“หืมม...คุณธีเนี่ยนะคะโดนแม่บังคับสมัยนี้ยังจะบังคับกันอีกเหรอคะ”
ลีลาวดีได้ฟังเช่นนั้นก็ลดอารมณ์อ่อนลงเธอเองก็พึ่งเคยเจอผู้ชายที่ถูกแม่บังคับนี่แหละปกติเคยได้ยินแต่ผู้หญิงถูกบังคับแต่มันก็น้อยมากๆแล้วในสมัยนี้เพราะหลายครอบครัวเขาก็หันมาเลี้ยงลูกแบบใหม่กันแล้ว
“ใช่สิ...ตอนนั้นผมผิดเองที่ไม่กล้าออกนอกกรอบแต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่านอกกรอบมันทำให้ผมเป็นตัวเองมากแค่ไหน”
ธีภพยอมรับว่าเมื่อก่อนเขาเป็นเด็กที่อยู่ในกรอบตั้งแต่เด็กจนโตด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างที่แม่ของเขาชอบบังคับมันทำให้เขาอึดอัดหัวใจอย่างมากจนหลังจากที่เขาถอนหมั้นกับทอฝันเขาคิดว่าควรที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองเพราะว่าเขานั้นไม่อยากจะอึดอัดแบบนี้ต่อไปและอยากจะเป็นตัวของตัวเองตอนนี้เขาก็ออกมาอยู่ตัวคนเดียวได้นานแล้วด้วยอีกอย่างก็ลงทุนทำธุรกิจทุกอย่างด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเองโดยที่ไม่สนสมบัติของพ่อและแม่ของเขาที่สร้างเอาไว้ให้
“ตอนนี้คุณธีก็เป็นคนหัวแข็งแล้วสิคะ”
“คนหัวแข็ง???”
“ใช่ค่ะป้าดวงบอกว่าคนที่ไม่ฟังคำสั่งสอนของผู้ใหญ่คือคนหัวดื้อหัวแข็งค่ะ”
ลีลาวดีเห็นชายหนุ่มทำสีหน้างงก็คิดว่าชายหนุ่มนั้นคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอพูดแน่เลยจึงอธิบายให้ฟังว่าเธอนั้นไปได้คำนี้มาจากไหนและแปลว่าอะไร
“5555เธอก็ช่างหาคำเปรียบเทียบนะ...เชื่อฟังผู้ใหญ่มันเป็นเรื่องที่ดีแต่ก็ต้องดูว่าเรื่องไหนทำได้เรื่องไหนทำไม่ได้”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหญิงสาวก็ทำเอาชายหนุ่มนั้นหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดีพร้อมบอกกับเธอให้เข้าใจเสียใหม่ว่าเขานั้นไม่ได้เป็นคนหัวแข็งแต่เขานั้นเลือกที่จะทำในส่งที่ควรทำต่างหากแต่จะว่าไปเขาก็แอบมีค้ากับสิ่งที่หญิงสาวบอกเหมือนกัน
“แล้วอีกกี่ปีถึงเรียนจบ”
ธีภพรู้สึกว่าการได้คุยกับลีลาวดีนั้นทำให้เขาได้อารมณ์ดีขึ้นเยอะอีกอย่างเขาเห็นเธอทำงานพารทไทม์แบบนี้ก็อยากจะรู้ว่าอีกกี่ปีเธอถึงจะเรียนจบเพราะเผื่อว่าเธอใกล้จะเรียนจบแล้วเขาจะได้ช่วยหางานให้เธอ
“อีกสองปีค่ะ”
ลีลาวดีหันมาตอบชายหนุ่มพร้อมชูสองนิ้วอย่างอารมณ์ดีเธอได้พูดถึงเรื่องเรียนว่าอีกแค่สองปีจบทำไรเธอก็ชื่นใจทุกทีว่าอีกแค่สองปีเท่านั้นเธอก็จะจบแล้ว
“อืม...ตั้งใจเรียนล่ะ”
ธีภพพยักหน้ารับรู้แสดงว่าหญิงสาวก็น่าจะอายุประมาณยี่สิบพร้อมบอกให้เธอนั้นตั้งใจเรียน
