สวมบทนักศึกษาฝึกงาน
"สายแล้ว สายแล้ว" ฉันยกข้อมือซ้ายดูเวลาอีกครั้งพอลงจากรถเมล์ได้ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต
แฮ่ก! แฮ่ก!แฮ่ก! วิ่งหอบจนลิ้นห้อย แต่ใจสู้สุดชีวิตมองหาจุดหมายอยู่ที่ลิฟต์
"รอด้วยค่า รอด้วยค่า..."
ฉันใช้พลังเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางทำให้ลิฟต์เปิดออกในทันที รีบยื่นขาขาวๆเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ลืมขอบคุณผู้มีพระคุณในเช้านี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉันจึงพนมมือไหว้รอบทิศทางทั่วทุกคนได้รับอานิสงส์ไปพร้อมกัน แล้วพ่นลมหายใจหอมสดชื่่นออกมาจนผมหน้ามาปลิวไสว
พรืด...
"ขอบคุณค่ะ..."
นิ้วเรียวกดปุ่มลูกศรขึ้นทันทีมองดูที่ตัวเลข 5 แสดงว่ามีคนขึ้นไปชั้นเดียวกัน คราวนี้ลิฟต์ปิดอีกครั้งทุกคนอยู่ในความสงบ มีสายตาหลายคู่แอบเหล่มองมาที่ฉันแล้วเลื่อนสายตาไปที่บัตรพื้นสีฟ้าตัวหนังสือสีดำที่คล้องคออยู่
นักศึกษาฝึกงานที่มีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นพร้อมรูปแบบเก๋ไก๋ของฉันแล้วอมยิ้มเอ็นดูในความน่ารัก
สร้างสีสันเล็กๆ แหละ...
ฉันไม่รู้ว่ามะโนไปเองหรือเปล่า ว่าหลายคนแอบอิจฉาในความขาวใส ผิวขาวอมชมพูเห็นเลือดฝาดดูมีสุขภาพดีที่ฉันได้มาจากว่านหางจรเข้ จากกระถางหลังห้องที่ใส่ปุ๋ยรดน้ำเอาใจใส่อย่างกับลูกในอก บางวันก็เปิดเพลงให้ฟังด้วยจะได้งามๆโตเร็วๆ
ฉันขยับตัวหลบพวกพี่ๆเขาออกจากลิฟต์จนถึงชั้นที่ 5 บนสุดเหลือเพียงฉันกับผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งด้านซ้ายมือ ตัวฉันยืนติดกับแผงควบคุมแอบเหล่มองเขาดูจากเงาแล้วน่าจะหล่อ
เขาสวมสูทแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยเข้าจมูก ฉันแอบคิดในใจคิดว่าเขาคงไม่รู้ตัวที่โดนแอบมองแบบนี้
โดยไม่ทันเห็นยิ้มเย็นที่มุมปาก เด็กสมัยนี้...
ตึ๊ง!..ลิฟต์จอดที่ชั้น5 ประตูเปิดออกอัตโนมัติฉันจึงหันหน้ามองไปทางเขา "เชิญครับ..."
เขาผายมือให้และกดปุ่มเปิดไว้ให้อีกอย่างสุภาพบุรุษ ฉันจึงพุ่งตัวออกมาทันทีกลัวลิฟต์ปิดจนกระโปรงพลีทแทบโบยบิน เดี๋ยวเขาจะมาด่าฉันว่าเงอะงะ...
