เย่จื่อหยางพูดอย่างภาคภูมิใจเล็กน้อยว่า "พวกเราก็ถึงขั้นนั้นกันนานแล้ว"
"ถุ้ย! ฉันจะถือว่าโดนหมากัด! อย่างไรก็ตาม เมื่อครบหนึ่งปีฉันจะหย่า!" อย่าพูดถึงเรื่องที่ทำให้ฉันเสียใจได้ไหมในใจของซ่งเสี่ยวเชียนคงจะมีเลือดหยด ติ๋ง ติ๋งแล้ว!
"ฮึ่ม ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน" เย่จื่อหยางหันหลังให้ซ่งเสี่ยวเชียนและกำลังจะเข้านอนอีกครั้ง แต่ซ่งเสี่ยวเชียนอยากที่จะบีบคอเขาให้ตาย สำหรับเธอไม่มีความเคารพต่อเขาแม้แต่น้อย!
“นอน นอน นอนทั้งวัน เป็นหมูหรือไง !”
ความคิดเห็นของ ซ่งเสี่ยวเชียนที่มีต่อเย่จื่อหยาง กองพะเนินเทินทึก แต่งานพยาบาลเริ่มทำให้เธอบ่นอีกครั้ง นี่มันพี่เลี้ยงเด็กชัดๆ ต้องการของใช้ประจำวันก็ต้องให้เธอไปซื้อ ซักเสื้อผ้ากางเกงก็ต้องเธอซัก! แล้วที่แย่ที่สุดคือเธอต้องซักแม้กระทั้งกางเกงชั้นในของเขาด้วยซ้ำ
เย่จื่อหยางทำตัวไร้ยางอายได้ แต่ซ่งเสี่ยวเชียนทำไม่ได้ ตอนแรกเธอไม่กล้ามองกางเกงชั้นในด้วยซ้ำ แต่ต่อมาเธอกับชินกับมัน และเธอก็ปฏิบัติต่อกางเกงชั้นในเหมือนผ้าชิ้นหนึ่ง และเธอก็ยอมรับมันอย่างสมบูรณ์แบบ
วันหนึ่ง ซ่งเสี่ยวเชียนกำลังถืออ่างใส่เสื้อผ้าและกางเกงขายาวที่ซักแล้ว และกำลังจะพานำผ้าไปที่ระเบียงของห้องพักเพื่อตากให้แห้ง แต่เมื่อเธอเดินมาถึงที่ประตู เธอเห็นเย่จื่อหยางกำลังพูดคุยกับพยาบาล มุมปากของเธอคว่ำลง พยาบาลที่มาฉีดยาดูเหมือนเข้ากันได้ดีนิ
“เหอะ ผู้ชายก็เหมือนกันหมด เห็นผู้หญิงสวยพวกเขาก็กระดิกหางเพื่อประจบประแจง” ซ่งเสี่ยวเชียนพึมพำเบา ๆ ยืนอยู่ที่ประตู
เย่จื่อหยางก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร พูดไปยิ้มไปกับนางพยาบาล จากนั้นนางพยาบาลก็หยุดคุยกับเขา หยิบเข็มขึ้นมา และกำลังจะฉีดยาให้เขา ซ่งเสี่ยวเชียนเดินเข้ามาวางอ่างลง แล้วพูดว่า
"ฉันทำเอง"
คว้าเข็มจากมือพยาบาล เธอกำลังจะแทงลงบั้นท้ายของ เย่จื่อหยางแต่ เย่จื่อหยางรีบห้ามเธอไว้ "คุณ คุณรู้วิธีฉีดยาไหม"
“คุณ ฉันเป็นหมอนะ ทำไมฉันจะฉีดยาไม่เป็นล่ะ ฉันฉีดยาไม่เจ็บเลยสัดนิดนะ ทำตัวดีๆ นะ ผ่อนคลาย!” เธอขยิบตาและบอกให้พยาบาลออกไปให้ไว พยาบาลมองเย่จื่อหยางด้วยสีหน้าเป็นกังวล จากนั้นก็เดินทางไป
ซ่งเสี่ยวเชียนมองเข็มหัวเราะ ใครใช้ให้คุยกับพยาบาล**ต้องสั่งสอนสักหน่อย หนักหน่อยกันบวมจะขึ้นและ ยังไงก็ไม่ถึงตายอยู่ดี! ทันใดนั้นเธอก็แทงไปที่ก้นของ เย่จื่อหยางอย่างรุนแรง
เย่จื่อหยางไม่อยากร้องออกมาจริงๆ แบบนั้นมันน่าอายเกินไปแต่ว่าฝีมือแพทย์ของซ่งเสี่ยวเชียนนั้นยอดเยี่ยมมาก! มันทำให้เขาเจ็บแทบตาย!
