“ถ้าไม่มีอะไร ดิฉันกลับแล้วนะคะท่านซีอีโอ จะไล่ฉันออกก็กรุณาจ่ายเงินชดเชยตามกฎหมายแรงงานด้วย อ้อ! อย่าลืมแจ้งให้ฉันรู้ก่อนหนึ่งเดือนด้วยนะคะ”
ทีแรกเวรุณีจะยอมรับการไล่ออก เดินไปจากที่นี่ดีๆ แต่เมื่อเขาแรงมาอย่างนี้ เธอก็แรงกลับ สมน้ำสมเนื้อกันดี
“ลาล่ะค่ะ”
ร่างกลมกลึงหันหลังเดินตัวปลิว เปิดประตูเข้าลิฟท์กลับไปชั้นสำนักงานตนด้วยใจเต้นระรัวทันที
บ้านที่มีเวรุณีเพียงลำพังนั้นเงียบเหงา เธอซื้อเพียงน้ำเต้าหู้เป็นมื้อเย็น เทใส่แก้วและเปิดโทรทัศน์ดูอย่างเหม่อลอย คิดถึงอนาคตอันลางเลือนของตน หากธรณ์ไล่ออก เศรษฐกิจแบบนี้จะไปสมัครงานที่ไหน จะกินอยู่อย่างไร จะใช้ชีวิตคนเดียวได้หรือไม่
คิดด้วยสมองอันสับสนอยู่นานจนปวดหัว จึงไปอาบน้ำ แต่งตัวขึ้นไปไหว้พระในห้องชั้นบนของบ้าน ซึ่งมีอัฐิพ่อแม่และเวลา ระหว่างนั้นได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้านรัว รถคันงามสีดำปลาบจอดนิ่งอยู่
“มาหาใครเหรอคะ”
เวรุณียืนห่างประตูรั้วประมาณวา คะเนให้ ...หากคนกดออกเป็นผู้ร้ายเอื้อมไม่ถึงตัวเธอแน่
“มาหาคุณนั่นแหละ เปิดประตูทีสิ”
ธรณ์ยืนจังก้าอยู่ตรงนั้น
“คุณมาที่นี่ได้ยังไง ทำไมรู้จักบ้านฉัน”
เธอพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น ในใจกลัวสุดขีด เขารุกคืบเข้ามาในชีวิตเธอ ทั้งที่ทำงาน ...ที่พัก
“คุณเป็นพนักงานบริษัทผมนะ ฝ่ายบุคคลมีข้อมูลคุณอยู่แล้ว อย่าลืมสิ”
ชายหนุ่มเฉลยหน้ายุ่ง
“เปิดประตู จะให้ยืนคุยอยู่ตรงนี้หรือยังไง”
“แล้วคุณมาหาฉันเรื่องอะไรล่ะ อยากทำอะไรก็บอกผ่านฝ่ายบุคคลสิ”
“ทำไมจะต้องบอกก็ในเมื่อเป็นเรื่องระหว่างคุณกับผม”
“ฉันกับคุณไม่มีเรื่องอะไรกันแล้ว”
ธรณ์หรี่ตามองลอดประตูรั้วเหล็กดัด ไปยังเจ้าของบ้านในชุดนอนเชิ้ตยาวคลุมเข่า ผมถักเป็นเปียเดี่ยวไพล่หลัง
“เรื่องที่คุณเสนอผมเองในบริษัท...เรื่องลูก”
ปลายประโยคลากยาว แผ่วเบาราวกระซิบ แสงจากหลอดไฟเหนือประตูรั้วสว่างจ้า เวรุณีอ่านการขยับปากเขาออก
“เร็ว! เปิดได้แล้ว จะให้ชาวบ้านแถวนี้รู้ด้วยหรือยังไง”
ธรณ์แกล้งเพิ่มเสียงดังขึ้น เวรุณีเม้มปาก ยอมเปิดประตู จึงเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว มีคนขับรถและหนุ่มสวมสูทคนเคยเจอที่โรงพยาบาลนั่งหน้ามาด้วย
“รออยู่นี่แหละ เราจะคุยกันตามลำพัง”
เธอจำต้องเชิญเขานั่งบนโซฟาขนาดกะทัดรัด ประจันหน้ากับโทรทัศน์ โดยตัวเองนั่งถัดไป
“ผมยอมรับข้อเสนอ”
ธรณ์บอกเรื่องที่ต้องการไม่อ้อมค้อม
“อะไร...”
ขณะเธอยังงงๆ อยู่
“ที่ว่าคุณจะมีลูกกับผมไง”
“เฮ้ย!”
เจ้าของบ้านร้องสียงหลง ดีดตัวออกจากโซฟา เขาก็ไวทายาด คว้าแขนดึงไว้เสียก่อน กลายเป็นเขาและเธอลุกขึ้นยื้อกันไว้
“คุณเป็นคนเสนอเองนะเวรุณี”
สายตาเขามองโลมเลียร่าง ดวงหน้ากลมใสกระจ่าง ลำคอใต้ปกเสื้อคอวี อกสาวเคลียเนื้อผ้ารำไร ต่ำไปจนถึงปลีน่องขาวๆ ซึ่งโผล่พ้นรอยสาปเสื้อนอน เธอหน้าแดงย่อตัวลงหวังความยาวเสื้อเพิ่มขึ้นเพื่อปิดขา แต่กลายเป็นดันอกอิ่มให้พุ่งดันแนบเสื้อออกมาอีก
“ไปหาผู้หญิงคนอื่นให้อุ้มท้องแทนสิ คุณมีเงินตั้งเยอะ”
“ไม่เอา เดี๋ยวมีปัญหาต้องฟ้องร้องกันเหมือนในข่าว”
ธรณ์หมายถึงข่าวฟ้องร้องแม่อุ้มบุญซึ่งต้องการเก็บเด็กเอาไว้เสียเอง
“เป็นคุณนั่นแหละดีแล้ว เราไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน”
ผู้ชายคนนี้แย่เหลือเกินในสายตาเวรุณี พูดเรื่องแบบนี้ได้หน้าตาเฉย ...เขาจะใช้มดลูกเธอเลี้ยงลูกเขา
“ฉันไม่เอาด้วยหรอก”
“แล้วตอนนั้นคุณเสนอมาทำไม”
เขากระชับมือที่จับแน่นขึ้น ...เจ็บจนเธอนิ่วหน้า
“ก็ฉันโมโหนี่ เลยพูดอะไรอย่างนั้นไป”
“งั้นรักษาคำพูดด้วยนะ คุณต้องรับผิดชอบมีลูกให้ผม เขาจะเป็นทายาทคนต่อไปของตระกูล”
เวรุณีรู้สึกเหมือนกำลังพูดกับคนบ้า ที่คิดถึงแต่ความต้องการของตัวเอง ไม่สนใจเธอเลย
“อย่างนี้แฟร์กับผมแล้ว”
“แต่ไม่แฟร์กับฉัน แล้วคนอื่นจะมองฉันว่ายังไง”
“ก็มองแบบเดิมนั่นแหละ คุณยังโสด ไม่มีแฟน ไม่มีใครนี่”
เธออ้าปากค้าง
“คุณให้คนสืบเรื่องฉันเหรอ!”
