“พี่สะใภ้ ใจเย็นๆ หัวหน้ากลัวว่าคุณจะหาทางไม่เจอจึงบอกให้เราพาคุณกลับบ้าน คุณแค่ให้ความร่วมมือก็พอแล้ว” ทหารที่อยู่ตรงกลางแสดงรอยยิ้มอ่อนโยนให้ซ่งเสี่ยวเชียน
ซ่งเสี่ยวเชียนขยี้ตาเธอเพื่อที่เธอจะไม่โดนพวกมันหลอก! “ออกไป! ฉันจะไม่ไปไหนกับคนแปลกหน้าทั้งนั้น! คิดว่าฉันโง่หรือไง!”
“พี่สะใภ้งั้นพวกเราก็ไม่เกรงใจแล้วนะครับ หวังว่าหลังจากนี้อย่าโกรธแค้นพวกเราเลยนะครับ พวกเราก็รับฟังคำสั่งของหัวหน้ามาด้วยเหมือนกัน” โบกมือ ทั้งสองคนด้านหลังประกบซ่งเสี่ยวเชียนทันที ก่อนที่ซ่งเสี่ยวเชียนจะมีเวลาต่อต้าน พวกเขาก็จับเธอได้ นำตัวออกจากห้อง และพร้อมที่จะลงไปชั้นล่าง
"เฮ้! พวกคุณกำลังลักพาตัวฉัน ฉันอยากจะฟ้องพวกคุณ! ฟ้องคุณในศาลทหาร! อย่าคิดว่าฉันไม่รู้อะไร! ปล่อยฉันไป!" ซ่งเสี่ยวเชียนเตะเท้าของเธอขึ้นไปในอากาศ แต่ คนสองคนจับเธอไว้ มีพลังมหาศาล ไม่ว่าเธอจะดิ้นรนแค่ไหนพวกเขาก็จับเธอไว้แน่นโดยไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยเลย
ทหารที่เหลืออยู่ในห้องกล่าวขอโทษพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนว่า "ขอโทษทั้งสองท่าน ในอนาคตหัวหน้าของเราจะมาอธิบายให้ทั้งสองท่านฟังด้วยตัวเอง ผมขอตัวก่อนครับ!" พ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนมองหน้ากัน ไม่ใช่ โดยไม่มีเสียงพูดใดๆ
บ้านของซ่งเสี่ยวเชียนไม่ได้อยู่สูงเท่าไหร่ พวกเขาไม่ได้ลงลิฟต์ พวกเขาเลือกลงบันได ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นว่าการข่มขู่พวกเขาไม่ใช่ทางเลือก ดังนั้นเธอจึงพูดอย่างรวดเร็วว่า "เฮ้ พวกคุณไม่ได้บอกให้ฉันเก็บกระเป๋าหรอ ฉันยังไม่ได้เก็บกระเป๋าเลยนะ ขอกลับบ้านไปเก็บกระเป๋าก่อน "
ทหารที่รีบตามมาข้างหลังบอกเขาว่า "ไม่จำเป็น แค่พาคุณไปที่นั่น ภารกิจเราก็สำเร็จ"
“พระเจ้า พวกคุณกำลังลักพาตัว!” ซ่งเสี่ยวเชียนอยากจะตะโกนต่อ แต่พวกเขาก็เดินออกจากอาคารไปแล้ว มีเพื่อนบ้านมากมายเดินอยู่ในชุมชน ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกอายใจที่ถูกจับแบบนี้ และเธอก็ไม่ได้ไม่อยากตะโกนออกไปเพื่อที่จะเป็นจุดสนใจมากขึ้น
ซ่งเสี่ยวเชียนถูกผูกติดกับรถจี๊ปทหาร เกือบทุกคนวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น ซ่งเสี่ยวเชียนคิดว่าชิปหายแล้ว เธอถูกจับไว้ในรถโดยชายสวมชุดลายพรางและถือปืน ทุกคนคงคิดว่าเธอเขากระทำความผิดร้ายแรง ก่ออาชญากรรมก็ควรโดนจับยิงใช่ไหม? ข่าวใหญ่แบบนี้คงกระจายในชุมชนมาเป็นงปี ดูเหมือนว่าพ่อแม่ฉันจะไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นแล้ว
ลูกสาวคนนี้ขอโทษ! เมื่อมองไปทางหน้าต่างรถ มองไปที่ประตูชุมชนที่ค่อยๆ ห่างออกไป ซ่งเสี่ยวเชียนดูเหมือนจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่จริงๆ
ซ่งเสี่ยวเชียนถูกนำตัวไปที่ห้องที่ไม่มีใคร แต่ห้องนั้นใหญ่มาก ตกแต่งอย่างดี และมีของใช้ในชีวิตประจำวันทุกประเภท หลังจากดูหลายห้อง ห้องนอนก็ใหญ่มากและห้องน้ำก็ใหญ่มากเช่นกัน ถ้าเธอไม่ถูกพาตัวมาแบบบ้าระห่ำขนาดนี้ เธอก็คงจะชอบกับการอยู่ที่นี่
เมื่อกลับคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับข้อความที่เธอได้รับทางโทรศัพท์มือถือก่อนหน้านี้และที่อยู่ที่เขียนไว้ เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง และดูเหมือนว่าจะอยู่ที่นี่ เป็นไปได้ไหมที่ เย่จื่อหยางส่งคนมาจับกุมเธอมาที่นี่จริงๆ?
