เย่จื่อหยางพูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยว่า "พวกเราก็ถึงขั้นนั้นกันนานแล้ว"
"ถุ้ย! ฉันจะถือว่าโดนหมากัด! อย่างไรก็ตาม เมื่อครบหนึ่งปีฉันจะหย่า!" อย่าพูดถึงเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจได้ไหมในใจของซ่งเสี่ยวเชียนคงจะมีเลือดหยด ติ๋ง ติ๋งแล้ว!
"ฮึ่ม ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน" เย่จื่อหยางหันหลังให้ซ่งเสี่ยวเชียนและกำลังจะเข้านอนอีกครั้ง แต่ซ่งเสี่ยวเชียนอยากที่จะบีบคอเขาให้ตาย สำหรับเธอไม่มีความเคารพต่อเขาแม้แต่น้อย!
“นอน นอน นอนทั้งวัน เป็นหมูหรือไง !”
ความคิดเห็นของ ซ่งเสี่ยวเชียนที่มีต่อเย่จื่อหยาง กองพะเนินเทินทึก แต่งานพยาบาลเริ่มทำให้เธอบ่นอีกครั้ง นี่มันพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ ต้องการของใช้ประจำวันก็ต้องให้เธอไปซื้อ ซักเสื้อผ้ากางเกงก็ต้องเธอซัก! แล้วที่แย่ที่สุดคือเธอต้องซักแม้กระทั้งกางเกงชั้นในของเขาด้วยซ้ำ
เย่จื่อหยางทำตัวไร้ยางอายได้ แต่ซ่งเสี่ยวเชียนทำไม่ได้ ตอนแรกเธอไม่กล้ามองกางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอกับชินกับมัน และเธอก็ปฏิบัติต่อกางเกงชั้นในเหมือนผ้าชิ้นหนึ่ง และเธอก็ยอมรับมันอย่างสมบูรณ์แบบ
วันหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังถืออ่างใส่เสื้อผ้าและกางเกงขายาวที่ซักแล้ว และกำลังจะพานำผ้าไปที่ระเบียงของห้องพักเพื่อตากให้แห้ง แต่เมื่อเธอเดินมาถึงที่ประตู เธอเห็นเย่จื่อหยางกำลังพูดคุยกับพยาบาล มุมปากของเธอคว่ำลง พยาบาลที่มาฉีดยาดูเหมือนเข้ากันได้ดีนิ
“เหอะ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เห็นผู้หญิงสวยพวกเขาก็กระดิกหางเพื่อประจบประแจง” ซ่งเสี่ยวเชียนพึมพำเบา ๆ ยืนอยู่ที่ประตู
เย่จื่อหยางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร พูดไปยิ้มไปกับนางพยาบาล จากนั้นนางพยาบาลก็หยุดคุยกับเขา หยิบเข็มขึ้นมา และกำลังจะฉีดยาให้เขา ซ่งเสี่ยวเชียนเดินเข้ามาวางอ่างลง แล้วพูดว่า
"ฉันทำเอง"
คว้าเข็มจากมือพยาบาล เธอกำลังจะแทงลงบั้นท้ายของ เย่จื่อหยางแต่ เย่จื่อหยางรีบห้ามเธอไว้ "คุณ คุณรู้วิธีฉีดยาไหม"
“คุณ ฉันเป็นหมอนะ ทำไมฉันจะฉีดยาไม่เป็นล่ะ ฉันฉีดยาไม่เจ็บเลยสัดนิดนะ ทำตัวดีๆ นะ ผ่อนคลาย!” เธอขยิบตาและบอกให้พยาบาลออกไปให้ไว พยาบาลมองเย่จื่อหยางด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นก็เดินทางไป
ซ่งเสี่ยวเชียนมองเข็มหัวเราะ ใครใช้ให้คุยกับพยาบาล**ต้องสั่งสอนสักหน่อย หนักหน่อยกันบวมจะขึ้นและ ยังไงก็ไม่ถึงตายอยู่ดี! ทันใดนั้นเธอก็แทงไปที่ก้นของ เย่จื่อหยางอย่างรุนแรง
เย่จื่อหยางไม่อยากร้องออกมาจริงๆ แบบนั้นมันน่าอายเกินไปแต่ว่าฝีมือแพทย์ของซ่งเสี่ยวเชียนนั้นยอดเยี่ยมมาก! มันทำให้เขาเจ็บแทบตาย!
“ไอ้ผู้ชายหน้าไม่อาย เสื้อผ้ากางเกงให้ฉันซัก แม้แต่กางเกงในก็ให้ฉันซัก ฉันยังทำอาหารและป้อนอาหารให้คุณทุกวัน ฉันยังไม่กลับบ้านดูแลคุณในโรงพยาบาลทั้งวัน! คุณต้องการอะไรฉันหาให้ทุกอย่าง คุณควรควบคุมร่างกายส่วนล่างของคุณให้เชื่อฟัง คุณเป็นผู้ชายของฉัน ดังนั้นคุณไม่สามารถมีความคิดที่ไม่ดีกับผู้หญิงคนอื่นได้! ทำตัวดีๆไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปจะไม่ใช่แค่การฉีดยา ฉันจะยกคุณขึ้นบนเตียงผ่าตัดและแยกชิ้นส่วนคุณ!"