เขายักไหล่ ดังเป็นเรื่องธรรมดามาก
“มดลูกที่ลูกผมต้องอาศัยอยู่ตั้งเก้าเดือนนี่ ผมก็มีสิทธิ์รู้นี้ ว่าสะอาดหรือเปล่า ผ่านมาแล้วกี่คน”
เวรุณีทนไม่ไหวกับวาจาร้ายกาจ เงื้อมือเตรียมสมนาคุณ ธรณ์ไม่ยอมพลาดซ้ำสอง กระตุกแขนทีเดียวร่างอวบก็ปลิวมาเข้าปะทะอกแกร่ง วงแขนแข็งแรงข้างเดียวรัดเอวไว้แน่น ส่วนมือที่เหลือเชยคางมนขึ้น
“คุณเลวที่สุด หยาบคาย!”
“ผมพูดความจริงต่างหาก เราโตๆ กันแล้วนะ”
ธรณ์พึงใจกับกลิ่นหอมรวยริน ...เธอใช้น้ำหอมอะไร ชื่นใจและเย้ายวนอย่างประหลาด เวรุณีอวบ ตัวนิ่ม อกหยุ่น ไม่บางหุ่นนางแบบจนตัวแทบหักเหมือนผู้หญิงอื่นที่เคยคบ
“วิธีนี้แหละวินๆ ทั้งสองฝ่าย ผมได้ทายาท แล้วจะให้เงินคุณสักก้อน เอาไปทำเรื่องที่อยากทำ”
เวรุณีตกขอบสเปคเขาไปเสียไกล ทั้งหน้าตา คุณวุฒิ ทรัพย์สิน สถานะทางสังคม ข้อดีอย่างเดียวที่เธอมีคือประวัติขาวสะอาด ไม่มีปัญหาเรื่องผู้ชาย
“แล้วถ้าฉันแบล็คเมล์คุณล่ะ”
หญิงสาวยิงคำถามท้าทาย
“ก็ลองดูสิ ผมมีวิธีจัดการของผมเหมือนกัน”
ธรณ์ยิ้ม แต่ดวงตาไม่ยิ้มด้วย เวรุณีลอบกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น
“งั้นก็แค่เป็นการอุ้มบุญ เอาน้ำเชื้อคุณฉีดใส่ไข่ แล้วฝังมดลูกฉันเท่านั้นใช่ไหม”
“รู้ดีจังเลยนะ”
ชายหนุ่มเลิกคิ้วทึ่งกับเธอ
“ในอินเตอร์เน็ตมีเรื่องนี้ตั้งเยอะแยะ ปล่อยฉันได้แล้ว”
เวรุณีเคยคิดเล่นๆ หากเหงามากๆ น้องชายแยกไปมีครอบครัวใหม่ และเธอไม่มีใคร วันหนึ่งอาจทำเหมือนนางเอกหนังต่างประเทศ ไปขออสุจิจากธนาคารอสุจิ เพื่อตั้งท้องโดยไม่ต้องการพ่อ จึงหาอ่านข้อมูลเผื่อไว้
ไม่คิดเลยว่าต้องมาใช้จริงๆ ธรณ์ปล่อยคลายวงแขนอย่างเสียดาย เธอผลักอกเขาออก ถอยไปยืนหน้าโทรทัศน์
“แล้วเราจะคุยเรื่องนี้กันอีกที”
ชายหนุ่มกระชับสูทที่ยับ แล้วเดินออกไป ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายใจของเจ้าของบ้าน
“กินอะไรเอ่ยทิป”เวรุณีสะดุ้งเฮือก พจนารถยิ้มเผล่วางจานข้าวแกงลง แล้วนั่งร่วมโต๊ะตรงหน้า“ข้าวมันไก่น่ะ แล้วนารถไปไหนทำไมวันนี้มาช้า”ปรกติเดินผ่านไปชงกาแฟจะเห็นเขานั่งที่โต๊ะ แต่วันนี้พจนารถกระหืดกระหอบมาเอาตอนสิบโมงเช้า“ลาสองชั่วโมง วันนี้ครบรอบวันตายแม่ เลยไปถวายภัตตาหารที่วัด”เธอมองเขาแล้วเปรียบเทียบกับตัวเอง สักวันเธอต้องมีรอยยิ้มมาจากใจจริง โดยไม่เสแสร้งว่าตัวเองเข้มแข็งดังที่เป็นอยู่“เมื่อวานนี้ซีอีโอคุณธรณ์เรียกทิปไป มีอะไรหรือเปล่า”ธนาคารสำนักงานใหญ่แห่งนี้ใหญ่โต แต่ก็ไม่เล็กนักสำหรับข่าวคราวต่างๆ ยิ่งเรื่องแปลกๆ อย่างผู้บริหารใหญ่เรียกพบพนักงานตำแหน่งเล็กๆ เพียงลำพัง“อ๋อ...”เวรุณียิ้มกลบเกลื่อน“เขา เอ๊ย! ท่านเป็นคนรู้จักกับพ่อแม่ฉันน่ะ เลยถามข่าวเรื่องไทม์”พจนารถเห็นว่าเป็นเรื่องเวลา ซึ่งกระทบใจเธอ เขาจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ แต่ชวนคุยเรื่องอื่นๆ ซึ่งก็พอทำให้เวรุณียิ้มได้บ้าง“คาเฟทีเรียของเราสะอาด ได้รับรางวัลรักษาสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัย ขายอาหารราคาถูกเพื่อลดภาระค่าครองชีพของพนักงาน”ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลอธิบายนำชมสถานที่อย่างตั้งอกตั้งใจ ธรณ์ทำทีเป็นฟัง สายตากวาด