เธอรีบไปที่ประตู แต่เปิดไม่ได้ คงจะมีคนล็อกมันไว้ ดูเหมือนถูกลักพาตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เย่จื่อหยางอาจจะโทรหาพ่อแม่ของเธอตอนนี้โดยคุยกันว่าค่าไถ่ตัวจะเท่าไหร่ใช่ไหม?
ซ่งเสี่ยวเชียนนั่งบนโซฟาเพื่อสงบสติอารมณ์สักพัก เธอรู้สึกหิว เธอเห็นตู้เย็นสองประตูขนาดใหญ่ในห้องครัว เมื่อเธอเปิดออก ก็พบอาหารมากมายห่อด้วยพลาสติกแร็ปเพื่อนำเข้าไมโครเวฟอุ่น และขนมอีกมากมาย อย่างน้อยก็หมายความว่า เย่จื่อหยาง จะไม่ปล่อยให้เธออดอาหารจนตาย
หลังจากอิ่มท้องแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนก็มองไปรอบ ๆ และจินตนาการว่าตัวเองเป็น เชอร์ล็อค โฮล์มส์ เพื่อดูว่าเธอจะหาลู่ทางที่จะหนีจากที่นี่ได้หรือไม่มีเสื้อเชิ้ตผู้ชายธรรมดาๆ เนคไท กางเกงยีนส์ สองสามตัว และชุดนอนสีเข้มสองสามตัวแขวนอยู่บนตู้เสื้อผ้าในห้องนอน ไม่มีอะไรพิเศษ เมื่อเดินไปดูห้องหนังสือ ตู้หนังสือก็ล็อคทั้งหมด เปิดไม่ออก บนโต๊ะหนังสือมีคอมพิวเตอร์วางเอาไว้ เธอแทบรอไม่ไหวที่จะเปิดมัน แต่ไม่มีอะไรในคอมพิวเตอร์ และฮาร์ดดิสก์ก็ว่างเปล่าราวกับว่ามันถูกลบโดยใครบางคนมันดูผิดปกติเกินไป แม้ว่าจะไม่ได้ใช้มันเพื่อเก็บข้อมูลอะไร แต่ก็มักจะมีหน้าต่อไปบ้าง ประวัติดูหนังงี้ แต่นี่ไม่มีอะไรเลย ซ่งเสี่ยวเชียนสรุปว่า คอมพิวเตอร์เครื่องนี้ต้องถูกดัดแปลงและไม่สามารถเชื่อมต่ออะไรได้เลยเดินไปห้องน้ำดูอีกครั้ง มีแต่ของใช้สำหรับผู้ชายเหมือนเดิม หลังจากนั้น ไม่มีแล้ว ไปดูที่ห้องรับแขกก็ไม่มีอะไรเลย บ้านว่างทั้งหลังมีแต่ของจิปาถะกองพะเนินเท่านั้น หลังจากดูทั้งห้องแล้ว ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัยนอกซะจากเจ้าคอมพิวเตอร์เครื่องนี้ หลังจากยุ่งเรื่องต่างๆเสร็จ ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกเจ็บหลังเล็กน้อยและจำได้ว่า
หมุนที่จับประตูเบา ๆ และเสียงปัง ประตูก็เปิดออก หัวใจของซ่งเสี่ยวเชียนแทบจะกระออกมา ไม่คาดคิด ประตูถูกเธอเปิดออกอย่างง่ายดาย... เมื่อเปิดประตู เธอยื่นศีรษะออกไปเพื่อดูว่ามีใครคอยเฝ้าอยู่รอบๆ หรือไม่ ไม่มีแม้แต่เงา อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ ป้าคนหนึ่งถือถุงขยะลงมาจากชั้นบนและมองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังแอบย่องไปรอบประตูอย่างน่าสงสัย อาคารนี้ไม่สูงมากมีเพียงชั้น 6ชั้น แม้ว่าจะมีลิฟต์ แต่ทุกคนเลือกที่จะเดินลงบันไดและทุกคนที่ขึ้นลงก็คุ้นเคยกับมันมาก ความลับๆล่อๆของ ซ่งเสี่ยวเชียนดึงดูดความสนใจของป้าได้อย่างสมบูรณ์ซ่งเสี่ยวเชียนปิดประตู เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าของเธอเองอย่างรวดเร็ว สะพายกระเป๋า แล้ววิ่งหนีไปในสามวินาที เธอวิ่งตรงไปที่ถนนใหญ่ พบเจอกับค่ำคืนแห่ง "การลักพาตัวเฉียดตาย” เสี่ยวเชียนรู้สึกว่าความกล้าหาญของเธอได้เพิ่มขั้นอีกขั้นก่อนอื่นเธอต้องไปที่สถานีตำรวจ แล้วบอกว่ามีคนลักพาตัวเธอ! สารภาพความขมขื่น คนที่ลักพาตัวเธอยังเป็นทหารใส่ชุดลายพราง บ้านเราขาดระบบกฎหมายขนาดนี้เลยเหรอ! ? อย่าคิดว่าถ้าเธอไม่ได้กลับประเทศเป็นเวลาสิบปีแล้ว เธอจะถูกหลอกให้ไม่รู้กฎหมายของประเทศได้! เรื่องนี้ต