ดึงเข็มออกมา เช็ดๆมือแล้วหยิบอ่างขึ้นมาแล้วไปที่ระเบียงเพื่อตากเสื้อผ้า
เย่จื่อหยางแสดงสีหน้างุงงงเล็กน้อย ลูบๆก้นของเขา มันเจ็บปวดมาก และมันจะต้องบวมอย่างแน่นอน เขาเป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มปฏิบัติการพิเศษ! แต่กลับถูกผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีกำลังวางชาทำให้เป็นถึงขนาดนี้ในใจเขาแค้นเล็กน้อย! รอให้ขาของเขาหายเมื่อไหร่ เขาจะทำให้สาวน้อยคนนี้หลาบจำอย่างแน่นอน!
ซ่งเสี่ยวเชียนยืนตากเสื้อผ้าที่ระเบียงดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจของเธอก็สับสนอย่างมาก เมื่อกี้เธอพูดอะไร? ผู้ชายของฉันงั้นหรอ! ? เพื่อจะควบคุมปากของเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอควรจะขังตัวเองอยู่ในห้องสีดำเล็กๆ ไม่ต้องออกมาอีกเลย
ตบปากตัวเองสองสามครั้ง ใครบอกให้พูดเรื่องไร้สาระ สิ่งเดียวที่ดีที่สุดคือไม่มีใครอยู่ในห้องพัก!!
ในตอนเย็น เย่จื่อซิน สาวสวยสวมกระโปรงสั้นและเข้าไปในอาคารฟื้นฟูทหาร ทุกคนตกตะลึง เมื่อเธอเข้าไปในพัก 410 เธอเห็นพี่ชายของเธออ่านหนังสือจึงรีบวิ่งไปหาเขาพร้อมกับร้องไห้ในอ้อมแขนของเขา "พี่ ฉันถูกรังแก พี่ต้องล้างแค้นแทนฉันได้นะ ฮื้อๆ! เย่จื่อหยางมองดูการแต่งตัวของเย่จื่อซินอย่างใจเย็น และถอนสายตาออกไปโดยไม่อยากที่จะมอง “เธอใส่ชุดอะไรเธอ ไว้คราวหน้าฉันเห็นเธอแต่งตัว อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!” น้องสาวของเขาจะถูกคนอื่นรังแก? เย่จื่อหยางถูกตีให้ตายก็ไม่เชื่อคุณปู่เลี้ยงดู เย่จือซินมาตั้งแต่เด็ก คุณปู่เกิดมาเพื่อเป็นทหาร แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาว แต่เธอยังคงโดนฝึกสอนอย่างเข้มงวดศิลปะการต่อสู้ ยิวยิตสู และมวยทหาร เธอฝึกฝนทุก ๆ ดังนั้นเย่จื่อซินตอนเด็กจึงเหมือนกับเด็กผู้ชายจนกระทั่งอายุได้ 15 -16 ปี เริ่มรู้จักฉันวิธีต่อต้าน ฉันจึงเลิกฟังคุณปู่ ไว้ผมยาวและสวมกระโปรง ยิ่งโชว์เท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ อาจจะเป็นว่าตอนเด็กไม่เคยได้สวมใส่อะไรสวยๆงามๆ โตขึ้นมาจึงคิดว่าเป็นปมในใจ ยิ่งส่งไปต่างประเทศก็ยิ่งไว้เข้าไปใหญ่ ส่งรูปถ่ายกลับมา มีแต่เพื่อนแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด โชคดีที่คุณปู่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ความคิดสกปรกคืออะไร คุณรู้หรอว่าฉันคิดอะไรในหัว เมื่อกี้คุณคิดเรื่องมันสกปรกใช่ไหม” ซ่งเสี่ยวเชียนยั่วยุเย่จื่อหยางอย่างโจ่งแจ้งเย่จื่อหยางโยนไม้ค้ำยันที่ตั้งไว้ออกไป เหยียดแขนยาวออก วางมือบนไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน หลังจากนั้นทิ้งตัวพิงบนตัวเธอ ใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียนซีดเผือกด้วยความตกใจ "คุณ คุณ คุณ! คุณกำลังทำอะไร! ปล่อยนะ บอกว่าอย่าใกล้ชิดกันเกินไปไง!” “ช่วยพาฉันไปเข้าห้องน้ำ!” เย่จื่อหยางพิงตัวเข้าหาเธอเช่นนี้ โดยคลุมซ่งเสี่ยวเชียนไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วใช้แขนอีกข้างของเขาโอบเอวของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่งข้างหูเธอซ่งเสี่ยวเชียนต้องการต่อต้าน แต่เขาแข็งแกร่งเกินไปและล็อคเธอไว้แน่น "ไอ้คนลามก! ฉันจะพาคุณเข้าห้องน้ำได้ยังไง ถ้าคุณกอดฉันแบบนี้!?" สมองน้อยๆของเธออยู่ในภาวะสับสน พูดจาไม่รู้ผิดหรือถูกเย่จื่อหยางมองดูท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเธอ แล้วยิ้ม เขาทำแบบนี้เพื่อดูท่าทางที่กระสับกระส่ายของเธอ เมื่อกี้เธอล้อเลียนเขา ตอนนี้เขาแค่ลองไปแค่หนึ่งท่า ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้ว น่าสนุกจริงๆมือคลายเล็กน้อยและ ซ่งเสี่ยวเชียนก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำเธอพยุงเขาไปที่ห้องน้ำ เม
บรรยากาศในห้องค่อนข้างอึมครึม และซ่งเสี่ยวเชียนกำลังจะออกไปข้างนอกอย่างท้อแท้ เมื่อเย่จื่อซินกลับมาพร้อมถุงอาหารขนาดใหญ่แล้วพูดว่า "พี่ ฉันซื้ออาหารของโปรดทั้งหมดของพี่มาให้พี่ด้วย เอ้าลุกขึ้นมากินข้าวเร็ว" ซ่งเสี่ยวเชียนมองดูจานมันเยิ้มออกมาจากถุงทีละจาน และคัดค้านในทันทีว่า "ไม่ได้ เขากินอาหารมันเยิ้มแบบนี้ไม่ได้แล้ว! ทั้งหมดกินไม่ได้!" "ทำไมกินไม่ได้ล่ะ พี่ของฉันแค่บาดเจ็บที่ขา ไม่ใช่เพราะกระเพาะสักหน่อย!" เย่จื่อซินโต้กลับ “กินไม่ได้ก็คือกินไม่ได้! มันเยิ้มเกินไปจะทำให้แผลสมานช้า! เอามาให้ฉันทั้งหมดเถอะ! ฉันเตรียมอาหารเย็นให้เขาแล้ว!” นำอาหารทั้งหมดกลับเข้าไปในถุง หลังจากนั้นซ่งเสี่ยวเชียนรีบไปโดยเร็วที่สุด ถือโจ๊กจืดๆเข้ามาด้วยตัวเอง“ยังร้อนอยู่ รีบกินเร็วๆ” ชามโจ๊กพร้อมซุปใสและน้ำเล็กน้อยวางอยู่ตรงหน้าเย่จื่อหยาง และเขาก็เบื่ออาหารในทันที“ฉันอยากกินเนื้อ!” เย่จื่อหยางพูดในสิ่งที่ในใจของเขาคิด "ในนี้ก็มีเนื้ออยู่นะ" ซ่งเสี่ยวเชียนใช้ช้อนค้นๆตักเนื้อฉีกชิ้นเล็กๆ “ฉันอยากกินเนื้อผัดพริก!”“ได้ แต่คุณต้องรอจนกว่าคุณจะเอาเฝือกออก และเอกซเรย์กระดูกและกล้ามเนื้อก็หายดีแล้
“ตอนนี้พอใจแล้วใช่ไหม อย่าดื้อนะ ” ซ่งเสี่ยวเชียนใช้ความอดทนทั้งหมดในชีวิตของเธอเพื่อป้อนข้าวเย่จื่อหยาง และนี่เป็นครั้งแรกที่เธอป้อนอาหารให้คนอื่นผู้ป่วยคนอื่นๆ ในวอร์ดก็ออกไปกินข้าวในเวลานี้และกลับมา ทันทีที่พวกเขาเข้าไปในห้อง พวกเขาเห็นซ่งเสี่ยวเชียนกำลังป้อนข้าวเย่จื่อหยาง และพวกเขาทั้งหมดก็เริ่มโห่ "ว้าว พันเอกเย่ คุณและภรรยาของคุณ น่ารักกันจริงๆ ขนาดกินข้าวยังต้องป้อนด้วยตัวเอง!"“ไร้สาระ! ฉันไม่ยอมรับว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของฉัน! เธอยังไม่ผ่านการทดสอบ!” เย่จื่อซินกล่าว ทุกคนมุ่งความสนใจไปที่เธอและถามคำถามเธอเยอะแยะไปหมดซ่งเสี่ยวเชียนกระซิบกับเย่จื่อหยางว่า "ฉันคิดว่าน้องสาวของคุณกับฉันอนาคตน่าจะเข้ากันได้ไม่ดีเท่าไหร่ คุณช่วยคิดหาทางที่ฉันจะไม่ไปทุกที่ที่เธออยู่ในอนาคตได้ไหม" เย่จื่อหยางเลี่ยงที่จะพูด กินโจ๊กในเวลากลางคืน อาคารฟื้นฟูไม่สามารถรับคนเพิ่มได้ เย่จื่อซินกำลังโต้เถียงว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นส่วนเกิน? คืนนี้เธอจะอยู่ดูแลเย่จื่อหยาง แล้วชี้ไปที่ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดว่า "ยัยคนนี้ต่างหากที่เป็นส่วนเกิน ถ้าจะมีคนที่ต้องไปควรที่จะเป็นยัยคนนี้ถึงจะถูก" "นิสัยน้องสาว เธอคิดว่าฉัน
