“เจ็บนะ....โอ้ยยยย”
ผู้หญิงสามสี่คนไม่พูดพร่ำทำเพลงกระหน่ำรุมตบลีลาวดีจนยับเยินอย่างสาแก่ใจกับคนที่ไม่มีทางสู้เพราะถูกล็อคตัวเอาไว้
“นี่ทำอะไรหยุดเดี๋ยวนี้นะ”
ธีภพที่กำลังขับรถออกมาจากลานจอดรถของห้างเขาขับผ่านเห็นว่ามีผู้คนกำลังทำร้ายกันเมื่อลงไปดูเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นพนักงานร้านของเขาพร้อมรีบวิ่งเข้าไปห้ามเหตุการณ์รุนแรงครั้งนี้อย่างรวดเร็ว
“บอส!!!!”
“ปล่อยเธอนะ...ไม่อย่างนั้นผมจะแจ้งความถึงเรื่อที่พวกคุณทำทุกเรื่องเลย”
เมื่อกลุ่มคนที่รุมทำร้ายเห็นว่าเป็นใครที่วิ่งเข้ามาพวกนั้นก็รีบปล่อยหญิงสาวที่สภาพไม่เหลือชิ้นดีลงไปนั่งกองอยู่กับพื้นพร้อมวิ่งหนีกันอย่างรวดเร็วแต่ยังดีที่รปภแถวนั้นวิ่งจับเอาไว้ได้ทันธีภพจึงให้จับคนพวกนั้นส่งตำรวจพร้อมพยุงลีลาวดีขึ้นไปนั่งบนรถของเขา
“...คุณเป็นยังไงบ้าง...”
ธีภพพาหญิงสาวมานั่งบนรถพร้อมส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอได้ซับเลือดที่มุมปากที่มีเลือดหลออกมาตอนนี้เขาพยายามคุยกับเธอให้เธอบอกเขาว่าเธอนั้นมีอาการอย่างไรบ้างหากอาการหนักเขาก็จะพาเธอส่งโรงพยาบาลทันที
“ขอบคุณนะคะคุณเจ้าของร้าน....โอ้ยยยย...ไม่เป็นไรมากหรอกค่ะ”
ลีลาวดีต้องขอบคุณชายหนุ่มอย่างมากที่เขานั้นช่วยเธอไว้ได้ทันไม่อย่างนั้นหน้าเธอคงเสียโฉมไปมากกว่านี้แน่
“งั้นเดี๋ยวผมพาคุณไปซื้ออุปกรณ์มาทำแผลก็แล้วกัน”
ธีภพขับรถพาหญิงสาวมาที่ร้านยาใกล้ๆเพื่อไปซื้ออุปกรณ์ทำแผลให้หญิงสาวเพราะเห็นว่าเธอนั้นไม่เป็นอะไรมากหากทำแผลเสร็จแล้วก็ว่าจะไปส่งเธอที่บ้านด้วยเช่นกันเพราะเขาดูออกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคงเป็นเพราะเขานั้นไปตำหนิและไล่ผู้จัดการร้านออกเป็นแน่เขาไม่คิดว่าเขาจะจ้างคนหัวรุนแรงแบบนี้มาทำงานได้แต่ดีแล้วที่ไล่ออกไปได้หากวันนี้เขาไม่ได้ฟังจากปากหญิงสาวเขาคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ร้านบ้าง
“โอ้ย...เจ็บๆ...”
“ทนหน่อยสิ”
เมื่อซื้ออุปกรณ์ทำแผลเรียบร้อยแล้วธีภพก็พาหญิงสาวออกมานั่งทำแผลที่เก้าอี้สาธารณะแถวหน้าร้านยาดูแม่สาวเจ้าคงใจเสาะน่าดูแผลที่มุมปากโดนป้ายยาไปแค่นิดเดียวร้องจะเป็นจะตาย
“เอ่อ..จริงสิผมว่าจะถามคุณรู้จักกับฝันด้วยเหรอ”
ธีภพเองว่าจะถามหญิงสาวตั้งแต่อยู่ในร้านแล้วว่าเธอนั้นรู้จักกับทอฝันได้อย่าไรเพราะเขาเห็นหญิงสาวทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนิทสนมเสียขนาดนั้นตอนนี้มีโอกาสก็เลยถามเสียเลย
“ค่ะ...พี่ฝันเป็นคนส่งลีเรียนค่ะคุณเจ้าของร้าน”
“เรียกผมว่าธี”
“ค่ะคุณธี”
ลีลาวดีไม่ได้อิดตบที่จะตอบชายหนุ่มแต่สรรพนามที่เธอเรียกเขามันช่างดูแปลกๆและขัดหูของเขาไปหน่อยชายหนุ่มเลยให้เธอเปลี่ยนมาเป็นเรียกชื่อของเขาจะดีกว่า
“แล้วทำไมฝันถึงไปส่งคุณเรียนได้”
ธีภพยังไม่หยุดถามคำถามให้หายคาใจจากหญิงสาว
“คุณจะรู้ไปทำไมคะ”
ลีลาวดีเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะถามลึกเข้าไปอะไรนักหนารู้แค่เธอรู้จักกับทอฝันอย่างไรก็น่าจะพอแล้วมั้งจึงถามเขากลับว่าเขาจะถามเธอทำไมนักหนาปากเธอก็ยิ่งขยับยากเย็นอยู่
“................”
