เวรเอ๊ย...เป็นไปได้อย่างไร?เขานึกถึงความเป็นไปทั้งหมด แต่กลับนึกไม่ถึงว่ากวีบทนี้จะแต่งโดยหนิงกานฮ่องเต้เสวียนมองปฏิกิริยาตอบสนองของหนิงเฉินด้วยความสนใจ“หลันซิง เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าหนิงกานผู้นี้คือใคร?”ข้ารู้อยู่แล้ว คนหน้าเนื้อใจเสือจิตใจเหี้ยมโหด หนิงเฉินพึมพำในใจแต่ท่าทีของเขายังคงนิ่งสงบ และเอ่ยว่า “เมื่อครู่ท่านลุงพูดเองมิใช่หรือ? ว่าเขาคือทั่นฮวาผู้ลงสอบขุนนางในปีนี้”มุมปากของฮ่องเต้เสวียนกระตุกเล็กน้อย เด็กคนนี้เสแสร้งเก่งยิ่งนักทันใดนั้นนัยน์ตาของหนิงเฉินก็หดเล็กลงเขานึกขึ้นได้ คืนก่อนที่จะไปจวนแม่ทัพ เขาตั้งใจจะแต่งกวีให้ท่านแม่ทัพผู้เฒ่าเฉิน แต่หลังจากแต่งไปได้หลายวรรคก็รู้สึกถึงความไม่เหมาะสม....ดูเหมือนในนั้นจะมีกวีบทนี้อยู่ไม่ผิดแน่ เขามั่นใจว่ามี....ยามนั้นเขาเขียนได้แค่สองวรรคเขาเข้าใจแล้ว หลังจากที่แต่งกวีเสร็จ เขาไม่ได้ลบต้นฉบับทิ้ง...เช้าวันที่สองเขาไปจวนแม่ทัพ ยามนั้นหนิงกานน่าจะเข้าไปในห้องของเขาแล้วหลานชายคนนี้ขโมยกวีของเขา มาแก้ไขเป็นของตน ยามสอบหน้าพระที่นั่งเขาได้ถือมันเข้าไปตบตาฮ่องเต้หนิงกานนะหนิงกาน เจ้านำงูพญายมสีนิลมาไว้บนเตียงของข้า
องค์รัชทายาทพยักหน้า ในใจคิดว่าเข้าใจความหมายของบิดาหลันซิงคนนี้จะต้องเป็นบัณฑิตที่ใช้งานได้อย่างแน่นอนองค์รัชทายาทครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะชักกริชด้ามหนึ่งออกมา แล้วยื่นให้หนิงเฉินพลางเอ่ย“คุณชายหลัน ข้ารีบออกมา จึงไม่ได้พกสิ่งใดติดตัว กริชด้ามนี้ข้าให้เจ้า เป็นของขวัญที่ได้เจอกัน ได้โปรดอย่ารังเกียจกันเลย”หนิงเฉินมึนงงเล็กน้อย มองกริชที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายกริชด้ามนี้ถูกหลอมออกมาอย่างประณีตงดงาม มีทับทิมประดับอยู่บนตัวกริช รูปร่างงดงาม ดู ๆ แล้วมูลค่าต้องไม่ธรรมดาจะไม่ให้ลำบากใจได้อย่างไร จะรับทันทีก็ไม่ได้ ต้องมีเกรงใจบ้างเขารีบส่ายหน้า “ไม่ได้ สิ่งนี้มีมูลค่ามาก ข้ารับไว้ไม่ได้”องค์รัชทายาทยิ้มและเอ่ยว่า”คุณชายหลัน ข้าอยากเป็นสหายกับเจ้าอย่างจริงจใจ .... ได้โปรดอย่าปฏิเสธข้าเลย”หนิงเฉินลำบากใจ ในเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงขนาดนี้แล้ว จะไม่รับก็ดูจะไม่เข้าท่าฮ่องเต้เสวียนจึงเอ่ยว่า “หลันซิง มันก็แค่ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ รับไว้เถิด! ต่อไปความสัมพันธ์ของพวกเจ้าจะได้แน่นแฟ้นกันมากขึ้น”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ความเคารพคงเทียบเคียงกับการทำตามคำสั่งไม่ได้ ... ขอบคุณท่านลุง ขอบคุณคุณ