โจวเฝิ๋งทำให้พี่สะใภ้ของเขาขุ่นเคืองและทุกคนต่างก็ยินดีกับความโชคร้ายของเขา มีเพียงโจเฝิ๋งเท่านั้นที่ดูน่าสงสารและถามเย่จึงหยางว่าจะทำอย่างไร? เย่จื่อหยางตอบอย่างเย็นชา"เรื่องของนาย นายต้องแก็ไขปัญหาด้วยตัวเอง"โจวเฝิ๋งแทบจะคุกเข่าลงและจับมือเย่จื่อหยางไม่วาง "หัวหน้าทำแบบนี้กับผมไม่ได้นะครับ! ช่วยฉันผมพูดกับพี่สะใภ้ที!"เย่จื่อหยางเตะเขาเข้าอย่างจังด้วยเท้าขวาที่ฟื้นตัวแล้ว "ยืนขึ้น! มาทำท่าทางแบบนี้เหมือนอะไร!? นายต้องการให้ฉันลงโทษนายใช่ไหม!" โจวเฝิ๋งถูกเตะไปไปนอนกับพื้นมองแล้วหดหู่และดูเหมือนไม่มีใครสามารถช่วยเขาได้ ซ่งเสี่ยวเชียนแค่ล้อเล่นกับโจวเฝิ๋งเท่านั้น คนที่ทำผิดที่แท้จริงคือเย่จื่อหยาง เธอจะสนใจคนที่เพียงทำตามคำสั่งของเจ้านายของตัวเองได้อย่างไร? แต่ว่าเมื่อเห็นโจวเฝิ๋งถูกเตะ ทั้งรู้สึกสงสารเขาและก็น่าตลกในเวลาเดียวกันวันนี้เธออารมณ์ดีเพราะเย่จื่อหยางออกจากโรงพยาบาลแล้ว ซึ่งหมายความว่าเธอไม่ต้องดูแลเธอเหมือนพี่เลี้ยงเด็กอีกต่อไป เธอมีวันหยุดสองวันและสามารถกลับแผนกศัลยกรรมได้ เรียนรู้จากประสบการณ์ของแพทย์รุ่นก่อนและเป็นศัลยแพทย์ที่ยอดเยี่ยม!ดังนั้นทุกครั้งที่เย่จื่อหยาง
ไร้ประโยชน์ การพูดกับเย่จื่อหยางเป็นสิ่งที่น่าเบื่อที่สุดในโลก!ซ่งเสี่ยวเชียนหันหัวของเธอและไม่มองเย่จื่อหยาง แต่ทันใดนั้นก็นึกขึ้นแล้วพูดว่า "ฉันว่าแล้ว รู้สึกว่าขาดอะไรไป ฉันไม่เห็นน้องสาวของคุณ เธอไม่มาหรอ ทำไมเธอไม่มารับคุณออกจากโรงพยาบาล เธอไม่ใช่รักคุณมากหรอไม่อยากแยกจากคุณนิ” ไม่ลืมที่จะแหย่เขา เย่จื่อหยางหลับตา หลับตาและนั่งสมาธิ และตอบเบา ๆ ว่า "ฉันไม่ได้บอกเธอว่าฉันจะออกจากโรงพยาบาลวันไหน ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น"หากบอกเย่จื่อซินวันที่ออกจากโรงพยาบาล มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะออกจากโรงพยาบาลอย่างราบรื่นในวันนี้ รถขับเข้าไปในชุมชนของซ่งเสี่ยวเชียน เธอรู้สึกดีใจ โดยคิดว่าในที่สุดคนนิสัยเสียก็เต็มใจที่จะปล่อยเธอกลับบ้านแล้ว มองหาที่จอดรถ เย่จื่อหยางลงจากรถก่อน เครื่องแบบทหารของเขาทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเขาไม่ธรรมดา และพวกป้าๆก็เริ่มรวมตัวกันและพูดคุยเรื่องซุบซิบอีกครั้ง “พวกนายรอฉันอยู่ที่นี่” เย่จื่อหยางสั่ง จากนั้นจึงพาซ่งเสี่ยวเชียนไปที่อาคารอพาร์ตเมนต์ของเธอ ดูเหมือนว่าเขาจะรู้สถานการณ์ของเธอเป็นอย่างดีพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนเกษียณแล้ว ก่อนที่จะส่งซ่งเสี่ยวเชียนไป
เย่จื่อหยางได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ของซ่งเสี่ยวเชียนนั่นหมายความว่าเขาควบคุมได้ทุกอย่างแล้ว พ่อแม่ของเธอจำเขาได้ว่าเป็นลูกเขยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับซ่งเสี่ยวเชียนที่จะกลับคำพูดของเธอ“ ฉันจะกลับไปที่กองทัพสักสองสามวัน เพื่อจัดการกับสิ่งที่ตกค้างไว้ในเดือนนี้ ถ้ามีธุระอะไรก็โทรหาฉันได้ทันที” เย่จื่อหยางพา ซ่งเสี่ยวเชียนกลับไปที่บ้านของเขาและเก็บเสื้อเชิ้ตสองสามตัว วางพวกมันไว้ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขา และกำลังจะขับรถกลับไปยังเขตทหาร ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นว่าเขากำลังจะจากไป จึงพูดอย่างเป็นกังวลว่า "อาการบาดเจ็บที่ขาของคุณเพิ่งจะหายดี คุณกลับไปทำงานได้ทันทีแบบนี้จะโอเคหรอ? คุณพักผ่อนสักสองสามวันดีกว่าไหม?" “ไม่มีปัญหา” เย่จื่อหยางเก็บสัมภาระ หยิบกระเป๋าเป้สะพายหลังขึ้นมาแล้วกำลังจะออกไปข้างนอก จู่ๆ เขาก็หยุดชั่วคราว หันกลับมาแล้วพูดว่า “คุณเป็นเด็กฝึกงานในแผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลใช่ไหม?” ซ่งเสี่ยวเชียนพยักหน้า“ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะไปกำกับสักหน่อย คุณแค่ตั้งใจฝึกงานก็พอ” หลังจากพูดจบ เธอนอนลงบนเตียงและมองเขาที่เดินออกไปไกลเรื่อยๆ เธอถอนหายใจ ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกความเหงาในใจ เหมื
ทุกคนรู้สึกตกใจและประหลาดใจ เพราะบุคคลนี้ดูเหมือนจะไม่เคยปรากฏตัวในสถานที่เช่นนี้ แต่เขาปรากฏตัวขึ้นที่นี่“โอ้พระเจ้า คุณพ่อของนายคุณชายเย่อยู่ที่นี่! เมื่อมองดูเขาอย่างใกล้ๆก็รู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งเดินออกจากทีวี! ช่างเป็นลุงที่หล่อเหลาจริงๆ! อ่า เมื่อมองแบบนี้ ฉันในจินตนาการยิ่งพอใจในในความเป็นคุณนายเย่ไปอีก “พยาบาลลุกขึ้นและกระชิบกับพยาบาลที่อยู่ข้างๆว่า มองดูคุณเย่ชินเฉิงเดินเข้ามา ก็แอบยิ้มโดยไม่รู้ตัว "สวัสดีค่ะคุณเย่ มีอะไรให้ช่วยไหม?""ฉันกำลังมองหา..." เย่ชินเฉิง มองดูข้อความในมือของเขาแล้วพูดว่า "ซ่งเสี่ยวเชียน" "อืม ฉันกำลังตามหา….! เขามองดูชื่อที่มือของตัวเอง“ซ่งเสี่ยวเชียน”“อ่า โอ้ะฉันจะแจ้งให้หมอซ่งทราบทันทีค่ะ!" นางพยาบาลรีบโทรหาซ่งเสี่ยวเชียนและบอกเธอว่าพ่อของเย่จื่อหยางมาหาเธอ! ความคิดแรกของซ่งเสี่ยวเชียนเมื่อเธอรับสายคือ มันจบแล้ว! เป็นไปได้ไหมที่พ่อของเย่จื่อหยางจะไม่ชอบลูกสะใภ้แบบเธอมากเหมือนในละครทีวี ดังนั้นเขาจึงให้เงินก็อนใหญ่เพื่อที่ต้องการให้เลิกรากับเธอและขอให้เธอแยกจากเย่จื่อหยาง!แต่เมื่อเธอนั่งอยู่ในร้านกาแฟกับพ่อของเย่จื่อหยาง และพูด
เย่จื่อหยางก็เอากล่องที่บรรจุยาบํารุงที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมาคืนให้ซ่งเสี่ยวเชียน "ไม่จําเป็น" "ทําไมถึงไม่จําเป็นล่ะ คุณจะกลับบ้านมือเปล่าแบบนี้ไม่ได้" ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างเงียบ ๆ"ฉันบอกว่าไม่จําเป็นต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจกับเรื่องนี้ เขามองปราดเดียวก็มองออก" เย่จื่อหยางเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงอีก ทําท่าทางเหมือนเธอให้ฉันทําอะไรฉันก็ไม่ทํา ซ่งเสี่ยวเชียนตะโกนว่า "คุณอยากคืนดีกับคุณพ่อของคุณหรือเปล่า ถ้าคิด คุณก็ต้องลงมือทํา อย่าเอาแต่พูดเฉย ๆ ไม่ได้นะ" จิ้มหน้าอกของเย่จื่อหยาง "คุณเป็นทหาร แน่นอนว่าต้องรู้ว่าการกระทําเป็นพื้นฐานของการทําภารกิจทั้งหมดให้สําเร็จ"เย่จื่อหยางก็มหน้ามองเธอและคิดในใจว่าเขาจะคืนดีกับพ่อของเขาหรือไม่มันเกี่ยวอะไรกับเธอ?ดูเหมือนเธอจะซีเรียสกว่าเขาอีกเขาถอนหายใจ ซ่งเสี่ยวเชียนพูดถึงขนาดนี้แล้ว เขาคงอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ใช่ไหม ยิ่งไปกว่านั้นการได้คืนดีกับคุณพ่อก็เป็นการแก็ปัญหาที่เขากังวลมานานได้จริง ๆ เขาเงยหน้าขึ้นและลูบหัวของซ่งเสี่ยวเชียน "ทํา เพียงแต่ว
