Share

บทที่ 8

จวนสกุลหนิง

หนิงเฉินในเวลานี้กำลังทำท่าม้าอยู่ในลานเรือน

ร่างกายนี้ขาดสารอาหารมาเป็นเวลานานแล้ว กอปรกับเพิ่งหายจากการป่วยหนัก ค่อนข้างผอมกะหร่องจึงต้องออกกำลังกายให้แข็งแรง

หากไม่ใช่เพราะสุขภาพย่ำแย่ของเขา เมื่อวานนี้คงไม่ปล่อยให้หนิงเม่าหนีไปได้หรอก

ขณะที่หนิงเฉินทำท่าม้า ก็คิดถึงเรื่องราวต่อไป

สุดท้ายแล้ว จวนสกุลหนิงแห่งนี้ไม่ใช่ที่ของเขา จึงต้องหาทางออกไปโดยเร็วที่สุด

ตามสถานการณ์ปัจจุบัน ถ้าเขาไม่ออกจากจวนสกุลหนิง ไม่ช้าก็เร็วจะถูกฉางหรูเยว่และลูกชายฆ่าตายเอาได้

ตอนนี้เขามีหนึ่งร้อยตำลึงเงิน สามารถซื้อเรือนหลังเล็ก ๆ ในสถานที่ห่างไกลได้แล้ว

อีกสักพัก หนิงจื้อหมิงก็น่าจะเลิกประชุมเช้าแล้ว...ถึงเวลาก็ค่อยไปหาเขาเพื่อหงายไพ่แล้วกัน

ในใจของหนิงจื้อหมิงไม่มีลูกชายแบบเขา ย่อมน่าจะเห็นด้วย...ส่วนฉางหรูเยว่และลูกชาย เกรงว่าอยากจะให้ตนจากไปใจจะขาด

เช่นนั้นก็ไปที่เมืองตะวันตกแล้วกัน ที่นั่นมีทั้งคนดีคนเลวปะปนกัน เขาสามารถขายบทกวีไปด้วย ทำของที่ไม่มีในโลกนี้ขายไปด้วย

หนิงเฉินกำลังคิดอย่างสะเปะสะปะ หนิงกานและหนิงเม่าก็นำบ่าวรับใช้ถือท่อนไม้หลายคนพุ่งเข้ามา

ครั้นหนิงเฉินเห็นว่าสถานการณ์ผิดปกติ จึงถอยกลับไปที่กำแพงโดยไม่รู้ตัว ตรงนั้นมีกองฟืนอยู่ ก่อนจะดึงท่อนฟืนมาเป็นอาวุธ

“พี่ใหญ่ ข้ามิได้พูดผิดกระมัง ไอ้สารเลวคนนี้มีเงินซื้อเสื้อผ้าใหม่จริง ๆ ต้องขโมยเงินของท่านเป็นแน่”

หนิงเม่าชี้ไปที่หนิงเฉินแล้วตะโกนเสียงดังก้อง

หนิงกานหรี่ตาลง สีหน้าชั่วร้าย “หนิงเฉิน เมื่อวานข้าทำเงินหายไปห้าตำลึง เป็นเจ้าที่ขโมยมันไปรึ?”

หนิงเฉินพูดอย่างเย็นชา: “หนิงกาน จะใส่ร้ายใครต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมรึเปล่า? เงินท่านหายไปเมื่อวาน แต่เมื่อวานเราไม่ได้เจอกันหน้ากันด้วยซ้ำ”

หนิงกานยิ้มอย่างมืดมน: “ตอนที่โจรขโมยของ จะแจ้งให้เจ้าของรู้ได้อย่างไรเล่า?”

“เจ้าบอกว่าเจ้าไม่ได้ขโมย เช่นนั้นข้าถามหน่อย...เจ้าเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสื้อผ้าใหม่?”

