แชร์

ตอนที่ 79: หัวโน

ผู้เขียน: malinee
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-02-28 21:04:22

ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ทําอะไรเลย เย่จื่อหยางต้องไปทำกับข้าวด้วยตัวเอง ครั้งนี้เป็นอาหารมังสวิรัติจริง ๆ มังสวิรัติมากกว่าพระกินอีก แม้แต่ผัดกะหล่ำปลีจีนก็ใช้น้ำมันเรพซีด ไม่เปื้อนน้ำมันหมูสักนิด

ซ่งเสี่ยวเชียนมองอาหารมังสวิรัติที่โต๊ะแล้วพูดไม่ออก ความอยากอาหารเปลี่ยนเป็นระดับต่ำ แต่เย่จื่อหยางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ระหว่างที่เย่จื่อหยางกินข้าว เขาขยี้เหนือศีรษะเป็นครั้งคราว ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างสงสัย

ในที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ ขณะที่เขากําลังล้างจาน เธอรีบไปเอามือไปสัมผัสหัวเขา ไม่ลูบก็ไม่รู้พอลูบก็ตกใจโดยไม่รู้ตัว บนหัวของเย่จื่อหยางบวมโนขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โนใหญ่มากแต่ก็พองเล็กน้อย

ซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงก่อนหน้านี้เธอโยนเจลอาบน้ำใส่หัวเย่จื่อหยางอย่างแรง ที่แท้หัวปูดโนขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไร

โอเค ซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนจิตใจดี ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าเธอใจร้ายไปหน่อยจริง ๆ บางทีเย่จื่อหยางอาจไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาแอบดูเธอจริง ๆก็ได้ และใครแอบดูคนอื่นแถมจงใจเปิดประตูอีก

พอในใจรู้สึกผิดเธอก็อยากชดเชยไง ดึงเขาออกจากครัวแล้วก็ไม่ให้เขาล้างจานแล้ว แสดงภาพลักษณ์หมอออกมาทันทีและถามเขาว่าหัวโนใหญ่ขนาดนี้ทําไมไม่บอกเธอ ยังถามเขาอีกว่ามีตรงไหนไม่สบายอีกบ้างมีอาการจะอ้วกแบบนี้หรือป่าว

   เย่จื่อหยางบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลย ซ่งเสี่ยวเชียนจึงสบายใจขึ้นมา เอากระดาษทิชชู่มาทาน้ำมันหอมระเหย แล้วเช็ดเบา ๆ ที่ศีรษะของเย่จื่อหยางที่บวมขึ้น ทหารพิเศษคนหนึ่งถูกเธอทุบจนหัวบวม เธอรู้สึกตลก

เย่จื่อหยางไม่ได้พูดอะไร นั่งเงียบให้เธอนวดให้ เขาก็ไม่ได้ตําหนิอะไร ดังนั้นเขาจึงไม่ได้พูดถึงแม้แต่คําเดียว เพียงแต่ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ต้องบอกว่าเขาไม่สบาย เธอก็รู้เองจุดนี้ทําให้เขามีความสุข แสดงให้เห็นว่าซ่งเสี่ยวเชียนเป็นห่วงเขาจากใจจริง

ซ่งเสี่ยวเชียนนวดให้เขากว่าสิบนาที จุดที่บวมขึ้นก็ดีขึ้นมากแล้ว โดยพื้นฐานเริ่มหายบวมแล้ว เย่จื่อหยางเงยหน้าขึ้นจ้องมองซ่งเสี่ยวเชียน เธอรู้สึกอายและถอยหลังไปสองสามก้าว "ฉันแค่สงสารคุณในใจ เข้าใจไหม แค่เห็นใจเท่านั้น"

เธอแค่จ้องตาแล้วพูดเรื่องไร้สาระ แต่เย่จื่อหยางกลับถอนหายใจและพูดว่า "มีคนเห็นอกเห็นใจก็เป็นเรื่องดีนะ"

ซ่งเสี่ยวเชียนยังคงคิดตามประโยคของเขาอยู่ เย่จื่อหยางวางบนโต๊ะกาแฟแก้วและโทรศัพท์ของเขาก็สั่น เย่จื่อหยางมองหน้าจอผู้โทรเข้า หลังจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นไปที่ห้องหนังสือ และยังไม่ลืมปิดประตู

เหอะ มีอะไรให้ฉันรู้ไม่ได้ หรือว่าเป็นเมียน้อย? ความคิดที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นของซ่งเสี่ยวเชียนเริ่มปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จากนั้นเธอก็ไปล้างจานในห้องครัว แต่ล้างจานเพียงเก็านิ้วเท่านั้น มันเป็นงานที่ยากจริง ๆ เมื่อซ่งเสี่ยวเชียนล้างจานเสร็จ เย่จื่อหยางเดินออกมาจากห้องหนังสือ ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาแล้วส่งสายตาดูถูกใส่เขา ไม่สนใจเขาและนั่งบนโซฟาดูทีวี