เธอกอดหมอนและยิ้มอย่างพอใจ เธอสาบานว่าเธอไม่เคยเจอใครที่เก่งขนาดนี้มาก่อน สามารถปกป้องเธอและขจัดวิกฤตให้เธอได้ทันทีในเวลาฉุกเฉิน ราวกับว่าจู่ๆ กำแพงทึบก็ปรากฏขึ้นในชีวิตของเธอ จะปกป้องเธอตลอดเวลาต่อจากนี้ไป ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยซ่งเสี่ยวเชียนเชื่อ ในอนาคต ตราบใดที่มีเย่จื่อหยางอยู่ข้าง ๆ เธอก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อฟ้าถล่มยังมีเขาคอยอยู่ข้างๆไม่ใช่หรอเย่จื่อหยางเขียนรายงานเสร็จก็ปิดคอมพิวเตอร์และเดินออกจากห้องหนังสือ ห้องนั่งเล่นมืดสนิท มีเพียงไฟสีเหลืองเข้มดวงเดียวที่เปิดอยู่ ฝาหลังของรีโมทกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพร้อมถ่าน เขาหยิบขึ้นมาและวางไว้ มองไปที่ซ่งเสี่ยวเชียนที่นอนอยู่บนโซฟาลืมตาก็ไม่รู้ว่ากําลังคิดอะไรอยู่ เอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง "มีเรื่องอะไรหรอ ทําไมดูมีความสุขขนาดนี้""ไม่มีนิ ฉันก็แค่ดีใจ" ซ่งเสี่ยวเชียนลุกขึ้นยืนต่อหน้าเย่จื่อหยางยิ้มให้เขา แล้วทันใดนั้นก็กระพริบตาให้เขา มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ทําให้เย่จื่อหยางเดาไม่ออก กําลังจะถามว่าทําไมถึงยิ้ม ทันใดนั้นซ่งเสี่ยวเชียนก็เอื้อมมืออ้อมไปข้างหลังเย่
คิดถึงเด็กคนหนึ่งที่อายุ 15-16 ปี เร่ร่อนอยู่กับพวกเขามา 4-5 ปี เพื่อขอทานทุกที่ และเงินที่ขอมามอบให้กับหัวหน้าแก๊งนั้น รับรองว่าทุกคนจะได้กินอาหารไม่อั้นสิ่งที่ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนเจ็บปวดมากกว่าเดิมคือเด็กคนที่ตาบอดทั้งสองข้าง เขาไม่ได้ตาบอดมาตั้งแต่เกิด แต่เมื่อเขาอายุเจ็ดขวบ เขาถูกจับโดยคนของแก๊งและจากพ่อแม่ไปตั้งแต่นั้นมา คนเหล่านั้นล้างสมองเขาเพื่อให้เขาได้รับเงินมากขึ้น ทําให้เขาคิดว่าการช่วยพวกเขาขอเงินมากขึ้นเป็นเรื่องที่ดีคนเหล่านั้นใช้เหล็กแทงเข้าไปในดวงตาของเด็กน้อย ตั้งแต่นั้นมาเขาก็มองไม่เห็นและคนเหล่านั้นสอนเขาวิธีการแยกแยะขนาดของธนบัตรด้วยมือของเขาและติดตามพวกเขามานานหลายปี และความสามารถในการแยกแยะเงินด้วยมือของเขานั้นมีความชำนาญมากและไม่เคยพลาดเลยซ่งเสี่ยวเชียนก็คิดว่าตอนนั้นเธอให้เด็กคนนั้นไปหนึ่งร้อยหยวน เขาก็สัมผัสไปหลายครั้ง ปากก็ยิ้ม แล้วบอกว่าวันนี้เขาเลิกงานได้แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขามั่นใจมาก ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นจะถูกล้างสมองโดยคนเหล่านั้นจริง ๆ และจะไม่อดตายเพราะตาบอดสองข้าง ดูเหมือนว่าเขาจะมองว่าเป้าหมายนี้เป็นเป้าหมายเดียว
ซ่งเสี่ยวเชียนไม่ทําอะไรเลย เย่จื่อหยางต้องไปทำกับข้าวด้วยตัวเอง ครั้งนี้เป็นอาหารมังสวิรัติจริง ๆ มังสวิรัติมากกว่าพระกินอีก แม้แต่ผัดกะหล่ำปลีจีนก็ใช้น้ำมันเรพซีด ไม่เปื้อนน้ำมันหมูสักนิดซ่งเสี่ยวเชียนมองอาหารมังสวิรัติที่โต๊ะแล้วพูดไม่ออก ความอยากอาหารเปลี่ยนเป็นระดับต่ำ แต่เย่จื่อหยางกลับกินอย่างเอร็ดอร่อย แต่ระหว่างที่เย่จื่อหยางกินข้าว เขาขยี้เหนือศีรษะเป็นครั้งคราว ซ่งเสี่ยวเชียนมองเขาอย่างสงสัยในที่สุดหลังจากกินข้าวเสร็จ ขณะที่เขากําลังล้างจาน เธอรีบไปเอามือไปสัมผัสหัวเขา ไม่ลูบก็ไม่รู้พอลูบก็ตกใจโดยไม่รู้ตัว บนหัวของเย่จื่อหยางบวมโนขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้โนใหญ่มากแต่ก็พองเล็กน้อยซ่งเสี่ยวเชียนนึกถึงก่อนหน้านี้เธอโยนเจลอาบน้ำใส่หัวเย่จื่อหยางอย่างแรง ที่แท้หัวปูดโนขนาดนี้เขากลับไม่พูดอะไรโอเค ซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนจิตใจดี ตอนนี้เมื่อได้เห็นสิ่งนี้แล้ว ในใจของเธอก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา คิดว่าเธอใจร้ายไปหน่อยจริง ๆ บางทีเย่จื่อหยางอาจไม่ได้ตั้งใจบุกเข้ามาแอบดูเธอจริง ๆก็ได้ และใครแอบดูคนอื่นแถมจงใจเปิดประตูอีกพอในใจรู้สึกผิดเธอก็อยากชดเชยไง ดึ
