ใช่แล้ว เย่จื่อหยางวัย 30 ปียังไม่แต่งงานและไม่มีแฟน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแต่งงาน แต่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางทหารของเขา
เพราะเขามีความสามารถรอบด้าน ละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีผลงานยอดเยี่ยม ผู้บังคับบัญชาจึงเห็นคุณค่าของเขาเสมอ ตราบใดที่งานเล็กหรือใหญ่เหมาะกับเขา ผู้บังคับบัญชาก็จะมอบหมายให้เขา เขามีภาระหน้าที่มากขึ้นและ มีโอกาสทำภาระกิจมากขึ้น ยศก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อันตรายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆและเขาจะไม่ไปดูตัวเพื่อการแต่งงานเด็ดขาด เพราะเขายังไม่สามารถให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความปลอดภัยได้ ขณะที่เขาทำภารกิจชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา
คุณปู่มอบแหวนให้เย่จื่อหยาง ซึ่งแม่ของเขาได้ทิ้งไว้ เดิมทีมีไว้สำหรับลูกสะใภ้ในอนาคต แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปเจอแม่ของเขาในวาระสุดท้าย
กลับมาที่กองทัพ ทุกคนรู้เรื่องของเขา ผู้บัญชาการต้องการให้เขาลาหยุดสามเดือนเพื่อให้เขาได้พักผ่อนจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย แต่เขาปฏิเสธ และเขาก็ไม่หยุดพัก ยังนำกองทหารฝึกตามปกติและปฏิบัติภารกิจตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เขาซึ่งแต่เดิมเป็นคนพูดน้อยกลับยิ่งเงียบและจริงจังกว่าเดิม
เขาหลีกเลี่ยงเรื่องนี้เป็นเวลาหนึ่งปีและทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้เขาจะบังคับตัวเองให้ลืมมัน จากนั้นเขาจะฝึกซ้อมให้มากขึ้น ทำตัวให้ยุ่ง และพยามทำภารกิจเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง และภายใน1ปี เขาก็ได้เลื่อนยศเป็นพันเอก แต่เขาไม่เคยยิ้ม และเย็นชามากกว่าเดิม
คืนนี้ เขาไม่ได้หนีอีกต่อไป เขาหวนนึกถึงความทรงจำทีละนิด ยิ่งกว่านั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขานึกถึงฉากต่อฉากเหมือนในหนัง ถือแหวนไว้ในมือและเล่นกับมัน นี่เป็นเพียงของที่ระลึกสิ่งเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้เขา
แม้ว่าแม่ของเขาจะทิ้งอะไรไว้มากมายในบ้านหลังนั้น แต่เขาก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านนั้นอีกเลย และสิ่งเดียวที่อยู่กับเขาก็คือแหวนวงนี้
ซ่งเสี่ยวเชียน เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเย่จื่อหยาง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอก็ยังสังเกตได้ว่าเขาเศร้ามาก ซ่งเสี่ยวเชียน รู้สึกได้ แม้ว่าใบหน้าของ เย่จื่อหยาง จะไม่มีร่องรอยของความเศร้าก็ตาม
หนุ่มหล่อผู้ทรงพลังเช่นนี้จะรู้สึกเศร้าใจได้อย่างไร? ซ่งเสี่ยวเชียนเกิดความสนใจมากขึ้น
ซ่งเสี่ยวเชียน คิดที่จะลองไปหยั่งเชิงเปิดบทสนทนากับเขาก่อน และดื่มไวน์อีกสองสามจิบเพื่อเพิ่มความกล้าหาญของตัวเอง เธอยืนขึ้น เลือดของเธอพุ่งไปที่หัวของเธอ และเธอก็มึนหัวมากยิ่งขึ้น เธอเดินโซเซไปที่ด้านหลังของเย่จือหยาง และในที่สุดเธอก็ไม่สามารถคุมร่างกายตัวเองให้ยืนนิ่งได้ และทั้งร่างก็ล้มลงบนตัวของเย่จื่อหยาง
ปฏิกิริยาของเย่จื่อหยาง นั้นรวดเร็วมาก เขายื่นมือออกไปโอบไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน ปล่อยให้เธอจับตัวพยุงที่ยืนนิ่งอย่างช้าๆ ซ่งเสี่ยวเชียน ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า
"ขอบคุณ"
เย่จื่อหยาง ไม่ตอบอะไรเธอ ปล่อยมือที่พยุงเธอออกและดื่มเหล้าของเขาต่อไป ด้วยเหตุการณ์ที่ได้ใกล้ชิดแบบไม่คาดคิด ทำให้ซ่งเสี่ยวเชียน เกิดความกล้าขึ้นเล็กน้อย เธอจึงเริ่มที่จะนั่งข้างๆ เย่จื่อหยาง พยายามที่จะชวนคุย แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจนซ่งเสี่ยวเชียน รู้สึกว่าคนคนนี้เป็นใบ้?
