เวรุณีผู้สูญเสียน้องชาย ธรณ์ผู้สูญเสียน้องสาวเพราะน้องชายเธอ คนอื่นอาจมีน้ำตา ... แต่กับเขาความสูญเสียคือไฟแค้น +++++++++++++++++++++ “คุณแย่ใส่ผมก่อน พูดว่าน้องสาวผมตาย น้องชายคุณตายก็เจ๊ากันไป ว่าผมเป็นเกย์ แล้วยังลามปามถึงแม่ผมอีก” สายตาส่งมาโกรธเกรี้ยวราวกับจะเผาให้เป็นจุณ “เออ...ก็ได้ ฉันขอโทษ” เธอพยายามแก้สถานการณ์คับขัน อยู่ในห้องปิดตายกับเขาสองต่อสอง เกิดพี่ชายธิณาบ้าที่น้องคนเดียวตายไป จับเธอโยนจากหน้าต่างล่ะ นี่ชั้นยี่สิบกว่าๆ นะ “ตอแหล ไม่ได้มีความจริงใจเลย” แรงนิ้วมือจิกท้ายทอยเธอแรงยิ่งขึ้น จนน่ากลัวหนังหัวจะหลุดตามออกมาเป็นแผ่นๆ “น้องชายคุณทำผมหมดสิ้นทุกอย่าง น้องสาวคนเดียว ทายาทตระกูลผมหมดแล้ว” ธรณ์พึมพำกับเธอราวคนบ้า “แล้วจะให้ฉันทำยังไง บ้านฉันก็หมดตระกูลแล้วเหมือนกัน จะให้ฉันรับผิดชอบมีลูกให้เลยไหมล่ะ” คำประชดทำเอาอีกฝ่ายสะดุดกึก มองพินิจเธอด้วยแววตาคาดไม่ถึง “อย่าพูดอะไรบ้าๆ น่ะ คุณไม่ใช่สเปคผม” เสียงเยาะเจือดูถูก เวรุณีหน้าร้อน “คุณก็ไม่ใช่สเปคฉันเหมือนกัน!”
ดูเพิ่มเติม“ฉันไม่ใช่เมียเก็บใคร!”เวรุณีตวาด ใบหน้าร้อนผ่าว ผู้มาใหม่กอดอกเอียงคอ เบ้ปาก“เออ! จริงด้วยสิเนอะ อ้วนออกอย่างนี้ ธรณ์คงไม่รสนิยมแย่ลงหรอก”“พูดดีๆ สิคุณ มาว่าคนเพิ่งเคยเจอกันอย่างนี้ เสียมารยาทนะ”เธอพยายามข่มอารมณ์ กำมือสองข้างแน่น“เธอมาอยู่ที่นี่มืดๆ ค่ำๆ ได้ยังไง แต่งตัวอย่างนี้เป็นพนักงานธนาคารธรณ์ใช่ไหม”ดวงตาแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตสำรวจเธอ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“แล้วจะขึ้นไปชั้นสองทำไม นั่นน่ะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านายนะ”“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”เวรุณีตีรวนเชิดคอบ้าง ผู้มาใหม่กลับมองเป็นท้าทาย“จองหองนักนะเธอ เป็นแค่พนักงานบริษัทเขาแท้ๆ รู้ไหมฉันเป็นใคร”“ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้อัลไซเมอร์เหมือนคุณ กระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร”ป้าเอื้องเลิกคิ้ว ทึ่งในพิษสงของสาวอวบ ส่วนอีกคนทิ้งแขนลงข้างตัว ปากสั่นเตรียมจะกรี๊ด“แก...แก”“ฉันไม่ได้ชื่อแกค่ะ ชื่อเวรุณี อยากรู้ว่าฉันเป็นใครก็ให้ถามคุณธรณ์เอง”ว่าแล้วก็เดินขึ้นบันได แต่ผมกลับโดนจิกทึ้ง กระทั่งเธอต้องยึดราวไว้ไม่ให้ล้ม“งั้นวันนี้เธอจะได้รู้ว่าฉันเป็นใคร”สาวคนนั้นออกแรงกระตุก จนศีรษะเวรุณีหงายเชิด จำต้องปล่อยมือ หน้าเหยเ