“บอกก็ได้ค่ะ...ไม่เห็นต้องทำหน้าดุเลย”
เมื่อเห็นสายตาส่งมาหาเธอโดยเชิงดุหญิงสาวจำต้องคิดว่าคงต้องพยายามพูดอธิบายให้เขาเข้าใจแล้วหละไม่อย่างนั้นเธอคงโดนเขาจ้องแบบนี้อยู่ไม่เลิกแน่
“ก็ตอนที่บ้านของพี่ฝันล้มละลายป้าดวงก็ต้องออกจากงานแต่แกก็เกิดป่วยเลยทำงานไม่ได้พี่ฝันก็เลยมีน้ำใจออกค่าดูแลให้ทั้งหมดแล้วลีเองก็พึ่งขึ้นมาอยู่กับป้าดวงช่วงม.ปลายเพราะยายของลีเสียพ่อแม่ก็ไม่รู้อยู่ที่ไหนก็เลยมาอยู่กับป้าดวงพี่ฝันก็เลยต้องมาส่งเสียลีให้เรียนอีกคนแต่ลีพยายามบอกพี่ฝันแล้วว่าลีออกมาทำงานเต็มที่ก็ได้ไม่ต้องเรียนแต่พี่ฝันก็ไม่ยอมบอกให้ลีเรียนให้จบลีก็เลยอยากแบ่งเบาภาระพี่ฝันโดยการทำงานพาร์ทไทม์นี่แหละค่ะ”
ธีภพนั่งฟังหญิงสาวอย่างตั้งใจเขารู้สึกว่าคนที่ลำบากที่สุดก็คงจะเป็นทอฝันที่บ้านล้มละลายไม่เหลืออะไรแล้วยังต้องเลี้ยงคนอีกตั้งลายคนอีกตอนที่เขาอยู่เมืองนอกก็พอจะได้ข่าวมาบ้างว่าทินกรพ่อของทอฝันเครียดกินแต่เหล้าจนมาได้ข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่าท่านเสียแล้วเขายิ่งฟังที่ลีลาวดีเล่าก็ยิ่งสงสารทอฝัน
อีกอย่างเรื่องที่ทำให้เขาอมยิ้มก็คือทอฝันเลือกช่วยเหลือคนไม่ผิดลีลาวดีเองก็ดูรักและเชื่อฟังทอฝันมากเขาเห็นแววตาที่เธอพูดถึงทอฝันเธอคงจะสงสารทอฝันน่าดูดีที่ลีลาวดีก็ยังคิดจะแบ่งเบาภาระทอฝันบ้างแบบนี้เขาต้องชมเด็กสาวคนนี้อยู่ในใจ
“อืม..ลีเห็นคุณธียืนคุยอยู่กับพี่ฝันด้วยคุณธีรู้จักพี่ฝันด้วยเหรอคะ”
ลีลาวดีนึกขึ้นได้ว่าก่อนที่เธอจะเข้าไปฟ้องทอฝันเรื่องที่เธอไม่พอใจเธอเห็นทอฝันนั้นยืนคุยอยู่กับชายหนุ่มอยู่จึงถามเขาออกไปว่ารู้จักกันได้ยังไงเพราะเธอเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
“อืมม..รู้สิฝันเคยเป็นคู่หมั้นผมเอง”
ธีภพตอบไปตามตรงเขาสังเกตเห็นว่าคำตอบของเขานั้นมันทำให้สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนจากอารมณ์ดีๆเป็นตึงเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“อ๋อ...คุณคือผู้ชายที่รู้ว่าบ้านพี่ฝันล้มละลายแล้วรีบถอนหมั้นใช่ไหมลีเคยดิ้นป้าดวงเล่าให้ฟัง...คุณธีนี่นิสัยแย่มากๆเลยรู้ไหมคะ”
ลีลาวดีได้เจอผู้ชายคนที่ถอนหมั้นกับทอฝันที่ป้าเธอเล่าให้ฟังแล้ววันนี้ไหนๆเธอก็เจอเขาเป็นๆแล้วก็ขอต่อว่าเขาเสียหน่อยเถอะที่ใจร้ายใจดำทิ้งพี่สาวที่เธอรักได้ลงคอเพียงแค่หมดตัวแสดงว่าไม่ได้รักกันจริง
“เดี๋ยวสิคุณฟังผมก่อน...ตอนที่ผมทั้งหมั้นและถอนหมั้นมันเป็นเรื่องที่คุณแม่ของผมบังคับทั้งหมดผมกับฝันนับถือกับแบบพี่แบบน้อง”
ธีภพเบิกตาโพรงรีบอธิบายกับหญิงสาวแทบไม่ทันว่ามันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดเมื่อหญิงสาวต่อว่าเขาจบเขาจึงต้องอธิบายเรื่องราวให้เธอได้ฟังอย่างรวดเร็วว่าเรื่องทั้งหมดเขาและทอฝันถูกบังคับและเรื่องหมั้นหรือถอนหมั้นก็เป็นฝีมือของคุณแม่ของเขาทั้งหมด