หลังจากที่ซ่งเสี่ยวเชียนพูดจบ เย่จื่อหยางก็เงียบไปสักพักแล้วพูดว่า "ซ่งเสี่ยวเชียน คุณเป็นคนไม่มีหัวคิดหรือเปล่า" "คุณยังกล้าด่าฉัน!?" ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากอยากจะรีบกระชากคอและตายไปพร้อมกับเขา แต่ใครจะรู้ เธอเดินเร็วเกินไปทำให้เท้าข้างหน้าขัดกับเท้าด้วย ตัวเธอเซล้มลงบนเตียงของเย่จื่อหยางทุกคนจ้องมองอย่างตกตะลึง ซ่งเสี่ยวเชียนที่กำลังกระโจนใส่เย่จื่อหยาง เขาวางหนังสือลงจากมือ และภายในหนึ่งในสามวินาที ซ่งเสี่ยวเชียนก็ล้มลงบนร่างของเย่จื่อหยาง เขาคว้ามือของเธอและพยุงเธอไว้ แต่ริมผีปากของพวกเขากลับสัมผัสกันแล้วเหมือนเวลาหยุดนิ่งไปสักพัก และทุกคนก็จ้องมองพวกเขาสองคนที่กำลังจูบกันในท่านี้อย่างอึ้งๆ ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออก แล้วก็มีเสียงกรีดร้องเสียบหูของผู้หญิงคนหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนคิดในใจว่า ฉันยังไม่ร้องเลย ใครหน้าไหนมีสิทธิ์มากรีดร้อง "แก! แก! ยัยผู้หญิงลามก ลุกขึ้นจากตัวพี่ชายของฉันเดี๋ยวนี่!"เสียงหวานป่นเลี่ยนทำให้ ซ่งเสี่ยวเชียนขนลุกไปทั้งตัว แต่เธอลืมไปว่าริมฝีปากของเธอยังคงสัมผัสอยู่กับเย่จื่อหยาง เขาควบคุมสติแล้วใช้แขนพยุงให้เธอลุกขึ้นแล้วพูดว่า"คุณจะจูบอีกนานไ
“พี่เย่ คุณปู่บอกว่าพี่เข้าโรงพยาบาล ฉันเป็นห่วงจึงกลับมาหาพี่จริงๆ แล้วยังมาหาว่าฉันมาก่อเรื่องให้พี่อีก? พี่ หรือว่าพี่ไม่รักฉันแล้วเหรอ?” เย่จื่อซินเปลี่ยนจากผู้หญิงชั่วร้ายอำมหิต กลายเป็นลูกแมวน้อยในทันที ผู้คนที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับพบกลืนน้ำลายอีกครั้ง แม้ว่านิสัยจะรุนแรงไปบ้าง แต่ว่าสิ่งสำคัญคือหน้าตาอ่า สวยสุดๆ ซ่งเสี่ยวเชียนซึ่งแอบฟังอยู่ข้างนอกประตูเช็ดปากของเธอและมีอาการขนลุกไปทั่วทั้งตัวอีกครั้ง เป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่มีเด็กผู้หญิงเช่นนี้ “เข้าใจแล้ว ทีนี้ก็เห็นแล้ว ฉันไม่เป็นอะไร พักผ่อนเดือนกว่าๆ ก็ไม่ต้องใช้ไม้ค้ำแล้ว เธอกลับไปได้แล้ว”“พี่เดินยังต้องใช้ไม้เท้านะ! นิคือไม่เป็นอะไรแบบนี้ทำอะไรก็ไม่สะดวก ให้ฉันอยู่ดูแลพี่เถอะ ฉันพยุงพี่เข้าห้องน้ำได้ ยังช่วยพี่อาบน้ำได้ด้วยนะ” เย่จื่อซินยิ้มด้วยสีหน้าทะเล้น ผู้เห็นเหตุการณ์กลืนน้ำลายอีกครั้ง แกล้งชี้แขนชี้ขาของพวกเขา “คนสวย ฉันก็บาดเจ็บเหมือนกัน คุณช่วยดูแลฉันด้วยได้ไหม” “ไม่จำเป็นหรอก มีพี่สะใภ้ของเธออยู่ที่นี่ เธอเป็นหมอ เธอสามารถดูแลพี่ได้ดีกว่าเธอ” เย่จื่อหยางมองผ่านรอยแยกของประตู เขารู้ว่าใครกำลังแอบฟ
เย่จื่อหยางมองไปที่ ซ่งเสี่ยวเชียนอย่างเสน่หา ซ่งเสี่ยวเชียนถูกดึงดูดด้วยดวงตาที่ลึกล้ำน่าลุ่มหลงของ เย่จื่อหยางอยู่ครู่หนึ่ง และสิ่งที่เขาพูดก็น่าสนใจมากเช่นกัน แต่หลังจากผ่านไปสิบวินาที ซ่งเสี่ยวเชียนก็หรี่ตาลง "อย่าคิดจะใช้สายตาที่น่าหลงไหลนั้นมาทำให้ฉันสับสน ฉันจะไม่ยอมถูกหลอก!” เธอพูดอย่างระมัดระวัง "คุณเป็นคนของผมแล้ว คุณจะแต่งงานกับใครได้อีก?" เย่จื่อหยางตัดสินใจใช้ไม้ตาย ซึ่งทำให้สีใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียน เปลี่ยนเป็นกังวลและสับสน "คืนนั้น... คุณ คุณจริงๆ...? พวกเรา?" ซ่งเสี่ยวเชียนสับสนมากจนเธอพูดไม่ชัดเจน “คุณตื่นขึ้นมาในตอนเช้าโดยไม่ได้ใส่เสื้อผ้าใช่ไหม?” เย่จื่อหยางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สายตาของเขามีสิ่งที่อธิบายไม่ได้ ซ่งเสี่ยวเชียนตื่นตระหนก น่ากลัว น่ากลัวมากเนื่องจากวันนั้นเธอเมาเกินไป ความทรงจำของซ่งเสี่ยวเชียนจึงยุ่งเหยิงไปหมด เหมือนปริศนาที่เธอจึงต้องค้นหามันอย่างละเอียดแล้วจึงค่อยๆรวบรวมให้เป็นแผ่นเดียวกัน ถึงจะสามารถจดจำได้ เธอตื่นขึ้นมาในโรงแรมโดยไม่สวมเสื้อผ้า แต่เธอรู้สึกว่าเธอไม่รู้สึกอะไรเลย เป็นไปไม่ได้ อะไรจะเกิดขึ้น เธอคิดเสมอว่าคืนนั้นไม
