“เย่จื่อหยางทำความเคารพ "ผู้บัญชาการ!" หลู่เซียงหรงโบกมือห้าม "คุณได้รับบาดเจ็บ ทำไมคุณถึงทักทายด้วยล่ะ พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วฉันจะมาถามสถานการณ์และบันทึกมันตามปกติ"
หลู่เซียงหรง และ เย่จื่อหยาง เป็นพี่น้องกันมานานกว่าสิบปี เขาอายุมากกว่าเย่จื่อหยางไม่กี่ปี เนื่องจากเขาเข้าร่วมกองทัพเร็วกว่า อย่างไรก็ตามทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก หลังจากที่รู้จักพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาเคยออกไปทำภารกิจด้วยและไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างมาก
หลู่เซียงหรง จดบันทึกอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย และถามขึ้นทันทีว่า
"นายแจ้งพ่อของฉันเกี่ยวกับขาที่หักของฉันหรือยัง?"
หลู่เซียงหรงหยุดเขียน เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "เขาไม่มาหานายเหรอ?" เมื่อมองอีกครั้งใบหน้าของ เย่จื่อหยางก็แสดงอารมณ์ผิดหวังเล็กน้อย และ หลู่เซียงหรง ก็เข้าใจทันที เขาตบไหล่เขาและปลอบโยน
"พ่อนาย เป็นเจ้านายของบริษัทใหญ่ เขาคงจะยุ่งมาก น่าจะมาหานายทีหลัง ฉันแจ้งนายพลเย่ด้วย และเขาก็บอกทางโทรศัพท์ว่าเขาจะมา”
นายพลเย่ที่หลู่เซียงหรงพูดถึงก็คือปู่ของ เย่จื่อหยางนั้นเอง เขาสวมชุดทหารมาครึ่งชีวิตและประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน ปีนี้เขาอายุเจ็ดสิบแล้วและร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าคนหนุ่มสาว เขาเกษียณไปไม่กี่ก่อน ก่อนองค์กรได้เลื่อนตำแหน่งให้เขา ในฐานะพลเรือเอก เขามีชื่อเสียงอย่างมากในกองทัพและได้รับความเคารพนับถืออย่างมาก
เย่จื่อหยางตอบกลับด้วย โอ้ และดึงสีหน้าที่ผิดหวังเมื่อครู่กลับมา และใบหน้าของเขาก็จริงจังและเย็นชาอีกครั้ง
"อย่าปลอบฉันเลย ฉันไม่สนใจว่าเขาจะมาหาฉันหรือป่าว นายคิดว่าฉันเสียใจกับเรื่องนี้ อ่า ไม่! ฉันไม่ได้เสียใจเลย!”
"ใช่ ใช่ ใช่ นายไม่เสียใจเลย" น้ำเสียงของหลู่เซียงหรงดูเหมือนปลอบเด็ก
หลู่เซียงหรงจดบันทึกต่อ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเย่จื่อหยางกลับมาเป็นปกติแล้ว พลางถอนหายใจ เขาเข้าใจว่าทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ แต่อาการทางใจก็ต้องการยาทางใจนิ
"พักผ่อนเยอะๆ ผู้บังคับบัญชาได้อนุมัติให้คุณ ลาพักร้อนสามเดือนจนกระทั่งเมื่อนายกลับเข้ากองทัพหลังจากอาการบาดเจ็บที่ขาหายแล้ว นายก็ควรจะลาพักร้อนให้สบายนะ มันแค่สามเดือนเท่านั้น! มันนานกว่าการพักร้อนของผู้บัญชาการของฉันซะอีก!"
“ขาของฉันหัก แล้วให้ฉันพักร้อนจะมีประโยชน์อะไรล่ะ นอนบนเตียงทุกวัน ทำให้ฉันหายใจไม่ออก! ถังซุนเจ้าเด็กคนนั้นล่ะอยู่ที่ไหน? ข้างนอกเหรอ ? ไปลากมันมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
เย่จื่อหยางแทนที่จะคิดถึงเรื่องยุ่งๆวุ่นวายเหล่านั้น เขากลับฉุดคิดถึงเพื่อนร่วมทีมสุดโง่เง่าอย่างถังซุนขึ้นมาทันที
“พอแล้วๆ หยุดตะโกนได้แล้ว นี่คือโรงพยาบาล ถังซุ่นรู้ว่านายย้ายมาห้องVIPแล้วก็รีบหนีไปเลย สามเดือนต่อจากนี้คิดว่านายคงไม่ได้เจอหน้าเจ้าเด็กนั้นแต่ฉันกลับไปจะลงโทษเขาแน่นอน! "
"ในที่สุดเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าต้องหนีไป แต่หนียังไงก็หนีไม่รอด รอให้ขาฉันหายดีก่อเถอะ จะเตะให้ตูดบวมกันไปข้าง!"