ช่างเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับเธอในฐานะผู้หญิง เธอรู้สึกโกรธเมื่อเห็นว่าเขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ก่อนที่เขาจะจิบมันอีกครั้ง ซ่งเสี่ยวเชียนจึงคว้าแก้วเหล้าของเขาและเอาส่วนที่เหลือไปดื่ม หลังจากดื่มจนหมด เธอใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากอย่างผู้ชนะ แล้วแย่งแหวนจากมืออีกข้างที่เหมือนจะเล่นมานาน
“ดูเหมือนคุณจะชอบแหวนวงนี้มากใช่ไหม เมื่อกี้คุณถือมันอยู่ในมือตลอด แหวนวงนี้คงมีเรื่องราวอะไรซินะ เล่าให้ฉันฟังซิ!”
ขณะที่เธอพูด ซ่งเสี่ยวเชียนก็หันหลัง และเธอและสวมแหวนลงบนนิ้วของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้ม
"คุณดูซิฉันสวมแหวนวงนี้แล้วดูสวยไหม!?"
!!
เย่จื่อหยาง ขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปเอาแหวนกลับมา แต่ ซ่งเสี่ยวเชียนกลับมีทีท่าจะหนีไป เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าวโดยลืมไปว่าตัวเองเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์สุดแรง เธอเริ่มเวียนหัวอีกครั้ง เย่จื่อหยางเดินเข้าไปหาเธอ ทีละก้าวทีละก้าวแล้วจับมือเธอเตรียมจะถอดแหวนออกซ่งเสี่ยวเชียนยังอยู่ในอาการมึนหัวแต่ก็ไม่ยอมให้เขาถอดแหวนออกไปง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงกำมือแน่น เย่จื่อหยางบีบข้อมือเธอแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง"ปล่อย!" "อ่า คุณไม่ได้เป็นใบ้นี่เอง"ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากที่เขาไม่มีปฏิกิริยาต่อเธอเมื่อกี้นี้ ประกอบกับความล้มเหลวในการดูตัวเมื่อตอนกลางวัน และสิ่งที่แม่ของเธอพูดกับเธอ เธอพูดเสียงดังแบบไม่ได้สติว่า"ตอนนี้แหวนของคุณสวมอยู่ในนิ้วของฉันแล้ว ฉันก็คือภรรยาของคุณ!”เดิมที เย่จื่อหยาง ไม่ควรจะถือคำพูดไร้สาระจากคนเมา แต่เมื่อเห็นแหวนบนมือของซ่งเสี่ยวเชียน ทำให้นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาเมื่อปีที่แล้ว แหวนวงนี้มีแค่ภรรยาของลูกเท่านั้นที่จะสามารถใส่มันได้!เขาไม่ได้เชื่อโชคลาง ไม่เชื่อโชคลางแม้สักนิดเลย แต่วันนี้ในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่ของเขา มีหญิงสาวจากไหนไม่รู้คนหนึ่งสวมแหวนที่แ
ภายในไม่กี่วันหลังจากการแต่งงานแบบฟ้าแลบของพวกเขา ซ่งเสี่ยวเชียนขาดการติดต่อจากเย่จื่อหยางอย่างสิ้นเชิง กลับกัน ซ่งเสี่ยวเชียนอยากจะติดต่อเย่จื่อหยางเธอก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์เขาเมื่อภารกิจของเย่จื่อย่างสิ้นสุดลง แต่เขาถูกหามกลับไปบนเปล กระดูกขาหัก หลังจากพันผ้าพันแผลแบบง่ายๆ เฮลิคอปเตอร์ก็นำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลของรัฐในเมืองหลวง ส่งตัวเข้ารับผ่าตัดทันที หลังจากนั้นหมอผ่าตัดได้ทำการผ่าตัดทันถ่วงที ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างสำเร็จ แค่พักผ่อนให้มากๆ ขาของคุณในไม่ช้าก็จะหายดี สมาชิกในทีมที่มากับ เย่จื่อหยางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเย่จื่อหยางยังคงอยู่ในอาการโคม่าก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ไป และในช่วงบ่ายเขาน่าจะตื่น น่องขาขวาอยู่ในเฝือกและดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ไม้ค้ำอยู่ระยะหนึ่งแม้แต่สมาชิกในทีมยังคิดว่ามันแปลกที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ภารกิจสืบสวนดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อพวกเขาถอยกำลังกลับ เย่จื่อหยางก็ก้าวเข้าไปในกับดักด้วยขาขวาของเขาและติดกับดักที่น่อง เขาได้รับบาดเจ็บและ กระดูกแตกหักและเกือบจะถูกศัตรูพบเข้า มันเป็นความประมาทอย่างมาก ความผิดพลาดครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลา
“ซ่งเสี่ยวเชียน คุณทำอะไรอยู่ข้างนอก เรียกให้คุณมาดูคนไข้ทำไมคุณไม่ตั้งใจเลย” ศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์กวักมือเรียกซ่งเสี่ยวเชียนให้ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนตอบกลับ“ค่ะ” เอามือปัดๆ เสื้อกาวน์ หลังจากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่ถังซุน ก่อนจะหันศีรษะกลับไปอย่างเย็นชา และรีบตามอาจารย์แพทย์ที่พาเธอเข้าไปในวอร์ดข้างในมีผู้ป่วยสามถึงสี่คน บางคนมือหักบางคนขาหัก แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นแค่กระดูกหัก ไม่ใช่กระดูกหักทั้งหมด... อาจารย์แพทย์อธิบายให้ซ่งเสี่ยวเชียน ฟังมากมาย และ ซ่งเสี่ยวเชียนสับสนมึนงงไปหมด ดูเหมือนคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังอะไรเลย จริงๆ แล้วช่วงนี้เธอเหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ช่วงสองสามวันนี้เธอคิดถึงแต่เย่จื่อหยาง ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว แต่หลังจากวันนั้นโทรศัพท์สักสายก็ไม่ติดต่อมาหาเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนหลอก อาจารย์แพทย์ที่พาเธอเดินสำรวจคนไข้เห็นเธอใจเหม่อไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงตำหนิเธอให้ตั้งใจมากกว่านี้ หลังจากการอธิบายที่แสนยาวนาน ในที่สุดอาจารย์แพทย์ก็มีธุระต้องไปสะสางเรื่องอื่น ทำให้เธอถอดหายใจด้วยความโล่งอกบังเอิญผ่านห้อง
“เย่จื่อหยางทำความเคารพ "ผู้บัญชาการ!" หลู่เซียงหรงโบกมือห้าม "คุณได้รับบาดเจ็บ ทำไมคุณถึงทักทายด้วยล่ะ พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วฉันจะมาถามสถานการณ์และบันทึกมันตามปกติ"หลู่เซียงหรง และ เย่จื่อหยาง เป็นพี่น้องกันมานานกว่าสิบปี เขาอายุมากกว่าเย่จื่อหยางไม่กี่ปี เนื่องจากเขาเข้าร่วมกองทัพเร็วกว่า อย่างไรก็ตามทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก หลังจากที่รู้จักพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาเคยออกไปทำภารกิจด้วยและไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างมาก หลู่เซียงหรง จดบันทึกอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย และถามขึ้นทันทีว่า"นายแจ้งพ่อของฉันเกี่ยวกับขาที่หักของฉันหรือยัง?"หลู่เซียงหรงหยุดเขียน เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "เขาไม่มาหานายเหรอ?" เมื่อมองอีกครั้งใบหน้าของ เย่จื่อหยางก็แสดงอารมณ์ผิดหวังเล็กน้อย และ หลู่เซียงหรง ก็เข้าใจทันที เขาตบไหล่เขาและปลอบโยน"พ่อนาย เป็นเจ้านายของบริษัทใหญ่ เขาคงจะยุ่งมาก น่าจะมาหานายทีหลัง ฉันแจ้งนายพลเย่ด้วย และเขาก็บอกทางโทรศัพท์ว่าเขาจะมา”นายพลเย่ที่หลู่เซียงหรงพูดถึงก็คือปู่ของ เย่จื่อหยางนั้นเอง เขาสวมชุดทหารมาครึ่งชีวิตและประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน ปีนี้เ