“คุณอยู่สายบังคับบัญชาของท่านพิรุณหรือเปล่าครับ”ธรณ์ที่เวรุณีแนะนำกับทุกคนว่าเพื่อนเริ่มคุยกับสามีลลิตา“ผมเจอท่านบ่อยๆ ในก๊วนกอล์ฟ ท่านเป็นเพื่อนพ่อผม”เขาเล่านิ่ง ใบหน้ายิ้ม แต่ทำคนฟังครั่นเกรงในความกว้างขวาง“กลับกันได้แล้ว ถ้าไม่อยากให้เพื่อนคุณเดือดร้อน”เมื่อเจ้าของบ้านเก็บจานชามเข้าครัว ปล่อยแขกนั่งในห้องรับรอง เขาก็เริ่มทำตามจุดประสงค์ต่อมา“คุณอย่าขู่เลยน่า”“ผมไม่ได้ขู่ แต่ทำได้จริง”“คุณแย่ที่สุด”เวรุณีต่อว่าและมองเขาอย่างไม่พอใจ“สายตาคุณบอกว่าผมยิ่งกว่าแย่ ...ชนิดด่าว่าเลวที่สุดเลย”ธรณ์พูดเหมือนมานั่งกลางใจ“ไม่เป็นไรผู้ชายเลวกับผู้หญิงตอแหล ก็เหมาะสมกันดี”เขาคว้าแขนเธอ ท่ามกลางการบิดรั้งหนีของเจ้าตัว“คุณลลิตาครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่าง ผมกับเพื่อนคุณจะกลับแล้ว”ธรณ์ร้องบอกเจ้าของบ้าน“จริงๆ เราเป็นแฟนกัน เธองอนผมนิดหน่อย”ลลิตาพยักหน้าเลิกแคลงใจในท่าทางแปลกๆ ของสองคนนี้“ไปเก็บของ ถ้าคิดหนีอีก ผมจะจัดการคุณที่นี่ เดี๋ยวนี้ ต่อหน้าเพื่อนคุณนี่แหละ!”เขากระซิบขู่ได้ทั้งๆ หน้ายิ้มให้ลลิตา เวรุณีสะบัดมือที่หลุดจากการเกาะกุม ใบหน้าบึงตึง เข้าไปเก็บข้าวของในห้องส่วนตัวทันที
“เดี๋ยวก่อนๆ”เวรุณียกมือข้างหนึ่งเป็นเชิงห้ามเมื่อรถแล่นเข้าสู่ตัวบ้าน เขากึ่งลากกึ่งจูงเธอ เข้าไปยังห้องหนึ่ง แล้วประตูก็ปิดลง“เรามีเรื่องต้องตกลงกัน”เธอบังคับเสียงไม่ให้ตระหนก เมื่อกวาดตาไปสะดุดกับเตียงใหญ่“ว่ามา...”เขาเดินเลี่ยงไปถอดเข็มขัดวางบนโต๊ะ ดึงเสื้อออกนอกกางเกง“เรื่องเงินสิบล้าน”เขาผินหน้าส่งยิ้มเยาะ“คุณจะได้ทันทีหลังลูกผมคลอด”“หน้าที่การงานต้องยังคงเดิม หลังท้องฉันต้องได้ชีวิตเดิมกลับมา”“ไหนคุณยื่นใบลาออกแล้วยังไงล่ะ”เขาย้อน เธอฝากมากับหนุ่มหน้าขาวท่าทางหงอๆ เลขาฯที่สั่งให้จับตาดูเวรุณี เอามารายงานแทบจะทันทีที่จดหมายถึงมือผู้จัดการเธอ“ก็...”หญิงสาวกลอกตา คิดหาคำแก้ตัว“ก็คุณตามฉันเจอแล้วนี่ เท่ากับการหนีเป็นโมฆะ”“คุณนี่ขี้โกงนะรู้ไหม”ธรณ์หันกลับมาเต็มตัวพร้อมแสยะยิ้มร้าย“ไม่เท่าคุณหรอกน่า”เวรุณีมองตาท้าทาย ไม่กลัวการข่มขู่นั้นเลย“ผู้ชายเลวกับผู้หญิงตอแหล เราสองคนก็พอๆ กันนะเวรุณี คุณมีชื่อเล่นไหม ชื่อจริงยาวเป็นบ้า”“ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก คุณอยากเรียกฉันว่ายังไงก็เรียก”“หวงกระทั่งชื่อเล่นหรือยังไง”ธรณ์ไพล่นึกไปถึงแต่หนุ่มคนส่งจดหมายลาออกของเธอ“ยังไงเรา
ปรกติธรณ์เป็นคนตื่นเช้า แม้จะทำงานดึกสักเพียงใด แต่วันนี้ชายหนุ่มพลิกตัวด้วยความเกียจคร้าน มือยาวควานไปทั่วเตียงกว้าง ก่อนค่อยๆ ลืมตา แล้วพบว่าตนอยู่เพียงลำพังเขานิ่วหน้ากัดฟันกรอดเมื่อระลึกได้ว่าเมื่อคืนใช้เวลาบนเตียงอยู่กับใคร เวรุณีหนีไปอีกแล้ว ผู้หญิงเลี้ยงไม่เชื่อง จอมโกหก!ธรณ์หยิบกางเกงบนพื้นมาใส่ลวกๆ เปลือยอกออกไปนอกห้อง สาวใช้ที่กำลังขึ้นบันไดมาถึงกับผวา ด้วยเจ้านายของบ้านหน้าถมึงทึง แต่งตัวไม่เรียบร้อย ผิดจากมาดเนี๊ยบๆ ที่เคย“เห็นผู้หญิงที่มากับฉันเมื่อคืนนี้ไหม”สาวใช้สั่นหน้า พอดีกับป้าเอื้อง แม่บ้านใหญ่ตั้งแต่รุ่นพ่อตามหลังเธอมาพอดี“เธออยู่ในห้องพระค่ะ”ธรณ์สาวเท้ายาวๆ ไปตามทางที่บอกทันที ร่างอวบอัดนั่งพับเพียบเหม่อมองพระพุทธรูปและโกศอัฐิบนหิ้ง เบื้องหน้าเธอมีกระเป๋าสตางค์บรรจุซองอัฐิที่เขาเคยเห็นวางเลยถัดจากหัวเข่าเขาคบกับผู้หญิงก็มาก ร่วมเตียงมาก็บ่อย เวรุณีคนเดียวเท่านั้นที่มาหลบอยู่ในห้องพระ“นั่นพ่อแม่กับน้องสาวผม”เธอสะดุ้งเฮือกหันขวับมองตาวาว เขากอดอกพิงไหล่สบายๆ กับกรอบประตู“ในโกศยังไงล่ะ”“คุณตื่นแล้วก็ดี ฉันจะได้กลับบ้าน”“กลับไปทำไม”ตาคมโลมเลียใบหน้ากระจ่