@ ห้องกรรมการผู้จัดการ
ฉันเดินผ่านห้องรองประธานกรรมการที่ทุกวันปิดไฟมืด แต่วันนี้มาแปลกในห้องเปิดไฟสว่างไสว หันไปมองเพียงแว่บเดียวแล้วเดินเลยมาอย่างไม่ใส่ใจนัก
"สวัสดีค่ะพี่อร"
ฉันยกมือไหว้พี่อรซึ่งเป็นเลขาเก่าแก่ของคุณธนัท กรรมการผู้จัดการใหญ่แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเองวางถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไว้ให้พี่อรหนึ่งชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หวีผมใหม่ให้เรียบร้อย ตบแป้งเพิ่มอีกนิดหยิบลิปกลอสที่ได้จากไลฟ์สดเมื่อวานทาบางๆ
"อืม...ลิปกลอสเขาดีจริง"
แก้มไม่ต้องปัดเพราะอมชมพูอยู่แล้ว ฉันหันซ้ายหันขวาสำรวจจนแน่ใจว่าดูดีจึงออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง
หย่อนก้นลงไปนั่งยังไม่ถึงห้านาที
"น้ำขิง...คุณธนัทเรียกจ๊ะ"
"ค่ะ พี่อร" ฉันรีบลนลานลุกจากโต๊ะรีบเดินตรงเข้าในห้องทันที
ก็อกๆๆๆ ฉันเคาะประตูห้องตามมารยาท
"เชิญครับ"
"สวัสดีค่ะคุณธนัท" ฉันพนมมือไหว้แล้วนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท
คุณธนัทเป็นผู้มีพระคุณที่เอ็นดูฉันมากที่สุดรองจากพ่อกับแม่
คุณธนัทคือผู้ที่ฉันช่วยจากอาการโรคหัวใจกำเริบ ในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่แล้ว (อาการท่านมากำเริบที่หน้าบูธพอดี) คุณธนัททิ้งนามบัตรไว้ให้ และได้ไลน์จากฉันไป วันนั้นฉันก็ยังงงๆอยู่ว่าให้ไลน์ไปได้ยังไง
"หนู ถ้ามีอะไรให้อาช่วยก็บอกได้นะ" เสียงทุ้มอบอุ่นกอปรกับใบหน้าของคนใจดีทำให้ฉันรู้สึกดีเหมือนมีพี่พึ่ง
ใครมันจะไปรู้...
จากนั้นคุณธนัทซึ่งรู้ว่าฉันต้องทำงานส่งตัวเองเรียน ก็เรียกใช้ฉันตลอดจนขึ้นปีสี่ เมื่อถึงเวลาต้องหาที่ฝึกงานที่ให้ประสบการณ์ที่ดี จนฉันได้มาฝึกงานที่นี่ในฐานะนักศึกษาฝึกงานกับบริษัทผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งรับนักศึกษาฝึกงานยากมากจนถึงมากที่สุด
คนดีพระย่อมคุ้มครอง...
หลังจากที่ฉันไปบนบานศาลเจ้าที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ให้ได้ฝึกงานที่นี่แต่เหตุการณ์มาพีคตอนแก้บนนี่สิ
โอ๊ย...วันนั้นฉันอายเขาไปทั้งตึก
สไบเฉียงของฉันปลิวไสว ท่ามกลางเสียงเพลงไทยเดิม ดังก้องไปทั้งตึกโดยได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม ภาพของหญิงสาวสไบเฉียงจึงถูกบันทึกไว้ในเฟสบุ๊ค ของอพาร์ทเม้นท์เป็นที่เรียบร้อยนับจากนั้นสืบมา
"สวัสดีค่ะ คุณธนัท" ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท
"คุณธนัทมีอะไรให้น้ำขิงรับใช้คะ"
"หนูน้ำขิงมาฝึกงานได้กี่วันแล้ว?"
ฉันนั่งนับนิ้วในใจมองไปที่ปฏิทินตั้งโต๊ะ
"ได้ สิบวันแล้วค่ะประมาณสองอาทิตย์ค่ะ"
"เอ่อ...น้ำขิงทำงานไม่ดีเหรอคะ" ฉันถามด้วยความสงสัย คิดอยู่ในใจว่า ซวยแล้ว คุณธนัทต้องเรียกมาตำหนิแน่เลย สีหน้าฉันย่ำแย่เต็มทน
"เปล่า เปล่า... " คุณธนัทคลี่ยิ้มออกมาสายตาอบอุ่นมากทำให้ฉันคิดถึงพ่อขึ้นมาในทันที
"ตาธามลูกชายอา"
"ค๊ะ!..." ฉันกรอกตาไปมาอย่างไม่เข้าใจธามคือใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อก็วันนี้
"ธามนิธิ ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ"
"เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอา เขาจะเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการในวันนี้"
"อาเรียกเขากลับมาจากโรงงานที่นครปฐม"
ฉันนั่งฟังอย่างตั้งใจพอดีกับประตูห้องถูกเคาะอีกครั้ง
ก็อก! ก็อก! ก็อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งฉันเหลียวไปมองตามเสียงนั้นอย่างตั้งใจ
"ผมธามครับ"
"เข้ามาได้..."