“ลีก็ตั้งใจอยู่ค่ะแต่ลีมันเป็นเด็กเข้าใจยากค่ะ...แบบโง่ๆหน่อยอ่ะค่ะแล้วคุณธีเรียนจบมากี่ปีแล้วคะบอกหน่อยได้ไหมคะว่าก่อนจบมันจะเรียนยากกว่านี้ไหมเพราะขนาดลีอยู่แค่ปีสองยังปวดหัวจะระเบิดเลยค่ะ”
ลีลาวดีเองดีใจที่อีกสองปีจะจบแต่เธอก็อดบ่นไม่ได้ว่าการที่จะจบนั้นมันไม่ได้ง่ายสำหรับเธอเลยเพราะหัวสมองเธอมันไม่ค่อยจะเข้าใจอะไรง่ายๆสักเท่าไรคณะที่เธอเรียนก็ยากเสียด้วยเธออยากเก่งก็เลยเลือกบริหารธุรกิจเธอเคยได้ยินคนพูดมาว่าหากจบจากสาขานี้แล้วไปทำงานจะได้เงินดีเธอเลยเลือกถ้าย้อนกลับไปได้เธอก็จะเลือกอะไรที่มันง่ายกว่านี้พร้อมทั้งยังถามชายหนุ่มอีกว่าเขานั้นเรียนจบมากี่ปีแล้วเพราะว่าเธอนั้นอยากจะขอคำปรึกษาในด้านการเรียนบ้างเพราะชายหนุ่มเป็นถึงเจ้าของธุรกิจก็คงจะเก่งน่าดู
“อืมม...หลังจากที่จบโทมาก็ประมาณสิบสี่ปีได้นะ”
“ห๊ะ...นี่คุณธีอายุเท่าไรคะเนี่ย”
ลีลาวดีถึงกับตกใจในจำนวนปีที่ชายหนุ่มเป็นคนบอกกับเธอว่าเขานั้นจบมากี่ปีพร้อมถามคนตรงหน้าให้หายคาใจว่าเขานั้นอายุกี่ปี
“สามสิบแปด”
ชายหนุ่มหันมาบอกอายุกับหญิงสาวหน้าตาเฉยแต่คนที่ค่อยๆยื่นหน้ามามองใบหน้าของเขาแปลกๆก็เป็นหญิงสาวนี่แหละ
“จริงเหรอคะ....ทำไมคุณธีหน้าเด็กจังเลยคะ...รูขุมขนก็ไม่กว้างเท่าไร...ฮั่นแน่..พึ่งโบท็อคมาใช่ไหมคะ”
ลีลาวดีจ้องมองใบหน้าหล่อใสมีไรหนวดเล็กๆของเขาเธอก็รู้สึกทึ่งที่ผู้ชายอายุ38แล้วยังดูเด็กและหล่อเหลาอยู่มากพร้อมทั้งยกมือชี้ไปที่ใบหน้าน้าชายหนุ่มพร้อมอมยิ้มกล่าวหาว่าเขาคงจะพึ่งโบท็อคมาเป็นแน่
“อย่ามายุ่งกับหน้าผมเลย...เข้าเรื่องเรียนกันดีกว่าถ้าคุณสมองไม่ดีขอแค่คุณเปิดใจที่จะเรียนรู้ตื่นเต้นที่จะได้เรียนรู้เรื่องใหม่ๆอย่าเอาคำว่าเบื่อคำว่าขี้เกียจมาใส่สมองแค่นี้ก็เข้าใจอะไรง่ายๆแล้วลองทำดู”
ธีภพต้องรีบเอี้ยวตัวหนีหญิงสาวที่ยื่นหน้ามาใกล้เขาจนดวงตากลมโตของเธอคู่นั้นสะกดเขาไปครู่หนึ่งเขาใช้มือจับใบหน้าของเธอให้ออกห่างจากเขาพร้อมบอกให้คุยถึงเรื่องเรียนของเธอจะดีกว่าพร้อมให้คำแนะนำกับหญิงสาวเรื่องเรียนเป็นทริคง่ายๆที่เขาเคยใช้แล้วได้ผลทุกวันนี้เขาก็เอาทริคแบบนี้มาปรับใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ด้วย
“อืมม...ลีจะลองดูนะคะ”
ลีลาวดีนั่งยิ้มตาหยีเธอขยับปากมากไม่ได้เอก็ใช้ตาส่งยิ้มให้เขาแทนก็แล้วกันที่ช่วยแนะนำอะไรดีๆให้คนสมองช้าอย่างเธอ
“ตาธี”
“คุณแม่”
ธีภพที่กำลังนั่งคุยอยู่กับหญิงสาวอย่างอารมณ์ดีเขาก็ต้องหุบยิ้มทันทีเพราะจำได้ว่าเสียงเรียกชื่อเขานั้นเป็นเสียงของใคร
“กลับมาจากญี่ปุ่นทำไมไม่บอกแม่นี่ถ้าหนูวีไม่บอกแม่ก็คงจะไม่รู้...”