“พ่อของแกยุ่ง แกก็รู้ เขาอาจจะไม่มีเวลามานะ ถ้าแกต้องการอะไรบอกฉันได้ ฉันให้คนจัดการให้” คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงทื่อๆและคุณย่าค่อยๆพับแขนเสื้อเขาขึ้น เย่จื่อหยางเหลือบมองพวกเขา "พวกคุณกลับไปเถอะ ผมอยู่เองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ"คุณปู่อารมณ์เสียเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงยกไม้ค้ำขึ้นตีที่ตัวและมือสองสามครั้ง อยากตีต่อแต่ถูกภรรยาห้ามไว้ “ตีอะไรของคุณ! มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันไม่ได้เหรอ? จื่อหยาง ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้ คุณปู่พูดอะไรแค่เออออไปด้วยก็พอแล้ว ทำไมต้องทำตัวต่อต้านกับท่านขนาดนั้น ” “แล้วพวกคุณมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมผมจริงๆเหรอ? ตอนที่ฉันถูกจับเป็นตัวประกันโดยเจ้าพ่อค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำที่ยูนหนาน ถูกพวกเขาทรมานจนแทบจะหมดลมหายใจ พวกคุณมาเยี่ยมหรือเปล่า? “น้ำเสียงของ เย่จื่อหยาง เต็มไปด้วยความดูถูก“ไอ้เด็กเวรนี่! วันนี้ฉันจะตีแกให้ตาย!” คุณปู่ยกไม้เท้าขึ้นสูงเหนือศีรษะ คาดว่าถ้าฟาดลงครั้งนี้อาจเจ็บจนตีลงครั้งจะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว คุณย่ารีบคว้าไม้เท้าออกจากมือ“ฉันทุบหลานจนตาย!” มาดูกันว่าใครจะสืบทอดตระกูลเย่ของคุณ!"หลังจากตะโกนแบบนี้ คุณป
ในมือขวาของเขาพิงไม้ค้ำยัน เฝือกที่ขาขวาของเขายังไม่ได้ถูกถอดออก เย่จื่อหยางเดินไปตามทางเดินด้วยความยากลำบากและกำลังจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหัวหน้ากองพลพิเศษ เขาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวว่องไว ไม่คิดว่าตอนนี้แค่เดินแต่ละก้าวยังยากลำบากเชื่องช้าเหมือนหอยทากแบบนี้ พยาบาลต้องการที่จะมาพยุงเขา แต่เขาผลักเธอออกไป ตอนนี้แค่เขาเดินยังต้องมีคนคอยพยุง ? เกียรติของลูกผู้ชายเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ห้องน้ำอยู่สุดทางเดิน ใกล้กับบันไดและทางเข้าลิฟต์ด้วย เมื่อเขาเดินไปที่ห้องน้ำประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที เย่จื่อหยาง เพียงเหลือบมองเพื่อดูว่าเป็นผู้ชายหรือผู้ชาย ผู้หญิง ใครจะรู้ว่าคน ๆ นั้นบังเอิญเป็นซ่งเสี่ยวเชียน !ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังทำธุระให้กับแพทย์ที่เป็นผู้นำการฝึกงานของเธอในวันนี้ เธอไปที่ชั้น 4 ของอาคารฟื้นฟูสมรรถภาพทหารเพื่อขอข้อมูลจากคุณหมอหลิว แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเย่จื่อหยางเมื่อประตูลิฟต์เปิด!ซ่งเสี่ยวเชียนเบิกตากว้าง ปากของเธอเปิดและปิดราวกับว่าเธอมีอะไรจะพูดมากมาย แต่เธอก็ไม่ส่งเสียง เย่จื่อหยางกลับสงบขึ้นมองเธอหัวจรอดปลายท้ายหนึ่งรอบ เธอ
"หัวเราะบ้าอะไรของคุณ! ใครเป็นภรรยาของคุณ? ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ! ฉันต้องการหย่ากับคุณ!" ความแรงที่เธอหยิกลงไปบนหน้าของเย่จื่อหยางแรงจนทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจึงไปหยิกที่คอของเขาแทน ความล้มเหลวในการต่อต้านของ เย่จื่อหยาง ไม่ได้เกิดจากการที่เขาไม่มีกำลังที่จะป้องกันตัว แต่เป็นเพราะ ซ่งเสี่ยวเชียนมาถึงก็ทับขาที่บาดเจ็บของเขาไว้ ตีตรงเฝือกน่าจะดีกว่า"ขา! มันเจ็บ! เจ็บเจ็บคุณฆ่าสามีของคุณเหรอไง!" ซ่งเสี่ยวเชียนรีบลุกขึ้น ทั้งงุดหงิดทั้งอารมณ์เสีย แต่ถ้ามันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง เธอเองก็คงจะรู้สึกผิดเล็กเช่นกัน"คุณก็เก็บขาคุณให้ดีๆซิ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!"เย่จื่อหยางกอดขาของเขาและจ้องมองเธอ ในที่สุดใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบในที่สุด"น่ารำคาญ ฉันจะพักผ่อน! รีบทำตามที่ฉันบอกเร็ว ๆ และอย่าลืมปิดประตูเมื่อคุณออกไปด้วย!""ฉันไม่ยอมย้ายมาอยู่กับคุณแน่! ฝันไปเถอะ!" ซ่งเสี่ยวเชียนหันหลังเดินออกไปและกระแทกประตูเสียงดังหลังจากนั้นเธอก็ลืมไปเลยว่าจะไปหาหมอหลิวเพื่อเอาเอกสารและเมื่อเธอกลับไปทำห้องศัลกรรมแพทย์เธอก็ถูกอาจารย์หมอตำหนิเธออีกครั้ง ซ่งเสี่