สิ้นเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นแต่ฟังแล้วเหมือนคนไร้อารมณ์เย็นชาซะมากกว่า จากนั้นประตูเปิดออกโดยเขาผู้ที่เจอกันในลิฟต์ ตอนนี้ถอดสูทออกแล้ว เขาหล่อระเบิดเท่ห์อย่างกับนายแบบ
เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าเนื้อดีน่าจะราคาแพงผูกเนคไทดูมีคลาส ฉันประเมินด้วยสายตาของแม่ค้าออนไลน์ สายตาเขายังมองมาที่ฉันอีกด้วยแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ฉันกำลังจะยกมือไหว้เขาก็มองเลยไปที่คุณธนัทซะงั้น ฉันเลยค้างกลางอากาศเอามือลงแทบไม่ทัน
เอิ่ม...หยิ่งซะด้วย
"สวัสดีครับพ่อ" เขาพนมมือไหว้แล้วนั่งที่เก้าอี้อีกตัวใกล้ๆกัน
"ไง ตาธาม กลับมาเมื่อไหร่ไม่เห็นเข้าบ้านเลย"
ฉันผู้เป็นส่วนเกินพยายามที่จะไม่ฟังพ่อลูกเขาคุยกัน ทำทีมองไปทางอื่น เก็บมือไว้บนตักอย่างสุภาพ
"ผมออกจากโรงงานเมื่อวานตอนเย็น ถึงคอนโดประมาณสามทุ่มครับ"
เออ...คนรวยนี่ก็แปลกบ้านออกจะหลังใหญ่หลังโตไม่ชอบอยู่ เป็นฉันหน่อยไม่ได้แม่จะนอนตากแอร์สบายใจเฉิบ
ขนาดไม่อยากฟังฉันก็จับใจความได้ทุกเม็ด
"เดินทางไกล ผมเพลียเลยไม่ได้เข้าไปหาพ่อครับ"
ฉันแอบเบ้ปากฟอร์มชัดๆ ก็เห็นอยู่สงสัยไปนอนกับเมียมากกว่าทรงนี้
คุณธนัทระบายใบหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง แล้วจึงเข้าเรื่อง
"นี่หนูน้ำขิง" ฮะ! ฉันหันขวับตามเสียงเมื่อถูกพาดพิง
"สวัสดีค่ะ" คราวนี้ฉันรีบพนมมือไหว้ทันทีกลัวว่าเขาจะไม่มองอีกเป็นครั้งที่สอง
"เป็นนักศึกษาฝึกงานที่พ่อรับมา"
"ครับ..." ใบหน้าคมยกคิ้วขึ้นมองมาทางฉันอย่างสงสัย
"ให้หนูน้ำขิงไปช่วยงานนะ"
คราวนี้ท่านรองประธานมองมาทางฉันที่นั่งเอ๋อทำสีหน้างง เขาชักสีหน้าไม่พอใจมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่องทันที
"ผมไม่เอานักศึกษาฝึกงาน"
"ผมต้องการผู้ช่วยมืออาชีพ" เสียงเขาที่ทุ้มนุ่มในตอนแรกช่างเสียดแทงเข้ากลางใจจนฉันแทบตกเก้าอี้
ใช่ล่ะสิ ฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแล้วจะยังไง? ฉันอยากถลึงตาใส่ท่านรองนักแต่ไม่กล้าพอเกรงใจคุณธนัท เดี๋ยวจะหาว่าฉันก้าวร้าวนิสัยไม่ดี ภาพลักษณ์ฉันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย
ตอนนี้รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอึดอัดพอสมควร
คุณธนัทผ่อนลมหายใจมือประสานกันบนโต๊ะ
"หนูน้ำขิงเขาเก่ง เนี่ยว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ"
"วันนี้เขายังเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"
"ต่อไปเขาอาจจะเป็นที่ปรึกษาการลงทุน"
"ที่เราต้องแย่งตัวมาก็ได้” อุตส่าห์ยกแม่น้ำทั้งห้ามาก็แล้วท่านรองฯก็ไม่สนองตอบทำสีหน้าไม่พอใจใบหน้าหล่อยับยู่ยี่ ต่อรองกับท่านประธานด้วยสายตา
คุณธนัทเหมือนจะรู้ว่าฉันอึดอัดจึงพยักหน้าให้ฉันออกจากห้องไปก่อน
ฉันรู้ชะตากรรมของตนเองดีจึงลากขาทั้งสองออกมาด้วยความหดหู่ แต่ก็แอบโกรธเขาอยู่บ้าง
"ชิ...เป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"
"แล้วไง?"