เพียงพอแล้วๆ ทำไมเริ่มสบถอีกละเนี๋ย หลู่เซียงหรงรู้ว่าเย่จื่อหยางเริ่มฟื้นตัวแล้ว หัวเราะอย่างชอบใจ และปิดแฟ้ม
"ฉันไปทำงานก่อน ถ้ามีธุระด่วนก็โทรหาฉันนะ "
กำลังจะเปิดประตู ประตูก็เปิดออกพอดี หลู่เซียงหรงทำความเคารพเมื่อเห็นใครบางคนมา
“สวัสดีครับ นายพลเย่!” เย่หูพยักหน้าและตอบกลับว่า
“ทำงานเสร็จแล้วเหรอ? ฉันมีเรื่องจะพูดกับหลานชายฉัน” หลังจากทำความเคารพอีกครั้ง หลู่เซียงหรงก็ออกจากห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
เย่จื่อหยาง รู้สึกประหลาดใจมากที่คุณปู่ของเขามาจริงๆ ไม่เพียงแต่คุณปู่มาคนเดียว แต่ยังรวมถึงคุณย่าด้วย อุบัติเหตุทางรถยนต์ของแม่ของเขาเมื่อปีที่แล้วเกือบจะทำให้ความสัมพันธ์ของทุกคนในครอบครัวถึงจุดแตกหัก
ดังนั้น เย่จื่อหยางจึงรู้สึกแปลกที่พวกเขามาเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล
“พ่อของแกยุ่ง แกก็รู้ เขาอาจจะไม่มีเวลามานะ ถ้าแกต้องการอะไรบอกฉันได้ ฉันให้คนจัดการให้” คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงทื่อๆและคุณย่าค่อยๆพับแขนเสื้อเขาขึ้น เย่จื่อหยางเหลือบมองพวกเขา "พวกคุณกลับไปเถอะ ผมอยู่เองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ"คุณปู่อารมณ์เสียเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงยกไม้ค้ำขึ้นตีที่ตัวและมือสองสามครั้ง อยากตีต่อแต่ถูกภรรยาห้ามไว้ “ตีอะไรของคุณ! มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันไม่ได้เหรอ? จื่อหยาง ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้ คุณปู่พูดอะไรแค่เออออไปด้วยก็พอแล้ว ทำไมต้องทำตัวต่อต้านกับท่านขนาดนั้น ” “แล้วพวกคุณมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมผมจริงๆเหรอ? ตอนที่ฉันถูกจับเป็นตัวประกันโดยเจ้าพ่อค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำที่ยูนหนาน ถูกพวกเขาทรมานจนแทบจะหมดลมหายใจ พวกคุณมาเยี่ยมหรือเปล่า? “น้ำเสียงของ เย่จื่อหยาง เต็มไปด้วยความดูถูก“ไอ้เด็กเวรนี่! วันนี้ฉันจะตีแกให้ตาย!” คุณปู่ยกไม้เท้าขึ้นสูงเหนือศีรษะ คาดว่าถ้าฟาดลงครั้งนี้อาจเจ็บจนตีลงครั้งจะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว คุณย่ารีบคว้าไม้เท้าออกจากมือ“ฉันทุบหลานจนตาย!” มาดูกันว่าใครจะสืบทอดตระกูลเย่ของคุณ!"หลังจากตะโกนแบบนี้ คุณป
ในมือขวาของเขาพิงไม้ค้ำยัน เฝือกที่ขาขวาของเขายังไม่ได้ถูกถอดออก เย่จื่อหยางเดินไปตามทางเดินด้วยความยากลำบากและกำลังจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหัวหน้ากองพลพิเศษ เขาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวว่องไว ไม่คิดว่าตอนนี้แค่เดินแต่ละก้าวยังยากลำบากเชื่องช้าเหมือนหอยทากแบบนี้ พยาบาลต้องการที่จะมาพยุงเขา แต่เขาผลักเธอออกไป ตอนนี้แค่เขาเดินยังต้องมีคนคอยพยุง ? เกียรติของลูกผู้ชายเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ห้องน้ำอยู่สุดทางเดิน ใกล้กับบันไดและทางเข้าลิฟต์ด้วย เมื่อเขาเดินไปที่ห้องน้ำประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที เย่จื่อหยาง เพียงเหลือบมองเพื่อดูว่าเป็นผู้ชายหรือผู้ชาย ผู้หญิง ใครจะรู้ว่าคน ๆ นั้นบังเอิญเป็นซ่งเสี่ยวเชียน !ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังทำธุระให้กับแพทย์ที่เป็นผู้นำการฝึกงานของเธอในวันนี้ เธอไปที่ชั้น 4 ของอาคารฟื้นฟูสมรรถภาพทหารเพื่อขอข้อมูลจากคุณหมอหลิว แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเย่จื่อหยางเมื่อประตูลิฟต์เปิด!ซ่งเสี่ยวเชียนเบิกตากว้าง ปากของเธอเปิดและปิดราวกับว่าเธอมีอะไรจะพูดมากมาย แต่เธอก็ไม่ส่งเสียง เย่จื่อหยางกลับสงบขึ้นมองเธอหัวจรอดปลายท้ายหนึ่งรอบ เธอ
