจะหนีไปไหน? แม่นาง กลับไปกับข้า...ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มหื่นกาม เดินเข้ามาหาหนิงเฉิน“คุณชายช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าขอร้องท่านล่ะ!”หญิงสาวตัวสั่นระริก ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม เห็นหนิงเฉินเป็นความหวังสุดท้ายหนิงเฉินหันหน้าไปมองเสวียนหง จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไม่พอใจ“แม่นาง รีบมานี่ กลับไปกับคุณชาย...ถ้าหากปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดี จะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราเรอเป็นกลิ่นเหล้าออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหายหญิงสาวขอร้องอย่างโศกเศร้า “คุณชาย ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว...ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”“มีคู่หมั้นแล้วอย่างไร? ถอนหมั้นเสียก็สิ้นเรื่อง...ผู้หญิงที่ข้าชอบ ใครกล้าปฏิเสธ?”“กลับไปกับข้าอย่างว่าง่าย...ไม่อย่างนั้น เพียงแค่ข้าพูดคำเดียว ว
“หนิงเฉิน โผล่หัวออกมานะ”“คุณชายรอง ท่านเข้าไปไม่ได้นะขอรับ... คุณชายสี่ติดไข้หวัด อย่าให้แพร่เชื้อใส่ท่านไปด้วยเลยนะขอรับ”“หลีกไป เจ้าสุนัขรับใช้ชั่วช้า กล้าดีอย่างไรมาขวางทางข้า? ให้ไอ้สารเลวนั่นเลิกแสร้งตายแล้วไสหัวออกมาหาข้าเสีย”เสียงด่าทอผสมผสานไปกับเสียงตบหน้าดังก้องหนิงเฉินตกใจตื่นขึ้นมาเขามองไปรอบห้องเล็ก ๆ ด้วยสีหน้าฉงนสนเท่ห์มีเพียงโต๊ะสี่เหลี่ยม เก้าอี้กลม เตียงผุพังหลังเล็ก ๆ ไม่มีอะไรอื่นอีกที่นี่คือที่ไหน?ขณะที่หนิงเฉินกำลังสงสัย ชิ้นส่วนความทรงจำหลั่งไหลเข้ามาในสมองของเขา ความเจ็บปวดแสนสาหัสแทบจะทำให้เขาหมดสติไปทว่าความรู้สึกเจ็บปวดนี้ เกิดขึ้นและหายไปอย่างรวดเร็วหนิงเฉินเช็ดเหงื่อเย็นที่ซึมออกจากหน้าผาก เผยสีหน้าประหลาดออกมา... เขาทะลุมิติหรือนี่เดิมทีเขาเป็นผู้บัญชาการหน่วยกองกำลังพิเศษในโลก ระหว่างการสู้รบกับศัตรู เขาถูกลูกหลงของกระสุนปืนเข้าที่ส่วนสำคัญ และพลีชีพเพื่อประเทศชาติหลังจากที่ตายไปแล้ว เขากลับเดินทางทะลุมิติ เข้ามาในร่างของคนที่มีชื่อแซ่เดียวกันกับเขาคนนี้อย่างนั้นหรือ?ที่นี่คือราชวงศ์ต้าเสวียนนี่เป็นราชวงศ์ที่ไม่เคยปรากฏอยู่ในป
รถม้าคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูจวนสกุลหนิงบ่าวรับใช้รีบนำม้าวางเท้ามาชายหนุ่มผอมเพรียว รูปร่างหน้าตาองอาจผ่าเผย สวมอาภรณ์หรูหราลงจากรถม้าก่อนคนผู้นี้เป็นบุตรชายคนโตแห่งจวนสกุลหนิง หนิงกานทันใดนั้น บุรุษวัยห้าสิบปีซึ่งมีใบหน้าสง่างามลุ่มลึก มีกลิ่นอายไม่ธรรมดาเดินลงจากรถม้าเช่นกันเขาคือหนิงจื้อหมิง เสนาบดีกรมพิธีการของราชวงศ์ปัจจุบัน หนิงกานผลักบ่าวรับใช้ออกไปอย่างแรง และช่วยประคองหนิงจื้อหมิงลงจากรถม้าอย่างเอาใจใส่“กานเอ๋อร์ ข้ากำชับให้คนตุ๋นแม่ไก่แก่ให้เจ้าแล้วหนึ่งตัว เจ้าควรกินอาหารเย็นให้เยอะหน่อยนะ บำรุงให้เต็มที่ สองสามวันมานี้เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้ว”สองสามวันมานี้ มีการสอบคัดเลือกขุนนางที่จัดขึ้นสามปีครั้งในต้าเสวียน หนิงกานเพิ่งเข้าร่วมการสอบขุนนางเสร็จสิ้น หนิงจื้อหมิงจึงไปรับเขาด้วยตนเอง และนี่ก็เพิ่งจะกลับมาถึง“ขอบคุณขอรับท่านพ่อ!”