   เย่จื่อหยางรู้สึกว่าช่วงเวลาที่เธองอนเป็นสิ่งที่ยากที่จะคาดเดาได้ ตอนที่เขาไปรับโทรศัพท์ หญิงสาวคนนี้เริ่มงอนอีกครั้ง แน่นอนว่าการมีความรักก็ต้องอาศัยไอคิวสูง มิฉะนั้นจะไม่สามารถเดาได้ว่าเธอกําลังคิดอะไรอยู่

เย่จื่อหยางอ้อมไปด้านหลังโซฟา ยืนอยู่ข้างหลังซ่งเสี่ยวเชียน เอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าของเธอเบา ๆ ซ่งเสี่ยวเชียนพยายามจับมือเขาออก แต่ถูกเย่จื่อหยางหลบไว้ เธอจึงหันกลับมามองเขาด้วยสายตาข่มขู่ ถ้าสัมผัสฉันอีกครั้ง ฉันจะตัดมือของคุณแน่

เย่จื่อหยางก็มลง มือจับโซฟาและพูดว่า "เด็ก ๆ ที่ถูกพวกค้ามนุษย์จับไป ตํารวจพบเบาะแสของเด็กๆแล้ว ตอนนี้ทั้งหมดได้ย้ายไปที่สถานเลี้ยงเด็กกําพร้า รอพ่อแม่ที่ติดต่อไว้มารับพวกเขา เธออยากไปดูไหม"

ซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงเด็กที่ขโมยกระเป๋าเงินของเธอและเด็กตาบอดที่พบในอุโมงค์ใต้ดิน ในใจก็รู้สึกสงสารและเห็นใจ ยังไงพวกเขาก็จะได้เป็นอิสระแล้ว เธอก็มีส่วนช่วยที่นี่(ช่วยหรอ) ซ่งเสี่ยวเชียนพยักหน้า

"ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊ป"

ตอนนี้เธออยากจะเข้าใจประสบการณ์ที่เด็ก ๆ เหล่านั้นเจอเป็นอย่างมาก ถูกพวกค้ามนุษย์จับตัวไปได้อย่างไร ห่างกับพ่อแม่มากี่ปีแล้ว? โดนพวกค้ามนุษย์ที่ไร้มนุษยธรรมพาไปอยู่ต่างถิ่นลองคิดดูสิ ซ่งเสี่ยวเชียนก็รู้สึกว่ามันโหดมาก

ที่นั่นเป็นสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าของรัฐจักรพรรดิ ค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการก่อสร้างได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลและอุปกรณ์ภายในมีความสมบูรณ์มาก ทันทีที่เดินเข้าไปในสถานเลี้ยงเด็กกําพร้าก็มีบรรยากาศที่อบอุ่นมากที่ล้อมรอบซ่งเสี่ยวเชียนเห็นเด็ก ๆ ที่วิ่งไปรอบ ๆ และเต็มไปด้วยความสดใส มันยากที่จะจินตนาการว่าพวกเขาทั้งหมดไม่มีพ่อแม่

เย่จื่อหยางอธิบายจุดประสงค์ให้กับเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ต้อนรับฟัง เจ้าหน้าที่จึงโทรหาคณบดี คณบดีมาต้อนรับพวกเขาด้วยตัวเอง เป็นหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง พอเห็นเย่จื่อหยางก็จับมือกันอย่างสนิทสนม

"เรื่องทั้งหมดฉันได้ยินตํารวจแล้ว ขอบคุณพวกคุณมากจริง ๆ ที่สามารถไขคดีใหญ่ขนาดนี้ได้ถือเป็นคุณูปการสําคัญแน่นอน" คณบดียิ้มแย้มอย่างใจดีและกล่าวอย่างตื่นเต้น

เย่จื่อหยางส่ายหัวและไม่มีการแสดงออกอะไรเป็นพิเศษบนใบหน้าของเขา "ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอกครับ ผมแค่อยากช่วยภรรยาของผมหากระเป๋าเงินคืนที่ถูกขโมยเท่านั้น ไม่อย่างงั้นผมคงจะไม่สนใจเรื่องนี้"

   รอยยิ้มของคณบดีแข็งทื่อ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่ยืนอยู่ข้างเย่จื่อหยาง ซ่งเสี่ยวเชียนมองคณบดีด้วยสายตาลุกลี้ลุกลน แล้วมองไปที่เย่จื่อหยางอีกครั้ง ทําไมพูดแบบนี้ล่ะ นิ้วจิ้มเอวของเย่จื่อหยางเบาๆ ปกติพูดจาไม่ค่อยสุภาพ ทําไมตอนนี้พูดจาไร้มนุษยธรรมขนาดนี้

เย่จื่อหยางไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ ซ่งเสี่ยวเชียนจึงยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน คณบดีก็ตอบสนองในเวลานี้ ไม่มีการใส่ใจมากนัก ยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสและจับมือกับซ่งเสี่ยวเชียน "เด็ก ๆ อยู่บนชั้นสอง เพราะจํานวนคนค่อนข้างเยอะ พวกเขาจัดให้พวกเขาได้พักที่หอพักใหญ่ชั่วคราวก่อน มาฉันจะพาไปดู"

คณบดีเดินไปและบอกพวกเขาถึงที่มาของเด็กเหล่านี้และเบื้ยงหลังของแก๊งนี้

   จริง ๆ แล้วแก๊งค้ามนุษย์นั้นก่ออาชญากรรมมากกว่าเด็กร้อยคนนี้ จํานวนนั้นมากโข เพราะตามคําบอกเล่าของพวกเขา แก๊งนี้ก่อตั้งมาเจ็ดถึงแปดปีแล้ว มักจะเคลื่อนไหวในเมืองเล็ก ๆ หรือชนตอนที่ห่างไกล

การมาถึงเมืองหลวงในครั้งนี้ เพียงเพราะมีการซื้อขายทารกที่ต้องดําเนินการที่นี่ อีกฝ่ายขอดูเด็กก่อน ถึงจะรู้ว่าจะซื้อหรือไม่ ดังนั้นพวกเขาจึงพาเด็ก ๆ กว่าร้อยคนนี้มาที่เมืองหลวงในนามของโรงเรียนที่จัดการท่องเที่ยว

ในเวลานี้พวกเขาได้มาถึงที่หอพักใหญ่บนชั้นสองโดยคณบดีและเด็ก ๆ ที่ถูกลักพาตัวกําลังนอนหลับอยู่ซึ่งอาจเป็นการนอนหลับที่ปลอดภัยที่สุดของพวกเขาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเพราะคณบดีกล่าวว่าเด็กบางคนถูกคนเหล่านั้นพามาอยู่ข้างกายเป็นเวลาหลายปีแล้ว

   !!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 80: ขอบคุณ

    คิดถึงเด็กคนหนึ่งที่อายุ 15-16 ปี เร่ร่อนอยู่กับพวกเขามา 4-5 ปี เพื่อขอทานทุกที่ และเงินที่ขอมามอบให้กับหัวหน้าแก๊งนั้น รับรองว่าทุกคนจะได้กินอาหารไม่อั้นสิ่งที่ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนเจ็บปวดมากกว่าเดิมคือเด็กคนที่ตาบอดทั้งสองข้าง เขาไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบ เขาถูกจับโดยคนของแก๊งและจากพ่อแม่ไปตั้งแต่นั้นมา คนเหล่านั้นล้างสมองเขาเพื่อให้เขาได้รับเงินมากขึ้น ทําให้เขาคิดว่าการช่วยพวกเขาขอเงินมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีคนเหล่านั้นใช้เหล็กแทงเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองไม่เห็นและคนเหล่านั้นสอนเขาวิธีการแยกแยะขนาดของธนบัตรด้วยมือของเขาและติดตามพวกเขามานานหลายปี และความสามารถในการแยกแยะเงินด้วยมือของเขานั้นมีความชำนาญมากและไม่เคยพลาดเลยซ่งเสี่ยวเชียนก็คิดว่าตอนนั้นเธอให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งร้อยหยวน เขาก็สัมผัสไปหลายครั้ง ปากก็ยิ้ม แล้วบอกว่าวันนี้เขาเลิกงานได้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะถูกล้างสมองโดยคนเหล่านั้นจริง ๆ และจะไม่อดตายเพราะตาบอดสองข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายเดียว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-28
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 81: เลือกเสื้อผ้าให้ดูนิสัย

    เธอกอดหมอนและยิ้มอย่างพอใจ เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเจอใครที่เก่งขนาดนี้มาก่อน สามารถปกป้องเธอและขจัดวิกฤตให้เธอได้ทันทีในเวลาฉุกเฉิน ราวกับว่าจู่ๆ กำแพงทึบก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเธอ จะปกป้องเธอตลอดเวลาต่อจากนี้ไป ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยซ่งเสี่ยวเชียนเชื่อ ในอนาคต ตราบใดที่มีเย่จื่อหยางอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อฟ้าถล่มยังมีเขาคอยอยู่ข้างๆไม่ใช่หรอเย่จื่อหยางเขียนรายงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงไฟสีเหลืองเข้มดวงเดียวที่เปิดอยู่ ฝาหลังของรีโมทกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมถ่าน เขาหยิบขึ้นมาและวางไว้ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่นอนอยู่บนโซฟาลืมตาก็ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่   เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "มีเรื่องอะไรหรอ ทําไมดูมีความสุขขนาดนี้""ไม่มีนิ ฉันก็แค่ดีใจ" ซ่งเสี่ยวเชียนลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่จื่อหยางยิ้มให้เขา แล้วทันใดนั้นก็กระพริบตาให้เขา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ทําให้เย่จื่อหยางเดาไม่ออก กําลังจะถามว่าทําไมถึงยิ้ม  ทันใดนั้นซ่งเสี่ยวเชียนก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังเย่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 82: ไอ้คนโรคจิต!

