ใช่แล้ว เย่จื่อหยางวัย 30 ปียังไม่แต่งงานและไม่มีแฟน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแต่งงาน แต่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางทหารของเขา
เพราะเขามีความสามารถรอบด้าน ละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีผลงานยอดเยี่ยม ผู้บังคับบัญชาจึงเห็นคุณค่าของเขาเสมอ ตราบใดที่งานเล็กหรือใหญ่เหมาะกับเขา ผู้บังคับบัญชาก็จะมอบหมายให้เขา เขามีภาระหน้าที่มากขึ้นและ มีโอกาสทำภาระกิจมากขึ้น ยศก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อันตรายก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน
ดังนั้นเขาจึงไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆและเขาจะไม่ไปดูตัวเพื่อการแต่งงานเด็ดขาด เพราะเขายังไม่สามารถให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความปลอดภัยได้ ขณะที่เขาทำภารกิจชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลา
คุณปู่มอบแหวนให้เย่จื่อหยาง ซึ่งแม่ของเขาได้ทิ้งไว้ เดิมทีมีไว้สำหรับลูกสะใภ้ในอนาคต แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปเจอแม่ของเขาในวาระสุดท้าย
กลับมาที่กองทัพ ทุกคนรู้เรื่องของเขา ผู้บัญชาการต้องการให้เขาลาหยุดสามเดือนเพื่อให้เขาได้พักผ่อนจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย แต่เขาปฏิเสธ และเขาก็ไม่หยุดพัก ยังนำกองทหารฝึกตามปกติและปฏิบัติภารกิจตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เขาซึ่งแต่เดิมเป็นคนพูดน้อยกลับยิ่งเงียบและจริงจังกว่าเดิม
เขาหลีกเลี่ยงเรื่องนี้เป็นเวลาหนึ่งปีและทุกครั้งที่เขาคิดถึงเรื่องนี้เขาจะบังคับตัวเองให้ลืมมัน จากนั้นเขาจะฝึกซ้อมให้มากขึ้น ทำตัวให้ยุ่ง และพยามทำภารกิจเพื่อให้งานสำเร็จลุล่วง และภายใน1ปี เขาก็ได้เลื่อนยศเป็นพันเอก แต่เขาไม่เคยยิ้ม และเย็นชามากกว่าเดิม
คืนนี้ เขาไม่ได้หนีอีกต่อไป เขาหวนนึกถึงความทรงจำทีละนิด ยิ่งกว่านั้น ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ของเขาเมื่อตอนที่เขายังเด็ก เขานึกถึงฉากต่อฉากเหมือนในหนัง ถือแหวนไว้ในมือและเล่นกับมัน นี่เป็นเพียงของที่ระลึกสิ่งเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้เขา
แม้ว่าแม่ของเขาจะทิ้งอะไรไว้มากมายในบ้านหลังนั้น แต่เขาก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านนั้นอีกเลย และสิ่งเดียวที่อยู่กับเขาก็คือแหวนวงนี้
ซ่งเสี่ยวเชียน เฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของเย่จื่อหยาง แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เธอก็ยังสังเกตได้ว่าเขาเศร้ามาก ซ่งเสี่ยวเชียน รู้สึกได้ แม้ว่าใบหน้าของ เย่จื่อหยาง จะไม่มีร่องรอยของความเศร้าก็ตาม
หนุ่มหล่อผู้ทรงพลังเช่นนี้จะรู้สึกเศร้าใจได้อย่างไร? ซ่งเสี่ยวเชียนเกิดความสนใจมากขึ้น
ซ่งเสี่ยวเชียน คิดที่จะลองไปหยั่งเชิงเปิดบทสนทนากับเขาก่อน และดื่มไวน์อีกสองสามจิบเพื่อเพิ่มความกล้าหาญของตัวเอง เธอยืนขึ้น เลือดของเธอพุ่งไปที่หัวของเธอ และเธอก็มึนหัวมากยิ่งขึ้น เธอเดินโซเซไปที่ด้านหลังของเย่จือหยาง และในที่สุดเธอก็ไม่สามารถคุมร่างกายตัวเองให้ยืนนิ่งได้ และทั้งร่างก็ล้มลงบนตัวของเย่จื่อหยาง
ปฏิกิริยาของเย่จื่อหยาง นั้นรวดเร็วมาก เขายื่นมือออกไปโอบไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน ปล่อยให้เธอจับตัวพยุงที่ยืนนิ่งอย่างช้าๆ ซ่งเสี่ยวเชียน ยิ้มให้เขาแล้วพูดว่า
"ขอบคุณ"
เย่จื่อหยาง ไม่ตอบอะไรเธอ ปล่อยมือที่พยุงเธอออกและดื่มเหล้าของเขาต่อไป ด้วยเหตุการณ์ที่ได้ใกล้ชิดแบบไม่คาดคิด ทำให้ซ่งเสี่ยวเชียน เกิดความกล้าขึ้นเล็กน้อย เธอจึงเริ่มที่จะนั่งข้างๆ เย่จื่อหยาง พยายามที่จะชวนคุย แต่เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจนซ่งเสี่ยวเชียน รู้สึกว่าคนคนนี้เป็นใบ้?