ฮ่องเต้เสวียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หนิงกานเป็นพี่ชายคนโตของหนิงเฉิน”เฉวียนกงกงตื่นตระหนกในใจ ก่อนจะเอ่ย “ความหมายของฝ่าบาทคือ คุณชายหนิงเป็นคนขั้นเกลากวีบทนี้แทนพี่ชายของเขาอย่างนั้นหรือ?”ฮ่องเต้เสวียนส่งเสียงฮึดฮัดหนึ่งเสียง “หากหนิงเฉินอยากช่วยหนิงกาน กวีบทนี้คงไม่มีทางแต่งให้สองวรรคแรกเป็นวรรณกรรม สองวรรคหลังเพี้ยนเสียงเช่นนี้”สีหน้าของเฉวียนกงกงเปลี่ยนไป “หรือว่าหนิงกานขโมยกวีของคุณชายหนิงเฉิน?”ฮ่องเต้เสวียนยิ้มเยาะอย่างเยือกเย็น โดยไม่กล่าวสิ่งใดอีกเฉวียนกงกงชำเลืองมองสีหน้าของฮ่องเต้เสวียนแวบหนึ่ง แอบไว้ทุกข์ให้หนิงกานอย่างเงียบ ๆ ครู่หนึ่งอยู่ในใจฝ่าบาททรงเกลียดชังผู้ที่ก่อกรรมทำชั่ว แสวงหาชื่อเสียงโดยทางที่มิชอบเป็นที่สุดฮ่องเต้เสวียนพลันกล่าวถาม “เนี่ยเหลียง ที่ข้าให้เจ้าไปสืบเรื่องของคุณชายหนิงเฉินเป็นอย่างไรบ้าง?”เนี่ยเหลียงรีบทูลตอบ “กราบทูลฝ่าบาท ข้าน้อยได้ส่งคนมุ่งหน้าไปยังบ้านเกิดของคุณชายหนิงเฉินแล้ว เชื่อว่าอีกสองสามวันคงจะได้ข่าวคราว”ฮ่องเต้เสวียนตอบ อื้อ คำเดียว เมื่อเดินมาถึงหน้าตำหนักหย่างซินขันทีเล็กคนหนึ่งได้สาวเท้าก้าวเล็กเข้ามาต้อนรับ จา
หนิงเฉินมาถึงโถงหลัก พบว่านอกจากครอบครัวของหนิงจื้อหมิงแล้ว ยังมีขันทีน้อยอีกหนึ่งคน องครักษ์พกดาบอีกสองสามคนเขามีความกลัดกลุ้มใจเล็กน้อย ทันทีที่เห็นคนพวกนี้ก็รู้เลยว่าเป็นคนของวังหลวง หนิงจื้อหมิงเรียกเขามาทำไม?ขันทีน้อยคนนั้นมองสำรวจหนิงเฉิน “เจ้าก็คือหนิงเฉิน?”หนิงเฉินงุนงงเล็กน้อย สะอึกในใจ นี่เหมือนกับว่าจะพุ่งเป้ามาหาเขาน่าแปลก ตนเป็นเพียงพลทหารรับใช้ไร้ชื่อเสียงคนหนึ่ง ขันทีน้อยผู้นี้มาหาเขาทำไม?“ข้าน้อยก็คือหนิงเฉิน”ขันทีน้อยเอ่ยปากกล่าว “ถ่ายทอดคำสั่งขององค์หญิง หนิงเฉินฟังคำสั่ง”คำพูดของฮ่องเต้คือราชโองการ ของฮองเฮา กุ้ยเฟย คือการแจ้งให้ทราบ ขององค์หญิงคือคำสั่งในหัวสมองของหนิงเฉินเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามนี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?ขันทีน้อยกล่าวด้วยความโมโห “ยังไม่คุกเข่าลงอีก?”หนิงเฉินขมวดคิ้ว สิ่งที่เกลียดมากที่สุดก็คือที่โลกนี้เอะอะอะไรก็ต้องให้คุกเข่าแต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงคุกเข่าลงไปขันทีน้อยกล่าว “องค์หญิงมีคำสั่ง หนิงเฉินดูหมิ่นเบื้องสูง มีคำสั่ง ให้คุกเข่าสองชั่วยามถึงจะลุกขึ้นได้”หนิงเฉินมึนงงไปครู่หนึ่งให้เขาคุกเข่าสองชั่วยาม? องค์ห