หนิงเฉินพูดด้วยใบหน้าเย็นชา “ข้าได้เงินจำนวนนี้มาด้วยตัวเอง”

หนิงเม่าเยาะเย้ย: “เจ้าน่ะเป็นสวะที่ไหล่ก็แบกของไม่ได้ มือก็ยกไม่ขึ้น จะหาเงินได้อย่างไร? ข้าว่าเงินจำนวนนี้ไม่ใช่เจ้าหามา เจ้าขโมยมาจากพี่ใหญ่ใช่ไหม?”

เมื่อวานนี้ เขาถูกหนิงเฉินไล่ตามพร้อมท่อนไม้จนต้องวิ่งหนียกมือกุมหัว ยิ่งย้อนคิดก็ยิ่งโกรธ

ในที่สุด เขาก็นึกถึงเสื้อผ้าใหม่ของหนิงเฉินได้ จึงบอกเรื่องนี้กับฉางหรูเยว่

ฉางหรูเยว่วางแผนให้หนิงเม่า จึงบังเกิดเรื่องนี้ขึ้น

จุดประสงค์ของพวกเขาชัดเจนมาก ก่อนที่หนิงจื้อหมิงเลิกประชุมเช้า พวกเขาจะทุบตีหนิงเฉินอย่างดุเดือด ถอดเสื้อผ้าใหม่ของเขาออก แล้วดูว่าเขาจะใช้เวลาช่วงฤดูหนาวนี้อย่างไร?

หนิงเฉินเองก็ขี้คร้านจะอธิบายอีกต่อไป สองพี่น้องคนนี้ชัดเจนว่ามาเพื่อหาเรื่อง อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์

ใส่ร้ายท่าน ย่อมรู้ดีกว่าท่านมากว่าใส่ร้ายไปแค่ไหน!

ดังนั้นการอธิบายจึงเปลืองน้ำลายและไร้ประโยชน์!

เขาหยิบท่อนฟืนท่อนหนึ่งขึ้นมา แล้วพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์: “ไสหัวไป!”

หนิงกานยิ้มเยาะเย้ย: “อย่างที่คาดไว้ เป็นไอ้สารเลวที่เกิดมาจากแม่ แต่ไม่มีแม่สั่งสอน...หยาบคายไร้มารยาท คุณธรรมต่ำตม”

“ข้าเป็นพี่ใหญ่ของเจ้า เจ้าขโมยเงินข้าแล้วยังกล้าพูดกับข้าแบบนี้อีกรึ? วันนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เจ้าอย่างงามเลย”

“พวกเจ้า จำเอาไว้ขึ้นใจเลยนะ...แล้วก็ไปค้นเอาเงินที่เขาขโมยข้าไปออกมาเสีย”

บ่าวรับใช้หลายคน มือถือท่อนไม้ สาวเท้าเข้าหาหนิงเฉินอย่างน่าหวาดกลัว

หนิงเฉินพูดด้วยความโกรธ: “เจ้าสุนัขรับใช้ แม้ว่าข้าจะไม่ได้รับความโปรดปราน แต่ก็ยังเป็นบุตรชายคนที่สี่ของจวนสกุลหนิงนะ ถ้าพวกเจ้ากล้าแตะต้องข้า ก็คิดถึงผลที่ตามมาให้ดี ๆ แล้วกัน”

แต่คำพูดเหล่านี้ของเขา วันนี้ไม่สามารถทำให้บ่าวรับใช้เหล่านี้หวาดกลัวได้

สิ่งที่พวกเขารับมาในวันนี้คือคำสั่งของฮูหยิน

ทว่าหนิงเฉินในตอนนี้ไม่ใช่หนิงเฉินเช่นก่อน ที่จะปล่อยให้คนอื่นฆ่าแกงได้

เขาเขวี้ยงท่อนไม้ในมือออกไปโดยตรง

บ่าวรับใช้คนหนึ่งหลบไม่ทัน และถูกกระแทกเข้าที่หน้าอก เขาส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด!