ช่างเป็นเรื่องที่น่าอายสำหรับเธอในฐานะผู้หญิง เธอรู้สึกโกรธเมื่อเห็นว่าเขาหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาจิบ ก่อนที่เขาจะจิบมันอีกครั้ง ซ่งเสี่ยวเชียนจึงคว้าแก้วเหล้าของเขาและเอาส่วนที่เหลือไปดื่ม หลังจากดื่มจนหมด เธอใช้หลังมือเช็ดริมฝีปากอย่างผู้ชนะ แล้วแย่งแหวนจากมืออีกข้างที่เหมือนจะเล่นมานาน
“ดูเหมือนคุณจะชอบแหวนวงนี้มากใช่ไหม เมื่อกี้คุณถือมันอยู่ในมือตลอด แหวนวงนี้คงมีเรื่องราวอะไรซินะ เล่าให้ฉันฟังซิ!”
ขณะที่เธอพูด ซ่งเสี่ยวเชียนก็หันหลัง และเธอและสวมแหวนลงบนนิ้วของตัวเอง พูดด้วยรอยยิ้ม
"คุณดูซิฉันสวมแหวนวงนี้แล้วดูสวยไหม!?"
!!
เย่จื่อหยาง ขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปเอาแหวนกลับมา แต่ ซ่งเสี่ยวเชียนกลับมีทีท่าจะหนีไป เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าวโดยลืมไปว่าตัวเองเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์สุดแรง เธอเริ่มเวียนหัวอีกครั้ง เย่จื่อหยางเดินเข้าไปหาเธอ ทีละก้าวทีละก้าวแล้วจับมือเธอเตรียมจะถอดแหวนออกซ่งเสี่ยวเชียนยังอยู่ในอาการมึนหัวแต่ก็ไม่ยอมให้เขาถอดแหวนออกไปง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงกำมือแน่น เย่จื่อหยางบีบข้อมือเธอแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง"ปล่อย!" "อ่า คุณไม่ได้เป็นใบ้นี่เอง"ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากที่เขาไม่มีปฏิกิริยาต่อเธอเมื่อกี้นี้ ประกอบกับความล้มเหลวในการดูตัวเมื่อตอนกลางวัน และสิ่งที่แม่ของเธอพูดกับเธอ เธอพูดเสียงดังแบบไม่ได้สติว่า"ตอนนี้แหวนของคุณสวมอยู่ในนิ้วของฉันแล้ว ฉันก็คือภรรยาของคุณ!”เดิมที เย่จื่อหยาง ไม่ควรจะถือคำพูดไร้สาระจากคนเมา แต่เมื่อเห็นแหวนบนมือของซ่งเสี่ยวเชียน ทำให้นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาเมื่อปีที่แล้ว แหวนวงนี้มีแค่ภรรยาของลูกเท่านั้นที่จะสามารถใส่มันได้!เขาไม่ได้เชื่อโชคลาง ไม่เชื่อโชคลางแม้สักนิดเลย แต่วันนี้ในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่ของเขา มีหญิงสาวจากไหนไม่รู้คนหนึ่งสวมแหวนที่แ
ภายในไม่กี่วันหลังจากการแต่งงานแบบฟ้าแลบของพวกเขา ซ่งเสี่ยวเชียนขาดการติดต่อจากเย่จื่อหยางอย่างสิ้นเชิง กลับกัน ซ่งเสี่ยวเชียนอยากจะติดต่อเย่จื่อหยางเธอก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์เขาเมื่อภารกิจของเย่จื่อย่างสิ้นสุดลง แต่เขาถูกหามกลับไปบนเปล กระดูกขาหัก หลังจากพันผ้าพันแผลแบบง่ายๆ เฮลิคอปเตอร์ก็นำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลของรัฐในเมืองหลวง ส่งตัวเข้ารับผ่าตัดทันที หลังจากนั้นหมอผ่าตัดได้ทำการผ่าตัดทันถ่วงที ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างสำเร็จ แค่พักผ่อนให้มากๆ ขาของคุณในไม่ช้าก็จะหายดี สมาชิกในทีมที่มากับ เย่จื่อหยางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเย่จื่อหยางยังคงอยู่ในอาการโคม่าก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ไป และในช่วงบ่ายเขาน่าจะตื่น น่องขาขวาอยู่ในเฝือกและดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ไม้ค้ำอยู่ระยะหนึ่งแม้แต่สมาชิกในทีมยังคิดว่ามันแปลกที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ภารกิจสืบสวนดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อพวกเขาถอยกำลังกลับ เย่จื่อหยางก็ก้าวเข้าไปในกับดักด้วยขาขวาของเขาและติดกับดักที่น่อง เขาได้รับบาดเจ็บและ กระดูกแตกหักและเกือบจะถูกศัตรูพบเข้า มันเป็นความประมาทอย่างมาก ความผิดพลาดครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลา
“ซ่งเสี่ยวเชียน คุณทำอะไรอยู่ข้างนอก เรียกให้คุณมาดูคนไข้ทำไมคุณไม่ตั้งใจเลย” ศัลยแพทย์ผู้มากประสบการณ์กวักมือเรียกซ่งเสี่ยวเชียนให้ตามเขาไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนตอบกลับ“ค่ะ” เอามือปัดๆ เสื้อกาวน์ หลังจากนั้นเธอก็ถลึงตาใส่ถังซุน ก่อนจะหันศีรษะกลับไปอย่างเย็นชา และรีบตามอาจารย์แพทย์ที่พาเธอเข้าไปในวอร์ดข้างในมีผู้ป่วยสามถึงสี่คน บางคนมือหักบางคนขาหัก แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นแค่กระดูกหัก ไม่ใช่กระดูกหักทั้งหมด... อาจารย์แพทย์อธิบายให้ซ่งเสี่ยวเชียน ฟังมากมาย และ ซ่งเสี่ยวเชียนสับสนมึนงงไปหมด ดูเหมือนคนที่ไม่ได้ตั้งใจฟังอะไรเลย จริงๆ แล้วช่วงนี้เธอเหม่อลอยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ช่วงสองสามวันนี้เธอคิดถึงแต่เย่จื่อหยาง ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็แต่งงานกันแล้ว แต่หลังจากวันนั้นโทรศัพท์สักสายก็ไม่ติดต่อมาหาเธอ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองโดนหลอก อาจารย์แพทย์ที่พาเธอเดินสำรวจคนไข้เห็นเธอใจเหม่อไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจึงตำหนิเธอให้ตั้งใจมากกว่านี้ หลังจากการอธิบายที่แสนยาวนาน ในที่สุดอาจารย์แพทย์ก็มีธุระต้องไปสะสางเรื่องอื่น ทำให้เธอถอดหายใจด้วยความโล่งอกบังเอิญผ่านห้อง
“เย่จื่อหยางทำความเคารพ "ผู้บัญชาการ!" หลู่เซียงหรงโบกมือห้าม "คุณได้รับบาดเจ็บ ทำไมคุณถึงทักทายด้วยล่ะ พักผ่อนให้เต็มที่ แล้วฉันจะมาถามสถานการณ์และบันทึกมันตามปกติ"หลู่เซียงหรง และ เย่จื่อหยาง เป็นพี่น้องกันมานานกว่าสิบปี เขาอายุมากกว่าเย่จื่อหยางไม่กี่ปี เนื่องจากเขาเข้าร่วมกองทัพเร็วกว่า อย่างไรก็ตามทั้งสองเข้ากันได้ดีมาก หลังจากที่รู้จักพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนรักกัน พวกเขาเคยออกไปทำภารกิจด้วยและไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างมาก หลู่เซียงหรง จดบันทึกอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางรู้สึกฟุ้งซ่านเล็กน้อย และถามขึ้นทันทีว่า"นายแจ้งพ่อของฉันเกี่ยวกับขาที่หักของฉันหรือยัง?"