เย่จื่อหยางพูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยว่า "พวกเราก็ถึงขั้นนั้นกันนานแล้ว" "ถุ้ย! ฉันจะถือว่าโดนหมากัด! อย่างไรก็ตาม เมื่อครบหนึ่งปีฉันจะหย่า!" อย่าพูดถึงเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจได้ไหมในใจของซ่งเสี่ยวเชียนคงจะมีเลือดหยด ติ๋ง ติ๋งแล้ว!"ฮึ่ม ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน" เย่จื่อหยางหันหลังให้ซ่งเสี่ยวเชียนและกำลังจะเข้านอนอีกครั้ง แต่ซ่งเสี่ยวเชียนอยากที่จะบีบคอเขาให้ตาย สำหรับเธอไม่มีความเคารพต่อเขาแม้แต่น้อย!“นอน นอน นอนทั้งวัน เป็นหมูหรือไง !”ความคิดเห็นของ ซ่งเสี่ยวเชียนที่มีต่อเย่จื่อหยาง กองพะเนินเทินทึก แต่งานพยาบาลเริ่มทำให้เธอบ่นอีกครั้ง นี่มันพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ ต้องการของใช้ประจำวันก็ต้องให้เธอไปซื้อ ซักเสื้อผ้ากางเกงก็ต้องเธอซัก! แล้วที่แย่ที่สุดคือเธอต้องซักแม้กระทั้งกางเกงชั้นในของเขาด้วยซ้ำเย่จื่อหยางทำตัวไร้ยางอายได้ แต่ซ่งเสี่ยวเชียนทำไม่ได้ ตอนแรกเธอไม่กล้ามองกางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอกับชินกับมัน และเธอก็ปฏิบัติต่อกางเกงชั้นในเหมือนผ้าชิ้นหนึ่ง และเธอก็ยอมรับมันอย่างสมบูรณ์แบบวันหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังถืออ่างใส่เสื้อผ้าและกางเกงขายาวที่ซักแล้ว และกำลังจะพานำผ้าไปที่ร
ในตอนเย็น เย่จื่อซิน สาวสวยสวมกระโปรงสั้นและเข้าไปในอาคารฟื้นฟูทหาร ทุกคนตกตะลึง เมื่อเธอเข้าไปในพัก 410 เธอเห็นพี่ชายของเธออ่านหนังสือจึงรีบวิ่งไปหาเขาพร้อมกับร้องไห้ในอ้อมแขนของเขา "พี่ ฉันถูกรังแก พี่ต้องล้างแค้นแทนฉันได้นะ ฮื้อๆ! เย่จื่อหยางมองดูการแต่งตัวของเย่จื่อซินอย่างใจเย็น และถอนสายตาออกไปโดยไม่อยากที่จะมอง “เธอใส่ชุดอะไรเธอ ไว้คราวหน้าฉันเห็นเธอแต่งตัว อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!” น้องสาวของเขาจะถูกคนอื่นรังแก? เย่จื่อหยางถูกตีให้ตายก็ไม่เชื่อคุณปู่เลี้ยงดู เย่จือซินมาตั้งแต่เด็ก คุณปู่เกิดมาเพื่อเป็นทหาร แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาว แต่เธอยังคงโดนฝึกสอนอย่างเข้มงวดศิลปะการต่อสู้ ยิวยิตสู และมวยทหาร เธอฝึกฝนทุก ๆ ดังนั้นเย่จื่อซินตอนเด็กจึงเหมือนกับเด็กผู้ชายจนกระทั่งอายุได้ 15 -16 ปี เริ่มรู้จักฉันวิธีต่อต้าน ฉันจึงเลิกฟังคุณปู่ ไว้ผมยาวและสวมกระโปรง ยิ่งโชว์เท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ อาจจะเป็นว่าตอนเด็กไม่เคยได้สวมใส่อะไรสวยๆงามๆ โตขึ้นมาจึงคิดว่าเป็นปมในใจ ยิ่งส่งไปต่างประเทศก็ยิ่งไว้เข้าไปใหญ่ ส่งรูปถ่ายกลับมา มีแต่เพื่อนแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด โชคดีที่คุณปู่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ความคิดสกปรกคืออะไร คุณรู้หรอว่าฉันคิดอะไรในหัว เมื่อกี้คุณคิดเรื่องมันสกปรกใช่ไหม” ซ่งเสี่ยวเชียนยั่วยุเย่จื่อหยางอย่างโจ่งแจ้งเย่จื่อหยางโยนไม้ค้ำยันที่ตั้งไว้ออกไป เหยียดแขนยาวออก วางมือบนไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน หลังจากนั้นทิ้งตัวพิงบนตัวเธอ ใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียนซีดเผือกด้วยความตกใจ "คุณ คุณ คุณ! คุณกำลังทำอะไร! ปล่อยนะ บอกว่าอย่าใกล้ชิดกันเกินไปไง!” “ช่วยพาฉันไปเข้าห้องน้ำ!” เย่จื่อหยางพิงตัวเข้าหาเธอเช่นนี้ โดยคลุมซ่งเสี่ยวเชียนไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วใช้แขนอีกข้างของเขาโอบเอวของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่งข้างหูเธอซ่งเสี่ยวเชียนต้องการต่อต้าน แต่เขาแข็งแกร่งเกินไปและล็อคเธอไว้แน่น "ไอ้คนลามก! ฉันจะพาคุณเข้าห้องน้ำได้ยังไง ถ้าคุณกอดฉันแบบนี้!?" สมองน้อยๆของเธออยู่ในภาวะสับสน พูดจาไม่รู้ผิดหรือถูกเย่จื่อหยางมองดูท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเธอ แล้วยิ้ม เขาทำแบบนี้เพื่อดูท่าทางที่กระสับกระส่ายของเธอ เมื่อกี้เธอล้อเลียนเขา ตอนนี้เขาแค่ลองไปแค่หนึ่งท่า ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้ว น่าสนุกจริงๆมือคลายเล็กน้อยและ ซ่งเสี่ยวเชียนก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำเธอพยุงเขาไปที่ห้องน้ำ เม
เย่จื่อหยางก็เอากล่องที่บรรจุยาบํารุงที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาคืนให้ซ่งเสี่ยวเชียน "ไม่จําเป็น" "ทําไมถึงไม่จําเป็นล่ะ คุณจะกลับบ้านมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้" ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ"ฉันบอกว่าไม่จําเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ เขามองปราดเดียวก็มองออก" เย่จื่อหยางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีก ทําท่าทางเหมือนเธอให้ฉันทําอะไรฉันก็ไม่ทํา ซ่งเสี่ยวเชียนตะโกนว่า "คุณอยากคืนดีกับคุณพ่อของคุณหรือเปล่า ถ้าคิด คุณก็ต้องลงมือทํา อย่าเอาแต่พูดเฉย ๆ ไม่ได้นะ" จิ้มหน้าอกของเย่จื่อหยาง "คุณเป็นทหาร แน่นอนว่าต้องรู้ว่าการกระทําเป็นพื้นฐานของการทําภารกิจทั้งหมดให้สําเร็จ"เย่จื่อหยางก็มหน้ามองเธอและคิดในใจว่าเขาจะคืนดีกับพ่อของเขาหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?ดูเหมือนเธอจะซีเรียสกว่าเขาอีกเขาถอนหายใจ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการได้คืนดีกับคุณพ่อก็เป็นการแก็ปัญหาที่เขากังวลมานานได้จริง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและลูบหัวของซ่งเสี่ยวเชียน "ทํา เพียงแต่ว
เธอกอดหมอนและยิ้มอย่างพอใจ เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเจอใครที่เก่งขนาดนี้มาก่อน สามารถปกป้องเธอและขจัดวิกฤตให้เธอได้ทันทีในเวลาฉุกเฉิน ราวกับว่าจู่ๆ กำแพงทึบก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเธอ จะปกป้องเธอตลอดเวลาต่อจากนี้ไป ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยซ่งเสี่ยวเชียนเชื่อ ในอนาคต ตราบใดที่มีเย่จื่อหยางอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อฟ้าถล่มยังมีเขาคอยอยู่ข้างๆไม่ใช่หรอเย่จื่อหยางเขียนรายงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงไฟสีเหลืองเข้มดวงเดียวที่เปิดอยู่ ฝาหลังของรีโมทกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมถ่าน เขาหยิบขึ้นมาและวางไว้ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่นอนอยู่บนโซฟาลืมตาก็ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "มีเรื่องอะไรหรอ ทําไมดูมีความสุขขนาดนี้""ไม่มีนิ ฉันก็แค่ดีใจ" ซ่งเสี่ยวเชียนลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่จื่อหยางยิ้มให้เขา แล้วทันใดนั้นก็กระพริบตาให้เขา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ทําให้เย่จื่อหยางเดาไม่ออก กําลังจะถามว่าทําไมถึงยิ้ม ทันใดนั้นซ่งเสี่ยวเชียนก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังเย่