ฉันโกรธเขาที่ดูถูกความสามารถ เดินออกจากห้องมาอย่างพาลๆแล้วนั่งแหมะที่เก้าอี้ ทำปากเบ้ปัดผมหน้าม้าระบายอารมณ์ หยิบแฟ้มรายงานการประชุมออกมาแล้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว เร่งรีบกดนิ้วลงแป้นพิมพ์แทบพัง
ยังมีงานกองบนโต๊ะอีกมาก ฉันจึงตั้งสมาธิแล้วใส่ใจกับงานให้สมกับที่คุณธนัทอวย นั่งทำงานไปได้สักพักก็รู้สึกได้ว่ามีเงามืดเงาหนึ่งอยู่ด้านหลังและสายตาอีกคู่มองมา
หางตาฉันทำงานได้ดี
"เก็บของแล้วตามผมมา"
เสียงดุ เสียงหนักแน่นจงใจพูดใส่ฉันแต่เพียงผู้เดียว
ฉัน...
เอาแล้วไงชีวิตฉัน
ฉันภาวนาในใจ นับจากนี้คงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก ช่วยหนูด้วยนะคะ
พลีส...
สาธุ…
"คุณน้ำขิง..."
"ค้าาาาาา..."
“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” บทเขาจะมาเอาฉันขึ้นมาก็ใจร้อนเป็นคนคลั่งรักไปได้
ออนไรท์
ท่านรองประธาน"เก็บของแล้วตามผมมา" เขาหันมาสั่งแล้วเดินกลับห้องโดยไม่หันมามองฉัน จนพี่อรขยับเข้ามาถามอย่างใคร่รู้"น้ำขิงจะไปไหนเหรอ?""ไปทำงานกับท่านรองฯค่ะ"ฉันทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ บุ้ยใบ้ไปตามทางเดินนั้นที่ห้องอีกห้องที่เดินผ่านมาเมื่อเช้า"ว้า! แย่จัง ต่อไปพี่คงเหงาเเย่เลย""คราวนี้ไม่มีคนช่วยงานพี่แล้ว" พี่อรทำสีหน้าเสียดาย ส่วนฉันเก็บของไปก็คุยไป อันที่จริงสมบัติฉันก็ไม่มีอะไรมากแค่โน๊ตบุ๊คหนึ่งตัวกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและอุปกรณ์สำนักงานอีกนิดหน่อยปากกาสองสามด้าม"ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด” โทรศัพท์สายในดังขึ้น พี่อรสบตากับฉันแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาแนบหู"สวัสดีค่ะ""ค่ะ...ค่ะ...ได้ค่ะ" พี่อรฟังเสียงจากปลายสายกรอกตาไปมาสองสามครั้งทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีแล้ววางสาย"เร็วเข้า น้ำขิง คุณธามเรียกแล้ว"ทีนี้สิ่งของทั้งหมดของฉันถูกรวบมาไว้ในอ้อมแขนแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวทันที ห้องท่านรองฯอยู่ก่อนห้องท่านประธานหนึ่งห้อง นับจากลิฟต์ทางเข้าฉันเดินย้อนขึ้นสิบก้าวก็ถึงแต่หน้าห้องกลับไม่มีโต๊ะตั้งไว้หน้าห้องสักตัว ซึ่งแปลว่าฉันต้องเข้าไปด้านใน ฉันจึงเคาะประตูห้องแล้วผลักเข้าไป"ขออนุญาตค่ะ" เสียง