“หืมม...คุณธีเนี่ยนะคะโดนแม่บังคับสมัยนี้ยังจะบังคับกันอีกเหรอคะ”ลีลาวดีได้ฟังเช่นนั้นก็ลดอารมณ์อ่อนลงเธอเองก็พึ่งเคยเจอผู้ชายที่ถูกแม่บังคับนี่แหละปกติเคยได้ยินแต่ผู้หญิงถูกบังคับแต่มันก็น้อยมากๆแล้วในสมัยนี้เพราะหลายครอบครัวเขาก็หันมาเลี้ยงลูกแบบใหม่กันแล้ว“ใช่สิ...ตอนนั้นผมผิดเองที่ไม่กล้าออกนอกกรอบแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านอกกรอบมันทำให้ผมเป็นตัวเองมากแค่ไหน”ธีภพยอมรับว่าเมื่อก่อนเขาเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบตั้งแต่เด็กจนโตด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างที่แม่ของเขาชอบบังคับมันทำให้เขาอึดอัดหัวใจอย่างมากจนหลังจากที่เขาถอนหมั้นกับทอฝันเขาคิดว่าควรที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะว่าเขานั้นไม่อยากจะอึดอัดแบบนี้ต่อไปและอยากจะเป็นตัวของตัวเองตอนนี้เขาก็ออกมาอยู่ตัวคนเดียวได้นานแล้วด้วยอีกอย่างก็ลงทุนทำธุรกิจทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองโดยที่ไม่สนสมบัติของพ่อและแม่ของเขาที่สร้างเอาไว้ให้“ตอนนี้คุณธีก็เป็นคนหัวแข็งแล้วสิคะ”“คนหัวแข็ง???”“ใช่ค่ะป้าดวงบอกว่าคนที่ไม่ฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่คือคนหัวดื้อหัวแข็งค่ะ”ลีลาวดีเห็นชายหนุ่มทำสีหน้างงก็คิดว่าชายหนุ่มนั้นคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดแน่เลยจึงอธิบายใ
“ผมจะสี่สิบแล้วนะครับคุณแม่เลิกเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตผมซะทีได้ไหม...ส่งน้องวีมาเป็นเลขาผมผมก็ยอมแล้วคุณแม่จะเอาอะไรอีก”ธีภพรู้สึกขำกับชีวิตตัวเองที่อายุปูนนี้แล้วคนเป็นแม่ของเขาก็ไม่ยักจะเห็นเลิกบังคับเขาเสียทีการที่เขาไปต่างประเทศบ่อยๆก็เพราะบ้านของเขมันสร้างความสุขให้เขาไม่ได้นั่นเองขนาดเขามีกิจการส่วนตัวแล้วคุณแม่ของเขาก็ยังไม่วายมาแทรกแซงบางเรื่องอีกด้วย“ทำไมป้าต้องบังคับคุณธีด้วยล่ะคะ...ใครเค้าอยากจะอยู่กับแม่ใจร้ายที่ชอบบังคับกันเล่า”ลีลาวดีเห็นว่าผู้หญิงที่เป็นแม่ของธีภพเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยคราแรกที่เธอได้ฟังธีภพเล่าให้ฟังว่าแม่เป็นคนชอบบังคับเธอก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ด้วยความเป็นคนรักความถูกต้องและสงสารชายหนุ่มจึงช่วยชายหนุ่มพูดอีกแรงให้แม่ของเขาได้คิดว่าไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนที่ชอบบังคับเด็กยี่สิบอย่างเธอยังคิดได้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของธีภพคิดไม่ได้กัน“นี่เธอ...นังเด็กนี่ใครเดี๋ยวนี้แกคบกับเด็กเหลือขอพวกนี้ด้วยเหรอ”นาราหันไปหาเด็กสาวที่ท่าทางยังเรียนไม่จบแถมยังดูกะโปโลไม่น่ารู้จักกับลุกชายของเธอได้เธอชี้หน้าเด็ที่กล้าต่อว่าเธอเมื่อครู่พร้อมถามลูกชายของเธอว่าไปคบ