“ไอ้ผู้ชายหน้าไม่อาย เสื้อผ้ากางเกงให้ฉันซัก แม้แต่กางเกงในก็ให้ฉันซัก ฉันยังทำอาหารและป้อนอาหารให้คุณทุกวัน ฉันยังไม่กลับบ้านดูแลคุณในโรงพยาบาลทั้งวัน! คุณต้องการอะไรฉันหาให้ทุกอย่าง คุณควรควบคุมร่างกายส่วนล่างของคุณให้เชื่อฟัง คุณเป็นผู้ชายของฉัน ดังนั้นคุณไม่สามารถมีความคิดที่ไม่ดีกับผู้หญิงคนอื่นได้! ทำตัวดีๆไม่เช่นนั้นครั้งต่อไปจะไม่ใช่แค่การฉีดยา ฉันจะยกคุณขึ้นบนเตียงผ่าตัดและแยกชิ้นส่วนคุณ!"
ดึงเข็มออกมา เช็ดๆมือแล้วหยิบอ่างขึ้นมาแล้วไปที่ระเบียงเพื่อตากเสื้อผ้า
เย่จื่อหยางแสดงสีหน้างุงงงเล็กน้อย ลูบๆก้นของเขา มันเจ็บปวดมาก และมันจะต้องบวมอย่างแน่นอน เขาเป็นถึงหัวหน้าของกลุ่มปฏิบัติการพิเศษ! แต่กลับถูกผู้หญิงตัวเล็กๆที่ไม่มีกำลังวางชาทำให้เป็นถึงขนาดนี้ในใจเขาแค้นเล็กน้อย! รอให้ขาของเขาหายเมื่อไหร่ เขาจะทำให้สาวน้อยคนนี้หลาบจำอย่างแน่นอน!
ซ่งเสี่ยวเชียนยืนตากเสื้อผ้าที่ระเบียงดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้คิดอะไร แต่ในใจของเธอก็สับสนอย่างมาก เมื่อกี้เธอพูดอะไร? ผู้ชายของฉันงั้นหรอ! ? เพื่อจะควบคุมปากของเธอ ซ่งเสี่ยวเชียนรู้สึกว่าเธอควรจะขังตัวเองอยู่ในห้องสีดำเล็กๆ ไม่ต้องออกมาอีกเลย
ตบปากตัวเองสองสามครั้ง ใครบอกให้พูดเรื่องไร้สาระ สิ่งเดียวที่ดีที่สุดคือไม่มีใครอยู่ในห้องพัก!!