หลู่เซียงหรงหยุดเขียน เงยหน้าขึ้นแล้วถามว่า "เขาไม่มาหานายเหรอ?" เมื่อมองอีกครั้งใบหน้าของ เย่จื่อหยางก็แสดงอารมณ์ผิดหวังเล็กน้อย และ หลู่เซียงหรง ก็เข้าใจทันที เขาตบไหล่เขาและปลอบโยน"พ่อนาย เป็นเจ้านายของบริษัทใหญ่ เขาคงจะยุ่งมาก น่าจะมาหานายทีหลัง ฉันแจ้งนายพลเย่ด้วย และเขาก็บอกทางโทรศัพท์ว่าเขาจะมา”นายพลเย่ที่หลู่เซียงหรงพูดถึงก็คือปู่ของ เย่จื่อหยางนั้นเอง เขาสวมชุดทหารมาครึ่งชีวิตและประสบความสำเร็จมานับไม่ถ้วน ปีนี้เ
“พ่อของแกยุ่ง แกก็รู้ เขาอาจจะไม่มีเวลามานะ ถ้าแกต้องการอะไรบอกฉันได้ ฉันให้คนจัดการให้” คุณปู่พูดด้วยน้ำเสียงทื่อๆและคุณย่าค่อยๆพับแขนเสื้อเขาขึ้น เย่จื่อหยางเหลือบมองพวกเขา "พวกคุณกลับไปเถอะ ผมอยู่เองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพวกคุณ"คุณปู่อารมณ์เสียเมื่อได้ยินเช่นนั้น จึงยกไม้ค้ำขึ้นตีที่ตัวและมือสองสามครั้ง อยากตีต่อแต่ถูกภรรยาห้ามไว้ “ตีอะไรของคุณ! มีอะไรค่อยๆพูดค่อยๆจากันไม่ได้เหรอ? จื่อหยาง ทำไมถึงดื้อด้านขนาดนี้ คุณปู่พูดอะไรแค่เออออไปด้วยก็พอแล้ว ทำไมต้องทำตัวต่อต้านกับท่านขนาดนั้น ” “แล้วพวกคุณมาที่นี่ครั้งนี้เพื่อมาเยี่ยมผมจริงๆเหรอ? ตอนที่ฉันถูกจับเป็นตัวประกันโดยเจ้าพ่อค้ายาเสพติดในสามเหลี่ยมทองคำที่ยูนหนาน ถูกพวกเขาทรมานจนแทบจะหมดลมหายใจ พวกคุณมาเยี่ยมหรือเปล่า? “น้ำเสียงของ เย่จื่อหยาง เต็มไปด้วยความดูถูก“ไอ้เด็กเวรนี่! วันนี้ฉันจะตีแกให้ตาย!” คุณปู่ยกไม้เท้าขึ้นสูงเหนือศีรษะ คาดว่าถ้าฟาดลงครั้งนี้อาจเจ็บจนตีลงครั้งจะเป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว คุณย่ารีบคว้าไม้เท้าออกจากมือ“ฉันทุบหลานจนตาย!” มาดูกันว่าใครจะสืบทอดตระกูลเย่ของคุณ!"หลังจากตะโกนแบบนี้ คุณป
ในมือขวาของเขาพิงไม้ค้ำยัน เฝือกที่ขาขวาของเขายังไม่ได้ถูกถอดออก เย่จื่อหยางเดินไปตามทางเดินด้วยความยากลำบากและกำลังจะไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว ก่อนที่เขาจะกลายเป็นหัวหน้ากองพลพิเศษ เขาฝึกหน่วยรบพิเศษให้ต่อสู้ ต้องเคลื่อนไหวว่องไว ไม่คิดว่าตอนนี้แค่เดินแต่ละก้าวยังยากลำบากเชื่องช้าเหมือนหอยทากแบบนี้ พยาบาลต้องการที่จะมาพยุงเขา แต่เขาผลักเธอออกไป ตอนนี้แค่เขาเดินยังต้องมีคนคอยพยุง ? เกียรติของลูกผู้ชายเป็นสิ่งที่ยอมไม่ได้ห้องน้ำอยู่สุดทางเดิน ใกล้กับบันไดและทางเข้าลิฟต์ด้วย เมื่อเขาเดินไปที่ห้องน้ำประตูลิฟต์ก็เปิดออกทันที เย่จื่อหยาง เพียงเหลือบมองเพื่อดูว่าเป็นผู้ชายหรือผู้ชาย ผู้หญิง ใครจะรู้ว่าคน ๆ นั้นบังเอิญเป็นซ่งเสี่ยวเชียน !ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังทำธุระให้กับแพทย์ที่เป็นผู้นำการฝึกงานของเธอในวันนี้ เธอไปที่ชั้น 4 ของอาคารฟื้นฟูสมรรถภาพทหารเพื่อขอข้อมูลจากคุณหมอหลิว แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะได้พบกับเย่จื่อหยางเมื่อประตูลิฟต์เปิด!ซ่งเสี่ยวเชียนเบิกตากว้าง ปากของเธอเปิดและปิดราวกับว่าเธอมีอะไรจะพูดมากมาย แต่เธอก็ไม่ส่งเสียง เย่จื่อหยางกลับสงบขึ้นมองเธอหัวจรอดปลายท้ายหนึ่งรอบ เธอ
"หัวเราะบ้าอะไรของคุณ! ใครเป็นภรรยาของคุณ? ฉันไม่ใช่ภรรยาของคุณ! ฉันต้องการหย่ากับคุณ!" ความแรงที่เธอหยิกลงไปบนหน้าของเย่จื่อหยางแรงจนทำให้ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอจึงไปหยิกที่คอของเขาแทน ความล้มเหลวในการต่อต้านของ เย่จื่อหยาง ไม่ได้เกิดจากการที่เขาไม่มีกำลังที่จะป้องกันตัว แต่เป็นเพราะ ซ่งเสี่ยวเชียนมาถึงก็ทับขาที่บาดเจ็บของเขาไว้ ตีตรงเฝือกน่าจะดีกว่า"ขา! มันเจ็บ! เจ็บเจ็บคุณฆ่าสามีของคุณเหรอไง!" ซ่งเสี่ยวเชียนรีบลุกขึ้น ทั้งงุดหงิดทั้งอารมณ์เสีย แต่ถ้ามันทำให้อาการบาดเจ็บของเขาแย่ลง เธอเองก็คงจะรู้สึกผิดเล็กเช่นกัน"คุณก็เก็บขาคุณให้ดีๆซิ ฉันไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย!"เย่จื่อหยางกอดขาของเขาและจ้องมองเธอ ในที่สุดใบหน้าที่เย็นชาของเขาก็เปลี่ยนเป็นสีดอกกุหลาบในที่สุด"น่ารำคาญ ฉันจะพักผ่อน! รีบทำตามที่ฉันบอกเร็ว ๆ และอย่าลืมปิดประตูเมื่อคุณออกไปด้วย!""ฉันไม่ยอมย้ายมาอยู่กับคุณแน่! ฝันไปเถอะ!" ซ่งเสี่ยวเชียนหันหลังเดินออกไปและกระแทกประตูเสียงดังหลังจากนั้นเธอก็ลืมไปเลยว่าจะไปหาหมอหลิวเพื่อเอาเอกสารและเมื่อเธอกลับไปทำห้องศัลกรรมแพทย์เธอก็ถูกอาจารย์หมอตำหนิเธออีกครั้ง ซ่งเสี่
“พี่สะใภ้ ใจเย็นๆ หัวหน้ากลัวว่าคุณจะหาทางไม่เจอจึงบอกให้เราพาคุณกลับบ้าน คุณแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้ว” ทหารที่อยู่ตรงกลางแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้ซ่งเสี่ยวเชียน ซ่งเสี่ยวเชียนขยี้ตาเธอเพื่อที่เธอจะไม่โดนพวกมันหลอก! “ออกไป! ฉันจะไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้าทั้งนั้น! คิดว่าฉันโง่หรือไง!”“พี่สะใภ้งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ หวังว่าหลังจากนี้อย่าโกรธแค้นพวกเราเลยนะครับ พวกเราก็รับฟังคำสั่งของหัวหน้ามาด้วยเหมือนกัน” โบกมือ ทั้งสองคนด้านหลังประกบซ่งเสี่ยวเชียนทันที ก่อนที่ซ่งเสี่ยวเชียนจะมีเวลาต่อต้าน พวกเขาก็จับเธอได้ นำตัวออกจากห้อง และพร้อมที่จะลงไปชั้นล่าง"เฮ้! พวกคุณกำลังลักพาตัวฉัน ฉันอยากจะฟ้องพวกคุณ! ฟ้องคุณในศาลทหาร! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไร! ปล่อยฉันไป!" ซ่งเสี่ยวเชียนเตะเท้าของเธอขึ้นไปในอากาศ แต่ คนสองคนจับเธอไว้ มีพลังมหาศาล ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนพวกเขาก็จับเธอไว้แน่นโดยไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเลยทหารที่เหลืออยู่ในห้องกล่าวขอโทษพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนว่า "ขอโทษทั้งสองท่าน ในอนาคตหัวหน้าของเราจะมาอธิบายให้ทั้งสองท่านฟังด้วยตัวเอง ผมขอตัวก่อนครับ!" พ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนมองหน้าก