“ฉันไม่ใช่เมียเก็บใคร!”เวรุณีตวาด ใบหน้าร้อนผ่าว ผู้มาใหม่กอดอกเอียงคอ เบ้ปาก“เออ! จริงด้วยสิเนอะ อ้วนออกอย่างนี้ ธรณ์คงไม่รสนิยมแย่ลงหรอก”“พูดดีๆ สิคุณ มาว่าคนเพิ่งเคยเจอกันอย่างนี้ เสียมารยาทนะ”เธอพยายามข่มอารมณ์ กำมือสองข้างแน่น“เธอมาอยู่ที่นี่มืดๆ ค่ำๆ ได้ยังไง แต่งตัวอย่างนี้เป็นพนักงานธนาคารธรณ์ใช่ไหม”ดวงตาแต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีตสำรวจเธอ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“แล้วจะขึ้นไปชั้นสองทำไม นั่นน่ะเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเจ้านายนะ”“ไม่ใช่เรื่องของคุณ”เวรุณีตีรวนเชิดคอบ้าง ผู้มาใหม่กลับมองเป็นท้าทาย“จองหองนักนะเธอ เป็นแค่พนักงานบริษัทเขาแท้ๆ รู้ไหมฉันเป็นใคร”“ไม่รู้สิคะ ฉันไม่ได้อัลไซเมอร์เหมือนคุณ กระทั่งไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร”ป้าเอื้องเลิกคิ้ว ทึ่งในพิษสงของสาวอวบ ส่วนอีกคนทิ้งแขนลงข้างตัว ปากสั่นเตรียมจะกรี๊ด“แก...แก”“ฉันไม่ได้ชื่อแกค่ะ ชื่อเวรุณี อยากรู้ว่าฉันเป็นใครก็ให้ถามคุณธรณ์เอง”ว่าแล้วก็เดินขึ้นบันได แต่ผมกลับโดนจิกทึ้ง กระทั่งเธอต้องยึดราวไว้ไม่ให้ล้ม“งั้นวันนี้เธอจะได้รู้ว่าฉันเป็นใคร”สาวคนนั้นออกแรงกระตุก จนศีรษะเวรุณีหงายเชิด จำต้องปล่อยมือ หน้าเหยเ
“ปล่อยสิ ...ปล่อย! ขอตบยัยบ้านี่ให้หายแค้นสักทีเถอะ”เธอดิ้นกระทืบเท้าร่าๆ มองตามมิราที่ภูสิตกึ่งลากแขนกึ่งจูงออกจากบ้านอย่างไม่พอใจ“ไม่ยอมให้มาจิกหัวเรียกฉันว่าอ้วนหรอก”เขาอมยิ้มมองเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่คิดว่าเวรุณีอ้วน ...แค่อาจจะเกินมาตรฐานผู้หญิงคนก่อนๆ อยู่ซักหน่อย ธรณ์ชอบที่เธอเต็มไม้เต็มมือดี“ฉันไม่ได้อ้วนแค่อวบเฉยๆ”แต่ดูท่าเจ้าตัวจะไม่ชอบเรื่องน้ำหนักเอามากๆ ตวัดตาเขียวๆ ใส่เมื่อเห็นรอยยิ้ม เข้าใจว่าเขาเห็นด้วยกับสาวสวมเกาะอก“ฤทธิ์มากจริงคุณ ดูสิ! ทำข้าวของผมเสียหายหมด”ชายหนุ่มเสกวาดตาไปยังความพินาศบนพื้น ข้าวของพัง เศษแจกันกระเบื้องแตก ส้นสูงอยู่คนละทิศละทาง“ฝีมือยัยมีรา...ของคุณโน่น ไปเปิดดูกล้องวงจรปิดได้เลย”เวรุณีลากเสียงคู่กรณีให้พ้องกับสิ่งมีชีวิตที่ก่อให้เกิดเชื้อโรค“ปรกติมิราไม่ใช่คนอย่างนี้นะ”ธรณ์พึมพำกับตัวเองแต่กลับเข้าหูคนกำลังหน้ามืดด้วยอารมณ์โกรธ“อะไร นี่เข้าข้างยัยนั่นเหรอ ฉันต่างหากล่ะที่ถูกกระทำ คุณนี่แย่ที่สุด!”เท้าเปลี่ยนมากระทืบบดเบียดเขาอย่างแรง ธรณ์เจ็บแปลบ เผลอปล่อยมือเธออก“เลวพอกันทั้งคุณ ทั้งยัยมีรานั่นเลย”นอกจากทำร้ายเท้า ยังลามมาทุบถอ