    เย่จื่อหยางก็เอากล่องที่บรรจุยาบํารุงที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาคืนให้ซ่งเสี่ยวเชียน "ไม่จําเป็น"  "ทําไมถึงไม่จําเป็นล่ะ คุณจะกลับบ้านมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้" ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ"ฉันบอกว่าไม่จําเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ เขามองปราดเดียวก็มองออก" เย่จื่อหยางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีก ทําท่าทางเหมือนเธอให้ฉันทําอะไรฉันก็ไม่ทํา ซ่งเสี่ยวเชียนตะโกนว่า "คุณอยากคืนดีกับคุณพ่อของคุณหรือเปล่า ถ้าคิด คุณก็ต้องลงมือทํา อย่าเอาแต่พูดเฉย ๆ ไม่ได้นะ" จิ้มหน้าอกของเย่จื่อหยาง "คุณเป็นทหาร แน่นอนว่าต้องรู้ว่าการกระทําเป็นพื้นฐานของการทําภารกิจทั้งหมดให้สําเร็จ"เย่จื่อหยางก็มหน้ามองเธอและคิดในใจว่าเขาจะคืนดีกับพ่อของเขาหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?ดูเหมือนเธอจะซีเรียสกว่าเขาอีกเขาถอนหายใจ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการได้คืนดีกับคุณพ่อก็เป็นการแก็ปัญหาที่เขากังวลมานานได้จริง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและลูบหัวของซ่งเสี่ยวเชียน "ทํา เพียงแต่ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-03-01
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 1: ฉันไม่ใช่คนที่ยอมถูกรังแกง่ายๆ

    “บ้านเกิดผมอยู่ในเขตชนบทของมณฑลส่านซี พ่อแม่ฉันยังมีชีวิตอยู่ มีพี่ชายหนึ่งคนเปิดร้านอาหารในเมือง ถือว่าทำเงินได้ดีเลยล่ะ ส่วนผมเรียนจบมหาวิทยาลัยซิงหัว ตอนนี้ฉันซื้อบ้านหนึ่งหลังใจกลางเมืองหลวง มีรถBMW อ่อ คุณเคยบอกว่าคุณเป็นนักศึกษาแพทย์ เพิ่งจบปริญญาเอกแล้วกลับประเทศใช่ไหมครับ? เรียนแพทย์มันต้องใช้เวลา หางานได้หรือยังครับ ?ถ้ายังไม่ได้ ผมมีคนรู้จักสามารถให้คุณเข้าไปทำงานโรงพยาบาลใหญ่รัฐบาลได้ แต่ว่าด้วยเงินเดือนของผมตอนนี้ ถ้าเราแต่งงานกัน คุณแค่ทำหน้าที่เป็นภรรยาอยู่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานเลยก็ได้อ๋อใช่ คุณยังไม่ได้บอกคุณอายุเท่าไหร่เลย แล้วก็คุณคิดว่าผมโอเคไหม ? ”เป็นครั้งที่ 10 แล้ว หลังจากที่ซ่งเสี่ยวเชียนถูกครอบครัวบังคับให้ไปนัดบอดตั้งแต่ที่เธอกลับมาถึงจีน ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธออายุ 38 ปี ใส่แว่นหนาเตอะหัวล้านถึงกลางหัว ตามที่เขาอธิบายมันเกิดจากความกดดันจากสภาพจิตใจการทำงานเกี่ยวกับสายงานไอที เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งเสี่ยวเชียนตอบด้วยน้ำเสียงคลายความสงสัย อ๋อ มิน่าล่ะอันที่จริง เธออยากจะจบบทสนทนาระหว่างหนุ่มไอทีคนนี้มานานแล้ว เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายใส่แว่นเอาเสียเลย แต่ห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-13
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 2: เสียดาย

    ในบาร์ที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงดนตรีไพเราะขับกล่อม ซ่งเสี่ยวเชียนนั่งที่บาร์ถือแก้วไวน์ เธอดื่มไวน์ในแก้วรวดเดียว ไม่รู้ว่าดื่มไปกี่แก้วแล้วเธอรู้สึกเมาเล็กน้อยแล้ว เธอวางคางไว้บนมือรู้สึกสับสนเล็กน้อย สมองกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ และไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้น มีคนนั่งบนที่นั่งห่างจากเธอ 2 ที่นั่ง คนๆ นั้นขอวิสกี้แก้วหนึ่งแล้วดื่มรวดเดียว เธอมองเห็นคนๆ นั้นไม่ค่อยชัด แต่เธอรู้สึกว่ารัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นทำให้คนรู้สึกว่าไม่ควรเข้าใกล้ซ่งเสี่ยวเชียนเอาแต่มองคนๆ นั้นด้วยความสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะออร่าของเขาที่ไม่เหมือนกับคนอื่นทำให้ซ่งเสี่ยวเชียนเอาแต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขา เขาคนนั้นสังเกตเห็นว่า ซ่งเสี่ยวเชียนจ้องมองเขามานานแล้ว แค่เขาไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง ตั้งหน้าตั้งตาดื่ม ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าต่อ ๆ ไปไม่รู้จบเพราะความเมา บางครั้งสายตาของเธอก็พร่ามัวและบางครั้งก็ชัดเจน และเธอก็ไม่ได้ตระหนักว่าการจ้องคนอื่นเช่นนี้เป็นการไม่สุภาพ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจที่ถูกเธอจ้องมองมากขนาดนี้ เธอยังคงจ้องมองอย่าเอาเป็นเอาตาย และยังคงดื่มไวน์ของตัวเองอย่างชิวๆ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-13
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 3: สุดหล่อ มาคนเดียวเหรอคะ