นาราเดินออกมาจากรถตู้คันหรูพร้อมตรงมาหาลูกชายของเธอทันทีหญิงวัยหกสิบแต่ยังดูสวยส่าแข็งแรงเดินตรงมาหาลูกชายของเธอพร้อมต่อว่าทันทีว่าเขานั้นไม่ยอมบอกกับครอบครัวว่ากลับมาที่ไทยแล้ว
“ผมพึ่งกลับมานี่ครับพรุ่งนี้ก็ว่าจะเข้าไปที่บ้าน”
ธีภพรู้ตัวการที่ทำให้แม่เขานั้นมาโวยใส่เขาแล้วเธอเป็นเลขาที่แม่ของเขานั้นจัดหามาให้เขาเองเพราะว่าอยากจะจับคู่ให้พร้อมบอกกับคนเป็นแม่ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจที่จะไม่บอกแต่เขาพึ่งมาถึง
“พูดแบบนี้แสดงว่าจะไม่กลับไปอยู่บ้านเราใช่ไหมไม่ได้นะแม่ปล่อยแกมามากพอแล้วยังไงแกก็ต้องกลับไปอยู่ที่บ้าน”
นาราได้ยินคำที่ลูกชายของเธอพูดก็รู้ทันทีว่าธีภพนั้นคงอยู่บ้านที่ตัวเองซื้อเช่นเคยแต่ครั้งนี้เธอจะไม่ยอมอีกต่อไปแล้วเพราะเธอยอมปล่อยลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอให้อยู่นอกกรอบนานพอแล้ว
“ผมจะสี่สิบแล้วนะครับคุณแม่เลิกเจ้ากี้เจ้าการกับชีวิตผมซะทีได้ไหม...ส่งน้องวีมาเป็นเลขาผมผมก็ยอมแล้วคุณแม่จะเอาอะไรอีก”ธีภพรู้สึกขำกับชีวิตตัวเองที่อายุปูนนี้แล้วคนเป็นแม่ของเขาก็ไม่ยักจะเห็นเลิกบังคับเขาเสียทีการที่เขาไปต่างประเทศบ่อยๆก็เพราะบ้านของเขมันสร้างความสุขให้เขาไม่ได้นั่นเองขนาดเขามีกิจการส่วนตัวแล้วคุณแม่ของเขาก็ยังไม่วายมาแทรกแซงบางเรื่องอีกด้วย“ทำไมป้าต้องบังคับคุณธีด้วยล่ะคะ...ใครเค้าอยากจะอยู่กับแม่ใจร้ายที่ชอบบังคับกันเล่า”ลีลาวดีเห็นว่าผู้หญิงที่เป็นแม่ของธีภพเป็นคนที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลยคราแรกที่เธอได้ฟังธีภพเล่าให้ฟังว่าแม่เป็นคนชอบบังคับเธอก็ไม่คิดว่าจะขนาดนี้ด้วยความเป็นคนรักความถูกต้องและสงสารชายหนุ่มจึงช่วยชายหนุ่มพูดอีกแรงให้แม่ของเขาได้คิดว่าไม่มีใครอยากจะอยู่กับคนที่ชอบบังคับเด็กยี่สิบอย่างเธอยังคิดได้เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ของธีภพคิดไม่ได้กัน“นี่เธอ...นังเด็กนี่ใครเดี๋ยวนี้แกคบกับเด็กเหลือขอพวกนี้ด้วยเหรอ”นาราหันไปหาเด็กสาวที่ท่าทางยังเรียนไม่จบแถมยังดูกะโปโลไม่น่ารู้จักกับลุกชายของเธอได้เธอชี้หน้าเด็ที่กล้าต่อว่าเธอเมื่อครู่พร้อมถามลูกชายของเธอว่าไปคบ