เธอดูเวลาในโทรศัพท์ของเธอ นาทีและวินาทีผ่านไป และห้านาทีผ่านไป เย่จื่อหยางก็ยังไม่ออกมา มีบางอย่างเกิดขึ้นเหรอ? ไม่มีทาง? เขาไม่ใช่เก่งมากหรอ? ไม่ใช่ว่าออกโลงแล้วล้มเหลวเลยนะ?เธอเงยหน้าขึ้นเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นในอาคารที่อยู่ไม่ไกล จู่ๆ ก็มีเสียงผู้ชายหยาบคายดังมาจากข้างหลังเธอ “เธอเป็นใคร!? มาทำตัวลับๆล่อๆก็ที่นี่ทำอะไร”ถูกจับได้แล้ว! นี่เป็นความคิดแรกที่เข้ามาหัวของซ่งเสี่ยวเชียนในเวลานั้น จู่ๆ เธอหันกลับมาและเห็นร่างผู้ชายที่มืดๆดำๆ ยืนอยู่ข้างหลังเธอไม่ไกลนัก เขามองดูเธอและทำท่าป้องกันตัว สายตาของเขาดูน่ากลัวเล็กน้อย"ฉ ฉัน...ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย! ฉันหลงทาง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองไปรอบ ๆ และชี้นิ้วไปรอบ ๆ ชายคนนั้นก้าวไปข้างหน้าสองก้าวดูเหมือนจะสงสัย "มากับฉัน!"เมื่อพูดเช่นนั้น ชายคนนั้นก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและจับมือของซ่งเสี่ยวเชียน ปฏิกิริยาตัวสั่นของซ่งเสี่ยวเชียนอยู่ในระดับสูงสุดและเธอก็หลบมือของชายคนนั้นทันที เธอจะปล่อยให้เขาจับเธอได้อย่างไร? นั่นเรียกว่ายอมจำนนฟ้านะ ซ่งเสี่ยวเชียนกระโดด
เย่จื่อหยางสังเกตมันอย่างละเอียด ดังนั้นจึงไม่มีข้อผิดพลาด เด็กน้อยเล่นซอได้อย่างชำนาญมาก เหมือนว่าเขาเริ่มเรียนรู้มันตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก"น่าสงสารจัง..." ซ่งเสี่ยวเชียนมองเด็กตาบอดคนนั้นซึ่งอายุน่าจะเพียงสิบสามหรือสิบสี่ปีเท่านั้น แต่ไม่สามารถมองเห็นโลกที่สวยงามใบนี้ แม้ว่าตอนนี้โลกจะปกคลุมไปด้วยหมอกควัน แต่ในบางครั้งก็มีท้องฟ้าเป็นสีฟ้าและเมฆเป็นสีขาวสำหรับเด็ก นี่เป็นสิ่งที่โหดร้ายมาก เดิมทีซ่งเสี่ยวเชียนเป็นคนที่มีจิตใจดีอยู่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหยิบกระเป๋าสตางค์ของเย่จื่อหยางออกมา หยิบแบงค์ร้อยหยวนออกมาแล้วยื่นให้เด็กน้อย "เด็กน้อย เอาเงินไปซื้อของอร่อยๆที่อยากกินนะ อย่าอดไว้”เด็กหยุดเล่นซอ รีบหยิบธนบัตรจากมือของซ่งเสี่ยวเชียน วางไว้ใต้จมูกแล้วดมกลิ่น จากนั้นใช้มือแตะอย่างระมัดระวัง และในที่สุดก็ยิ้ม “ขอบคุณผู้มีน้ำใจ วันนี้งานของผมเสร็จแล้ว ผมสามารถกลับก่อนได้”เมื่อพูดจบ ก็รีบเก็บสิ่งด้วยความไว หยิบไม้นำทางเดินหนีไป จากไปโดยไม่หันกลับมามองซ่งเสี่ยวเชียน