คิดถึงเด็กคนหนึ่งที่อายุ 15-16 ปี เร่ร่อนอยู่กับพวกเขามา 4-5 ปี เพื่อขอทานทุกที่ และเงินที่ขอมามอบให้กับหัวหน้าแก๊งนั้น รับรองว่าทุกคนจะได้กินอาหารไม่อั้นสิ่งที่ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนเจ็บปวดมากกว่าเดิมคือเด็กคนที่ตาบอดทั้งสองข้าง เขาไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบ เขาถูกจับโดยคนของแก๊งและจากพ่อแม่ไปตั้งแต่นั้นมา คนเหล่านั้นล้างสมองเขาเพื่อให้เขาได้รับเงินมากขึ้น ทําให้เขาคิดว่าการช่วยพวกเขาขอเงินมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีคนเหล่านั้นใช้เหล็กแทงเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองไม่เห็นและคนเหล่านั้นสอนเขาวิธีการแยกแยะขนาดของธนบัตรด้วยมือของเขาและติดตามพวกเขามานานหลายปี และความสามารถในการแยกแยะเงินด้วยมือของเขานั้นมีความชำนาญมากและไม่เคยพลาดเลยซ่งเสี่ยวเชียนก็คิดว่าตอนนั้นเธอให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งร้อยหยวน เขาก็สัมผัสไปหลายครั้ง ปากก็ยิ้ม แล้วบอกว่าวันนี้เขาเลิกงานได้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะถูกล้างสมองโดยคนเหล่านั้นจริง ๆ และจะไม่อดตายเพราะตาบอดสองข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายเดียว
ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ทําอะไรเลย เย่จื่อหยางต้องไปทำกับข้าวด้วยตัวเอง ครั้งนี้เป็นอาหารมังสวิรัติจริง ๆ มังสวิรัติมากกว่าพระกินอีก แม้แต่ผัดกะหล่ำปลีจีนก็ใช้น้ำมันเรพซีด ไม่เปื้อนน้ำมันหมูสักนิดซ่งเสี่ยวเชียนมองอาหารมังสวิรัติที่โต๊ะแล้วพูดไม่ออก ความอยากอาหารเปลี่ยนเป็นระดับต่ำ แต่เย่จื่อหยางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ระหว่างที่เย่จื่อหยางกินข้าว เขาขยี้เหนือศีรษะเป็นครั้งคราว ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างสงสัยในที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ ขณะที่เขากําลังล้างจาน เธอรีบไปเอามือไปสัมผัสหัวเขา ไม่ลูบก็ไม่รู้พอลูบก็ตกใจโดยไม่รู้ตัว บนหัวของเย่จื่อหยางบวมโนขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โนใหญ่มากแต่ก็พองเล็กน้อยซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงก่อนหน้านี้เธอโยนเจลอาบน้ำใส่หัวเย่จื่อหยางอย่างแรง ที่แท้หัวปูดโนขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไรโอเค ซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนจิตใจดี ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าเธอใจร้ายไปหน่อยจริง ๆ บางทีเย่จื่อหยางอาจไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาแอบดูเธอจริง ๆก็ได้ และใครแอบดูคนอื่นแถมจงใจเปิดประตูอีกพอในใจรู้สึกผิดเธอก็อยากชดเชยไง ดึ