“เดี๋ยวคุณพักห้องข้างๆผมก็แล้วกันพรุ่งนี้เช้าเดี๋ยวผมไปส่งที่บ้านคุณจะได้ไปเรียนทัน..คุณหิวไหมที่บ้านผมน่าจะมีบะหมี่อยู่ในตู้ไม่มีของสดเพราะผมพึ่งกลับมา”ธีภพวางเสื้อสูทของเขาลงที่โซฟาพร้อมชี้ไปที่ห้องของหญิงสาวให้เธอได้พักตอนนี้เขารู้ว่าหญิงสาวน่าจะหิวเพราะพึ่งจะเลิกงานเขาเองก็ลืมคิดที่จะซื้ออะไรจากร้านสะดวกซื้อเข้ามาด้วยแต่จำได้ว่าในครัวมีอาหารแห้งอยู่บ้างจึงถามเธอว่าหิวหรือเปล่าเขาจะได้ทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่ดีจัดการให้พร้อมเดินเข้ามาในครัวโดยมีหญิงสาวเดินตามมาด้วย“ได้บะหมี่สักซองก็คงดีค่ะ...เดี๋ยวพรุ่งนี้ลีกลับเองก็ได้ค่ะไม่มีเรียนอีกอย่างลีจะต้องไปรับป้าดวงกลับจากโรงพยาบาลด้วย”ลีลาวดีเดินตามชายหนุ่มเข้ามาในครัวพร้อมนั่งลงที่โต๊ะทานข้าวรู้สึกขอบคุณที่ชายหนุ่มยังเป็นห่วงคนที่พึ่งรู้จักอย่างเธอพร้อมบอกกับเขาว่าเธอกลับเองได้เพราะพรุ่งนี้ไม่มีเรียนเลยไม่ต้องรีบแค่จะต้องไปรับป้าเธอที่โรงพยาบาลช่วงบ่ายเท่านั้นเอง“แล้วป้าคุณยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ”ธีภพเองไดยินหญิงสาวพูดถึงป้าที่นอนโรงพยาบาลเขาก็ยังสงสัยว่าป้าของเธอยังไม่หายดีอีกหรืออย่างไร“อืม..ก็ดีขึ้นมากแล้วนะคะแต่ก็ต้องไปหาหมอบ่อยๆเพราะ
“ผมต้องการใช้เงินแล้วถ้าคุณไม่หามาให้ผมล่ะก็....อย่าต้องให้ผมตั้งใช้วิธีบังคับเลย”นภดลเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทีปฏิเสธเขาเองก็ต้องคำขู่บังคับเธอเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการเพราะเขารู้ว่าคำขู่ของเขามันทำให้หญิงสาวต้องหาทางหาเงินมาให้เขาจนได้เป็นแน่“อีกสองวันฉันจะโอนให้คุณกลับไปได้แล้ว”บุษบาหันมองค้อนใส่ชายหนุ่มอย่างเคียดแค้นเธอค่อยๆปรับอารมณ์โกรธให้ลดลงพร้อมทั้งบอกกับชายหนุ่มว่าเธอจะพยายามหามาให้แต่ขอเวลาเธอสองวันเท่านั้นพร้อมบอกให้เขานั้นกลับไปได้แล้วเพราะตอนนี้เธอไม่อยากจะมองหน้าเขาสักเท่าไร“หึ่...แกคงอยู่ขูดเลือดขูดเนื้อฉันไม่นานหรอก”เมื่อชายหนุ่มออกไปแล้วบุษบาเองก็ต้องหาอะไรมาดื่มเพื่อแก้เครียดเธอแค่รอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้นหากเรื่องราวมันเป็นไปตามที่เธอวางเอาไว้ไม่นานนี้เธอก็คงได้กำจัดเหลือบไรอย่างนภดลออกไปจากชีวิตได้เสียทีและเรื่องที่เธอเคร่งเครียดอยู่ตอนนี้ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างทอฝันกับทิวาตอนนี้เธอมีอะไรยุ่งๆให้สะสางมากมายตอนนี้เธอจะปล่อยให้ทั้งคู่ได้อยู่กันอย่างสงบไปก่อนเมื่อถึงเวลาเธอจะกำจัดหญิงสาวออกไปจากชีวิตชายหนุ่มแน่นอนไร่ภูตะวันหลายวันแล้วที่แพรวาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตอนน
วันนี้เขาพึ่งจะเคลียงานทุกอย่างเสร็จก็มีดื่มสังสรรค์กับพวกลูกน้องตามประสาแต่วันนี้เขาดื่มหนักไปหน่อยเท่านั้นเอง“คุณไม่ใช่ผัวแพร...ออกไปไกลๆเลยนะเหม็น”จากน้ำเสียงที่มึนเมาและหยาบคายของชายหนุ่มทำให้แพรวายนั้นจำต้องไล่เขาออกไปให้ไกลๆตัวของเธอเพราะเธอไม่ค่อยชอบกลิ่นแอลกอฮอลล์เท่าไร“ไม่ไป”ภูดิษฐ์กระโดขึ้นมาบนเตียงนุ่มของหญิงสาวพร้อมแทรกตัวลงใต้ผ้าห่มที่คลุมตัวของเธออยู่อย่างรวดเร็ว“นี่คุณ...อื้ออ”แพรวาพยายามดันตัวชายหนุ่มที่น่าจะกำลังเมาไม่ได้สติออกจากตัวของเธอแต่ก็โดนเข้าจู่โจมล่วงล้ำเธอมาเสียก่อนริมฝีปากหนาคลอบคลุมริมฝีปากบางอย่างรวดเร็วพร้อมฉกชิมความหวานให้เอได้เคลิบเคลิ้มอย่างง่ายดายชุดนอนของเธอที่มันบางแทบจะเหมือนไม่ได้ใส่เพราะเขาจงใจซื้อให้เธอใส่แบบนี้ได้ถูกถกขึ้นมาสูงเหนือเนินเต้างามสองเต้า“อืมม”“อื้ออ..”เสียงหายใจหอบกระเส่าของชายหนุ่มนั้นแรงขึ้นเรื่อยๆเพราะอารมณ์ที่พลุ่งพล่านเขารีบจัดการกับเสื้อผ้าของเขาอย่างรวดเร็วเมื่อแท่งร้อนพร้อมเต็มที่เขาก็จัดการกดมันเข้าไปในช่องทางรักอันคับแคบบดเบียดไปในคราเดียวจนหญิงสาวนั้นต้องครางในลำคอระบายความเจ็บเล็บมือก็จิกไปที่หลังของเขาอย่างค
“มาทำอะไรตรงนี้”“เอ่อ...แพรแค่มาเดินเล่นค่ะ..”แพรวาตกใจจนสะดุ้งเฮือกเพราะเธอมัวแต่มองหานิดหน่อยอย่างใจจดใจจ่อจึงไม่ทันได้สังเกตว่าชายหนุ่มนั้นกำลังเดินเข้ามาหาเธอด้วยความที่ไม่อยากให้ชายหนุ่มสงสัยเธอจึงตอบกับเขาไปว่าเธอเพียงแค่ออกมาเดินเล่นเท่านั้น“ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณกลับบ้านกันก่อนเถอะ”ภูดิษฐ์บอกหญิงสาวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมเดินไปขึ้นรถโดยมีหญิงสาวนั้นเดินตามไปแต่โดยดีเพราะเธอเองก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเจ้าของไร่ที่นี่มาหาเธอถึงที่พักขี้เกียจถูกมองไม่ดี“คุณมีเรื่องอะไรจะคุยกับแพรคะ”เมื่อมาถึงบ้านแล้วแพรวาก็เริ่มเปิดประเด็นถามถึงเรื่องที่ชายหนุ่มบอกว่ามีเรื่องที่จะคุยกับเธอทันทีเพราะเธอก็ไม่ได้อยากให้เขาอยู่ที่นี่นานเท่าไรถ้าเป็นไปได้“คุณรู้...