เรียกว่าคุณธามในที่สุดฉันก็อยู่ในรถปอร์เช่ที่ขึ้นชื่อเรื่องความแรงและเร็วโดยมีท่านรองฯเป็นคนขับ ฉันนั่งหลังพิงเบาะตัวตรงด้วยความเกร็งภายในรถไม่มีการพูดคุยใดๆทุกอย่างเงียบสงบ ในที่สุดเขาเป็นฝ่ายทนไม่ไหวทำลายความเงียบด้วยการเปิดเพลง จนฉันเคลิ้มกำลังจะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่แล้วเมื่อได้ยินเสียงเพลงวิญญาณของดีเจ ก็มาสะกิดให้คิดถึงงานของคืนนี้"ตายละวาคืนนี้มีงาน"พอนึกถึงคืนนี้ฉันแทบไม่มีเวลาเตรียมตัว ภาวนาขอให้กลับไปทันผับเปิดเป็นพอ เพลงที่เคยเตรียมไว้มีหลายแทร็คให้ใช้งานได้เมื่อยามคับขัน การเดินทางจากกรุงเทพฯถึงนครปฐมกินเวลากว่า 2 ชั่วโมงคิดคำนวณแล้วน่าจะเฉียดฉิว @ โรงงานฉันถือกระเป๋าเอกสารและโน๊ตบุ๊คของท่านรองฯ เดินตามเข้าไปในออฟฟิศของโรงงาน ตื่นตาตื่นใจกับทัศนียภาพโดยรอบ เมื่อเข้าไปในออฟฟิศฉันยกมือไหว้ทุกผู้ทุกคนไปตลอดทาง ตั้งแต่ปากประตูจนถึงด้านใน"สวัสดีค่า""สมัยหน้าคุณจะลงสมัครสส.เหรอ?"ดูเขาพูดเข้าสิฟังได้ที่ไหน ฉันหุบยิ้มทันทีแกล้งทำสีหน้าเศร้าสลดเดินตาม ท่านรองฯอย่างสงบเสงี่ยมเรียบร้อยขึ้นทันตาเห็นคนอะไรชอบดับฝันคนอื่น...ชิ คุณธนัทก็ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้อดีตดาวมหาวิทยาลัยอย
สายตี๊ดเซ็กซี่ขยี้ใจ"ต่อไปให้เรียกคุณธามก็พอ” ฉันยิ้มกว้าง"ได้ค่ะ คุณธาม" ครืด...ครืด สมาร์ทโฟนของฉันสั่นอีกแล้วต้องเป็นไอ้กอล์ฟแน่ๆ"กอล์ฟ""เพื่อนโทรมาแล้วค่ะ”ฉันรับสายแล้วรีบรวบรวมกระเป๋าใบเล็กใบน้อยเตรียมพร้อมจะลงรถ ฉันมองไปทางท่านรองฯเห็นเขาทำทีไม่สนใจแต่แอบตะแคงข้างมาทางฉันแบบเนียนๆ"ฮัลโหล""แกอยู่ไหนวะน้ำขิง""อยู่หน้าเซเว่น""เออ ทำไมไม่เห็นมีเลยวะ""อยู่บนรถ เดี๋ยวไป"ฉันวางสายจากกอล์ฟ กวาดตามองหาโดยรอบเห็นรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่จอดอยู่ ไอ้กอล์ฟลงจากรถแล้วมองหาฉันเหมือนกันท่านรองฯก็มองตามสายตาฉันในทันที เขาพยักหน้าแล้วชี้ไปที่เพื่อนฉัน "นั่นใช่ไหม?เพื่อนคุณ""ใช่ค่ะ น้ำขิงไปก่อนนะคะ""นั่งรถดีๆล่ะ" อื้อ...