ปรกติธรณ์เป็นคนตื่นเช้า แม้จะทำงานดึกสักเพียงใด แต่วันนี้ชายหนุ่มพลิกตัวด้วยความเกียจคร้าน มือยาวควานไปทั่วเตียงกว้าง ก่อนค่อยๆ ลืมตา แล้วพบว่าตนอยู่เพียงลำพังเขานิ่วหน้ากัดฟันกรอดเมื่อระลึกได้ว่าเมื่อคืนใช้เวลาบนเตียงอยู่กับใคร เวรุณีหนีไปอีกแล้ว ผู้หญิงเลี้ยงไม่เชื่อง จอมโกหก!ธรณ์หยิบกางเกงบนพื้นมาใส่ลวกๆ เปลือยอกออกไปนอกห้อง สาวใช้ที่กำลังขึ้นบันไดมาถึงกับผวา ด้วยเจ้านายของบ้านหน้าถมึงทึง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผิดจากมาดเนี๊ยบๆ ที่เคย“เห็นผู้หญิงที่มากับฉันเมื่อคืนนี้ไหม”สาวใช้สั่นหน้า พอดีกับป้าเอื้อง แม่บ้านใหญ่ตั้งแต่รุ่นพ่อตามหลังเธอมาพอดี“เธออยู่ในห้องพระค่ะ”ธรณ์สาวเท้ายาวๆ ไปตามทางที่บอกทันที ร่างอวบอัดนั่งพับเพียบเหม่อมองพระพุทธรูปและโกศอัฐิบนหิ้ง เบื้องหน้าเธอมีกระเป๋าสตางค์บรรจุซองอัฐิที่เขาเคยเห็นวางเลยถัดจากหัวเข่าเขาคบกับผู้หญิงก็มาก ร่วมเตียงมาก็บ่อย เวรุณีคนเดียวเท่านั้นที่มาหลบอยู่ในห้องพระ“นั่นพ่อแม่กับน้องสาวผม”เธอสะดุ้งเฮือกหันขวับมองตาวาว เขากอดอกพิงไหล่สบายๆ กับกรอบประตู“ในโกศยังไงล่ะ”“คุณตื่นแล้วก็ดี ฉันจะได้กลับบ้าน”“กลับไปทำไม”ตาคมโลมเลียใบหน้ากระจ่
“เดี๋ยวก่อนๆ”เวรุณียกมือข้างหนึ่งเป็นเชิงห้ามเมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวบ้าน เขากึ่งลากกึ่งจูงเธอ เข้าไปยังห้องหนึ่ง แล้วประตูก็ปิดลง“เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”เธอบังคับเสียงไม่ให้ตระหนก เมื่อกวาดตาไปสะดุดกับเตียงใหญ่“ว่ามา...”เขาเดินเลี่ยงไปถอดเข็มขัดวางบนโต๊ะ ดึงเสื้อออกนอกกางเกง“เรื่องเงินสิบล้าน”เขาผินหน้าส่งยิ้มเยาะ“คุณจะได้ทันทีหลังลูกผมคลอด”“หน้าที่การงานต้องยังคงเดิม หลังท้องฉันต้องได้ชีวิตเดิมกลับมา”“ไหนคุณยื่นใบลาออกแล้วยังไงล่ะ”เขาย้อน เธอฝากมากับหนุ่มหน้าขาวท่าทางหงอๆ เลขาฯที่สั่งให้จับตาดูเวรุณี เอามารายงานแทบจะทันทีที่จดหมายถึงมือผู้จัดการเธอ“ก็...”หญิงสาวกลอกตา คิดหาคำแก้ตัว“ก็คุณตามฉันเจอแล้วนี่ เท่ากับการหนีเป็นโมฆะ”“คุณนี่ขี้โกงนะรู้ไหม”ธรณ์หันกลับมาเต็มตัวพร้อมแสยะยิ้มร้าย“ไม่เท่าคุณหรอกน่า”เวรุณีมองตาท้าทาย ไม่กลัวการข่มขู่นั้นเลย“ผู้ชายเลวกับผู้หญิงตอแหล เราสองคนก็พอๆ กันนะเวรุณี คุณมีชื่อเล่นไหม ชื่อจริงยาวเป็นบ้า”“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก คุณอยากเรียกฉันว่ายังไงก็เรียก”“หวงกระทั่งชื่อเล่นหรือยังไง”ธรณ์ไพล่นึกไปถึงแต่หนุ่มคนส่งจดหมายลาออกของเธอ“ยังไงเรา