ว่าผมไม่ใช่พ่อของลูกในท้องพิมใช่หรือเปล่า”ภูดิษฐ์หันมาถามหญิงสาวเสียงสั่นเครือตอนนี้หน้าของเขาแดงกล่ำน้ำตาคลอและมีสายตาที่เศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด“แพรพยายามบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วแต่คุณก็ไม่ฟังแพรเห็นว่ามันไม่มีประโยชน์คนที่มันมีทิฐิบดบังยู่ในใจใครพูดอะไรก็ไม่เชื่อทั้งนั้นแหละค่ะ”แพรวารู้สึกอึ้งเล็กน้อยกับคำถามของชายหนุ่มไม่ใช่ว่าเธอ
ชายหนุ่มเองก็ไม่ได้เอะใจอะไรที่หญิงสาวไม่อยากเปิดตัวเพราะเขาคิดว่าเธอคงไม่อยากจะเป็นขี้ปากของใครตั้งแต่ที่หญิงสาวเข้ามหาวิทยาลัยดังในกรุงเทพเจ้าหล่อนก็ไม่ค่อยได้กลับมาหาเขาเท่าไรนักนอกจากจะโทรมาขอโน่นขอนี่อยู่เรื่อยยิ่งสองปีหลังที่ใกล้จะเรียนจบเธอไม่กลับมาหาเขาเลยก็ว่าได้อ้างว่าติดเรียนหรืออ่านหนังสือหนักจนไม่มีเวลาและเมื่อเขาจะไปหาเธอก็จะคอยปัดว่าไม่ว่างตลอดทุกอย่างที่เขาอดทนได้ก็เพราะหญิงสาวบอกว่าเมื่อเธอเรียนจบเมื่อไรก็พร้อมจะเปิดตัวและจะแต่งงานกันทันทีแต่เธอก็เสียชีวิตเสียก่อน“คุณโอเคแล้วใช่ไหม”แพรวานั่งปลอบชายหนุ่มอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นว่าเขานั้นสงบลงแล้วเธอจึงค่อยโล่งใจจะได้คุยอะไรๆให้รู้เรื่องเสียที“ผมขอโทษคุณจริงๆ...จะให้ผมไถ่โทษให้คุณยังไงผมก็ยอม”ตอนนี้ภูดิษฐ์นั้นรู้สึกผิดกับหญิงสาวอย่างที่เขาก็ไม่ให้อภัยตัวเองเขาพร้อมทุกอย่างที่จะรับโทษทุกอย่างที่หญิงสาวต้องการเพราะสิ่งที่เขาทำกับเธอมันมากเกินไปจริงๆ“ยังดีที่คุณยังขอโทษ...เรื่องที่เกิดขึ้นแพรยอมรับว่าแพรทั้งโกรธทั้งเกลียดคุณมากแต่ตอนนี้แพรยังไปที่ไหนไม่ได้เพราะถ้าแพรอยู่ที่นี่แพรคิดว่าแพรจะปลอดภัย”แพรวาคิดว่ายังดีที่ชายห