       ใช่แล้ว เย่จื่อหยางวัย 30 ปียังไม่แต่งงานและไม่มีแฟน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแต่งงาน แต่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางทหารของเขาเพราะเขามีความสามารถรอบด้าน ละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีผลงานยอดเยี่ยม ผู้บังคับบัญชาจึงเห็นคุณค่าของเขาเสมอ ตราบใดที่งานเล็กหรือใหญ่เหมาะกับเขา ผู้บังคับบัญชาก็จะมอบหมายให้เขา เขามีภาระหน้าที่มากขึ้นและ มีโอกาสทำภาระกิจมากขึ้น ยศก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อันตรายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆและเขาจะไม่ไปดูตัวเพื่อการแต่งงานเด็ดขาด เพราะเขายังไม่สามารถให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความปลอดภัยได้ ขณะที่เขาทำภารกิจชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลาคุณปู่มอบแหวนให้เย่จื่อหยาง ซึ่งแม่ของเขาได้ทิ้งไว้ เดิมทีมีไว้สำหรับลูกสะใภ้ในอนาคต แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปเจอแม่ของเขาในวาระสุดท้ายกลับมาที่กองทัพ ทุกคนรู้เรื่องของเขา ผู้บัญชาการต้องการให้เขาลาหยุดสามเดือนเพื่อให้เขาได้พักผ่อนจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย แต่เขาปฏิเสธ และเขาก็ไม่หยุดพัก ยังนำกองทหารฝึกตามปกติและปฏิบัติภารกิจตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เขาซึ่งแต่เดิมเป็นคนพูดน้อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-13
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 4: จดทะเบียนแล้ว

    เย่จื่อหยาง ขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปเอาแหวนกลับมา แต่ ซ่งเสี่ยวเชียนกลับมีทีท่าจะหนีไป เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าวโดยลืมไปว่าตัวเองเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์สุดแรง เธอเริ่มเวียนหัวอีกครั้ง เย่จื่อหยางเดินเข้าไปหาเธอ ทีละก้าวทีละก้าวแล้วจับมือเธอเตรียมจะถอดแหวนออกซ่งเสี่ยวเชียนยังอยู่ในอาการมึนหัวแต่ก็ไม่ยอมให้เขาถอดแหวนออกไปง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงกำมือแน่น เย่จื่อหยางบีบข้อมือเธอแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง"ปล่อย!"   "อ่า คุณไม่ได้เป็นใบ้นี่เอง"ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากที่เขาไม่มีปฏิกิริยาต่อเธอเมื่อกี้นี้ ประกอบกับความล้มเหลวในการดูตัวเมื่อตอนกลางวัน และสิ่งที่แม่ของเธอพูดกับเธอ เธอพูดเสียงดังแบบไม่ได้สติว่า"ตอนนี้แหวนของคุณสวมอยู่ในนิ้วของฉันแล้ว ฉันก็คือภรรยาของคุณ!”เดิมที เย่จื่อหยาง ไม่ควรจะถือคำพูดไร้สาระจากคนเมา แต่เมื่อเห็นแหวนบนมือของซ่งเสี่ยวเชียน ทำให้นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาเมื่อปีที่แล้ว แหวนวงนี้มีแค่ภรรยาของลูกเท่านั้นที่จะสามารถใส่มันได้!เขาไม่ได้เชื่อโชคลาง ไม่เชื่อโชคลางแม้สักนิดเลย แต่วันนี้ในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่ของเขา มีหญิงสาวจากไหนไม่รู้คนหนึ่งสวมแหวนที่แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-13
  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 5: บาดเจ็บ

    ภายในไม่กี่วันหลังจากการแต่งงานแบบฟ้าแลบของพวกเขา ซ่งเสี่ยวเชียนขาดการติดต่อจากเย่จื่อหยางอย่างสิ้นเชิง กลับกัน ซ่งเสี่ยวเชียนอยากจะติดต่อเย่จื่อหยางเธอก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์เขาเมื่อภารกิจของเย่จื่อย่างสิ้นสุดลง แต่เขาถูกหามกลับไปบนเปล กระดูกขาหัก หลังจากพันผ้าพันแผลแบบง่ายๆ เฮลิคอปเตอร์ก็นำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลของรัฐในเมืองหลวง ส่งตัวเข้ารับผ่าตัดทันที หลังจากนั้นหมอผ่าตัดได้ทำการผ่าตัดทันถ่วงที ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างสำเร็จ แค่พักผ่อนให้มากๆ ขาของคุณในไม่ช้าก็จะหายดี สมาชิกในทีมที่มากับ เย่จื่อหยางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเย่จื่อหยางยังคงอยู่ในอาการโคม่าก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ไป และในช่วงบ่ายเขาน่าจะตื่น น่องขาขวาอยู่ในเฝือกและดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ไม้ค้ำอยู่ระยะหนึ่งแม้แต่สมาชิกในทีมยังคิดว่ามันแปลกที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ภารกิจสืบสวนดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อพวกเขาถอยกำลังกลับ เย่จื่อหยางก็ก้าวเข้าไปในกับดักด้วยขาขวาของเขาและติดกับดักที่น่อง เขาได้รับบาดเจ็บและ กระดูกแตกหักและเกือบจะถูกศัตรูพบเข้า   มันเป็นความประมาทอย่างมาก ความผิดพลาดครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-09-13

บทล่าสุด

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 82: ไอ้คนโรคจิต!