"หัวเราะบ้าอะไรของคุณ! ใครเป็นภรรยาของคุณ? ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ! ฉันต้องการหย่ากับคุณ!" ความแรงที่เธอหยิกลงไปบนหน้าของเย่จื่อหยางแรงจนทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจึงไปหยิกที่คอของเขาแทน ความล้มเหลวในการต่อต้านของ เย่จื่อหยาง ไม่ได้เกิดจากการที่เขาไม่มีกำลังที่จะป้องกันตัว แต่เป็นเพราะ ซ่งเสี่ยวเชียนมาถึงก็ทับขาที่บาดเจ็บของเขาไว้ ตีตรงเฝือกน่าจะดีกว่า"ขา! มันเจ็บ! เจ็บเจ็บคุณฆ่าสามีของคุณเหรอไง!" ซ่งเสี่ยวเชียนรีบลุกขึ้น ทั้งงุดหงิดทั้งอารมณ์เสีย แต่ถ้ามันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง เธอเองก็คงจะรู้สึกผิดเล็กเช่นกัน"คุณก็เก็บขาคุณให้ดีๆซิ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!"เย่จื่อหยางกอดขาของเขาและจ้องมองเธอ ในที่สุดใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบในที่สุด"น่ารำคาญ ฉันจะพักผ่อน! รีบทำตามที่ฉันบอกเร็ว ๆ และอย่าลืมปิดประตูเมื่อคุณออกไปด้วย!""ฉันไม่ยอมย้ายมาอยู่กับคุณแน่! ฝันไปเถอะ!" ซ่งเสี่ยวเชียนหันหลังเดินออกไปและกระแทกประตูเสียงดังหลังจากนั้นเธอก็ลืมไปเลยว่าจะไปหาหมอหลิวเพื่อเอาเอกสารและเมื่อเธอกลับไปทำห้องศัลกรรมแพทย์เธอก็ถูกอาจารย์หมอตำหนิเธออีกครั้ง ซ่งเสี่
“พี่สะใภ้ ใจเย็นๆ หัวหน้ากลัวว่าคุณจะหาทางไม่เจอจึงบอกให้เราพาคุณกลับบ้าน คุณแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้ว” ทหารที่อยู่ตรงกลางแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้ซ่งเสี่ยวเชียน ซ่งเสี่ยวเชียนขยี้ตาเธอเพื่อที่เธอจะไม่โดนพวกมันหลอก! “ออกไป! ฉันจะไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้าทั้งนั้น! คิดว่าฉันโง่หรือไง!”“พี่สะใภ้งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ หวังว่าหลังจากนี้อย่าโกรธแค้นพวกเราเลยนะครับ พวกเราก็รับฟังคำสั่งของหัวหน้ามาด้วยเหมือนกัน” โบกมือ ทั้งสองคนด้านหลังประกบซ่งเสี่ยวเชียนทันที ก่อนที่ซ่งเสี่ยวเชียนจะมีเวลาต่อต้าน พวกเขาก็จับเธอได้ นำตัวออกจากห้อง และพร้อมที่จะลงไปชั้นล่าง"เฮ้! พวกคุณกำลังลักพาตัวฉัน ฉันอยากจะฟ้องพวกคุณ! ฟ้องคุณในศาลทหาร! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไร! ปล่อยฉันไป!" ซ่งเสี่ยวเชียนเตะเท้าของเธอขึ้นไปในอากาศ แต่ คนสองคนจับเธอไว้ มีพลังมหาศาล ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนพวกเขาก็จับเธอไว้แน่นโดยไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเลยทหารที่เหลืออยู่ในห้องกล่าวขอโทษพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนว่า "ขอโทษทั้งสองท่าน ในอนาคตหัวหน้าของเราจะมาอธิบายให้ทั้งสองท่านฟังด้วยตัวเอง ผมขอตัวก่อนครับ!" พ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนมองหน้าก