1 อาทิตย์ต่อมาบริษัทXXX“เรียบร้อยแล้วครับคุณไทม์”ชัชวาลยื่นเอกสารหลักฐานการตรวจสอบบัญชีเข้าออกทั้งหมดให้กับทิวาเพราะว่าทิวานั้นสั่งให้เขาจัดการเรื่องนี้แบบเงียบๆเพื่อไม่ให้ตัวการที่ทำให้บัญชีผิดปกติได้รู้ก่อนที่เขานั้นจะรู้ว่าใครทำผิด“น้องแพรเป็นยังไงบ้าง”ทิวารับเอกสารจากชัชวาลพร้อมวางไว้ที่โต๊ะทำงานของเขาก่อนเขาอยากรู้ว่าตอนนี้น้องสาวของเขาเป็นอย่างไรบ้างหลังจากที่ให้ชัชวาลส่งคนไปดูแลเรื่องนี้“อืมม..จากคนที่ผมส่งเข้าไปดูในไร่เป็นครั้งคราวก็เห็นว่าคุณแพรใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นปกตินะครับมีตอนแรกๆที่เธอไปทำสวนมาบ้างจากการที่คนของผมสอบถามคนงานที่นั่นก็ได้ความว่าคุณแพรเธออยู่ที่นั่นในฐานะคนงานคนหนึ่งแต่พักหลังมานี้เธอก็ไม่ได้ทำงานแล้วนะครับเพียงแต่ย้ายบ้านมาอยู่ที่ท้ายไร่ใช้ชีวิตปกติ”ชัชวาลก็ให้คำตอบเจ้านายของเขาได้ตามที่ลูกน้องของเขารายงานมาเพราะเรื่องนี้เขาก็ไม่ได้จัดการด้วยตัวเองก็ไม่ได้รู้เรื่องราวละเอียดมากนักที่เขาไม่ได้จัดการด้วยตัวเองก็เพราะว่าช่วงนี้เขามัวยุ่งวุ่นอยู่แต่งานในบริษัทที่มันมีปัญหาใหญ่เรื่องการเงินเข้ามา“นายรู้มัยว่าน้องแพรกำลังเล่นอะไรอยู่”หลังจากที่ได้รับรายงา
“ฝันอยากจะรู้ว่าฝันจะต้องอยู่ในสถานะนี้ถึงเมื่อไร”ทอฝันก้มหน้างุดพร้อมบอกถึงเรื่องที่เธออยากรู้กับชายหนุ่มทันทีเพราะตอนนี้เธอก็ไม่ต้องพึ่งเขาแล้วเธออยากจะรู้ว่าเธอจะได้อิสระเมื่อไร“เอ่อ...อุ้บบ..”จู่ๆทิวาก็รู้สึกโลกหมุนขึ้นมาทันทีเพราะกลิ่นอาหารที่หญิงสาวทำให้เขาชายหนุ่มรู้สึกคลื่นใส้จะอาเจียนเลยรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที“คุณไทม์เป็นอะไรคะ”ทอฝันตกใจในอาการของชายหนุ่มอย่างมากเธอเห็นเขาวิ่งเข้าไปอาเจียนในห้องน้ำจึงรีบวิ่งตามไปดูอาการของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมลูบหลังให้ชายหนุ่มอย่างเป็นห่วง“ให้ฝันตามหมอไหมคะ”ชายหนุ่มอาเจียนอยู่ครู่หนึ่งหญิงสาวจึงพาเขามานอนพักพร้อมหายาดมมาให้เขาดมเพื่อแก้วิงเวียนตอนนี้หญิงสาวสังเกตเห็นว่าหน้าของเขานั้นซีดมากเธอกลัวว่าอาการของเขาจะไม่ดีขึ้นจึงถามคนที่นอนอยู่บนเตียงว่าให้เธอตามหมอหรือไม่“ไม่ต้องแค่คุณอยู่ข้างๆผมก็พอ”ทิวาคิดว่าตัวเองมีอาการเครียดติดกันสะสมหลายวันจึงมีอาการเป็นแบบนี้เพราะเขาเคยเป็นแบบนี้มาก่อนเมื่อทำงานอยู่ที่ต่างประเทศแต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่าเขานั้นเป็นหนักกว่าทุกครั้งเขารู้ตัวเองดีว่าไม่ต้องถึงกับหาหมอเพราะเมื่อมีหญิงสาวอยู่ข้างๆเขาก็