เขาเป็นห่วงฉันด้วย เขานี่นะจะห่วงฉัน"ค่ะคุณธาม"ฉันเหลือบมองเขาอีกครั้งอยากจะโบกมือบ๊าย...บายก็ไม่กล้า จึงยกมือไหว้อย่างนอบน้อมแล้วลงจากรถทันทีไอ้กอล์ฟเพื่อนฉันถึงกับตาค้าง นักศึกษาสาวสวยลงจากรถของใครก็ไม่รู้และคนขับมันก็ไม่เคยเห็นดูสายตามันสิ...มันมองฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ เดินตรงมาหาคว้ากระเป๋าไปจากมือแล้วเอาไปสะพาย วาดขายาวๆของมันคร่อมรถทันทีเตะขาตั้งแล้วส
อย่ามาเล่นกับไฟ"อะไรวะแค่นี้เหงื่อแตกเลยคุณธาม"สายตาคมหาได้สนใจเพื่อนเขาแต่อย่างใด เขายังให้ความสนใจกับท่วงท่าและลีลานั้นไม่วางตากระดกแก้วเหล้าราคาแพงรวดเดียวหมดแก้วให้แอลกอฮอล์ช่วยละกัน...ธามนิธิ"เติมเหล้าให้เพื่อนพี่หน่อยน้องฟ้า" กรณ์หันมาสั่งสาวสวยที่คอยให้บริการชงเหล้าสำหรับวันนี้"ได้ค่ะ..." จากนั้นแก้วเหล้าราคาแพงถูกยื่นให้เขาในทันที"เออๆชงมา"ธามนิธิตอนนี้เขาได้กลับจากธุดงค์เป็นที่เรียบร้อย แล้วชายหนุ่มพอใจกับรสชาตินุ่มนวลของเหล้าราคาแพงที่ไม่ได้ดื่มมานานหลายปี เขาเอนหลังพิงโซฟาสายตาจับจ้องที่หญิงสาวจนเพลินตา สะโพกกลมกลึงกับช่วงขาเรียวยาวดูมีเสน่ห์กว่าชุดนักศึกษาที่สวมใส่อยู่ทุกวันหญิงสาวเล่นต่อไปอีกสักพักก็หมดเวลาของดีเจน้ำขิง กำลังลงจากสเตทถูกผู้จัดการเรียกไว้ "น้ำขิง คุณโน๊ตเรียกแน่ะ" ผู้จัดการร้านบุ้ยใบ้ไปที่ห้องVipโต๊ะของสามหนุ่ม"ได้ค่ะ เดี๋ยวน้ำขิงขอเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ""ได้จ้า แล้วอย่าลืมไปนะ""ค่ะ พี่อุ้ม” ฉันรับคำแล้วเข้าห้องน้ำทันที แม้ว่ากอล์ฟเพื่อนฉันจะมารอดักคุยด้วยก็ตาม "เออ...เดี๋ยวมา"ฉันหายเข้าไปในห้องน้ำแล้วออกมาพร้อมกับความสดชื่น ซึ่งกอล์ฟมันก็มารอดั
ฉันเมา"ผมไปส่ง” สายตาคมสื่ออารมณ์ที่หลากหลายยากแก่การคาดเดา ฉันลังเลใจว่าเขาจะมาไม้ไหนกันแน่ ทุกวันที่ออฟฟิศเป็นท่านรองฯที่คอยจิกกัดฉันตลอดทั้งวันแล้วไหงวันนี้เขาใจดีหรือว่ากินยาผิดสำแดงมาหรือเปล่า"น้ำขิงยังมีคิวอีกหนึ่งชั่วโมงค่ะ""ไม่เป็นไร ผมรอได้" สายตาเขาเป็นประกายระยิบระยับ มือใหญ่ยังลูบเบาๆที่ต้นแขนอย่างทะนุถนอมชวนให้คนเคลิบเคลิ้มที่จริงเขาโคตรหล่อนะแต่ฉันยังเด็กอยู่นะท่านรองฯจะมาทำแบบนี้ไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันมีอาการเขินต่อเพศตรงข้าม