“เสื้อผ้าคุณอยู่โน่นนะ”หลังอาบเสร็จ ธรณ์พามายืนข้างเตียง เขาใช้ผ้าขนหนูนุ่มเช็ดตัวเธอทุกส่วนสัด โดยอ้อยอิ่งอยู่บริเวณหน้าอก“ให้ฉันนอนห้องอื่นเถอะ”มือเล็กปัดป้องการใช้ผ้าขนหนูรุกราน ตามองไปยังประตูเลื่อนซึ่งเดาว่าเป็นห้องแต่งตัว“ผมไม่ชอบเดินไปเดินมาตอนกลางคืน ทำเสร็จที่ไหน ก็นอนที่นั่นเลย”จมูกเขาหอมอกเธอ สูดดมไอสาว“คุณสปอร์ตกับสาวๆ อย่างนี้บ่อยๆ เหรอ”เวรุณีงอตัว เป็นผลให้อกห่างหน้าเขา เพื่อเลี่ยงการสัมผัส“ผมจะทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ”ธรณ์รวบเอวเธอกลับเข้าใกล้ ริมฝีปากร้อนๆ ครอบครองปลายปทุมถัน เวรุณีบิดตัวไปมา มือสอดใต้ศีรษะเขาด้วยความซ่านสยิว“อาบน้ำแล้วนะคุณ...”“ไว้อาบใหม่ด้วยกันก็ได้”ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนจะคลั่ง ไม่เต็มอิ่มเสียทีกับการตักตวงความสุขจากร่างกายเธอ“อย่าเลย ...พรุ่งนี้ฉันต้องไปทำงานแต่เช้านะคุณ”เวรุณีขอความเห็นใจ และเผลอครางแผ่วเมื่อเขาขบเม้มเนื้อนิ่ม“ไม่เป็นไรผมจะไปส่ง แล้วก็นะทิป เลิกเรียกผมว่าคุณสักที เรียกชื่อผมว่า...ธรณ์สิ”เขาบอกเสียงอู้อู้ ลิ้นสากชื้นลากวนชิมความปลั่งปลั่งแห่งปทุมคู่วัยสาว“เรียกสิ อย่าดื้อ”ธรณ์ทำโทษด้วยการลงเขี้ยวบนเนื้อขาวๆ เวรุณีสะดุ้ง
วงอาหารกลางวันในโรงอาหารไม่ใหญ่นัก มีเพื่อนพนักงานสนิทกันอยู่ไม่กี่คน ต่างคุยสรรพเพเหระไปเรื่อย ทั้งหนังละคร และข่าวบนโซเซียลปนหน้าหนังสือพิมพ์ความสุขมักอยู่ไม่นาน เพราะหลังจากนั้นจู่ๆ ระบบก็ขัดข้อง เวรุณีต้องค้อมศีรษะไหว้ขอโทษลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์ตลอดบ่าย กว่าระบบจะใช้งานได้อีกครั้งก็เกือบสี่โมงเย็น เธอต้องอยู่สะสางงานวันนี้จนเสร็จ เกือบทุ่มจึงได้เปิดล็อคเกอร์เก็บของกลับหน้าจอโทรศัพท์มือถือมีเบอร์ไม่ได้รับหลายสาย ...ไม่คุ้นตา เวรุณีเหนื่อยทั้งใจ เมื่อยหลัง ปวดท้อง จึงไม่สนใจ เรียกแท็กซี่กลับบ้านธรณ์เลยชายหนุ่มลงจากรถด้วยอารมณ์กรุ่นๆ เวรุณีไม่รับสาย ไม่แม้แต่จะรอเขากลับ จนต้องใช้ภูสิตลงไปดูที่แผนกเธอ ป้าเอื้องรายงานทันทีที่เห็นเขาเข้ามาในห้องโถง“คุณเวรุณีขึ้นห้องไปนานแล้วค่ะ”หญิงชราไม่เรียกชื่อเล่น แต่เรียกเต็มยศ ด้วยธรณ์ไม่ได้แนะนำว่าเธอเป็นอะไร บอกแต่เพียงว่า ...เธอเป็นคนมาอยู่ด้วย ป้าเอื้องจึงต้องดูแลตามหน้าที่อารมณ์คุอยู่เบาลงทันทีเมื่อเห็นร่างอวบ นอนตะแคงข้างห่มผ้าบนเตียง ลมหายใจผ่อนลึกสม่ำเสมอ เธอหลับตั้งแต่หัวค่ำ น่าจะเป็นเพราะวันนี้ระบบธนาคารล่ม ลูกค้าหน้าเคาน์เตอร์ทำธุรก
“สวยเหมือนนางฟ้าเลย”อาม่าชมเปาะ เมื่อการแต่งหน้าอันยาวนานสิ้นสุดลง เวรุณีก็อึ้งไปเหมือนกันเมื่อมองภาพในกระจก ผู้หญิงในชุดขาวที่สวยเกินจินตนาการ“อาธรณ์อีต้องตะลึงเหมือนกันแน่ๆ”อาม่าหัวเราะคิก ท่านมาอยู่กับเธอตั้งแต่เช้ามืดในวันงานแต่งงานอันแสนวุ่นวาย“คุณภูสิตโทร.มาตามแล้วค่ะ”เว็ดดิ้งเพลนเนอร์เร่ง รีบมาช่วยยกชายกระโปรงฉลุลายลูกไม้ กลุ่มเจ้าสาวจึงได้พากันทยอยออกจากห้องอาม่าพูดอะไรสักอย่างแว่วๆ เวรุณีไม่ทันได้ฟัง ด้วยหูก็อื้อ ตาก็หนักเพราะขนตาปลอมหนามือใหญ่คุ้นเคยจับเธอไว้ พร้อมกระซิบ“ทิปสวยมากเลยครับ”น่าเสียดายที่ขนตาปลอมเยอะไปหน่อย เธอจึงไม่ได้เห็นหน้าเขาว่าปลื้มเพียงใด ธรณ์พาเธอเดินผ่านไปในประตูใหญ่ ที่มีเสียงดนตรีและแสงเฟลชกล้องรัวต่อเนื่อง“บ่าวสาวยิ้มครับ ยิ้ม”เวรุณีพยายามตามเสียงที่บอก แต่หน้าตึงเครื่องสำอางจนไม่รู้ว่าตนเองยิ้มจริงหรือแค่แสยะเขาพาเธอเดินขึ้นเวที ก่อนพิธีก่อนจะพูดอะไรสักอย่างที่ฟังไม่ทันทุกอย่างรวดเร็วเหลือเกินในความรู้สึกเธอ วงดนตรีเล่นเพลงรักหวาน ภูสิตแอบมากระซิบเจ้าบ่าว“ไฟล์สไลด์รูปพรีเวดดิ้งเสียครับ รอสักครู่เว็ดดิ้งแพลนเนอร์กำลังให้วินมอเตอร์ไซด์เอ