ในตอนเย็น เย่จื่อซิน สาวสวยสวมกระโปรงสั้นและเข้าไปในอาคารฟื้นฟูทหาร ทุกคนตกตะลึง เมื่อเธอเข้าไปในพัก 410 เธอเห็นพี่ชายของเธออ่านหนังสือจึงรีบวิ่งไปหาเขาพร้อมกับร้องไห้ในอ้อมแขนของเขา "พี่ ฉันถูกรังแก พี่ต้องล้างแค้นแทนฉันได้นะ ฮื้อๆ! เย่จื่อหยางมองดูการแต่งตัวของเย่จื่อซินอย่างใจเย็น และถอนสายตาออกไปโดยไม่อยากที่จะมอง “เธอใส่ชุดอะไรเธอ ไว้คราวหน้าฉันเห็นเธอแต่งตัว อย่ามาเรียกฉันว่าพี่!” น้องสาวของเขาจะถูกคนอื่นรังแก? เย่จื่อหยางถูกตีให้ตายก็ไม่เชื่อคุณปู่เลี้ยงดู เย่จือซินมาตั้งแต่เด็ก คุณปู่เกิดมาเพื่อเป็นทหาร แม้ว่าเธอจะเป็นหลานสาว แต่เธอยังคงโดนฝึกสอนอย่างเข้มงวดศิลปะการต่อสู้ ยิวยิตสู และมวยทหาร เธอฝึกฝนทุก ๆ ดังนั้นเย่จื่อซินตอนเด็กจึงเหมือนกับเด็กผู้ชายจนกระทั่งอายุได้ 15 -16 ปี เริ่มรู้จักฉันวิธีต่อต้าน ฉันจึงเลิกฟังคุณปู่ ไว้ผมยาวและสวมกระโปรง ยิ่งโชว์เท่าไหร่ก็ยิ่งชอบ อาจจะเป็นว่าตอนเด็กไม่เคยได้สวมใส่อะไรสวยๆงามๆ โตขึ้นมาจึงคิดว่าเป็นปมในใจ ยิ่งส่งไปต่างประเทศก็ยิ่งไว้เข้าไปใหญ่ ส่งรูปถ่ายกลับมา มีแต่เพื่อนแปลก ๆ เยอะแยะไปหมด โชคดีที่คุณปู่มีชีวิตอยู่จนถึงทุกวันนี้
“ความคิดสกปรกคืออะไร คุณรู้หรอว่าฉันคิดอะไรในหัว เมื่อกี้คุณคิดเรื่องมันสกปรกใช่ไหม” ซ่งเสี่ยวเชียนยั่วยุเย่จื่อหยางอย่างโจ่งแจ้งเย่จื่อหยางโยนไม้ค้ำยันที่ตั้งไว้ออกไป เหยียดแขนยาวออก วางมือบนไหล่ของซ่งเสี่ยวเชียน หลังจากนั้นทิ้งตัวพิงบนตัวเธอ ใบหน้าของซ่งเสี่ยวเชียนซีดเผือกด้วยความตกใจ "คุณ คุณ คุณ! คุณกำลังทำอะไร! ปล่อยนะ บอกว่าอย่าใกล้ชิดกันเกินไปไง!” “ช่วยพาฉันไปเข้าห้องน้ำ!” เย่จื่อหยางพิงตัวเข้าหาเธอเช่นนี้ โดยคลุมซ่งเสี่ยวเชียนไว้อย่างสมบูรณ์ แล้วใช้แขนอีกข้างของเขาโอบเอวของเธอ และพูดด้วยน้ำเสียงสั่งข้างหูเธอซ่งเสี่ยวเชียนต้องการต่อต้าน แต่เขาแข็งแกร่งเกินไปและล็อคเธอไว้แน่น "ไอ้คนลามก! ฉันจะพาคุณเข้าห้องน้ำได้ยังไง ถ้าคุณกอดฉันแบบนี้!?" สมองน้อยๆของเธออยู่ในภาวะสับสน พูดจาไม่รู้ผิดหรือถูกเย่จื่อหยางมองดูท่าทางทำอะไรไม่ถูกของเธอ แล้วยิ้ม เขาทำแบบนี้เพื่อดูท่าทางที่กระสับกระส่ายของเธอ เมื่อกี้เธอล้อเลียนเขา ตอนนี้เขาแค่ลองไปแค่หนึ่งท่า ก็ทำให้เธอทำอะไรไม่ถูกแล้ว น่าสนุกจริงๆมือคลายเล็กน้อยและ ซ่งเสี่ยวเชียนก็สามารถเคลื่อนไหวได้แล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำเธอพยุงเขาไปที่ห้องน้ำ เม