หนิงเฉินกล่าวพึมพำ “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ใช่นาง”“ไม่ใช่ผู้ใดหรือ?”หนิงเฉินส่ายหน้า เมื่อครู่นี้เขานึกถึงบุตรสาวของฝูอ๋อง แต่ยัยเด็กคนนั้นอายุเพิ่งจะสิบกว่าปี เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นองค์หญิงห้าเขาครุ่นคิด มั่นใจว่าตนไม่รู้จักกับองค์หญิงห้าแน่นอน“เสนาบดีหนิง ข้ามั่นใจว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด...ข้าไม่รู้จักองค์หญิงห้าเลยแม้แต่น้อย”หนิงจื้อหมิงขมวดคิ้ว “ไม่รู้จักจริง ๆหรือ?”“ข้าพูดว่าไม่รู้จักก็คือไม่รู้จัก”“ถ้าอย่างนั้นเหตุใดองค์หญิงห้าถึงต้องลงโทษเจ้า?”หนิงเฉินกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดี “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร?”ไม่แน่ว่าหัวสมองขององค์หญิงห้าอาจจะผิดปกติ สมองฝ่อ...หนิงเฉินแอบแขวะในใจแต่ว่าเขาคิดว่ามีความเป็นไปได้สองอย่างอย่างแรก มีคนล่วงเกินองค์หญิงห้า แล้วแอบอ้างใช้ชื่อของตน ตนถึงได้กลายเป็นแพะรับบาปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยอย่างที่สอง บุตรสาวของฝูอ๋อง นางจะต้องได้เจอกับองค์หญิงห้าอย่างแน่นอน แล้วนำคำพูดพวกนั้นที่ตนแขวะองค์หญิงไปบอกแก่องค์หญิงห้าถ้าหากเป็นอย่างที่สอง ครั้งหน้าได้เจอกับฝูอ๋องจะต้องพูดจากับเขาดี ๆ ...ตกลงกันเอาไว้แล้วว่าจะพูดคุยกันเรื่องทั่วไป จะแทงข้างหลังเ
เช้าตรู่ วันถัดมาหนิงเฉินตื่นนอน หลังจากล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เตรียมจะไปที่จวนแม่ทัพผู้เฒ่าเฉินตอนนี้เขาไม่ได้กินข้าวเช้าที่จวนเลย เนื่องจากกังวลว่าฉางหรูเยว่แม่ลูกจะวางยาพิษเขาปกติเขาจะซื้ออาหารเช้าระหว่างการเดินทาง เงินแค่ไม่กี่บาทก็สามารถกินจนอิ่มท้องได้แล้วบางครั้งเขาก็จะไปอาศัยกินข้าวที่จวนแม่ทัพผลปรากฏว่าทันทีที่ออกจากบ้าน ก็เจอเข้ากับหนิงกานพอดิบพอดีหนิงกานสวมชุดขุนนางใหม่ทั้งตัว ท่าทางภูมิอกภูมิใจวันนี้เป็นวันที่หนิงกานเข้ารับตำแหน่งเมื่อคืนนี้เป็นเพราะหนิงเฉิน พวกเขาสามคนพี่น้อง จึงถูกบิดาดุด่าอย่างรุนแรงดังนั้น เมื่อหนิงกานเห็นหนิงเฉินจึงสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่“หนิงเฉิน วันนี้เจ้าออกจวนแต่เช้ากลับมาก็ดึก ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ ทำไมน่ะ?”“ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะ สกุลหนิงของพวกเราไม่ใช่ชาวบ้านทั่วไป เจ้าอย่าทำเรื่องที่ต้องพลอยทำให้สกุลหนิงของพวกเราเดือดร้อนไปด้วยหนิงเฉินแสยะยิ้ม ยิ้มอย่างสดใส “อย่าเป็นห่วงไปเลยน่า ข้าจะทำเรื่องที่เป็นอันตรายต่อสกุลหนิงได้อย่างไรกัน? ข้าออกแต่เช้ากลับดึก ก็เพียงแค่แอบไปขุดหลุมฝังศพบรรพบุรุษของตระกูลเจ้าเท่านั้น”หนิงกานท่าทางแข็