หนิงกานประคองหนิงจื้อหมิงเดินเข้าไปข้างในทันทีที่ผ่านเข้าประตูไป เห็นหนิงเม่าน้องชายคนที่สามของเขา เดินนำบ่าวในบ้านหลายคน ในมือถือท่อนไม้ดูดุร้ายหนิงจื้อหมิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?”ครั้นหนิงเม่าเห็นว่าเป็นพ่อข
“ท่านเสนาบดี หากไม่อยากให้ชื่อเสียงเสื่อมเสียว่ากระทำทารุณต่อบุตรชาย โปรดส่งคนนำเครื่องนอนและเสื้อผ้าที่หนากว่านี้มาด้วย”หนิงเฉินตะโกนเสียงดังเขารู้ว่าหนิงจื้อหมิงเป็นคนที่รักษาภาพพจน์อย่างยิ่ง และเขาจะไม่ปล่อยให้ตัวเองต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเช่นนี้หนิงจื้อหมิงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้ากลับดูน่าเกลียดยิ่งขึ้นไปอีกหนิงกานรีบเดินตามมา และกล่าวประจบประแจง: “ท่านพ่อ อย่าโกรธไปเลย หนิงเฉินเพียงอยากเรียกร้องความสนใจจากท่านด้วยวิธีนี้ อย่าไปสนใจเขาก็พอแล้ว... ให้เขาอดอาหารสักสองสามวัน แล้วเขาจะพบว่ากลอุบายนี้ไร้ประโยชน์ แน่นอนว่าจะมาขอให้ท่านพ่อยกโทษให้”“ใช่ ต้องไม่ให้เขาทำสำเร็จ กล้าข่มขู่ท่านพ่อ ซ้ำยังกล้าใช้ท่อนฟืนตีเราด้วย ป่าเถื่อนสิ้นดี”หนิงเม่ากล่าวเสริมหนิงจื้อหมิงไม่พูดอะไร เดินมาที่หน้าห้องในเรือนด้านหลังยังไม่ทันเดินเข้าประตูไป ก็ได้ยินเสียงร้องไห้แล้วหนิงกานแหวกม่านให้อย่างประจบประแจง หนิงจื้อหมิงเดินเข้าไปห้องนอนหรูหรา และอบอุ่นหนิงซิ่งนอนอยู่บนเตียง มีผ้าสีขาวพันรอบหน้าผาก และมีเลือดสีแดงสดซึมออกมาข้างเตียงมีฮูหยินรูปร่างอ้วนคนหนึ่งกำลังร้องไห้อยู่นางเป็นบุต
บุรุษวัยกลางคนในอาภรณ์งดงามขมวดคิ้ว ลิ้มรสหรือ? บทกวีมีการลิ้มรสด้วยหรือ? มันไม่ได้เกี่ยวกับอาหารการกินเสียหน่อยกลิ่นอายของชายหนุ่มผู้นี้ดูไม่เหมือนบัณฑิตเลย กลับเหมือนพ่อค้าหาบเร่ที่เดินไปตามท้องถนนมากกว่า“นายท่าน ชายผู้นี้เป็นคนโกหกตั้งแต่แรกพบ เราอย่าไปสนใจเขาเลย รีบกลับกันเถิดขอรับ”ชายตุ้งติ้งหน้าขาวไร้หนวดเคราจ้องไปที่หนิงเฉินเพราะหนิงเฉินดูเหมือนคนโกหกมากเกินไปน่ะสิหนิงเฉินเบิกตากว้าง “ท่านว่าผู้ใดเป็นคนโกหก? ข้าจะบอกท่านให้นะ อีกไม่นานนักหรอก ข้าจะมีชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งโลกวรรณกรรม เมื่อถึงตอนนั้นบทกวีของข้า ทองพันตำลึงก็ไม่อาจซื้อได้...ตอนนี้ไม่ซื้อ รับรองว่าจะต้องเสียใจแน่!”ชายตุ้งติ้งโพล่งคำเหยียดหยาม: “คนอย่างเจ้านะหรือจะมีชื่อเสียงสะเทือนไปทั้งโลกวรรณกรรม?”ใบหน้าของหนิงเฉินเต็มไปด้วยการดูถูกเหยียดหยาม “คนไร้ความเป็นชายเช่นท่าน เข้าใจบทกวีหรือ?”“บังอาจ!”ชายตุ้งติ้งชี้นิ้วใส่หนิงเฉิน นิ้วสั่นเทิ้มด้วยความโกรธบุรุษวัยกลางคนสวมอาภรณ์งดงามโบกมือไปมา มองหนิงเฉินพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม:“เจ้ายกยอตนเองว่าเก่งกาจถึงเพียงนั้น? กล้าให้ข้าทดสอบเจ้าไหมล่ะ?”หนิงเฉินกา