บรรยากาศในห้องค่อนข้างอึมครึม และซ่งเสี่ยวเชียนกำลังจะออกไปข้างนอกอย่างท้อแท้ เมื่อเย่จื่อซินกลับมาพร้อมถุงอาหารขนาดใหญ่แล้วพูดว่า "พี่ ฉันซื้ออาหารของโปรดทั้งหมดของพี่มาให้พี่ด้วย เอ้าลุกขึ้นมากินข้าวเร็ว" ซ่งเสี่ยวเชียนมองดูจานมันเยิ้มออกมาจากถุงทีละจาน และคัดค้านในทันทีว่า "ไม่ได้ เขากินอาหารมันเยิ้มแบบนี้ไม่ได้แล้ว! ทั้งหมดกินไม่ได้!" "ทำไมกินไม่ได้ล่ะ พี่ของฉันแค่บาดเจ็บที่ขา ไม่ใช่เพราะกระเพาะสักหน่อย!" เย่จื่อซินโต้กลับ “กินไม่ได้ก็คือกินไม่ได้! มันเยิ้มเกินไปจะทำให้แผลสมานช้า! เอามาให้ฉันทั้งหมดเถอะ! ฉันเตรียมอาหารเย็นให้เขาแล้ว!” นำอาหารทั้งหมดกลับเข้าไปในถุง หลังจากนั้นซ่งเสี่ยวเชียนรีบไปโดยเร็วที่สุด ถือโจ๊กจืดๆเข้ามาด้วยตัวเอง“ยังร้อนอยู่ รีบกินเร็วๆ” ชามโจ๊กพร้อมซุปใสและน้ำเล็กน้อยวางอยู่ตรงหน้าเย่จื่อหยาง และเขาก็เบื่ออาหารในทันที“ฉันอยากกินเนื้อ!” เย่จื่อหยางพูดในสิ่งที่ในใจของเขาคิด "ในนี้ก็มีเนื้ออยู่นะ" ซ่งเสี่ยวเชียนใช้ช้อนค้นๆตักเนื้อฉีกชิ้นเล็กๆ “ฉันอยากกินเนื้อผัดพริก!”“ได้ แต่คุณต้องรอจนกว่าคุณจะเอาเฝือกออก และเอกซเรย์กระดูกและกล้ามเนื้อก็หายดีแล้
“บ้านเกิดผมอยู่ในเขตชนบทของมณฑลส่านซี พ่อแม่ฉันยังมีชีวิตอยู่ มีพี่ชายหนึ่งคนเปิดร้านอาหารในเมือง ถือว่าทำเงินได้ดีเลยล่ะ ส่วนผมเรียนจบมหาวิทยาลัยซิงหัว ตอนนี้ฉันซื้อบ้านหนึ่งหลังใจกลางเมืองหลวง มีรถBMW อ่อ คุณเคยบอกว่าคุณเป็นนักศึกษาแพทย์ เพิ่งจบปริญญาเอกแล้วกลับประเทศใช่ไหมครับ? เรียนแพทย์มันต้องใช้เวลา หางานได้หรือยังครับ ?ถ้ายังไม่ได้ ผมมีคนรู้จักสามารถให้คุณเข้าไปทำงานโรงพยาบาลใหญ่รัฐบาลได้ แต่ว่าด้วยเงินเดือนของผมตอนนี้ ถ้าเราแต่งงานกัน คุณแค่ทำหน้าที่เป็นภรรยาอยู่บ้านไม่ต้องออกไปทำงานเลยก็ได้อ๋อใช่ คุณยังไม่ได้บอกคุณอายุเท่าไหร่เลย แล้วก็คุณคิดว่าผมโอเคไหม ? ”เป็นครั้งที่ 10 แล้ว หลังจากที่ซ่งเสี่ยวเชียนถูกครอบครัวบังคับให้ไปนัดบอดตั้งแต่ที่เธอกลับมาถึงจีน ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้าเธออายุ 38 ปี ใส่แว่นหนาเตอะหัวล้านถึงกลางหัว ตามที่เขาอธิบายมันเกิดจากความกดดันจากสภาพจิตใจการทำงานเกี่ยวกับสายงานไอที เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งเสี่ยวเชียนตอบด้วยน้ำเสียงคลายความสงสัย อ๋อ มิน่าล่ะอันที่จริง เธออยากจะจบบทสนทนาระหว่างหนุ่มไอทีคนนี้มานานแล้ว เพราะเธอไม่ชอบผู้ชายใส่แว่นเอาเสียเลย แต่ห