แขกกลับประมาณสามทุ่ม อาม่าบ่นอยากอยู่คุยด้วยมากกว่านี้ แต่ติดเรื่องสุขภาพ อายุมากและเดินทางมาไกล ทำให้เพลียมาก ท่านเล่าให้ฟังว่ามีบ้านอยู่อีกแห่งแถวปทุมธานีพจนารถกลับเป็นรายถัดมา ด้วยรับรู้ถึงบรรยากาศ “ไล่” ของธรณ์เวรุณีช่วยแอนเก็บล้างภาชนะ เขากับภูสิตอาสาจะช่วย แต่เธอปรามไว้ ให้เหตุผลว่าครัวเล็ก เกะกะกันเสียเปล่าๆ ทั้งสองจึงมานั่งดูโทรทัศน์หน้าโซฟา“คุณทิปไปไหน”ธรณ์ถามเมื่อแวะห้องน้ำข้างครัวแล้วเห็นแอนคนเดียว“ขึ้นไปข้างบนตั้งนานแล้วค่ะ”เขาพยักหน้า ก่อนตามขึ้นไป ห้องเวรุณีปิดประตูเงียบ แต่มีไฟลอดออกมาจากห้องพระเธอพนมมือพับเพียบหน้าโกศบรรจุอัฐิคนในครอบครัว ธรณ์ย่อตัวลงนั่งข้าง เขาเห็นน้ำตาน้อยๆ เอ่อคลอคลองจักษุ“ร้องไห้ทำไม”“ฉันดีใจที่พ่อแม่ ไทม์ ยังห่วง ดลใจให้พวกอาม่ามา แต่ก็เศร้าเพราะคิดถึงพวกเขา”ธรณ์เอื้อมมือไปโอบศีรษะเธอมาแนบชิด“ทุกอย่างเหมือนกับฝันไป จู่ๆ ฉันก็มีญาติตั้งเยอะ” เวรุณีเล่าเสียงเครือ“สมัยก่อนฉันอิจฉามาก เวลาปิดเทอมที่เพื่อนๆ ได้ไปอยู่บ้านปู่ย่าตายาย ได้แต่คิดว่าทำไม่ครอบครัวไม่มีญาติเลย”“ไม่ใช่ฝันหรอก ทุกอย่างเป็นความจริง”“มันเร็ว เกิดขึ้นกะทันหัน”เวรุณี
ตะวันคล้อยจากฟ้า จวนเจียนจะลาลับ วันที่น่าเบื่อหน่ายของหลายคนอาจใกล้สิ้นสุด ทว่าความสุขของธรณ์เพิ่งเริ่มต้นรถคันงามกำลังแล่นฝ่าการจราจรแออัด มีปลายทางคือทาวน์เฮ้าส์หลังน้อยของเวรุณีธรณ์จงใจไม่โทร.หาเธอ ให้ภูสิตเตรียมไวน์ดีๆ ไว้ เพื่อดื่มคู่กับอาหารอิตาเลียน เขาตั้งใจให้เป็นเซอไพรส์ แต่การจราจรก็ติดสาหัสสากรรจ์เหลือเกิน“ให้ผมโทร.บอกคุณทิปไหมครับว่าเราจะไปถึงช้าหน่อย”ภูสิตถามจากเบาะหน้าข้างคนขับ“ไม่ต้องหรอก ทิปเขาเข้าใจ”ข้อดีของการไม่ติดโทรศัพท์คือเวรุณีไม่โทร.ตามจิกเขา เธอจะรอถ้าเขาบอกว่าจะไปหา และธรณ์ก็ไม่เคยผิดนัดเสียด้วยเวรุณีรู้จักการรักษาระยะห่าง เธอเลือกจะอยู่ในที่ทางของตัวเอง ซึ่งเป็นทั้งส่วนที่น่ารักและน่าหงุดหงิด...น่ารักตรงเขาอยู่ด้วยแล้วสบายใจ น่าหงุดหงิดที่เธอดูสบายๆ จนเหมือนคนไม่มีแฟนครั้งหนึ่งทั้งสองไปทานมื้อค่ำด้วยกัน ระหว่างเดินออกมาจากร้าน เขามีสายสำคัญจากลูกค้า เธอจึงเลี่ยงไปเลือกขนมฝากเด็กที่ดูแลบ้านและคนขับรถธรณ์คุยโทรศัพท์ไม่กี่นาที หันมาอีกครั้ง เวรุณีก็ยืนหัวเราะคิกคักกับเชฟฝรั่งชุดขาวหุ่นอ้วน หูตาคนพูดทั้งแพรวพราวทั้งโลมเลียหน้าอกเธอขนาดเขาเดินไปใกล้ยั
ทันใดนั้นแอนซึ่งป้าเอื้องให้มาอยู่เป็นเพื่อนก็เข้ามาบอกว่าท่อระบายน้ำอ่างล้างจานตัน ทั้งเธอและเขาหน้าแดงกันทั้งคู่เวรุณีต่อว่าธรณ์ เขาไม่ทุกข์ร้อน เรียกแอนมาและบังคับให้สัญญาว่าจะไม่เอาเรื่องที่เห็นไปบอกใครแอนตัวสั่น น้ำตาคลอ เวรุณีเห็นแล้วสงสาร ต่อไปชีวิตเด็กคนนี้จะไม่เหมือนเดิม ต้องอยู่กับความหวาดระแวง กลัวเจ้านายลงโทษ กลัวการตกงาน กลัวครอบครัวลำบากเธอโกรธธรณ์ที่ใช้วิธีรุนแรง เหนือจากนั้นเวรุณีโทษว่าเป็นความผิดตนเอง ทำเรื่องไม่สมควรทำให้คนอื่นเดือดร้อน เธอจึงต้องทำเรื่องที่ตัวเองเท่านั้นจะทำได้“นะคะ ...คุณธรณ์ อีกไม่กี่สัปดาห์เอง เราก็จะแต่งงาน ได้อยู่บ้านเดียวกันแล้ว”เวรุณีภาวนาให้ธรณ์ใจอ่อน มิเช่นนั้นก็ไม่รู้จะทำเช่นไรแล้ว“คุณยังมากินข้าวกับฉันได้นะคะ ถ้าจะมาวันนี้ฉันจะลองทำอาหารอิตาเลี่ยนแบบที่เราดูกันในสารคดีวันก่อนให้คุณชิม”เธอเปลี่ยนมาอ้อน“ร้ายนักนะทิป”“ผู้หญิงตอแหลก็อย่างนี้แหละค่ะ”ครั้งหนึ่งเคยเป็นคำบริภาษแสลงหู ตอนนี้เธอเก็บไว้ล้อเลียนเวลาตนทำอะไรแสบๆ ให้เขา“คุณยื่นขอเสนอที่ผมไม่อาจปฏิเสธได้อีกแล้ว”เสียงหัวเราะใสแว่วจากปลายสาย เพราะเธอรู้ว่านี่เป็นวลีจากภาพยนตร์