“พี่สะใภ้ ใจเย็นๆ หัวหน้ากลัวว่าคุณจะหาทางไม่เจอจึงบอกให้เราพาคุณกลับบ้าน คุณแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้ว” ทหารที่อยู่ตรงกลางแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้ซ่งเสี่ยวเชียน ซ่งเสี่ยวเชียนขยี้ตาเธอเพื่อที่เธอจะไม่โดนพวกมันหลอก! “ออกไป! ฉันจะไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้าทั้งนั้น! คิดว่าฉันโง่หรือไง!”“พี่สะใภ้งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ หวังว่าหลังจากนี้อย่าโกรธแค้นพวกเราเลยนะครับ พวกเราก็รับฟังคำสั่งของหัวหน้ามาด้วยเหมือนกัน” โบกมือ ทั้งสองคนด้านหลังประกบซ่งเสี่ยวเชียนทันที ก่อนที่ซ่งเสี่ยวเชียนจะมีเวลาต่อต้าน พวกเขาก็จับเธอได้ นำตัวออกจากห้อง และพร้อมที่จะลงไปชั้นล่าง"เฮ้! พวกคุณกำลังลักพาตัวฉัน ฉันอยากจะฟ้องพวกคุณ! ฟ้องคุณในศาลทหาร! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไร! ปล่อยฉันไป!" ซ่งเสี่ยวเชียนเตะเท้าของเธอขึ้นไปในอากาศ แต่ คนสองคนจับเธอไว้ มีพลังมหาศาล ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนพวกเขาก็จับเธอไว้แน่นโดยไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเลยทหารที่เหลืออยู่ในห้องกล่าวขอโทษพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนว่า "ขอโทษทั้งสองท่าน ในอนาคตหัวหน้าของเราจะมาอธิบายให้ทั้งสองท่านฟังด้วยตัวเอง ผมขอตัวก่อนครับ!" พ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนมองหน้าก
บรรยากาศในห้องค่อนข้างอึมครึม และซ่งเสี่ยวเชียนกำลังจะออกไปข้างนอกอย่างท้อแท้ เมื่อเย่จื่อซินกลับมาพร้อมถุงอาหารขนาดใหญ่แล้วพูดว่า "พี่ ฉันซื้ออาหารของโปรดทั้งหมดของพี่มาให้พี่ด้วย เอ้าลุกขึ้นมากินข้าวเร็ว" ซ่งเสี่ยวเชียนมองดูจานมันเยิ้มออกมาจากถุงทีละจาน และคัดค้านในทันทีว่า "ไม่ได้ เขากินอาหารมันเยิ้มแบบนี้ไม่ได้แล้ว! ทั้งหมดกินไม่ได้!" "ทำไมกินไม่ได้ล่ะ พี่ของฉันแค่บาดเจ็บที่ขา ไม่ใช่เพราะกระเพาะสักหน่อย!" เย่จื่อซินโต้กลับ “กินไม่ได้ก็คือกินไม่ได้! มันเยิ้มเกินไปจะทำให้แผลสมานช้า! เอามาให้ฉันทั้งหมดเถอะ! ฉันเตรียมอาหารเย็นให้เขาแล้ว!” นำอาหารทั้งหมดกลับเข้าไปในถุง หลังจากนั้นซ่งเสี่ยวเชียนรีบไปโดยเร็วที่สุด ถือโจ๊กจืดๆเข้ามาด้วยตัวเอง“ยังร้อนอยู่ รีบกินเร็วๆ” ชามโจ๊กพร้อมซุปใสและน้ำเล็กน้อยวางอยู่ตรงหน้าเย่จื่อหยาง และเขาก็เบื่ออาหารในทันที“ฉันอยากกินเนื้อ!” เย่จื่อหยางพูดในสิ่งที่ในใจของเขาคิด "ในนี้ก็มีเนื้ออยู่นะ" ซ่งเสี่ยวเชียนใช้ช้อนค้นๆตักเนื้อฉีกชิ้นเล็กๆ “ฉันอยากกินเนื้อผัดพริก!”“ได้ แต่คุณต้องรอจนกว่าคุณจะเอาเฝือกออก และเอกซเรย์กระดูกและกล้ามเนื้อก็หายดีแล้
“ความคิดสกปรกคืออะไร คุณรู้หรอว่าฉันคิดอะไรในหัว เมื่อกี้คุณคิดเรื่องมันสกปรกใช่ไหม” ซ่งเสี่ยวเชียนยั่วยุเย่จื่อหยางอย่างโจ่งแจ้งเย่จื่อหยางโยนไม้ค้ำยันที่ตั้งไว้ออกไป เหยียดแขนยาวออก วางมือบนไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน หลังจากนั้นทิ้งตัวพิงบนตัวเธอ ใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียนซีดเผือกด้วยความตกใจ "คุณ คุณ คุณ! คุณกำลังทำอะไร! ปล่อยนะ บอกว่าอย่าใกล้ชิดกันเกินไปไง!” “ช่วยพาฉันไปเข้าห้องน้ำ!” เย่จื่อหยางพิงตัวเข้าหาเธอเช่นนี้ โดยคลุมซ่งเสี่ยวเชียนไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วใช้แขนอีกข้างของเขาโอบเอวของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่งข้างหูเธอซ่งเสี่ยวเชียนต้องการต่อต้าน แต่เขาแข็งแกร่งเกินไปและล็อคเธอไว้แน่น "ไอ้คนลามก! ฉันจะพาคุณเข้าห้องน้ำได้ยังไง ถ้าคุณกอดฉันแบบนี้!?" สมองน้อยๆของเธออยู่ในภาวะสับสน พูดจาไม่รู้ผิดหรือถูกเย่จื่อหยางมองดูท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเธอ แล้วยิ้ม เขาทำแบบนี้เพื่อดูท่าทางที่กระสับกระส่ายของเธอ เมื่อกี้เธอล้อเลียนเขา ตอนนี้เขาแค่ลองไปแค่หนึ่งท่า ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้ว น่าสนุกจริงๆมือคลายเล็กน้อยและ ซ่งเสี่ยวเชียนก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำเธอพยุงเขาไปที่ห้องน้ำ เม
ในตอนเย็น เย่จื่อซิน สาวสวยสวมกระโปรงสั้นและเข้าไปในอาคารฟื้นฟูทหาร ทุกคนตกตะลึง เมื่อเธอเข้าไปในพัก 410 เธอเห็นพี่ชายของเธออ่านหนังสือจึงรีบวิ่งไปหาเขาพร้อมกับร้องไห้ในอ้อมแขนของเขา "พี่ ฉันถูกรังแก พี่ต้องล้างแค้นแทนฉันได้นะ ฮื้อๆ! เย่จื่อหยางมองดูการแต่งตัวของเย่จื่อซินอย่างใจเย็น และถอนสายตาออกไปโดยไม่อยากที่จะมอง “เธอใส่ชุดอะไรเธอ ไว้คราวหน้าฉันเห็นเธอแต่งตัว อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!” น้องสาวของเขาจะถูกคนอื่นรังแก? เย่จื่อหยางถูกตีให้ตายก็ไม่เชื่อคุณปู่เลี้ยงดู เย่จือซินมาตั้งแต่เด็ก คุณปู่เกิดมาเพื่อเป็นทหาร แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาว แต่เธอยังคงโดนฝึกสอนอย่างเข้มงวดศิลปะการต่อสู้ ยิวยิตสู และมวยทหาร เธอฝึกฝนทุก ๆ ดังนั้นเย่จื่อซินตอนเด็กจึงเหมือนกับเด็กผู้ชายจนกระทั่งอายุได้ 15 -16 ปี เริ่มรู้จักฉันวิธีต่อต้าน ฉันจึงเลิกฟังคุณปู่ ไว้ผมยาวและสวมกระโปรง ยิ่งโชว์เท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ อาจจะเป็นว่าตอนเด็กไม่เคยได้สวมใส่อะไรสวยๆงามๆ โตขึ้นมาจึงคิดว่าเป็นปมในใจ ยิ่งส่งไปต่างประเทศก็ยิ่งไว้เข้าไปใหญ่ ส่งรูปถ่ายกลับมา มีแต่เพื่อนแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด โชคดีที่คุณปู่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
เย่จื่อหยางพูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยว่า "พวกเราก็ถึงขั้นนั้นกันนานแล้ว" "ถุ้ย! ฉันจะถือว่าโดนหมากัด! อย่างไรก็ตาม เมื่อครบหนึ่งปีฉันจะหย่า!" อย่าพูดถึงเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจได้ไหมในใจของซ่งเสี่ยวเชียนคงจะมีเลือดหยด ติ๋ง ติ๋งแล้ว!"ฮึ่ม ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน" เย่จื่อหยางหันหลังให้ซ่งเสี่ยวเชียนและกำลังจะเข้านอนอีกครั้ง แต่ซ่งเสี่ยวเชียนอยากที่จะบีบคอเขาให้ตาย สำหรับเธอไม่มีความเคารพต่อเขาแม้แต่น้อย!“นอน นอน นอนทั้งวัน เป็นหมูหรือไง !”ความคิดเห็นของ ซ่งเสี่ยวเชียนที่มีต่อเย่จื่อหยาง กองพะเนินเทินทึก แต่งานพยาบาลเริ่มทำให้เธอบ่นอีกครั้ง นี่มันพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ ต้องการของใช้ประจำวันก็ต้องให้เธอไปซื้อ ซักเสื้อผ้ากางเกงก็ต้องเธอซัก! แล้วที่แย่ที่สุดคือเธอต้องซักแม้กระทั้งกางเกงชั้นในของเขาด้วยซ้ำเย่จื่อหยางทำตัวไร้ยางอายได้ แต่ซ่งเสี่ยวเชียนทำไม่ได้ ตอนแรกเธอไม่กล้ามองกางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอกับชินกับมัน และเธอก็ปฏิบัติต่อกางเกงชั้นในเหมือนผ้าชิ้นหนึ่ง และเธอก็ยอมรับมันอย่างสมบูรณ์แบบวันหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังถืออ่างใส่เสื้อผ้าและกางเกงขายาวที่ซักแล้ว และกำลังจะพานำผ้าไปที่ร