    เย่จื่อหยางก็เอากล่องที่บรรจุยาบํารุงที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาคืนให้ซ่งเสี่ยวเชียน "ไม่จําเป็น"  "ทําไมถึงไม่จําเป็นล่ะ คุณจะกลับบ้านมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้" ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ"ฉันบอกว่าไม่จําเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ เขามองปราดเดียวก็มองออก" เย่จื่อหยางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีก ทําท่าทางเหมือนเธอให้ฉันทําอะไรฉันก็ไม่ทํา ซ่งเสี่ยวเชียนตะโกนว่า "คุณอยากคืนดีกับคุณพ่อของคุณหรือเปล่า ถ้าคิด คุณก็ต้องลงมือทํา อย่าเอาแต่พูดเฉย ๆ ไม่ได้นะ" จิ้มหน้าอกของเย่จื่อหยาง "คุณเป็นทหาร แน่นอนว่าต้องรู้ว่าการกระทําเป็นพื้นฐานของการทําภารกิจทั้งหมดให้สําเร็จ"เย่จื่อหยางก็มหน้ามองเธอและคิดในใจว่าเขาจะคืนดีกับพ่อของเขาหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?ดูเหมือนเธอจะซีเรียสกว่าเขาอีกเขาถอนหายใจ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการได้คืนดีกับคุณพ่อก็เป็นการแก็ปัญหาที่เขากังวลมานานได้จริง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและลูบหัวของซ่งเสี่ยวเชียน "ทํา เพียงแต่ว

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 81: เลือกเสื้อผ้าให้ดูนิสัย

    เธอกอดหมอนและยิ้มอย่างพอใจ เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเจอใครที่เก่งขนาดนี้มาก่อน สามารถปกป้องเธอและขจัดวิกฤตให้เธอได้ทันทีในเวลาฉุกเฉิน ราวกับว่าจู่ๆ กำแพงทึบก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเธอ จะปกป้องเธอตลอดเวลาต่อจากนี้ไป ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยซ่งเสี่ยวเชียนเชื่อ ในอนาคต ตราบใดที่มีเย่จื่อหยางอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อฟ้าถล่มยังมีเขาคอยอยู่ข้างๆไม่ใช่หรอเย่จื่อหยางเขียนรายงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงไฟสีเหลืองเข้มดวงเดียวที่เปิดอยู่ ฝาหลังของรีโมทกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมถ่าน เขาหยิบขึ้นมาและวางไว้ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่นอนอยู่บนโซฟาลืมตาก็ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่   เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "มีเรื่องอะไรหรอ ทําไมดูมีความสุขขนาดนี้""ไม่มีนิ ฉันก็แค่ดีใจ" ซ่งเสี่ยวเชียนลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่จื่อหยางยิ้มให้เขา แล้วทันใดนั้นก็กระพริบตาให้เขา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ทําให้เย่จื่อหยางเดาไม่ออก กําลังจะถามว่าทําไมถึงยิ้ม  ทันใดนั้นซ่งเสี่ยวเชียนก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังเย่

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 80: ขอบคุณ

    คิดถึงเด็กคนหนึ่งที่อายุ 15-16 ปี เร่ร่อนอยู่กับพวกเขามา 4-5 ปี เพื่อขอทานทุกที่ และเงินที่ขอมามอบให้กับหัวหน้าแก๊งนั้น รับรองว่าทุกคนจะได้กินอาหารไม่อั้นสิ่งที่ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนเจ็บปวดมากกว่าเดิมคือเด็กคนที่ตาบอดทั้งสองข้าง เขาไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบ เขาถูกจับโดยคนของแก๊งและจากพ่อแม่ไปตั้งแต่นั้นมา คนเหล่านั้นล้างสมองเขาเพื่อให้เขาได้รับเงินมากขึ้น ทําให้เขาคิดว่าการช่วยพวกเขาขอเงินมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีคนเหล่านั้นใช้เหล็กแทงเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองไม่เห็นและคนเหล่านั้นสอนเขาวิธีการแยกแยะขนาดของธนบัตรด้วยมือของเขาและติดตามพวกเขามานานหลายปี และความสามารถในการแยกแยะเงินด้วยมือของเขานั้นมีความชำนาญมากและไม่เคยพลาดเลยซ่งเสี่ยวเชียนก็คิดว่าตอนนั้นเธอให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งร้อยหยวน เขาก็สัมผัสไปหลายครั้ง ปากก็ยิ้ม แล้วบอกว่าวันนี้เขาเลิกงานได้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะถูกล้างสมองโดยคนเหล่านั้นจริง ๆ และจะไม่อดตายเพราะตาบอดสองข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายเดียว

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 79: หัวโน

    ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ทําอะไรเลย เย่จื่อหยางต้องไปทำกับข้าวด้วยตัวเอง ครั้งนี้เป็นอาหารมังสวิรัติจริง ๆ มังสวิรัติมากกว่าพระกินอีก แม้แต่ผัดกะหล่ำปลีจีนก็ใช้น้ำมันเรพซีด ไม่เปื้อนน้ำมันหมูสักนิดซ่งเสี่ยวเชียนมองอาหารมังสวิรัติที่โต๊ะแล้วพูดไม่ออก ความอยากอาหารเปลี่ยนเป็นระดับต่ำ แต่เย่จื่อหยางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ระหว่างที่เย่จื่อหยางกินข้าว เขาขยี้เหนือศีรษะเป็นครั้งคราว ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างสงสัยในที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ ขณะที่เขากําลังล้างจาน เธอรีบไปเอามือไปสัมผัสหัวเขา ไม่ลูบก็ไม่รู้พอลูบก็ตกใจโดยไม่รู้ตัว บนหัวของเย่จื่อหยางบวมโนขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โนใหญ่มากแต่ก็พองเล็กน้อยซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงก่อนหน้านี้เธอโยนเจลอาบน้ำใส่หัวเย่จื่อหยางอย่างแรง ที่แท้หัวปูดโนขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไรโอเค ซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนจิตใจดี ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าเธอใจร้ายไปหน่อยจริง ๆ บางทีเย่จื่อหยางอาจไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาแอบดูเธอจริง ๆก็ได้ และใครแอบดูคนอื่นแถมจงใจเปิดประตูอีกพอในใจรู้สึกผิดเธอก็อยากชดเชยไง ดึ

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 76: ทำได้แต่ช่วยเหลือ

    เธอดูเวลาในโทรศัพท์ของเธอ นาทีและวินาทีผ่านไป และห้านาทีผ่านไป เย่จื่อหยางก็ยังไม่ออกมา มีบางอย่างเกิดขึ้นเหรอ? ไม่มีทาง? เขาไม่ใช่เก่งมากหรอ? ไม่ใช่ว่าออกโลงแล้วล้มเหลวเลยนะ?เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในอาคารที่อยู่ไม่ไกล จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายหยาบคายดังมาจากข้างหลังเธอ “เธอเป็นใคร!? มาทำตัวลับๆล่อๆก็ที่นี่ทำอะไร”ถูกจับได้แล้ว! นี่เป็นความคิดแรกที่เข้ามาหัวของซ่งเสี่ยวเชียนในเวลานั้น จู่ๆ เธอหันกลับมาและเห็นร่างผู้ชายที่มืดๆดำๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกลนัก เขามองดูเธอและทำท่าป้องกันตัว สายตาของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย"ฉ ฉัน...ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันหลงทาง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองไปรอบ ๆ และชี้นิ้วไปรอบ ๆ ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าวดูเหมือนจะสงสัย "มากับฉัน!"เมื่อพูดเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจับมือของซ่งเสี่ยวเชียน ปฏิกิริยาตัวสั่นของซ่งเสี่ยวเชียนอยู่ในระดับสูงสุดและเธอก็หลบมือของชายคนนั้นทันที เธอจะปล่อยให้เขาจับเธอได้อย่างไร? นั่นเรียกว่ายอมจำนนฟ้านะ  ซ่งเสี่ยวเชียนกระโดด

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 75: คุณติดหนี้ฉัน100หยวน

    เย่จื่อหยางสังเกตมันอย่างละเอียด ดังนั้นจึงไม่มีข้อผิดพลาด เด็กน้อยเล่นซอได้อย่างชำนาญมาก เหมือนว่าเขาเริ่มเรียนรู้มันตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก"น่าสงสารจัง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองเด็กตาบอดคนนั้นซึ่งอายุน่าจะเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นโลกที่สวยงามใบนี้ แม้ว่าตอนนี้โลกจะปกคลุมไปด้วยหมอกควัน แต่ในบางครั้งก็มีท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและเมฆเป็นสีขาวสำหรับเด็ก นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก เดิมทีซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ของเย่จื่อหยางออกมา หยิบแบงค์ร้อยหยวนออกมาแล้วยื่นให้เด็กน้อย "เด็กน้อย เอาเงินไปซื้อของอร่อยๆที่อยากกินนะ อย่าอดไว้”เด็กหยุดเล่นซอ รีบหยิบธนบัตรจากมือของซ่งเสี่ยวเชียน วางไว้ใต้จมูกแล้วดมกลิ่น จากนั้นใช้มือแตะอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ยิ้ม “ขอบคุณผู้มีน้ำใจ วันนี้งานของผมเสร็จแล้ว ผมสามารถกลับก่อนได้”เมื่อพูดจบ ก็รีบเก็บสิ่งด้วยความไว หยิบไม้นำทางเดินหนีไป จากไปโดยไม่หันกลับมามองซ่งเสี่ยวเชียน