การซื้อผักก็เป็นงานที่ต้องใช้สายตา ตรงไหนสดใหม่ตรงไหนเน่า แต่บางครั้งผักหัวใหญ่สีเขียวขจีไม่มีร่องรอยของแมลงสักตัว บางทีอาจจะฉีดยากําจัดศัตรูพืชที่มากเกินไป ขนาดแมลงไม่ไม่กล้ากิน คุณยังกล้ากินอยู่หรอการต่อรองราคาก็เป็นความรู้อย่างหนึ่ง ขณะที่ซ่งเสี่ยวเชียนกําลังคุยราคากับเจ้าของพ่อค้าหาบเร่คนหนึ่ง จู่ ๆ ก็ถูกเด็กคนหนึ่งชน เด็กคนนั้นชนเธอแรงมาก เธอโซซัดโซเซเกือบล้ม โชคดีที่ถอยหลังไปหลายก้าวจึงไม่ล้มลงเด็กน้อยพยายามพูดขอโทษเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนอดทนต่อความโกรธไว้คิดว่าเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง "ไม่เป็นไรจ้ะ แต่คราวหน้าอย่าวิ่งเล่นในสถานที่แบบนี้อีกมันอันตราย" เด็กน้อยยิ้มให้เธออย่างเข้าใจ แล้ววิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว ซ่งเสี่ยวเชียนยังคงต่อรองราคากับพ่อค้าหาบเร่ต่อไป แต่ในเวลานี้พ่อค้าคนนั้นกลับมองเธอด้วยสายตาที่แตกต่างออกไป ซ่งเสี่ยวเชียนมองเสื้อผ้าของตัวเอง มีอะไรแปลกไปหรอ"พ่อค้า มีอะไรหรอทําไมจู่ ๆ ก็มองฉันด้วยสายตาแบบนี้ กะหล่ำปลียังจะขายไหม""เอ่อ สาวน้อย ฉันก็หวังดีจึงขอเตือนคุณหน่อย คราวหน้ามาซื้อผักอย่าให้เด็ก ๆ พวกนั้นเข้าใกล้คุ
ซ่งเสี่ยวเชียนเห็นเนื้อสัตว์และตาของเธอก็เปล่งประกาย เนื้อจานหนึ่งวางอยู่ตรงหน้านักชิมคนหนึ่ง เธอไม่สนใจว่าจะมีรอยแผลเป็นหรือไม่ จึงรีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งกิน แล้วอุทานว่า "เย่จื่อหยาง ฝีมือคุณก็ไม่เลวนิ อร่อยมากกก ครั้งหน้าฉันจะกินอันนี้ด้วย" "ไม่มีครั้งหน้า" เย่จื่อหยางพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แล้วหยิบเบียร์ที่วางอยู่ข้าง ๆ ขึ้นมาดื่ม ดื่มเบียร์ลงทำให้เขาผ่อนคลายลงมาก และมองซ่งเสี่ยวเชียนที่มีความสุขในการกินเนื้อจึงถามว่า"วันนี้ผ่านอะไรมาเยอะแยะ เธอยังกินข้าวลงอีกหรอ" ซ่งเสี่ยวเชียนพูดด้วยรอยยิ้ม "คุณคิดว่าฉันใจสลายแล้วหรอ ฉันไม่ได้ขี้กลัวง่าย ๆ ขนาดนั้น และแน่นนอนมีคุณอยู่ข้าง ๆฉันจึงไม่ได้รับผลกระทบอะไรมาก" เธอตบไหล่ของเย่จื่อหยางและยกนิ้วโป้งให้เขา"วันนี้ทําได้ดีมาก กดไลค์"เย่จื่อหยางถูกล้อให้หัวเราะแล้ว เขาหัวเราะเสียงดังและดื่มเหล้าไปด้วย "แต่ก็ยังทําเธอได้รับบาดเจ็บนะ"ซ่งเสี่ยวเชียนคีบเนื้อชิ้นใส่ในชามของเขา "แผลเล็กน้อยแค่นี้เอง คุณโทษตัวเองแบบนี้มันทำให้ฉันรู้สึกผิดนะ" ซ่งเสี่ยวเชียนกะพริบตาให้เขา เย่จื่อหยาง
"คุณหมายความว่าไง?"ซ่งเสี่ยวเชียนถามเขาอย่างจริงจัง เย่จื่อหยางหุบปากไม่พูดถึงอีกแล้ว ซ่งเสี่ยวเชียนนิสัยขี้โวยวายแบบเธอ ถ้ามีคนจะลักพาตัวเธอไป คงต้องตะโกนเสียงดังออกมาแน่ ทั้งถนนคงรู้ว่าคนที่จะลักพาตัวเธอไปคือพวกค้ามนุษย์ เงียบไปสักพัก เย่จื่อหยางก็ถามว่า "ยังโกรธอยู่หรอ""ทําไมจะไม่โกรธ!? คุณคิดว่าแค่ไม่กี่คําก็สามารถปลอบฉันได้หรอต้องชดใช้" ซ่งเสี่ยวเชียนเอื้อมยื่นมือไปขอสิ่งของจากเย่จื่อหยาง เขาผลักมือออกแล้วบอกว่าไม่มี ซ่งเสี่ยวเชียนก็กระโจนเข้ามากัดเขา ครั้งนี้เย่จื่อหยางฉลาดขึ้น เขาหลบอย่างไว ทําให้ซ่งเสี่ยวเชียนกัดเพียงว่างเปล่า แค่วินาทีเท่านั้น ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอกับเขาเหมือนคนรักกัน การสัมผัสร่างกายเล็กๆน้อยๆก็ไม่ได้น่าอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เธอยังกล้าที่จะกัดเขาด้วยจากนั้นเธอก็เขิลอายแล้ว ทําไมตอนนี้พวกเขาใกล้ชิดกันขนาดนี้วินาทีต่อมาเธอก็นึกถึงสิ่งที่สําคัญมาก "คุณปู่ของคุณบุกเข้ามาที่บ้านเมื่อวันก่อน"ทันใดนั้นสีหน้าของเย่จื่อหยางก็เปลี่ยนไป ถามอย่างจริงจังว่า "หมายความว่าอะไร"