ในบาร์ที่เงียบสงบ มีเพียงเสียงดนตรีไพเราะขับกล่อม ซ่งเสี่ยวเชียนนั่งที่บาร์ถือแก้วไวน์ เธอดื่มไวน์ในแก้วรวดเดียว ไม่รู้ว่าดื่มไปกี่แก้วแล้วเธอรู้สึกเมาเล็กน้อยแล้ว เธอวางคางไว้บนมือรู้สึกสับสนเล็กน้อย สมองกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งต่าง ๆ และไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ทันใดนั้น มีคนนั่งบนที่นั่งห่างจากเธอ 2 ที่นั่ง คนๆ นั้นขอวิสกี้แก้วหนึ่งแล้วดื่มรวดเดียว เธอมองเห็นคนๆ นั้นไม่ค่อยชัด แต่เธอรู้สึกว่ารัศมีที่แผ่ออกมาจากร่างกายของเขานั้นทำให้คนรู้สึกว่าไม่ควรเข้าใกล้ซ่งเสี่ยวเชียนเอาแต่มองคนๆ นั้นด้วยความสงสัย บางทีอาจเป็นเพราะออร่าของเขาที่ไม่เหมือนกับคนอื่นทำให้ซ่งเสี่ยวเชียนเอาแต่จ้องมองใบหน้าด้านข้างของเขา เขาคนนั้นสังเกตเห็นว่า ซ่งเสี่ยวเชียนจ้องมองเขามานานแล้ว แค่เขาไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมอง ตั้งหน้าตั้งตาดื่ม ดื่มแก้วแล้วแก้วเล่าต่อ ๆ ไปไม่รู้จบเพราะความเมา บางครั้งสายตาของเธอก็พร่ามัวและบางครั้งก็ชัดเจน และเธอก็ไม่ได้ตระหนักว่าการจ้องคนอื่นเช่นนี้เป็นการไม่สุภาพ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่สนใจที่ถูกเธอจ้องมองมากขนาดนี้ เธอยังคงจ้องมองอย่าเอาเป็นเอาตาย และยังคงดื่มไวน์ของตัวเองอย่างชิวๆ
ใช่แล้ว เย่จื่อหยางวัย 30 ปียังไม่แต่งงานและไม่มีแฟน ไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการแต่งงาน แต่มีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสถานะทางทหารของเขาเพราะเขามีความสามารถรอบด้าน ละเอียดรอบคอบ มีความรับผิดชอบ มีผลงานยอดเยี่ยม ผู้บังคับบัญชาจึงเห็นคุณค่าของเขาเสมอ ตราบใดที่งานเล็กหรือใหญ่เหมาะกับเขา ผู้บังคับบัญชาก็จะมอบหมายให้เขา เขามีภาระหน้าที่มากขึ้นและ มีโอกาสทำภาระกิจมากขึ้น ยศก็ขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อันตรายก็เพิ่มขึ้นเช่นกันดังนั้นเขาจึงไม่ตกหลุมรักใครง่ายๆและเขาจะไม่ไปดูตัวเพื่อการแต่งงานเด็ดขาด เพราะเขายังไม่สามารถให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความปลอดภัยได้ ขณะที่เขาทำภารกิจชีวิตของเขาจะตกอยู่ในอันตรายตลอดเวลาคุณปู่มอบแหวนให้เย่จื่อหยาง ซึ่งแม่ของเขาได้ทิ้งไว้ เดิมทีมีไว้สำหรับลูกสะใภ้ในอนาคต แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่ได้ไปเจอแม่ของเขาในวาระสุดท้ายกลับมาที่กองทัพ ทุกคนรู้เรื่องของเขา ผู้บัญชาการต้องการให้เขาลาหยุดสามเดือนเพื่อให้เขาได้พักผ่อนจัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อย แต่เขาปฏิเสธ และเขาก็ไม่หยุดพัก ยังนำกองทหารฝึกตามปกติและปฏิบัติภารกิจตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เขาซึ่งแต่เดิมเป็นคนพูดน้อ