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนก็มองไปรอบ ๆ และจินตนาการว่าตัวเองเป็น เชอร์ล็อค โฮล์มส์ เพื่อดูว่าเธอจะหาลู่ทางที่จะหนีจากที่นี่ได้หรือไม่มีเสื้อเชิ้ตผู้ชายธรรมดาๆ เนคไท กางเกงยีนส์ สองสามตัว และชุดนอนสีเข้มสองสามตัวแขวนอยู่บนตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อเดินไปดูห้องหนังสือ ตู้หนังสือก็ล็อคทั้งหมด เปิดไม่ออก บนโต๊ะหนังสือมีคอมพิวเตอร์วางเอาไว้ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดมัน แต่ไม่มีอะไรในคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดดิสก์ก็ว่างเปล่าราวกับว่ามันถูกลบโดยใครบางคนมันดูผิดปกติเกินไป แม้ว่าจะไม่ได้ใช้มันเพื่อเก็บข้อมูลอะไร แต่ก็มักจะมีหน้าต่อไปบ้าง ประวัติดูหนังงี้ แต่นี่ไม่มีอะไรเลย ซ่งเสี่ยวเชียนสรุปว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ต้องถูกดัดแปลงและไม่สามารถเชื่อมต่ออะไรได้เลยเดินไปห้องน้ำดูอีกครั้ง มีแต่ของใช้สำหรับผู้ชายเหมือนเดิม หลังจากนั้น ไม่มีแล้ว ไปดูที่ห้องรับแขกก็ไม่มีอะไรเลย บ้านว่างทั้งหลังมีแต่ของจิปาถะกองพะเนินเท่านั้น หลังจากดูทั้งห้องแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกซะจากเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ หลังจากยุ่งเรื่องต่างๆเสร็จ ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อยและจำได้ว่า
หมุนที่จับประตูเบา ๆ และเสียงปัง ประตูก็เปิดออก หัวใจของซ่งเสี่ยวเชียนแทบจะกระออกมา ไม่คาดคิด ประตูถูกเธอเปิดออกอย่างง่ายดาย... เมื่อเปิดประตู เธอยื่นศีรษะออกไปเพื่อดูว่ามีใครคอยเฝ้าอยู่รอบๆ หรือไม่ ไม่มีแม้แต่เงา อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ป้าคนหนึ่งถือถุงขยะลงมาจากชั้นบนและมองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังแอบย่องไปรอบประตูอย่างน่าสงสัย อาคารนี้ไม่สูงมากมีเพียงชั้น 6ชั้น แม้ว่าจะมีลิฟต์ แต่ทุกคนเลือกที่จะเดินลงบันไดและทุกคนที่ขึ้นลงก็คุ้นเคยกับมันมาก ความลับๆล่อๆของ ซ่งเสี่ยวเชียนดึงดูดความสนใจของป้าได้อย่างสมบูรณ์ซ่งเสี่ยวเชียนปิดประตู เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของเธอเองอย่างรวดเร็ว สะพายกระเป๋า แล้ววิ่งหนีไปในสามวินาที เธอวิ่งตรงไปที่ถนนใหญ่ พบเจอกับค่ำคืนแห่ง "การลักพาตัวเฉียดตาย” เสี่ยวเชียนรู้สึกว่าความกล้าหาญของเธอได้เพิ่มขั้นอีกขั้นก่อนอื่นเธอต้องไปที่สถานีตำรวจ แล้วบอกว่ามีคนลักพาตัวเธอ! สารภาพความขมขื่น คนที่ลักพาตัวเธอยังเป็นทหารใส่ชุดลายพราง บ้านเราขาดระบบกฎหมายขนาดนี้เลยเหรอ! ? อย่าคิดว่าถ้าเธอไม่ได้กลับประเทศเป็นเวลาสิบปีแล้ว เธอจะถูกหลอกให้ไม่รู้กฎหมายของประเทศได้! เรื่องนี้ต
หลังจากที่ซ่งเสี่ยวเชียนพูดจบ เย่จื่อหยางก็เงียบไปสักพักแล้วพูดว่า "ซ่งเสี่ยวเชียน คุณเป็นคนไม่มีหัวคิดหรือเปล่า" "คุณยังกล้าด่าฉัน!?" ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากอยากจะรีบกระชากคอและตายไปพร้อมกับเขา แต่ใครจะรู้ เธอเดินเร็วเกินไปทำให้เท้าข้างหน้าขัดกับเท้าด้วย ตัวเธอเซล้มลงบนเตียงของเย่จื่อหยางทุกคนจ้องมองอย่างตกตะลึง ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังกระโจนใส่เย่จื่อหยาง เขาวางหนังสือลงจากมือ และภายในหนึ่งในสามวินาที ซ่งเสี่ยวเชียนก็ล้มลงบนร่างของเย่จื่อหยาง เขาคว้ามือของเธอและพยุงเธอไว้ แต่ริมผีปากของพวกเขากลับสัมผัสกันแล้วเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปสักพัก และทุกคนก็จ้องมองพวกเขาสองคนที่กำลังจูบกันในท่านี้อย่างอึ้งๆ ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วก็มีเสียงกรีดร้องเสียบหูของผู้หญิงคนหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนคิดในใจว่า ฉันยังไม่ร้องเลย ใครหน้าไหนมีสิทธิ์มากรีดร้อง "แก! แก! ยัยผู้หญิงลามก ลุกขึ้นจากตัวพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี่!"เสียงหวานป่นเลี่ยนทำให้ ซ่งเสี่ยวเชียนขนลุกไปทั้งตัว แต่เธอลืมไปว่าริมฝีปากของเธอยังคงสัมผัสอยู่กับเย่จื่อหยาง เขาควบคุมสติแล้วใช้แขนพยุงให้เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า"คุณจะจูบอีกนานไ