กับไอ้กอล์ฟก็ไม่เคยเป็นแบบนี้ นั่งมานานรู้สึกคอแห้งจึงเอื้อมไปหยิบแก้วโค้กของตนเองแล้วดื่มลงคอจนหมดแก้วในคราวเดียว"อึ๊ก..." ฉันทำตาโตรู้สึกได้ว่ามันเป็นรสชาติแปลกใหม่ที่ยังไม่เคยได้ลิ้มลอง ฉันใช้หลังมือปาดคราบน้ำที่ริมฝีปากบาง"นี่มันเหล้านี่ " ดื่มเข้าไปแล้วก็ได้แต่นั่งมองหน้าเจ้าของแก้วอย่างรู้สึกผิดฉันเห็นท่านรองฯใช้สายตาจับอยู่ที่แก้วเหล้าราคาแพงของเขาที่ฉันดื่มจนหมด "ฮ้า...คุณดื่มหมดแก้ว" แล้วเขาก็แย่งแก้วเหล้าไปจากมือฉัน"นี่คุณเป็นเด็กเป็นเล็ก" พอเหล้าเข้าปากฉันก็เริ่มรู้สึกซู่ซ่าใบหน้าร้อนผ่าว อารมณ์คึกคะนองอยากแกล้งคนแก่ขึ้นมา
จูบแรกฉันถูกจูบ"ประตูมันล็อค" ตอนนี้เวลาเที่ยงคืนใกล้จะตีหนึ่งบนท้องถนนย่อมมีรถวิ่งบางตา กึก...กึก ฉันพยายามเปิดประตูรถอีกครั้งอ้อนวอนเขาทางสายตา"น้ำขิงจะลงแล้วเปิดประตูให้น้ำขิงด้วยค่ะ""เมื่อสักครู่นี้เธอหลับหรือว่าตื่น" เขาถามแล้วโถมตัวเข้ามาส่วนฉันยังงงๆ คิดทบทวนเหตุการณ์ที่ผ่านมา สองมือดันอกเขาไว้โดยที่ตัวเขาเอี้ยวตัวมาทางฉันเกือบ80%มันดูหมิ่นเหม่มาก"เอ่อ...ครึ่งหลับครึ่งตื่นค่ะ" ฉันแบ่งรับแบ่งสู้"เหมือนโดนผีอำ” ฉันมองเห็นเขายิ้มแล้วโน้มใบหน้ามาทันที"อีกครั้งละกันไหนๆคุณก็ตื่นแล้ว" ยอมเป็นสมภารที่กินไก่วัดสักครั้งในชีวิตอย่างมากพ่อก็แค่เรียกมาด่าฉันใช้มือน้อยๆดันอกเขาไว้อีกครั้งกล้าๆกลัวๆ"คุณธามจะทำอะไรคะ?"เขาประกบจูบฉันแผ่วเบา ริมฝีปากเขาสัมผัสนุ่มนวลแบบในละครที่พระเอกจูบนางเอกในรถแล้วนางเอกก็โอบรอบคอเขา ฉันคิดจินตนาการจนเห็นภาพเบลอ"จูบตอบผมสิ" เขาสั่งลมหายใจอุ่นรดต้นคอจนฉันขนลุกเกรียว "แบบไหนคะ" ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้อะไรทั้งสิ้นทำไม่เป็นเข้าใจไหม?เหมือนขาจะรู้"ทำตามผม" เขาประกบริมฝีปากบางอีกครั้งมือใหญ่ประคองหน้าฉันให้รับจูบเขาในองศาที่พอดีกันจูบของเขาแผ่วเบาอ่อนหวา