“เดี๋ยวคุณพักห้องข้างๆผมก็แล้วกันพรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านคุณจะได้ไปเรียนทัน..คุณหิวไหมที่บ้านผมน่าจะมีบะหมี่อยู่ในตู้ไม่มีของสดเพราะผมพึ่งกลับมา”ธีภพวางเสื้อสูทของเขาลงที่โซฟาพร้อมชี้ไปที่ห้องของหญิงสาวให้เธอได้พักตอนนี้เขารู้ว่าหญิงสาวน่าจะหิวเพราะพึ่งจะเลิกงานเขาเองก็ลืมคิดที่จะซื้ออะไรจากร้านสะดวกซื้อเข้ามาด้วยแต่จำได้ว่าในครัวมีอาหารแห้งอยู่บ้างจึงถามเธอว่าหิวหรือเปล่าเขาจะได้ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีจัดการให้พร้อมเดินเข้ามาในครัวโดยมีหญิงสาวเดินตามมาด้วย“ได้บะหมี่สักซองก็คงดีค่ะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ลีกลับเองก็ได้ค่ะไม่มีเรียนอีกอย่างลีจะต้องไปรับป้าดวงกลับจากโรงพยาบาลด้วย”ลีลาวดีเดินตามชายหนุ่มเข้ามาในครัวพร้อมนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวรู้สึกขอบคุณที่ชายหนุ่มยังเป็นห่วงคนที่พึ่งรู้จักอย่างเธอพร้อมบอกกับเขาว่าเธอกลับเองได้เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียนเลยไม่ต้องรีบแค่จะต้องไปรับป้าเธอที่โรงพยาบาลช่วงบ่ายเท่านั้นเอง“แล้วป้าคุณยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ”ธีภพเองไดยินหญิงสาวพูดถึงป้าที่นอนโรงพยาบาลเขาก็ยังสงสัยว่าป้าของเธอยังไม่หายดีอีกหรืออย่างไร“อืม..ก็ดีขึ้นมากแล้วนะคะแต่ก็ต้องไปหาหมอบ่อยๆเพราะ
“ผมต้องการใช้เงินแล้วถ้าคุณไม่หามาให้ผมล่ะก็....อย่าต้องให้ผมตั้งใช้วิธีบังคับเลย”นภดลเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีปฏิเสธเขาเองก็ต้องคำขู่บังคับเธอเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการเพราะเขารู้ว่าคำขู่ของเขามันทำให้หญิงสาวต้องหาทางหาเงินมาให้เขาจนได้เป็นแน่“อีกสองวันฉันจะโอนให้คุณกลับไปได้แล้ว”บุษบาหันมองค้อนใส่ชายหนุ่มอย่างเคียดแค้นเธอค่อยๆปรับอารมณ์โกรธให้ลดลงพร้อมทั้งบอกกับชายหนุ่มว่าเธอจะพยายามหามาให้แต่ขอเวลาเธอสองวันเท่านั้นพร้อมบอกให้เขานั้นกลับไปได้แล้วเพราะตอนนี้เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาสักเท่าไร“หึ่...แกคงอยู่ขูดเลือดขูดเนื้อฉันไม่นานหรอก”เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้วบุษบาเองก็ต้องหาอะไรมาดื่มเพื่อแก้เครียดเธอแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นหากเรื่องราวมันเป็นไปตามที่เธอวางเอาไว้ไม่นานนี้เธอก็คงได้กำจัดเหลือบไรอย่างนภดลออกไปจากชีวิตได้เสียทีและเรื่องที่เธอเคร่งเครียดอยู่ตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างทอฝันกับทิวาตอนนี้เธอมีอะไรยุ่งๆให้สะสางมากมายตอนนี้เธอจะปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่กันอย่างสงบไปก่อนเมื่อถึงเวลาเธอจะกำจัดหญิงสาวออกไปจากชีวิตชายหนุ่มแน่นอนไร่ภูตะวันหลายวันแล้วที่แพรวาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตอนน
วันนี้เขาพึ่งจะเคลียงานทุกอย่างเสร็จก็มีดื่มสังสรรค์กับพวกลูกน้องตามประสาแต่วันนี้เขาดื่มหนักไปหน่อยเท่านั้นเอง“คุณไม่ใช่ผัวแพร...ออกไปไกลๆเลยนะเหม็น”จากน้ำเสียงที่มึนเมาและหยาบคายของชายหนุ่มทำให้แพรวายนั้นจำต้องไล่เขาออกไปให้ไกลๆตัวของเธอเพราะเธอไม่ค่อยชอบกลิ่นแอลกอฮอลล์เท่าไร“ไม่ไป”ภูดิษฐ์กระโดขึ้นมาบนเตียงนุ่มของหญิงสาวพร้อมแทรกตัวลงใต้ผ้าห่มที่คลุมตัวของเธออยู่อย่างรวดเร็ว“นี่คุณ...อื้ออ”แพรวาพยายามดันตัวชายหนุ่มที่น่าจะกำลังเมาไม่ได้สติออกจากตัวของเธอแต่ก็โดนเข้าจู่โจมล่วงล้ำเธอมาเสียก่อนริมฝีปากหนาคลอบคลุมริมฝีปากบางอย่างรวดเร็วพร้อมฉกชิมความหวานให้เอได้เคลิบเคลิ้มอย่างง่ายดายชุดนอนของเธอที่มันบางแทบจะเหมือนไม่ได้ใส่เพราะเขาจงใจซื้อให้เธอใส่แบบนี้ได้ถูกถกขึ้นมาสูงเหนือเนินเต้างามสองเต้า“อืมม”“อื้ออ..”เสียงหายใจหอบกระเส่าของชายหนุ่มนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเขารีบจัดการกับเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อแท่งร้อนพร้อมเต็มที่เขาก็จัดการกดมันเข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบบดเบียดไปในคราเดียวจนหญิงสาวนั้นต้องครางในลำคอระบายความเจ็บเล็บมือก็จิกไปที่หลังของเขาอย่างค
“มาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ...แพรแค่มาเดินเล่นค่ะ..”แพรวาตกใจจนสะดุ้งเฮือกเพราะเธอมัวแต่มองหานิดหน่อยอย่างใจจดใจจ่อจึงไม่ทันได้สังเกตว่าชายหนุ่มนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความที่ไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัยเธอจึงตอบกับเขาไปว่าเธอเพียงแค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณกลับบ้านกันก่อนเถอะ”ภูดิษฐ์บอกหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมเดินไปขึ้นรถโดยมีหญิงสาวนั้นเดินตามไปแต่โดยดีเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเจ้าของไร่ที่นี่มาหาเธอถึงที่พักขี้เกียจถูกมองไม่ดี“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพรคะ”เมื่อมาถึงบ้านแล้วแพรวาก็เริ่มเปิดประเด็นถามถึงเรื่องที่ชายหนุ่มบอกว่ามีเรื่องที่จะคุยกับเธอทันทีเพราะเธอก็ไม่ได้อยากให้เขาอยู่ที่นี่นานเท่าไรถ้าเป็นไปได้“คุณรู้...ว่าผมไม่ใช่พ่อของลูกในท้องพิมใช่หรือเปล่า”ภูดิษฐ์หันมาถามหญิงสาวเสียงสั่นเครือตอนนี้หน้าของเขาแดงกล่ำน้ำตาคลอและมีสายตาที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด“แพรพยายามบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วแต่คุณก็ไม่ฟังแพรเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์คนที่มันมีทิฐิบดบังยู่ในใจใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อทั้งนั้นแหละค่ะ”แพรวารู้สึกอึ้งเล็กน้อยกับคำถามของชายหนุ่มไม่ใช่ว่าเธอ
ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรที่หญิงสาวไม่อยากเปิดตัวเพราะเขาคิดว่าเธอคงไม่อยากจะเป็นขี้ปากของใครตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพเจ้าหล่อนก็ไม่ค่อยได้กลับมาหาเขาเท่าไรนักนอกจากจะโทรมาขอโน่นขอนี่อยู่เรื่อยยิ่งสองปีหลังที่ใกล้จะเรียนจบเธอไม่กลับมาหาเขาเลยก็ว่าได้อ้างว่าติดเรียนหรืออ่านหนังสือหนักจนไม่มีเวลาและเมื่อเขาจะไปหาเธอก็จะคอยปัดว่าไม่ว่างตลอดทุกอย่างที่เขาอดทนได้ก็เพราะหญิงสาวบอกว่าเมื่อเธอเรียนจบเมื่อไรก็พร้อมจะเปิดตัวและจะแต่งงานกันทันทีแต่เธอก็เสียชีวิตเสียก่อน“คุณโอเคแล้วใช่ไหม”แพรวานั่งปลอบชายหนุ่มอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นว่าเขานั้นสงบลงแล้วเธอจึงค่อยโล่งใจจะได้คุยอะไรๆให้รู้เรื่องเสียที“ผมขอโทษคุณจริงๆ...จะให้ผมไถ่โทษให้คุณยังไงผมก็ยอม”ตอนนี้ภูดิษฐ์นั้นรู้สึกผิดกับหญิงสาวอย่างที่เขาก็ไม่ให้อภัยตัวเองเขาพร้อมทุกอย่างที่จะรับโทษทุกอย่างที่หญิงสาวต้องการเพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอมันมากเกินไปจริงๆ“ยังดีที่คุณยังขอโทษ...เรื่องที่เกิดขึ้นแพรยอมรับว่าแพรทั้งโกรธทั้งเกลียดคุณมากแต่ตอนนี้แพรยังไปที่ไหนไม่ได้เพราะถ้าแพรอยู่ที่นี่แพรคิดว่าแพรจะปลอดภัย”แพรวาคิดว่ายังดีที่ชายห
1 อาทิตย์ต่อมาบริษัทXXX“เรียบร้อยแล้วครับคุณไทม์”ชัชวาลยื่นเอกสารหลักฐานการตรวจสอบบัญชีเข้าออกทั้งหมดให้กับทิวาเพราะว่าทิวานั้นสั่งให้เขาจัดการเรื่องนี้แบบเงียบๆเพื่อไม่ให้ตัวการที่ทำให้บัญชีผิดปกติได้รู้ก่อนที่เขานั้นจะรู้ว่าใครทำผิด“น้องแพรเป็นยังไงบ้าง”ทิวารับเอกสารจากชัชวาลพร้อมวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขาก่อนเขาอยากรู้ว่าตอนนี้น้องสาวของเขาเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ให้ชัชวาลส่งคนไปดูแลเรื่องนี้“อืมม..จากคนที่ผมส่งเข้าไปดูในไร่เป็นครั้งคราวก็เห็นว่าคุณแพรใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นปกตินะครับมีตอนแรกๆที่เธอไปทำสวนมาบ้างจากการที่คนของผมสอบถามคนงานที่นั่นก็ได้ความว่าคุณแพรเธออยู่ที่นั่นในฐานะคนงานคนหนึ่งแต่พักหลังมานี้เธอก็ไม่ได้ทำงานแล้วนะครับเพียงแต่ย้ายบ้านมาอยู่ที่ท้ายไร่ใช้ชีวิตปกติ”ชัชวาลก็ให้คำตอบเจ้านายของเขาได้ตามที่ลูกน้องของเขารายงานมาเพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้จัดการด้วยตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวละเอียดมากนักที่เขาไม่ได้จัดการด้วยตัวเองก็เพราะว่าช่วงนี้เขามัวยุ่งวุ่นอยู่แต่งานในบริษัทที่มันมีปัญหาใหญ่เรื่องการเงินเข้ามา“นายรู้มัยว่าน้องแพรกำลังเล่นอะไรอยู่”หลังจากที่ได้รับรายงา