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 74: พบตำรวจ

      การซื้อผักก็เป็นงานที่ต้องใช้สายตา ตรงไหนสดใหม่ตรงไหนเน่า แต่บางครั้งผักหัวใหญ่สีเขียวขจีไม่มีร่องรอยของแมลงสักตัว บางทีอาจจะฉีดยากําจัดศัตรูพืชที่มากเกินไป ขนาดแมลงไม่ไม่กล้ากิน คุณยังกล้ากินอยู่หรอการต่อรองราคาก็เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ขณะที่ซ่งเสี่ยวเชียนกําลังคุยราคากับเจ้าของพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่ง จู่ ๆ ก็ถูกเด็กคนหนึ่งชน เด็กคนนั้นชนเธอแรงมาก เธอโซซัดโซเซเกือบล้ม โชคดีที่ถอยหลังไปหลายก้าวจึงไม่ล้มลงเด็กน้อยพยายามพูดขอโทษเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนอดทนต่อความโกรธไว้คิดว่าเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง "ไม่เป็นไรจ้ะ แต่คราวหน้าอย่าวิ่งเล่นในสถานที่แบบนี้อีกมันอันตราย"   เด็กน้อยยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนยังคงต่อรองราคากับพ่อค้าหาบเร่ต่อไป แต่ในเวลานี้พ่อค้าคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ซ่งเสี่ยวเชียนมองเสื้อผ้าของตัวเอง มีอะไรแปลกไปหรอ"พ่อค้า มีอะไรหรอทําไมจู่ ๆ ก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ กะหล่ำปลียังจะขายไหม""เอ่อ สาวน้อย ฉันก็หวังดีจึงขอเตือนคุณหน่อย คราวหน้ามาซื้อผักอย่าให้เด็ก ๆ พวกนั้นเข้าใกล้คุ

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 78: เป็นเป็นคนขี้ขลาด

    ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นเนื้อสัตว์และตาของเธอก็เปล่งประกาย เนื้อจานหนึ่งวางอยู่ตรงหน้านักชิมคนหนึ่ง เธอไม่สนใจว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ จึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งกิน แล้วอุทานว่า "เย่จื่อหยาง ฝีมือคุณก็ไม่เลวนิ อร่อยมากกก ครั้งหน้าฉันจะกินอันนี้ด้วย"  "ไม่มีครั้งหน้า" เย่จื่อหยางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วหยิบเบียร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม ดื่มเบียร์ลงทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก และมองซ่งเสี่ยวเชียนที่มีความสุขในการกินเนื้อจึงถามว่า"วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะแยะ เธอยังกินข้าวลงอีกหรอ"   ซ่งเสี่ยวเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณคิดว่าฉันใจสลายแล้วหรอ ฉันไม่ได้ขี้กลัวง่าย ๆ ขนาดนั้น และแน่นนอนมีคุณอยู่ข้าง ๆฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก" เธอตบไหล่ของเย่จื่อหยางและยกนิ้วโป้งให้เขา"วันนี้ทําได้ดีมาก กดไลค์"เย่จื่อหยางถูกล้อให้หัวเราะแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังและดื่มเหล้าไปด้วย "แต่ก็ยังทําเธอได้รับบาดเจ็บนะ"ซ่งเสี่ยวเชียนคีบเนื้อชิ้นใส่ในชามของเขา "แผลเล็กน้อยแค่นี้เอง คุณโทษตัวเองแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผิดนะ" ซ่งเสี่ยวเชียนกะพริบตาให้เขา เย่จื่อหยาง

  • ของรักท่านนายพล   ตอนที่ 73: อาย

       "คุณหมายความว่าไง?"ซ่งเสี่ยวเชียนถามเขาอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางหุบปากไม่พูดถึงอีกแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนนิสัยขี้โวยวายแบบเธอ ถ้ามีคนจะลักพาตัวเธอไป คงต้องตะโกนเสียงดังออกมาแน่ ทั้งถนนคงรู้ว่าคนที่จะลักพาตัวเธอไปคือพวกค้ามนุษย์  เงียบไปสักพัก เย่จื่อหยางก็ถามว่า "ยังโกรธอยู่หรอ""ทําไมจะไม่โกรธ!? คุณคิดว่าแค่ไม่กี่คําก็สามารถปลอบฉันได้หรอต้องชดใช้" ซ่งเสี่ยวเชียนเอื้อมยื่นมือไปขอสิ่งของจากเย่จื่อหยาง เขาผลักมือออกแล้วบอกว่าไม่มี ซ่งเสี่ยวเชียนก็กระโจนเข้ามากัดเขา ครั้งนี้เย่จื่อหยางฉลาดขึ้น เขาหลบอย่างไว ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนกัดเพียงว่างเปล่า  แค่วินาทีเท่านั้น ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอกับเขาเหมือนคนรักกัน การสัมผัสร่างกายเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้น่าอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยังกล้าที่จะกัดเขาด้วยจากนั้นเธอก็เขิลอายแล้ว ทําไมตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้วินาทีต่อมาเธอก็นึกถึงสิ่งที่สําคัญมาก "คุณปู่ของคุณบุกเข้ามาที่บ้านเมื่อวันก่อน"ทันใดนั้นสีหน้าของเย่จื่อหยางก็เปลี่ยนไป ถามอย่างจริงจังว่า "หมายความว่าอะไร"

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status