แคทวอล์คแทบแตก"น้ำขิงทางนี้" เขาส่งเสียงเรียกยืนพิงอยู่กับประตูรถสองมือล้วงในกระเป๋ากางเกงสวมแว่นกันแดดยี่ห้อดังอื้อ...คุณธามหล่อจังแล้วฉันก็รีบเดินตรงไปหาเขาทันที "คุณธามจะไปไหนคะ?" ฉันถามอย่าง งงๆ คงไม่ใช่เรื่องบังเอิญใช่ไหม?"ผมจะไปส่งคุณ""ค๊ะ ว่าอะไรนะคะ""แล้วคุณธามไม่เข้าโรงงานเหรอคะ""ไม่ล่ะ ผมดูมาเป็นสิบปีแล้ว ขี้เกียจ""ดูอย่างอื่นบ้าง" เขาพูดแล้วยังส่งสายตาเจ้าเล่ห์ส่งมาอีกด้วย"แล้วแต่ค่ะ" ฉันทำทีเป็นไม่ใส่ใจ"จะไปส่งก็ไปเลยค่ะน้ำขิงรีบค่ะ" ฉันเห็นเขาขยับตัวจากประตูรถเพื่อหลีกทางให้ฉันซึ่งกำลังจะเปิดประตูรถ"เชิญครับ คุณผู้หญิง" ท่านรองฯถอยให้ฉันแล้วเปิดประตูรถให้ ฉันจึงก้าวขาขึ้นรถทันที"ขอบคุณค่ะ" ฉันยิ้มให้เขาหวานหยดย้อยแล้วก้าวขาขึ้นรถแบบงงๆ ตอนนี้เรากลายเป็นคุณผู้หญิงไปแล้วคริ...คริ...มีความสุขที่สุด ยามนี้แม้รถจะติดท้องถนนที่น่าเบื่อก็น่ามองขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่าคุณธามขับรถพาฉันมาถึงห้างเซ็นทรัลเวิลด์ในเวลาครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ซึ่งตลอดเส้นทางเจ๊ท๊อฟฟี่ก็โทรเร่งฉันแทบจะทุกห้านาทีเลยก็ว่าได้"ชั้นสามค่ะคุณธาม" การวนหาที่จอดรถแสนยากลำบากมากมาย ในวันหยุดเสาร์แล
บิกินี่ร้อนฉ่า"ต้องคุยกับเจ๊ท๊อฟฟี่หน่อยแล้ว"ระหว่างที่ธามนิธิกำลังคิดหาวิธีต่างๆนานาในการกล่อมเจ๊ท๊อฟฟี่อยู่นั้น เซ็ทชุดที่สองเริ่มขึ้นต่อเนื่องเพิ่มความร้อนแรงขึ้นอีกขั้น แล้วพลันมีเสียงกระซิบที่ด้านหลังซึ่งเป็นเสียงผู้ชายฟังดูก็รู้ว่าหื่นขนาดไหน "เดี๋ยวคอยดูน้องหน้าม้านะ""ทำไมวะ?""โคตรเซ็กซี่เลยว่ะ ขนาดใส่ปิดหมดนะ""หุ่นโคตรเซี๊ยะเลยว่ะ""เออ! จะคอยดูนะเพื่อน"ธามนิธินั้นแทบจะทนฟังไม่ไหวอยากจะลุกขึ้นไปเตะไอ้สองหนุ่มหน้าหื่นใจแทบขาด ฟังคำพูดนั้นทีไรหูเขาแทบดับเพราะความหวงของมองไปรอบๆที่เหล่าเซเลบริตี้คนดังที่ถูกเชิญมาต่างพูดคุยกันสนุกสนาน ผิดกับเขาที่ไม่เข้าพวก คงมีแต่เราที่ไม่ค่อยจะมีความสุขหญิงสาวเดินออกมาพร้อมกับเซ็ท3ชิ้นเหมือนคนอื่นบิกินี่ชิ้นบน แบบผูกคอและผูกหลังช่วงอกเป็นจีบแบบมีเชือกรูด ทำให้เห็นหน้าอกเต่งตึงเบียดชิดสวยงามกระแทกตาธามนิธิอย่างจังส่วนบิกินี่ชิ้นล่างเป็นแบบกางเกงว่ายน้ำขาสั้นเน้นสะโพกกลมมนเอวคอดกิ่ว มาพร้อมกับเสื้อซีทรูแขนยาวโทนเดียวกันกับชุดว่ายน้ำ เดินมาได้ครึ่งทางหญิงสาวก็ถอดซีทรูออกแล้วเดินสะบัดตัวเสื้อพริ้วไหวตามแรงเหวี่ยงร่าเริงสดใส เสียงปรบมือเกร