“พี่เย่ คุณปู่บอกว่าพี่เข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงจึงกลับมาหาพี่จริงๆ แล้วยังมาหาว่าฉันมาก่อเรื่องให้พี่อีก? พี่ หรือว่าพี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?” เย่จื่อซินเปลี่ยนจากผู้หญิงชั่วร้ายอำมหิต กลายเป็นลูกแมวน้อยในทันที ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับพบกลืนน้ำลายอีกครั้ง แม้ว่านิสัยจะรุนแรงไปบ้าง แต่ว่าสิ่งสำคัญคือหน้าตาอ่า สวยสุดๆ ซ่งเสี่ยวเชียนซึ่งแอบฟังอยู่ข้างนอกประตูเช็ดปากของเธอและมีอาการขนลุกไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่มีเด็กผู้หญิงเช่นนี้ “เข้าใจแล้ว ทีนี้ก็เห็นแล้ว ฉันไม่เป็นอะไร พักผ่อนเดือนกว่าๆ ก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้ว เธอกลับไปได้แล้ว”“พี่เดินยังต้องใช้ไม้เท้านะ! นิคือไม่เป็นอะไรแบบนี้ทำอะไรก็ไม่สะดวก ให้ฉันอยู่ดูแลพี่เถอะ ฉันพยุงพี่เข้าห้องน้ำได้ ยังช่วยพี่อาบน้ำได้ด้วยนะ” เย่จื่อซินยิ้มด้วยสีหน้าทะเล้น ผู้เห็นเหตุการณ์กลืนน้ำลายอีกครั้ง แกล้งชี้แขนชี้ขาของพวกเขา “คนสวย ฉันก็บาดเจ็บเหมือนกัน คุณช่วยดูแลฉันด้วยได้ไหม” “ไม่จำเป็นหรอก มีพี่สะใภ้ของเธออยู่ที่นี่ เธอเป็นหมอ เธอสามารถดูแลพี่ได้ดีกว่าเธอ” เย่จื่อหยางมองผ่านรอยแยกของประตู เขารู้ว่าใครกำลังแอบฟ
เย่จื่อหยางก็เอากล่องที่บรรจุยาบํารุงที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาคืนให้ซ่งเสี่ยวเชียน "ไม่จําเป็น" "ทําไมถึงไม่จําเป็นล่ะ คุณจะกลับบ้านมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้" ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ"ฉันบอกว่าไม่จําเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ เขามองปราดเดียวก็มองออก" เย่จื่อหยางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีก ทําท่าทางเหมือนเธอให้ฉันทําอะไรฉันก็ไม่ทํา ซ่งเสี่ยวเชียนตะโกนว่า "คุณอยากคืนดีกับคุณพ่อของคุณหรือเปล่า ถ้าคิด คุณก็ต้องลงมือทํา อย่าเอาแต่พูดเฉย ๆ ไม่ได้นะ" จิ้มหน้าอกของเย่จื่อหยาง "คุณเป็นทหาร แน่นอนว่าต้องรู้ว่าการกระทําเป็นพื้นฐานของการทําภารกิจทั้งหมดให้สําเร็จ"เย่จื่อหยางก็มหน้ามองเธอและคิดในใจว่าเขาจะคืนดีกับพ่อของเขาหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?ดูเหมือนเธอจะซีเรียสกว่าเขาอีกเขาถอนหายใจ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการได้คืนดีกับคุณพ่อก็เป็นการแก็ปัญหาที่เขากังวลมานานได้จริง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและลูบหัวของซ่งเสี่ยวเชียน "ทํา เพียงแต่ว
เธอกอดหมอนและยิ้มอย่างพอใจ เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเจอใครที่เก่งขนาดนี้มาก่อน สามารถปกป้องเธอและขจัดวิกฤตให้เธอได้ทันทีในเวลาฉุกเฉิน ราวกับว่าจู่ๆ กำแพงทึบก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเธอ จะปกป้องเธอตลอดเวลาต่อจากนี้ไป ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยซ่งเสี่ยวเชียนเชื่อ ในอนาคต