“ยัยตัวแสบ!”ธรณ์จะทำอย่างไรกับเธอดี นอกจากคาดเดาไม่ได้แล้วยังทำให้เขาหัวปั่น ธรณ์ไม่เคยง้อใคร กับน้องสาวก็มีแต่อ้อนและเอาใจเขาการยอมให้เวรุณีกลับไปอยู่บ้านนี่ไม่ได้หมายความว่าให้เธอไม่ต้องสนใจเขาเหมือนคนปลายทางจะรู้ใจ หน้าจอปรากฏสายเข้าเป็นรูปเธอ ธรณ์กดรับอย่างไม่ลังเล แล้วต่างฝ่ายต่างก็เงียบ“มีอะไรหรือเปล่าคะคุณธรณ์ โทร.มาตั้งหลายสาย”“ทำไมไม่รับโทรศัพท์”เขาใช้เสียงแบบตำหนิลูกน้องเวลาทำงานพลาด“ฉันไม่ได้เอามือถือไป”เธอไม่ทุกข์ร้อนหรือมีแววสำนึกผิดในน้ำเสียง“แล้วคุณไปไหนมา! โทรศัพท์น่ะมันของจำเป็นนะ ถ้าเกิดเรื่องอะไรมากับคุณ คนอื่นจะได้รู้”ถ้าเจ้าหล่อนอยู่ตรงหน้า ธรณ์จะจับตัวเขย่าๆ ให้หัวคลอนเลยทีเดียว ในยุคที่คนติดมือถือ นับเป็นปัจจัยที่ห้าในการดำรงชีวิตเห็นจะมีแต่เธอเท่านั้นแหละไม่ไยดีมัน ที่ติดตัวเป็นประจำมีแต่ไอพ็อดไว้ฟังเพลง“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็เดินไปสถานีตำรวจสิ อยู่ใกล้ๆ นิดเดียวเอง”“แล้วคุณไปที่ไหน ถึงใกล้สถานีตำรวจแบบนั้น”“ฉันไปลานออกกำลังกายชุมชน เล่นโน่นนี่จนเหงื่อโทรมเลย มันอยู่ใกล้ๆ สถานีตำรวจ”ทาวน์เฮ้าส์เวรุณีมีสถานที่นั้นหรือเปล่า ธรณ์ไม่ทันสังเกต สิ่งเดียวท
โนโมโฟเบีย เป็นการรวมสองคำคือ โทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) และ อาการกลัว(Phobia) ใส่ คำว่าโน (No) นำหน้าไปนิด ก็ได้คำศัพท์ใหม่ทันสมัยแปลว่ากลุ่มอาการติดโทรศัพท์มือถือ และกังวลใจว่าถ้าหากไม่มีมันจะเป็นอย่างไร สังเกตง่ายๆ คือ ห่วงแต่มือถือ เช็คหน้าจอตลอด วางไว้ใกล้ชนิดแค่ฝ่ามือคว้าภูสิตเหลือบตาจากข้อมูลไอแพ็ดที่ยกระดับปกสูทเทา แอบมองคนมีอาการดังว่าเจ้านายสวมเสื้อกั๊กน้ำเงินเข้มหลังโต๊ะทำงานหน้ามุ่ย พยายามกดมือถือโทร.ไปเบอร์ซ้ำๆ คิ้วใต้ผมหวีเสียเรียบขมวด ขบกรามเป็นสัน อันเป็นสัญญาณบอกว่าปลายทางไม่รับสาย“เซ็นก่อนดีไหมครับ แล้วค่อยโทร.ใหม่”เลขาฯคู่ใจเก็บไอแพ็ดแนบอก พยักหน้าไปทางเอกสารรอการอนุมัติซึ่งวางค้างเติ่งไว้นานแล้ว“ทิปไม่รับสายเลย ไม่แม้แต่จะโทร.กลับ”ธรณ์บ่น แต่ยังวางโทรศัพท์ไม่ห่างมือนัก หยิบปากกาหมึกซึมแท่งดำเงาเลื่อมราคาแพง ตวัดชื่อลงบนกระดาษ“นั่นมันเมื่อห้านาทีที่แล้วนะที่คุณติดต่อเธอ หลังจากนั้นก็จี้ตลอด สงสัยคุณทิปโทร.เข้าไม่ได้เพราะสายคุณสวนออกไปมั้งครับ”ภูสิตเผยยิ้มน้อยๆ เพราะหากมากกว่านี้ อาจเป็นเขาเองที่โดนระเบิดลง“เดี๋ยวเย็นนี้ก็เจอกัน”“เจอไม่กี่ชั่วโมงแล้วฉัน