“คุณอยู่สายบังคับบัญชาของท่านพิรุณหรือเปล่าครับ”ธรณ์ที่เวรุณีแนะนำกับทุกคนว่าเพื่อนเริ่มคุยกับสามีลลิตา“ผมเจอท่านบ่อยๆ ในก๊วนกอล์ฟ ท่านเป็นเพื่อนพ่อผม”เขาเล่านิ่ง ใบหน้ายิ้ม แต่ทำคนฟังครั่นเกรงในความกว้างขวาง“กลับกันได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน”เมื่อเจ้าของบ้านเก็บจานชามเข้าครัว ปล่อยแขกนั่งในห้องรับรอง เขาก็เริ่มทำตามจุดประสงค์ต่อมา“คุณอย่าขู่เลยน่า”“ผมไม่ได้ขู่ แต่ทำได้จริง”“คุณแย่ที่สุด”เวรุณีต่อว่าและมองเขาอย่างไม่พอใจ“สายตาคุณบอกว่าผมยิ่งกว่าแย่ ...ชนิดด่าว่าเลวที่สุดเลย”ธรณ์พูดเหมือนมานั่งกลางใจ“ไม่เป็นไรผู้ชายเลวกับผู้หญิงตอแหล ก็เหมาะสมกันดี”เขาคว้าแขนเธอ ท่ามกลางการบิดรั้งหนีของเจ้าตัว“คุณลลิตาครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ผมกับเพื่อนคุณจะกลับแล้ว”ธรณ์ร้องบอกเจ้าของบ้าน“จริงๆ เราเป็นแฟนกัน เธองอนผมนิดหน่อย”ลลิตาพยักหน้าเลิกแคลงใจในท่าทางแปลกๆ ของสองคนนี้“ไปเก็บของ ถ้าคิดหนีอีก ผมจะจัดการคุณที่นี่ เดี๋ยวนี้ ต่อหน้าเพื่อนคุณนี่แหละ!”เขากระซิบขู่ได้ทั้งๆ หน้ายิ้มให้ลลิตา เวรุณีสะบัดมือที่หลุดจากการเกาะกุม ใบหน้าบึงตึง เข้าไปเก็บข้าวของในห้องส่วนตัวทันที
“กินอะไรเอ่ยทิป”เวรุณีสะดุ้งเฮือก พจนารถยิ้มเผล่วางจานข้าวแกงลง แล้วนั่งร่วมโต๊ะตรงหน้า“ข้าวมันไก่น่ะ แล้วนารถไปไหนทำไมวันนี้มาช้า”ปรกติเดินผ่านไปชงกาแฟจะเห็นเขานั่งที่โต๊ะ แต่วันนี้พจนารถกระหืดกระหอบมาเอาตอนสิบโมงเช้า“ลาสองชั่วโมง วันนี้ครบรอบวันตายแม่ เลยไปถวายภัตตาหารที่วัด”เธอมองเขาแล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง สักวันเธอต้องมีรอยยิ้มมาจากใจจริง โดยไม่เสแสร้งว่าตัวเองเข้มแข็งดังที่เป็นอยู่“เมื่อวานนี้ซีอีโอคุณธรณ์เรียกทิปไป มีอะไรหรือเปล่า”ธนาคารสำนักงานใหญ่แห่งนี้ใหญ่โต แต่ก็ไม่เล็กนักสำหรับข่าวคราวต่างๆ ยิ่งเรื่องแปลกๆ อย่างผู้บริหารใหญ่เรียกพบพนักงานตำแหน่งเล็กๆ เพียงลำพัง“อ๋อ...”เวรุณียิ้มกลบเกลื่อน“เขา เอ๊ย! ท่านเป็นคนรู้จักกับพ่อแม่ฉันน่ะ เลยถามข่าวเรื่องไทม์”พจนารถเห็นว่าเป็นเรื่องเวลา ซึ่งกระทบใจเธอ เขาจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ แต่ชวนคุยเรื่องอื่นๆ ซึ่งก็พอทำให้เวรุณียิ้มได้บ้าง“คาเฟทีเรียของเราสะอาด ได้รับรางวัลรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย ขายอาหารราคาถูกเพื่อลดภาระค่าครองชีพของพนักงาน”ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลอธิบายนำชมสถานที่อย่างตั้งอกตั้งใจ ธรณ์ทำทีเป็นฟัง สายตากวาด