ตราบใดที่มีเย่จื่อหยางอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อฟ้าถล่มยังมีเขาคอยอยู่ข้างๆไม่ใช่หรอเย่จื่อหยางเขียนรายงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงไฟสีเหลืองเข้มดวงเดียวที่เปิดอยู่ ฝาหลังของรีโมทกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมถ่าน เขาหยิบขึ้นมาและวางไว้ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่นอนอยู่บนโซฟาลืมตาก็ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "มีเรื่องอะไรหรอ ทําไมดูมีความสุขขนาดนี้""ไม่มีนิ ฉันก็แค่ดีใจ" ซ่งเสี่ยวเชียนลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่จื่อหยางยิ้มให้เขา แล้วทันใดนั้นก็กระพริบตาให้เขา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ทําให้เย่จื่อหยางเดาไม่ออก กําลังจะถามว่าทําไมถึงยิ้ม ทันใดนั้นซ่งเสี่ยวเชียนก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังเย่
คิดถึงเด็กคนหนึ่งที่อายุ 15-16 ปี เร่ร่อนอยู่กับพวกเขามา 4-5 ปี เพื่อขอทานทุกที่ และเงินที่ขอมามอบให้กับหัวหน้าแก๊งนั้น รับรองว่าทุกคนจะได้กินอาหารไม่อั้นสิ่งที่ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนเจ็บปวดมากกว่าเดิมคือเด็กคนที่ตาบอดทั้งสองข้าง เขาไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบ เขาถูกจับโดยคนของแก๊งและจากพ่อแม่ไปตั้งแต่นั้นมา คนเหล่านั้นล้างสมองเขาเพื่อให้เขาได้รับเงินมากขึ้น ทําให้เขาคิดว่าการช่วยพวกเขาขอเงินมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีคนเหล่านั้นใช้เหล็กแทงเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองไม่เห็นและคนเหล่านั้นสอนเขาวิธีการแยกแยะขนาดของธนบัตรด้วยมือของเขาและติดตามพวกเขามานานหลายปี และความสามารถในการแยกแยะเงินด้วยมือของเขานั้นมีความชำนาญมากและไม่เคยพลาดเลยซ่งเสี่ยวเชียนก็คิดว่าตอนนั้นเธอให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งร้อยหยวน เขาก็สัมผัสไปหลายครั้ง ปากก็ยิ้ม แล้วบอกว่าวันนี้เขาเลิกงานได้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะถูกล้างสมองโดยคนเหล่านั้นจริง ๆ และจะไม่อดตายเพราะตาบอดสองข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายเดียว
ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ทําอะไรเลย เย่จื่อหยางต้องไปทำกับข้าวด้วยตัวเอง ครั้งนี้เป็นอาหารมังสวิรัติจริง ๆ มังสวิรัติมากกว่าพระกินอีก แม้แต่ผัดกะหล่ำปลีจีนก็ใช้น้ำมันเรพซีด ไม่เปื้อนน้ำมันหมูสักนิดซ่งเสี่ยวเชียนมองอาหารมังสวิรัติที่โต๊ะแล้วพูดไม่ออก ความอยากอาหารเปลี่ยนเป็นระดับต่ำ แต่เย่จื่อหยางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ระหว่างที่เย่จื่อหยางกินข้าว เขาขยี้เหนือศีรษะเป็นครั้งคราว ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างสงสัยในที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ ขณะที่เขากําลังล้างจาน เธอรีบไปเอามือไปสัมผัสหัวเขา ไม่ลูบก็ไม่รู้พอลูบก็ตกใจโดยไม่รู้ตัว บนหัวของเย่จื่อหยางบวมโนขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โนใหญ่มากแต่ก็พองเล็กน้อยซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงก่อนหน้านี้เธอโยนเจลอาบน้ำใส่หัวเย่จื่อหยางอย่างแรง ที่แท้หัวปูดโนขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไรโอเค ซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนจิตใจดี ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าเธอใจร้ายไปหน่อยจริง ๆ บางทีเย่จื่อหยางอาจไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาแอบดูเธอจริง ๆก็ได้ และใครแอบดูคนอื่นแถมจงใจเปิดประตูอีกพอในใจรู้สึกผิดเธอก็อยากชดเชยไง ดึ