บ่าวรับใช้อีกคนยังไม่ทันได้โต้ตอบกลับไป ท่อนไม้อีกท่อนก็บินมาฟาดหัวเขา ทันใดนั้นหัวของเขาก็มีเลือดไหลออกมา

ท่อนฟืนลอยไปอย่างมั่วซั่ว บีบให้บ่าวรับใช้หลายคนล่าถอยอย่างต่อเนื่อง และสักพักหนึ่งก็ทำอะไรหนิงเฉินไม่ได้เลย

“เจ้าพวกเศษสวะ บุกสิ บุกเลย”

หนิงเม่าก่นด่าใหญ่โตพลางเต้นแร้งเต้นกา

อาไฉซึ่งกำลังทำงานอยู่ในเรือนได้ยินเสียงเอะอะมะเทิ่งเข้า จึงเดินกะโผลกกะเผลกออกมา

ครั้นเห็นบ่าวรับใช้หลายคนถือท่อนไม้มุ่งไปใกล้หนิงเฉิน เขาตื่นตระหนกและตะโกนออกไป:

“พวกเจ้าคิดจะทำอะไร? เขาเป็นคุณชายสี่ พวกเจ้าทำแบบนี้กับเขาไม่ได้”

หนิงเม่ารีบสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาเตะอาไฉจนลงไปกองที่พื้น ก่อนจะชกหมัดเตะขาใส่

“สุนัขแก่อย่างเจ้า คอยปกป้องเจ้านายได้ดีทีเดียว...เจ้าลืมไปแล้วรึ? ว่าใครคือเจ้านายที่แท้จริงของเจ้า?”

“ให้เจ้าเห่าก็เห่าอย่างสุนัข...พรุ่งนี้ข้าจะขอให้ท่านแม่ไล่เจ้าออกจากบ้าน”

หนิงเม่าเตะต่อยและก่นด่า

“อาไฉ...”

หนิงเฉินกังวลมากจนเสียสมาธิไปชั่วขณะ บ่าวรับใช้คว้าโอกาสนี้รีบพุ่งไปตรงหน้าหนิงเฉิน แล้วใช้ท่อนไม้ตีเข้าที่ขา

หนิงเฉินตัวเตี้ยจึงล้มลงกับพื้นไปทั้งตัว

สิ่งสำคัญคือร่างกายนี้อ่อนแอเกินไป สมองมีปฏิกิริยาตอบกลับ ทว่าร่างกายไม่สามารถไปตามจังหวะได้…ไม่เช่นนั้นเขาจะสามารถหลบหลีกมันได้อย่างง่ายดาย

หนิงกานตะโกน: “ตีเข้าไป ตีให้ตายไปเลย!”

บ่าวรับใช้หลายคนฟาดไม้กระทบลงร่างผอมบางของหนิงเฉิน

หนิงเฉินปกป้องศีรษะด้วยมือทั้งสองข้าง ขดตัวเป็นก้อนกลม และปล่อยให้กองท่อนไม้ตกลงบนร่างกายโดยไม่ส่งเสียงร้องสักคำ

“หลีกทาง ให้ข้าจัดการเอง!”

หนิงเม่าผละตัวจากอาไฉ แล้วมุ่งไปทางหนิงเฉิน

บ่าวรับใช้หยุดมือเท้าลง

หนิงเม่าเดินไปตรงหน้าหนิงเฉินด้วยใบหน้ากำเริบเสิบสาน นั่งยอง ๆ แล้วใช้มือตบหัวหนิงเฉิน “หนิงเฉิน เจ้าโอหังมากนักรึ? ลุกขึ้นมาไล่ข้าด้วยท่อนไม้รึ?”

ใครจะรู้ว่าจู่ ๆ หนิงเฉินก็คว้าแขนของเขา และกัดลงไป

แม้ว่าจะมีเสื้อผ้ากั้นอยู่ ทว่าหนิงเม่ายังคงรู้สึกเจ็บปวดแสนสาหัส และกรีดร้องราวกับหมูที่ถูกเชือด!