“ถ้าไม่มีอะไร ดิฉันกลับแล้วนะคะท่านซีอีโอ จะไล่ฉันออกก็กรุณาจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย อ้อ! อย่าลืมแจ้งให้ฉันรู้ก่อนหนึ่งเดือนด้วยนะคะ”ทีแรกเวรุณีจะยอมรับการไล่ออก เดินไปจากที่นี่ดีๆ แต่เมื่อเขาแรงมาอย่างนี้ เธอก็แรงกลับ สมน้ำสมเนื้อกันดี“ลาล่ะค่ะ”ร่างกลมกลึงหันหลังเดินตัวปลิว เปิดประตูเข้าลิฟท์กลับไปชั้นสำนักงานตนด้วยใจเต้นระรัวทันทีบ้านที่มีเวรุณีเพียงลำพังนั้นเงียบเหงา เธอซื้อเพียงน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเย็น เทใส่แก้วและเปิดโทรทัศน์ดูอย่างเหม่อลอย คิดถึงอนาคตอันลางเลือนของตน หากธรณ์ไล่ออก เศรษฐกิจแบบนี้จะไปสมัครงานที่ไหน จะกินอยู่อย่างไร จะใช้ชีวิตคนเดียวได้หรือไม่คิดด้วยสมองอันสับสนอยู่นานจนปวดหัว จึงไปอาบน้ำ แต่งตัวขึ้นไปไหว้พระในห้องชั้นบนของบ้าน ซึ่งมีอัฐิพ่อแม่และเวลา ระหว่างนั้นได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้านรัว รถคันงามสีดำปลาบจอดนิ่งอยู่“มาหาใครเหรอคะ”เวรุณียืนห่างประตูรั้วประมาณวา คะเนให้ ...หากคนกดออกเป็นผู้ร้ายเอื้อมไม่ถึงตัวเธอแน่“มาหาคุณนั่นแหละ เปิดประตูทีสิ”ธรณ์ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น“คุณมาที่นี่ได้ยังไง ทำไมรู้จักบ้านฉัน”เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ในใจกลัวสุ
เวรุณีใจหล่นวูบลงตาตุ่ม เมื่อสมองประมวลผลออก เสียงนี้เธอจำได้ ...ผู้ชายในโรงพยาบาล พี่ชายธิณา! เธอเหลียวหาผู้จัดการและหนุ่มซึ่งเคยอยู่กับเขาในโรงพยาบาล เห็นหลังทั้งสองไวๆ ก่อนประตูปิดลงหญิงสาวหน้าซีดตัวแข็งทื่อ ริมฝีปากสีเข้มบางเหยียดยิ้มร้าย ยกมือกอดอกพิงหลังกับหน้าต่าง ตาคมปลาบมองเธอตั้งแต่ตัวจรดเท้า“คะ...คุณตามฉันมาทำไม”เธอยังจำคำกล่าวหาร้ายกาจในโรงพยาบาลได้ ...เขาโทษเวลาพาธิณาไปตาย“ก็นี่บริษัทผม ...ผมเป็นซีอีโอ”เวรุณีไม่ได้จำชื่อผู้บริหารใหม่ เพราะคิดว่าไม่เกี่ยวกับตน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นคู่กรณีกับน้องชาย เขาเรียกมาอย่างนี้มีจุดประสงค์อะไร“คุณเป็นพนักงานยังไงน่ะฮึ! เวรุณี จำเจ้านายตัวเองไม่ได้”“เรื่องจำไม่ได้ฉันแย่เองค่ะ ฉันยอมรับ”หญิงสาวสูดลมหายใจเชิดหน้าเรียกความมั่นใจขึ้น ...ต้องไม่กลัว เขาทำอะไรเธอไม่ได้ เวรุณีไม่ใช่คนผิด“แต่ตามสายงานบังคับบัญหาคุณอยู่สูงสุด ฉันต่ำสุด ไม่เคยรู้จักคุณก็ไม่แปลก แล้วคุณเรียกฉันมามีอะไรเหรอคะ”แต่กระนั้นใจก็ยังอดคิดในแง่ร้ายไม่ได้ เขาเรียกเธอมาไล่ออกหรือเปล่า ...พาลจริงๆ แต่คิดอีกทีหากถูกไล่ออกเธอก็ไม่สนใจ ดีเสียอีกเป็นการแสดงความรับผิด เหม
รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้นเคลื่อนออกไป ทิ้งไว้เพียงควันเทาจากท่อไอเสียลอยอ้อยอิ่ง ร่างอ่อนล้าเหลือเกินค่อยๆ เลื่อนประตูรั้วเหล็กเข้าทาวเฮ้าส์หลังเล็ก ที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เวรุณีเหลียวดูลานจอดรถซึ่งเว้าเข้าไปในบ้าน ใกล้หน้าต่าง ข้างระเบียง ...ว่างเปล่า ไร้มอเตอร์ไซด์นายเวลาผู้เป็นน้องชาย แสดงว่ายังไม่กลับเธอแบ่งแกงจืดเต้าหู้หมูสับและยำปลาทูใส่ตู้ไว้ให้ ส่วนตัวเองยกอาหารมาจัดการหน้าโทรทัศน์ ว่าจะลดมื้อเย็นแล้วเชียวแต่วันนี้เหนื่อยจริงๆ เงินหายไปยี่สิบห้าสตางค์ ต้องรื้องบบัญชีมาตรวจใหม่ ป้ายหน้าธนาคารบอกปิดบ่ายสามครึ่ง แต่ความจริงกว่าจะออกมาได้ก็เกือบหนึ่งทุ่มเวรุณีดูโทรทัศน์สลับกดโทรศัพท์มือถือติดต่อน้องชาย เวลาอายุครบยี่สิบเดือนหน้า กำลังจะจบปวส. เขาคุยกับเธอขอทำงานสักหนึ่งปี แล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อแบ่งเบาภาระ เวรุณีไม่ขัดน้อง ดีเสียอีกจะได้มีเวลาตั้งตัวเก็บเงินบ้างเงินเดือนพนักงานธนาคารกับการกินอยู่สองปากในเมืองหลวง ทำเอาชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่บ่อยๆ โชคดีที่บ้านไม่ต้องผ่อน เพราะเป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่ผู้ล่วงลับหน้าจอตัดเข้าสู่ข่าวซึ่งในสื่อโซเซียลรายงานตัดหน้าไป
รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างคันนั้นเคลื่อนออกไป ทิ้งไว้เพียงควันเทาจากท่อไอเสียลอยอ้อยอิ่ง ร่างอ่อนล้าเหลือเกินค่อยๆ เลื่อนประตูรั้วเหล็กเข้าทาวเฮ้าส์หลังเล็ก ที่อาศัยอยู่มาตั้งแต่เกิด เวรุณีเหลียวดูลานจอดรถซึ่งเว้าเข้าไปในบ้าน ใกล้หน้าต่าง ข้างระเบียง ...ว่างเปล่า ไร้มอเตอร์ไซด์นายเวลาผู้เป็นน้องชาย แสดงว่ายังไม่กลับเธอแบ่งแกงจืดเต้าหู้หมูสับและยำปลาทูใส่ตู้ไว้ให้ ส่วนตัวเองยกอาหารมาจัดการหน้าโทรทัศน์ ว่าจะลดมื้อเย็นแล้วเชียวแต่วันนี้เหนื่อยจริงๆ เงินหายไปยี่สิบห้าสตางค์ ต้องรื้องบบัญชีมาตรวจใหม่ ป้ายหน้าธนาคารบอกปิดบ่ายสามครึ่ง แต่ความจริงกว่าจะออกมาได้ก็เกือบหนึ่งทุ่มเวรุณีดูโทรทัศน์สลับกดโทรศัพท์มือถือติดต่อน้องชาย เวลาอายุครบยี่สิบเดือนหน้า กำลังจะจบปวส. เขาคุยกับเธอขอทำงานสักหนึ่งปี แล้วค่อยสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อแบ่งเบาภาระ เวรุณีไม่ขัดน้อง ดีเสียอีกจะได้มีเวลาตั้งตัวเก็บเงินบ้างเงินเดือนพนักงานธนาคารกับการกินอยู่สองปากในเมืองหลวง ทำเอาชักหน้าไม่ถึงหลังอยู่บ่อยๆ โชคดีที่บ้านไม่ต้องผ่อน เพราะเป็นมรดกตกทอดจากพ่อแม่ผู้ล่วงลับหน้าจอตัดเข้าสู่ข่าวซึ่งในสื่อโซเซียลรายงานตัดหน้าไป
ความคิดเห็น