เธอดูเวลาในโทรศัพท์ของเธอ นาทีและวินาทีผ่านไป และห้านาทีผ่านไป เย่จื่อหยางก็ยังไม่ออกมา มีบางอย่างเกิดขึ้นเหรอ? ไม่มีทาง? เขาไม่ใช่เก่งมากหรอ? ไม่ใช่ว่าออกโลงแล้วล้มเหลวเลยนะ?เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในอาคารที่อยู่ไม่ไกล จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายหยาบคายดังมาจากข้างหลังเธอ “เธอเป็นใคร!? มาทำตัวลับๆล่อๆก็ที่นี่ทำอะไร”ถูกจับได้แล้ว! นี่เป็นความคิดแรกที่เข้ามาหัวของซ่งเสี่ยวเชียนในเวลานั้น จู่ๆ เธอหันกลับมาและเห็นร่างผู้ชายที่มืดๆดำๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกลนัก เขามองดูเธอและทำท่าป้องกันตัว สายตาของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย"ฉ ฉัน...ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันหลงทาง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองไปรอบ ๆ และชี้นิ้วไปรอบ ๆ ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าวดูเหมือนจะสงสัย "มากับฉัน!"เมื่อพูดเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจับมือของซ่งเสี่ยวเชียน ปฏิกิริยาตัวสั่นของซ่งเสี่ยวเชียนอยู่ในระดับสูงสุดและเธอก็หลบมือของชายคนนั้นทันที เธอจะปล่อยให้เขาจับเธอได้อย่างไร? นั่นเรียกว่ายอมจำนนฟ้านะ ซ่งเสี่ยวเชียนกระโดด
เย่จื่อหยางสังเกตมันอย่างละเอียด ดังนั้นจึงไม่มีข้อผิดพลาด เด็กน้อยเล่นซอได้อย่างชำนาญมาก เหมือนว่าเขาเริ่มเรียนรู้มันตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก"น่าสงสารจัง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองเด็กตาบอดคนนั้นซึ่งอายุน่าจะเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นโลกที่สวยงามใบนี้ แม้ว่าตอนนี้โลกจะปกคลุมไปด้วยหมอกควัน แต่ในบางครั้งก็มีท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและเมฆเป็นสีขาวสำหรับเด็ก นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก เดิมทีซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ของเย่จื่อหยางออกมา หยิบแบงค์ร้อยหยวนออกมาแล้วยื่นให้เด็กน้อย "เด็กน้อย เอาเงินไปซื้อของอร่อยๆที่อยากกินนะ อย่าอดไว้”เด็กหยุดเล่นซอ รีบหยิบธนบัตรจากมือของซ่งเสี่ยวเชียน วางไว้ใต้จมูกแล้วดมกลิ่น จากนั้นใช้มือแตะอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ยิ้ม “ขอบคุณผู้มีน้ำใจ วันนี้งานของผมเสร็จแล้ว ผมสามารถกลับก่อนได้”เมื่อพูดจบ ก็รีบเก็บสิ่งด้วยความไว หยิบไม้นำทางเดินหนีไป จากไปโดยไม่หันกลับมามองซ่งเสี่ยวเชียน
การซื้อผักก็เป็นงานที่ต้องใช้สายตา ตรงไหนสดใหม่ตรงไหนเน่า แต่บางครั้งผักหัวใหญ่สีเขียวขจีไม่มีร่องรอยของแมลงสักตัว บางทีอาจจะฉีดยากําจัดศัตรูพืชที่มากเกินไป ขนาดแมลงไม่ไม่กล้ากิน คุณยังกล้ากินอยู่หรอการต่อรองราคาก็เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ขณะที่ซ่งเสี่ยวเชียนกําลังคุยราคากับเจ้าของพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่ง จู่ ๆ ก็ถูกเด็กคนหนึ่งชน เด็กคนนั้นชนเธอแรงมาก เธอโซซัดโซเซเกือบล้ม โชคดีที่ถอยหลังไปหลายก้าวจึงไม่ล้มลงเด็กน้อยพยายามพูดขอโทษเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนอดทนต่อความโกรธไว้คิดว่าเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง "ไม่เป็นไรจ้ะ แต่คราวหน้าอย่าวิ่งเล่นในสถานที่แบบนี้อีกมันอันตราย" เด็กน้อยยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนยังคงต่อรองราคากับพ่อค้าหาบเร่ต่อไป แต่ในเวลานี้พ่อค้าคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ซ่งเสี่ยวเชียนมองเสื้อผ้าของตัวเอง มีอะไรแปลกไปหรอ"พ่อค้า มีอะไรหรอทําไมจู่ ๆ ก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ กะหล่ำปลียังจะขายไหม""เอ่อ สาวน้อย ฉันก็หวังดีจึงขอเตือนคุณหน่อย คราวหน้ามาซื้อผักอย่าให้เด็ก ๆ พวกนั้นเข้าใกล้คุ
ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นเนื้อสัตว์และตาของเธอก็เปล่งประกาย เนื้อจานหนึ่งวางอยู่ตรงหน้านักชิมคนหนึ่ง เธอไม่สนใจว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ จึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งกิน แล้วอุทานว่า "เย่จื่อหยาง ฝีมือคุณก็ไม่เลวนิ อร่อยมากกก ครั้งหน้าฉันจะกินอันนี้ด้วย" "ไม่มีครั้งหน้า" เย่จื่อหยางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วหยิบเบียร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม ดื่มเบียร์ลงทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก และมองซ่งเสี่ยวเชียนที่มีความสุขในการกินเนื้อจึงถามว่า"วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะแยะ เธอยังกินข้าวลงอีกหรอ" ซ่งเสี่ยวเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณคิดว่าฉันใจสลายแล้วหรอ ฉันไม่ได้ขี้กลัวง่าย ๆ ขนาดนั้น และแน่นนอนมีคุณอยู่ข้าง ๆฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก" เธอตบไหล่ของเย่จื่อหยางและยกนิ้วโป้งให้เขา"วันนี้ทําได้ดีมาก กดไลค์"เย่จื่อหยางถูกล้อให้หัวเราะแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังและดื่มเหล้าไปด้วย "แต่ก็ยังทําเธอได้รับบาดเจ็บนะ"ซ่งเสี่ยวเชียนคีบเนื้อชิ้นใส่ในชามของเขา "แผลเล็กน้อยแค่นี้เอง คุณโทษตัวเองแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผิดนะ" ซ่งเสี่ยวเชียนกะพริบตาให้เขา เย่จื่อหยาง
"คุณหมายความว่าไง?"ซ่งเสี่ยวเชียนถามเขาอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางหุบปากไม่พูดถึงอีกแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนนิสัยขี้โวยวายแบบเธอ ถ้ามีคนจะลักพาตัวเธอไป คงต้องตะโกนเสียงดังออกมาแน่ ทั้งถนนคงรู้ว่าคนที่จะลักพาตัวเธอไปคือพวกค้ามนุษย์ เงียบไปสักพัก เย่จื่อหยางก็ถามว่า "ยังโกรธอยู่หรอ""ทําไมจะไม่โกรธ!? คุณคิดว่าแค่ไม่กี่คําก็สามารถปลอบฉันได้หรอต้องชดใช้" ซ่งเสี่ยวเชียนเอื้อมยื่นมือไปขอสิ่งของจากเย่จื่อหยาง เขาผลักมือออกแล้วบอกว่าไม่มี ซ่งเสี่ยวเชียนก็กระโจนเข้ามากัดเขา ครั้งนี้เย่จื่อหยางฉลาดขึ้น เขาหลบอย่างไว ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนกัดเพียงว่างเปล่า แค่วินาทีเท่านั้น ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอกับเขาเหมือนคนรักกัน การสัมผัสร่างกายเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้น่าอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยังกล้าที่จะกัดเขาด้วยจากนั้นเธอก็เขิลอายแล้ว ทําไมตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้วินาทีต่อมาเธอก็นึกถึงสิ่งที่สําคัญมาก "คุณปู่ของคุณบุกเข้ามาที่บ้านเมื่อวันก่อน"ทันใดนั้นสีหน้าของเย่จื่อหยางก็เปลี่ยนไป ถามอย่างจริงจังว่า "หมายความว่าอะไร"