เย่จื่อหยาง ขมวดคิ้วและเอื้อมมือไปเอาแหวนกลับมา แต่ ซ่งเสี่ยวเชียนกลับมีทีท่าจะหนีไป เธอเดินออกไปไม่กี่ก้าวโดยลืมไปว่าตัวเองเพิ่งดื่มแอลกอฮอล์สุดแรง เธอเริ่มเวียนหัวอีกครั้ง เย่จื่อหยางเดินเข้าไปหาเธอ ทีละก้าวทีละก้าวแล้วจับมือเธอเตรียมจะถอดแหวนออกซ่งเสี่ยวเชียนยังอยู่ในอาการมึนหัวแต่ก็ไม่ยอมให้เขาถอดแหวนออกไปง่ายๆ ดังนั้นเธอจึงกำมือแน่น เย่จื่อหยางบีบข้อมือเธอแน่นแล้วพูดด้วยน้ำเสียงออกคำสั่ง"ปล่อย!" "อ่า คุณไม่ได้เป็นใบ้นี่เอง"ซ่งเสี่ยวเชียนโกรธมากที่เขาไม่มีปฏิกิริยาต่อเธอเมื่อกี้นี้ ประกอบกับความล้มเหลวในการดูตัวเมื่อตอนกลางวัน และสิ่งที่แม่ของเธอพูดกับเธอ เธอพูดเสียงดังแบบไม่ได้สติว่า"ตอนนี้แหวนของคุณสวมอยู่ในนิ้วของฉันแล้ว ฉันก็คือภรรยาของคุณ!”เดิมที เย่จื่อหยาง ไม่ควรจะถือคำพูดไร้สาระจากคนเมา แต่เมื่อเห็นแหวนบนมือของซ่งเสี่ยวเชียน ทำให้นึกถึงสิ่งที่แม่ของเขาพูดกับเขาเมื่อปีที่แล้ว แหวนวงนี้มีแค่ภรรยาของลูกเท่านั้นที่จะสามารถใส่มันได้!เขาไม่ได้เชื่อโชคลาง ไม่เชื่อโชคลางแม้สักนิดเลย แต่วันนี้ในวันครบรอบการเสียชีวิตของแม่ของเขา มีหญิงสาวจากไหนไม่รู้คนหนึ่งสวมแหวนที่แ
ภายในไม่กี่วันหลังจากการแต่งงานแบบฟ้าแลบของพวกเขา ซ่งเสี่ยวเชียนขาดการติดต่อจากเย่จื่อหยางอย่างสิ้นเชิง กลับกัน ซ่งเสี่ยวเชียนอยากจะติดต่อเย่จื่อหยางเธอก็ไม่มีเบอร์โทรศัพท์เขาเมื่อภารกิจของเย่จื่อย่างสิ้นสุดลง แต่เขาถูกหามกลับไปบนเปล กระดูกขาหัก หลังจากพันผ้าพันแผลแบบง่ายๆ เฮลิคอปเตอร์ก็นำตัวส่งไปที่โรงพยาบาลของรัฐในเมืองหลวง ส่งตัวเข้ารับผ่าตัดทันที หลังจากนั้นหมอผ่าตัดได้ทำการผ่าตัดทันถ่วงที ทำให้การผ่าตัดเป็นไปอย่างสำเร็จ แค่พักผ่อนให้มากๆ ขาของคุณในไม่ช้าก็จะหายดี สมาชิกในทีมที่มากับ เย่จื่อหยางรู้สึกโล่งใจเมื่อได้ยินดังนั้น เพราะเย่จื่อหยางยังคงอยู่ในอาการโคม่าก่อนที่ยาชาจะหมดฤทธิ์ไป และในช่วงบ่ายเขาน่าจะตื่น น่องขาขวาอยู่ในเฝือกและดูเหมือนว่าเขาจะต้องใช้ไม้ค้ำอยู่ระยะหนึ่งแม้แต่สมาชิกในทีมยังคิดว่ามันแปลกที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ภารกิจสืบสวนดำเนินไปอย่างราบรื่น เมื่อพวกเขาถอยกำลังกลับ เย่จื่อหยางก็ก้าวเข้าไปในกับดักด้วยขาขวาของเขาและติดกับดักที่น่อง เขาได้รับบาดเจ็บและ กระดูกแตกหักและเกือบจะถูกศัตรูพบเข้า มันเป็นความประมาทอย่างมาก ความผิดพลาดครั้งนี้ถือเป็นความผิดพลา