แน่นอนว่า ยกเว้นตัวข้าเอง...หนิงเฉินพูดต่อในใจรัชทายาทถามด้วยความสงสัย “เจ้าต้องการเงินมากเลยหรือ?”“เหลวไหล ใครไม่ต้องการเงินบ้าง?” หนิงเฉินควักเงินขาด ๆ จำนวนหนึ่งออกมา “ท่านดูสิ นี่คือทั้งหมดที่ข้ามีแล้ว”“เจ้าฝากเงินไว้ที่บิดาของเจ้าห้าร้อยตำลึง อย่าคิดว่าข้าไม่รู้”หนิงเฉินกลอกตามองบน กล่าว “ลูกพี่ ห้าร้อยตำลึงเยอะมากหรือ? คนในครอบครัวข้าตายหมดแล้ว บัดนี้เหลือแค่ตัวข้าเท่านั้น...ข้าต้องซื้อบ้านนะ? บ้านในเมืองหลวงแพงจะตายไป ห้าร้อยตำลึงสามารถซื้อได้แค่บริเวณรอบนอกเท่านั้น”“อีกอย่าง ต่อไปถ้าข้าแต่งงานมีลูกล่ะ? ข้าไม่ต้องจัดเตรียมสินสอดเอาไว้ล่วงหน้าหรือ? คนเช่นข้า ไม่มีเงินแม่นางคนไหนจะยอมแต่งงานกับข้ากัน?”“อะไร ๆ ก็ต้องใช้เงิน เงินห้าร้อยตำลึงนั่นของข้าไม่พอเลยด้วยซ้ำ”รัชทายาทกระตุกมุมปากเล็กน้อยคนในครอบครัวตายหมดแล้ว?ดูท่าหนิงเฉินจะใช้ชีวิตอยู่ในสกุลหนิงอย่างยากลำบาก ไม่อย่างนั้นไม่มีทางพูดออกมาเช่นนี้รัชทายาทกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ด้วยพรสวรรค์ของเจ้า ขอเพียงแค่ก้าวออกมายอมรับว่าตนคือหลันซิง...ไม่รู้ว่าจะมีผู้หญิงมากมายขนาดเท่าไหร่ที่อยากจะแย่งกันแต่งงานกับเจ้า”“อย่า
หนิงเฉินยังไม่ทันได้พูดอะไร ก็มีคนสามคนเดินเข้ามาจากประตูหัวหน้าเป็นคุณชายที่แต่งตัวหรูหรา ดื่มสุราจนใบหน้าแดงก่ำ กลิ่นสุราคละคลุ้งไปทั่วทั้งตัว ฝีเท้าโงนเงนด้านหลังยังตามมาด้วยผู้ชายสวมกางเกงขาสั้น ดูท่าทางน่าจะเป็นคนรับใช้“ดูซิเจ้าจะหนีไปไหน? แม่นาง กลับไปกับข้า...ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเป็นอย่างดี”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มหื่นกาม เดินเข้ามาหาหนิงเฉิน“คุณชายช่วยข้าด้วย ช่วยข้าด้วย ข้าขอร้องท่านล่ะ!”หญิงสาวตัวสั่นระริก ร้องไห้น้ำตาไหลอาบแก้ม เห็นหนิงเฉินเป็นความหวังสุดท้ายหนิงเฉินหันหน้าไปมองเสวียนหง จากนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าไม่พอใจ“แม่นาง รีบมานี่ กลับไปกับคุณชาย...ถ้าหากปรนนิบัติข้าเป็นอย่างดี จะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”คุณชายที่แต่งตัวหรูหราเรอเป็นกลิ่นเหล้าออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความหื่นกระหายหญิงสาวขอร้องอย่างโศกเศร้า “คุณชาย ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ ข้ามีคู่หมั้นแล้ว...ขอร้องท่านปล่อยข้าไปเถอะ”“มีคู่หมั้นแล้วอย่างไร? ถอนหมั้นเสียก็สิ้นเรื่อง...ผู้หญิงที่ข้าชอบ ใครกล้าปฏิเสธ?”“กลับไปกับข้าอย่างว่าง่าย...ไม่อย่างนั้น เพียงแค่ข้าพูดคำเดียว ว