เธอดูเวลาในโทรศัพท์ของเธอ นาทีและวินาทีผ่านไป และห้านาทีผ่านไป เย่จื่อหยางก็ยังไม่ออกมา มีบางอย่างเกิดขึ้นเหรอ? ไม่มีทาง? เขาไม่ใช่เก่งมากหรอ? ไม่ใช่ว่าออกโลงแล้วล้มเหลวเลยนะ?เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในอาคารที่อยู่ไม่ไกล จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายหยาบคายดังมาจากข้างหลังเธอ “เธอเป็นใคร!? มาทำตัวลับๆล่อๆก็ที่นี่ทำอะไร”ถูกจับได้แล้ว! นี่เป็นความคิดแรกที่เข้ามาหัวของซ่งเสี่ยวเชียนในเวลานั้น จู่ๆ เธอหันกลับมาและเห็นร่างผู้ชายที่มืดๆดำๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกลนัก เขามองดูเธอและทำท่าป้องกันตัว สายตาของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย"ฉ ฉัน...ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันหลงทาง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองไปรอบ ๆ และชี้นิ้วไปรอบ ๆ ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าวดูเหมือนจะสงสัย "มากับฉัน!"เมื่อพูดเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจับมือของซ่งเสี่ยวเชียน ปฏิกิริยาตัวสั่นของซ่งเสี่ยวเชียนอยู่ในระดับสูงสุดและเธอก็หลบมือของชายคนนั้นทันที เธอจะปล่อยให้เขาจับเธอได้อย่างไร? นั่นเรียกว่ายอมจำนนฟ้านะ ซ่งเสี่ยวเชียนกระโดด
เย่จื่อหยางสังเกตมันอย่างละเอียด ดังนั้นจึงไม่มีข้อผิดพลาด เด็กน้อยเล่นซอได้อย่างชำนาญมาก เหมือนว่าเขาเริ่มเรียนรู้มันตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก"น่าสงสารจัง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองเด็กตาบอดคนนั้นซึ่งอายุน่าจะเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นโลกที่สวยงามใบนี้ แม้ว่าตอนนี้โลกจะปกคลุมไปด้วยหมอกควัน แต่ในบางครั้งก็มีท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและเมฆเป็นสีขาวสำหรับเด็ก นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก เดิมทีซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ของเย่จื่อหยางออกมา หยิบแบงค์ร้อยหยวนออกมาแล้วยื่นให้เด็กน้อย "เด็กน้อย เอาเงินไปซื้อของอร่อยๆที่อยากกินนะ อย่าอดไว้”เด็กหยุดเล่นซอ รีบหยิบธนบัตรจากมือของซ่งเสี่ยวเชียน วางไว้ใต้จมูกแล้วดมกลิ่น จากนั้นใช้มือแตะอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ยิ้ม “ขอบคุณผู้มีน้ำใจ วันนี้งานของผมเสร็จแล้ว ผมสามารถกลับก่อนได้”เมื่อพูดจบ ก็รีบเก็บสิ่งด้วยความไว หยิบไม้นำทางเดินหนีไป จากไปโดยไม่หันกลับมามองซ่งเสี่ยวเชียน
การซื้อผักก็เป็นงานที่ต้องใช้สายตา ตรงไหนสดใหม่ตรงไหนเน่า แต่บางครั้งผักหัวใหญ่สีเขียวขจีไม่มีร่องรอยของแมลงสักตัว บางทีอาจจะฉีดยากําจัดศัตรูพืชที่มากเกินไป ขนาดแมลงไม่ไม่กล้ากิน คุณยังกล้ากินอยู่หรอการต่อรองราคาก็เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ขณะที่ซ่งเสี่ยวเชียนกําลังคุยราคากับเจ้าของพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่ง จู่ ๆ ก็ถูกเด็กคนหนึ่งชน เด็กคนนั้นชนเธอแรงมาก เธอโซซัดโซเซเกือบล้ม โชคดีที่ถอยหลังไปหลายก้าวจึงไม่ล้มลงเด็กน้อยพยายามพูดขอโทษเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนอดทนต่อความโกรธไว้คิดว่าเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง "ไม่เป็นไรจ้ะ แต่คราวหน้าอย่าวิ่งเล่นในสถานที่แบบนี้อีกมันอันตราย" เด็กน้อยยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนยังคงต่อรองราคากับพ่อค้าหาบเร่ต่อไป แต่ในเวลานี้พ่อค้าคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ซ่งเสี่ยวเชียนมองเสื้อผ้าของตัวเอง มีอะไรแปลกไปหรอ"พ่อค้า มีอะไรหรอทําไมจู่ ๆ ก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ กะหล่ำปลียังจะขายไหม""เอ่อ สาวน้อย ฉันก็หวังดีจึงขอเตือนคุณหน่อย คราวหน้ามาซื้อผักอย่าให้เด็ก ๆ พวกนั้นเข้าใกล้คุ
ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นเนื้อสัตว์และตาของเธอก็เปล่งประกาย เนื้อจานหนึ่งวางอยู่ตรงหน้านักชิมคนหนึ่ง เธอไม่สนใจว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ จึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งกิน แล้วอุทานว่า "เย่จื่อหยาง ฝีมือคุณก็ไม่เลวนิ อร่อยมากกก ครั้งหน้าฉันจะกินอันนี้ด้วย" "ไม่มีครั้งหน้า" เย่จื่อหยางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วหยิบเบียร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม ดื่มเบียร์ลงทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก และมองซ่งเสี่ยวเชียนที่มีความสุขในการกินเนื้อจึงถามว่า"วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะแยะ เธอยังกินข้าวลงอีกหรอ" ซ่งเสี่ยวเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณคิดว่าฉันใจสลายแล้วหรอ ฉันไม่ได้ขี้กลัวง่าย ๆ ขนาดนั้น และแน่นนอนมีคุณอยู่ข้าง ๆฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก" เธอตบไหล่ของเย่จื่อหยางและยกนิ้วโป้งให้เขา"วันนี้ทําได้ดีมาก กดไลค์"เย่จื่อหยางถูกล้อให้หัวเราะแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังและดื่มเหล้าไปด้วย "แต่ก็ยังทําเธอได้รับบาดเจ็บนะ"ซ่งเสี่ยวเชียนคีบเนื้อชิ้นใส่ในชามของเขา "แผลเล็กน้อยแค่นี้เอง คุณโทษตัวเองแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผิดนะ" ซ่งเสี่ยวเชียนกะพริบตาให้เขา เย่จื่อหยาง
"คุณหมายความว่าไง?"ซ่งเสี่ยวเชียนถามเขาอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางหุบปากไม่พูดถึงอีกแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนนิสัยขี้โวยวายแบบเธอ ถ้ามีคนจะลักพาตัวเธอไป คงต้องตะโกนเสียงดังออกมาแน่ ทั้งถนนคงรู้ว่าคนที่จะลักพาตัวเธอไปคือพวกค้ามนุษย์ เงียบไปสักพัก เย่จื่อหยางก็ถามว่า "ยังโกรธอยู่หรอ""ทําไมจะไม่โกรธ!? คุณคิดว่าแค่ไม่กี่คําก็สามารถปลอบฉันได้หรอต้องชดใช้" ซ่งเสี่ยวเชียนเอื้อมยื่นมือไปขอสิ่งของจากเย่จื่อหยาง เขาผลักมือออกแล้วบอกว่าไม่มี ซ่งเสี่ยวเชียนก็กระโจนเข้ามากัดเขา ครั้งนี้เย่จื่อหยางฉลาดขึ้น เขาหลบอย่างไว ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนกัดเพียงว่างเปล่า แค่วินาทีเท่านั้น ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอกับเขาเหมือนคนรักกัน การสัมผัสร่างกายเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้น่าอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยังกล้าที่จะกัดเขาด้วยจากนั้นเธอก็เขิลอายแล้ว ทําไมตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้วินาทีต่อมาเธอก็นึกถึงสิ่งที่สําคัญมาก "คุณปู่ของคุณบุกเข้ามาที่บ้านเมื่อวันก่อน"ทันใดนั้นสีหน้าของเย่จื่อหยางก็เปลี่ยนไป ถามอย่างจริงจังว่า "หมายความว่าอะไร"