“พวกเจ้ายังยืนบื้ออะไรอยู่? ช่วยคนสิ”

หนิงกานเป็นคนแรกที่เคลื่อนไหว ร้องตะโกนเสียงดัง

บ่าวรับใช้หลายคนง่วนอยู่กับการที่พยายามแยกคนทั้งสองออกจากกัน

แต่หนิงเฉินก็เหมือนกับสัตว์ร้าย กัดแขนของหนิงเม่าไม่ปล่อย

“คุณชายใหญ่ แยกไม่ออกขอรับ”

บ่าวรับใช้คนหนึ่งกังวลมากจนเหงื่อออกเต็มไปหมด

“สวะ ตีมันสิ ตีจนกว่าจะปล่อยปาก”

บ่าวรับใช้หลายคนทั้งต่อยและเตะหนิงเฉิน

ผ่านไปสักพักใหญ่ ในที่สุดหนิงเฉินก็ปล่อยปาก...เพราะเขาถูกทุบตีจนมึนหัวมากแล้ว

หนิงเม่าตัวสั่นด้วยความเจ็บปวด ถลกแขนเสื้อขึ้นดู เนื้อบนแขนเกือบจะถูกกัดหลุดออกมา และมีเลือดไหลด้วย

โชคดีที่มีเสื้อผ้ากั้นไว้อยู่ มิเช่นนั้นเนื้อชิ้นนี้คงถูกกัดขาดไปแล้วจริง ๆ

“ไอ้สารเลวนี่กล้ากัดข้า ทุบตีให้ตายเสีย”

หนิงเม่าดูเหมือนสุนัขบ้า ส่งเสียงคำรามก้อง

บ่าวรับใช้หลายคนกำลังจะลงมือ แต่กลับถูกหนิงกานหยุดไว้

“ตีไม่ได้อีกแล้ว ถ้าตีอีกคนจะตายเอาได้...ท่านพ่อกลับมาก็ยากจะอธิบายแล้ว!”

“พวกเจ้าถอดเสื้อผ้าของเขาออก สภาพเช่นตอนนี้ เกรงว่าจะอยู่รอดได้แค่ไม่กี่วัน”

บ่าวรับใช้หลายคนลงมือ ถอดเสื้อผ้าตัวใหม่ของหนิงเฉินออกมา

“คุณชายใหญ่ ท่านดูนี่สิขอรับ”

บ่าวรับใช้พบตั๋วเงิน

หนิงกานหยิบมันขึ้นมาดู และอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ “หนึ่งร้อยตำลึง?”

หนิงเม่าก็มอง ก่อนจะส่งเสียงอุทาน: “ไอ้สารเลวคนนี้มีเงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?”

ดวงตาของหนิงกานกะพริบเล็กน้อย บนใบหน้าฉายแววโลภ “ข้านึกออกแล้ว เงินของข้าที่หายไปมิใช่ห้าตำลึงเงิน แต่เป็นหนึ่งร้อยตำลึงนี้”

หนิงเม่าเองก็เข้าใจขึ้นมาทันที “ใช่แล้ว เงินที่หายไปของพี่ใหญ่คือหนึ่งร้อยตำลึง...ไอ้สารเลวคนนี้ กล้าขโมยเงินจวน ถึงตายก็ยังไม่สาสมแก่บาปกรรม!”

หนิงกานเหลือบมองหนิงเฉินที่กำลังนอนหมดสติอยู่บนพื้น ซึ่งสวมเพียงกางเกงชั้นในเท่านั้น เขายิ้มอย่างเย็นชา: “เราไปกันเถอะ!”

ทันทีที่พวกเขาหันหลังกลับและกำลังจะออกไป พวกเขาก็เห็นหนิงจื้อหมิงเดินเข้ามาจากด้านนอกเรือน

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status