เย่จื่อหยางมองไปที่ ซ่งเสี่ยวเชียนอย่างเสน่หา ซ่งเสี่ยวเชียนถูกดึงดูดด้วยดวงตาที่ลึกล้ำน่าลุ่มหลงของ เย่จื่อหยางอยู่ครู่หนึ่ง และสิ่งที่เขาพูดก็น่าสนใจมากเช่นกัน แต่หลังจากผ่านไปสิบวินาที ซ่งเสี่ยวเชียนก็หรี่ตาลง "อย่าคิดจะใช้สายตาที่น่าหลงไหลนั้นมาทำให้ฉันสับสน ฉันจะไม่ยอมถูกหลอก!” เธอพูดอย่างระมัดระวัง "คุณเป็นคนของผมแล้ว คุณจะแต่งงานกับใครได้อีก?" เย่จื่อหยางตัดสินใจใช้ไม้ตาย ซึ่งทำให้สีใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียน เปลี่ยนเป็นกังวลและสับสน "คืนนั้น... คุณ คุณจริงๆ...? พวกเรา?" ซ่งเสี่ยวเชียนสับสนมากจนเธอพูดไม่ชัดเจน “คุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้าใช่ไหม?” เย่จื่อหยางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขามีสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ซ่งเสี่ยวเชียนตื่นตระหนก น่ากลัว น่ากลัวมากเนื่องจากวันนั้นเธอเมาเกินไป ความทรงจำของซ่งเสี่ยวเชียนจึงยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนปริศนาที่เธอจึงต้องค้นหามันอย่างละเอียดแล้วจึงค่อยๆรวบรวมให้เป็นแผ่นเดียวกัน ถึงจะสามารถจดจำได้ เธอตื่นขึ้นมาในโรงแรมโดยไม่สวมเสื้อผ้า แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นไปไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้น เธอคิดเสมอว่าคืนนั้นไม
“พี่เย่ คุณปู่บอกว่าพี่เข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงจึงกลับมาหาพี่จริงๆ แล้วยังมาหาว่าฉันมาก่อเรื่องให้พี่อีก? พี่ หรือว่าพี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?” เย่จื่อซินเปลี่ยนจากผู้หญิงชั่วร้ายอำมหิต กลายเป็นลูกแมวน้อยในทันที ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับพบกลืนน้ำลายอีกครั้ง แม้ว่านิสัยจะรุนแรงไปบ้าง แต่ว่าสิ่งสำคัญคือหน้าตาอ่า สวยสุดๆ ซ่งเสี่ยวเชียนซึ่งแอบฟังอยู่ข้างนอกประตูเช็ดปากของเธอและมีอาการขนลุกไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่มีเด็กผู้หญิงเช่นนี้ “เข้าใจแล้ว ทีนี้ก็เห็นแล้ว ฉันไม่เป็นอะไร พักผ่อนเดือนกว่าๆ ก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้ว เธอกลับไปได้แล้ว”“พี่เดินยังต้องใช้ไม้เท้านะ! นิคือไม่เป็นอะไรแบบนี้ทำอะไรก็ไม่สะดวก ให้ฉันอยู่ดูแลพี่เถอะ ฉันพยุงพี่เข้าห้องน้ำได้ ยังช่วยพี่อาบน้ำได้ด้วยนะ” เย่จื่อซินยิ้มด้วยสีหน้าทะเล้น ผู้เห็นเหตุการณ์กลืนน้ำลายอีกครั้ง แกล้งชี้แขนชี้ขาของพวกเขา “คนสวย ฉันก็บาดเจ็บเหมือนกัน คุณช่วยดูแลฉันด้วยได้ไหม” “ไม่จำเป็นหรอก มีพี่สะใภ้ของเธออยู่ที่นี่ เธอเป็นหมอ เธอสามารถดูแลพี่ได้ดีกว่าเธอ” เย่จื่อหยางมองผ่านรอยแยกของประตู เขารู้ว่าใครกำลังแอบฟ
หลังจากที่ซ่งเสี่ยวเชียนพูดจบ เย่จื่อหยางก็เงียบไปสักพักแล้วพูดว่า "ซ่งเสี่ยวเชียน คุณเป็นคนไม่มีหัวคิดหรือเปล่า" "คุณยังกล้าด่าฉัน!?" ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากอยากจะรีบกระชากคอและตายไปพร้อมกับเขา แต่ใครจะรู้ เธอเดินเร็วเกินไปทำให้เท้าข้างหน้าขัดกับเท้าด้วย ตัวเธอเซล้มลงบนเตียงของเย่จื่อหยางทุกคนจ้องมองอย่างตกตะลึง ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังกระโจนใส่เย่จื่อหยาง เขาวางหนังสือลงจากมือ และภายในหนึ่งในสามวินาที ซ่งเสี่ยวเชียนก็ล้มลงบนร่างของเย่จื่อหยาง เขาคว้ามือของเธอและพยุงเธอไว้ แต่ริมผีปากของพวกเขากลับสัมผัสกันแล้วเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปสักพัก และทุกคนก็จ้องมองพวกเขาสองคนที่กำลังจูบกันในท่านี้อย่างอึ้งๆ ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วก็มีเสียงกรีดร้องเสียบหูของผู้หญิงคนหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนคิดในใจว่า ฉันยังไม่ร้องเลย ใครหน้าไหนมีสิทธิ์มากรีดร้อง "แก! แก! ยัยผู้หญิงลามก ลุกขึ้นจากตัวพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี่!"เสียงหวานป่นเลี่ยนทำให้ ซ่งเสี่ยวเชียนขนลุกไปทั้งตัว แต่เธอลืมไปว่าริมฝีปากของเธอยังคงสัมผัสอยู่กับเย่จื่อหยาง เขาควบคุมสติแล้วใช้แขนพยุงให้เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า"คุณจะจูบอีกนานไ
หมุนที่จับประตูเบา ๆ และเสียงปัง ประตูก็เปิดออก หัวใจของซ่งเสี่ยวเชียนแทบจะกระออกมา ไม่คาดคิด ประตูถูกเธอเปิดออกอย่างง่ายดาย... เมื่อเปิดประตู เธอยื่นศีรษะออกไปเพื่อดูว่ามีใครคอยเฝ้าอยู่รอบๆ หรือไม่ ไม่มีแม้แต่เงา อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ป้าคนหนึ่งถือถุงขยะลงมาจากชั้นบนและมองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังแอบย่องไปรอบประตูอย่างน่าสงสัย อาคารนี้ไม่สูงมากมีเพียงชั้น 6ชั้น แม้ว่าจะมีลิฟต์ แต่ทุกคนเลือกที่จะเดินลงบันไดและทุกคนที่ขึ้นลงก็คุ้นเคยกับมันมาก ความลับๆล่อๆของ ซ่งเสี่ยวเชียนดึงดูดความสนใจของป้าได้อย่างสมบูรณ์ซ่งเสี่ยวเชียนปิดประตู เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของเธอเองอย่างรวดเร็ว สะพายกระเป๋า แล้ววิ่งหนีไปในสามวินาที เธอวิ่งตรงไปที่ถนนใหญ่ พบเจอกับค่ำคืนแห่ง "การลักพาตัวเฉียดตาย” เสี่ยวเชียนรู้สึกว่าความกล้าหาญของเธอได้เพิ่มขั้นอีกขั้นก่อนอื่นเธอต้องไปที่สถานีตำรวจ แล้วบอกว่ามีคนลักพาตัวเธอ! สารภาพความขมขื่น คนที่ลักพาตัวเธอยังเป็นทหารใส่ชุดลายพราง บ้านเราขาดระบบกฎหมายขนาดนี้เลยเหรอ! ? อย่าคิดว่าถ้าเธอไม่ได้กลับประเทศเป็นเวลาสิบปีแล้ว เธอจะถูกหลอกให้ไม่รู้กฎหมายของประเทศได้! เรื่องนี้ต
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนก็มองไปรอบ ๆ และจินตนาการว่าตัวเองเป็น เชอร์ล็อค โฮล์มส์ เพื่อดูว่าเธอจะหาลู่ทางที่จะหนีจากที่นี่ได้หรือไม่มีเสื้อเชิ้ตผู้ชายธรรมดาๆ เนคไท กางเกงยีนส์ สองสามตัว และชุดนอนสีเข้มสองสามตัวแขวนอยู่บนตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อเดินไปดูห้องหนังสือ ตู้หนังสือก็ล็อคทั้งหมด เปิดไม่ออก บนโต๊ะหนังสือมีคอมพิวเตอร์วางเอาไว้ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดมัน แต่ไม่มีอะไรในคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดดิสก์ก็ว่างเปล่าราวกับว่ามันถูกลบโดยใครบางคนมันดูผิดปกติเกินไป แม้ว่าจะไม่ได้ใช้มันเพื่อเก็บข้อมูลอะไร แต่ก็มักจะมีหน้าต่อไปบ้าง ประวัติดูหนังงี้ แต่นี่ไม่มีอะไรเลย ซ่งเสี่ยวเชียนสรุปว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ต้องถูกดัดแปลงและไม่สามารถเชื่อมต่ออะไรได้เลยเดินไปห้องน้ำดูอีกครั้ง มีแต่ของใช้สำหรับผู้ชายเหมือนเดิม หลังจากนั้น ไม่มีแล้ว ไปดูที่ห้องรับแขกก็ไม่มีอะไรเลย บ้านว่างทั้งหลังมีแต่ของจิปาถะกองพะเนินเท่านั้น หลังจากดูทั้งห้องแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกซะจากเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ หลังจากยุ่งเรื่องต่างๆเสร็จ ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อยและจำได้ว่า