“รู้ไหมพอผมห่างคุณ มันทำให้คิดอะไรได้มากขึ้น ผมขอโทษที่เคยว่าคุณเป็นผู้หญิงตอแหล เรื่องธิณาผมมองอะไรเพียงด้านเดียวมาตลอด น้องสาวผมไม่ใช่เด็กดีอย่างที่คิด เธอก็เป็นผู้หญิงตอแหลคนหนึ่งเหมือนกัน”ภูสิตพาธรณ์ไปคลับผู้ใหญ่ มีสาวๆ หุ่นเซ็กซี่ หลากหลายเชื้อชาติ หลายคนหน้าอ่อนจนเขานึกถึงน้องสาวขึ้นมา“ยอมรับนะในชีวิตผมเจอแต่ผู้หญิงเข้ามาหาผลประโยชน์ เพราะผมทั้งหล่อ ...รวย อย่าเถียงเพราะเป็นเรื่องจริง”ธรณ์ใช้นิ้วชี้แตะปากสวยที่กำลังเบ้เพราะหมั่นไส้เขาไว้อย่างล้อเลียน“ผมเลยระแวงผู้หญิง ตกลงความสัมพันธ์กับเธอไว้อย่างชัดเจน จนมาถึงทิป ...คุณเข้ามาพร้อมความสูญเสีย เหมือนพายุลูกใหญ่ในชีวิต การได้คุณมา ...ผมยอมรับ เพราะอารมณ์โกรธล้วนๆ เพราะฉะนั้นคุณจึงไม่จัดอยู่ในผู้หญิงแบบไหนๆ ของผม”...เพราะเธอพิเศษกว่าใคร สอนให้ธรณ์เรียนรู้หลายๆ อย่าง ทั้งการรับมือกับความสูญเสีย รวมถึงการมองพี่น้องด้วยสายตาเที่ยงตรง เยี่ยงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง มีด้านดีและไม่ดี“คุณไม่ใช่แค่ผู้หญิงที่ผมอยากนอนด้วย แต่เหมาะจะเป็นแม่ของลูก เป็นคู่ชีวิต”ท่ามกลางสาวๆ เต้นโยกย้ายส่ายสะโพก อวดอกละลานตา แสงสีวับวาว จังหวะเพลงเร้าใจ ความ
แล้วคำทำนายของผู้จัดการก็เป็นจริง เมื่อเช้าวันต่อมามีการประชุมด่วนของผู้บริหาร ข่าวว่าธรณ์วีดีโอคอนฟอร์เรนซ์มาจากอเมริกาเพื่ออธิบายเรื่องต่างๆ“ท่าจะรอดยากนะคราวนี้ ภายในเดือนเดียวมีข่าวฉาวๆ ตั้งสองข่าว แถมเป็นเรื่องบนเตียงทั้งนั้น”เจ้ากรมข่าวลือหลายสำนักในธนาคารวิเคราะห์ เวรุณีตกเป็นเป้าเช่นเดียวกัน เธอเพียงยิ้มและตอบ“ไม่ทราบค่ะ”บ่ายวันนั้นธรณ์ลาออกจากการเป็นผู้บริหาร สำนักงานแทบจะเกิดการโกลาหล หุ้นธนาคารดิ่งลงไปหลายจุดเลยทีเดียว“นี่เราจะตกงานกันไหมเนี่ย คุณธรณ์เป็นคนถือหุ้นใหญ่ธนาคารเลยนะ ถ้าโดนเลย์ออฟจะเอาที่ไหนกิน”หลายเสียงบ่นมากระทบหู และความหดหู่วิตกต่ออนาคตก็กระจายไปทั่ว เวรุณีพลอยรู้สึกเศร้าไปด้วย ใจไม่ดีที่ตัวเองก็เป็นส่วนหนึ่งในเหตุการณ์ครั้งนี้ถ้าเวลาไม่เจอธิณา ทั้งสองก็ไม่ตาย คนปล่อยคลิปคงไม่กล้าทำอย่างนี้ถ้าเธอไม่เจอกับเขารูปถ่ายในเช้าวันนั้นคงไม่มีบางทีครอบครัวเวรุณีเองนั่นแหละที่อาจจะเป็นตัวซวยของเขาจริงๆ“จะกลับไปอยู่บ้านหรือคะ”ป้าเอื้องเอะอะ เมื่อเธอบอกจุดประสงค์“พักนี้ข่าวไม่ดีเยอะเกี่ยวกับฉันแล้วก็คุณธรณ์ อีกอย่างทิ้งบ้านไว้นานแล้ว จะกลับไปดูเสียหน่อย”เวร
“อ๊ะ”เธออุทานเสียงหวานเมื่อปราการด่านสุดท้ายถูกรูดไปด้วยมือเขา ธรณ์ลูบไล้ร่างนิ่มอย่างคลั่งไคล้ ริมฝีปากร้อนไล่สัมผัสหน้าท้องตึง เลื่อนมาจนถึงเนินเนื้อสาวความอุ่นชื้นพลิ้วแผ่วสัมผัสทาบทับ เวรุณีสะดุ้งเฮือกครางแผ่ว จนไม่เชื่อว่าเป็นเสียงตัวเองธรณ์ยกใช้มือช้อนประคองสองขาอวบขึ้น เมื่อการรุกรานหนักหญิงสาวก็จิกนิ้วกับผ้าห่มเพื่อบรรเทาอารมณ์ซึ่งพุ่งสูงทุกสัมผัสที่เชื่อมถึงกันแล่นสู่สมอง แตกกระจายพริ้งพรายดังฟองคลื่น ใบหน้าเชิดสะบัดไปมาเขารู้ว่าเธอพร้อมแล้ว และตัวเขาเองก็เช่นกัน ชายหนุ่มถอดกางเกงปลดปล่อยความแข็งขืนขึ้นผงาด เสือกกายขึ้นบน จูบปลอบประโลม ก่อนเริ่มบทรักหนักหน่วงเวรุณีรู้สึกดังตัวเองดิ่งลึกลงสู่ห้วงน้ำลึก ดำสนิท ...ไม่มีอดีต ไม่มีอนาคต มีแต่คนตรงหน้า“จับผมไว้สิทิป”เสียงเขากระซิบเหมือนมาจากที่ไกลๆ ลำแขนเธอถูกจับให้คล้องคอเพื่อยึดเหนี่ยวทุกครั้งที่การกระแทกกระทั้นและเสียวกระสันรุนแรงขึ้น เล็บเธอก็จิกลึกลงบนเนื้อแกร่งเพื่อระบายอารมณ์ความคับแน่นยามเคลื่อนไหวทำเขาขบกรามหนึบ พยายามสะกดกลั้นสัญชาตญาณดิบเถื่อนในใจตน แต่แล้วแรงเสียดสี เนื้อแนบเนื้อ ก็ทำสติสัมปชัญญะยะเขาขาดผึ่งธ