หน้าหลัก / โรแมนติก / Crazy In Love คลั่งรักยัยดีเจ / ตอนที่1.สวมบทนักศึกษาฝึกงาน

แชร์

Crazy In Love คลั่งรักยัยดีเจ
Crazy In Love คลั่งรักยัยดีเจ
ผู้แต่ง: ออนไรท์

ตอนที่1.สวมบทนักศึกษาฝึกงาน

สวมบทนักศึกษาฝึกงาน

"สายแล้ว สายแล้ว" ฉันยกข้อมือซ้ายดูเวลาอีกครั้งพอลงจากรถเมล์ได้ก็ใส่เกียร์หมาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต

แฮ่ก! แฮ่ก!แฮ่ก! วิ่งหอบจนลิ้นห้อย แต่ใจสู้สุดชีวิตมองหาจุดหมายอยู่ที่ลิฟต์

"รอด้วยค่า รอด้วยค่า..."

ฉันใช้พลังเสียงเซอร์ราวด์รอบทิศทางทำให้ลิฟต์เปิดออกในทันที  รีบยื่นขาขาวๆเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ลืมขอบคุณผู้มีพระคุณในเช้านี้ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉันจึงพนมมือไหว้รอบทิศทางทั่วทุกคนได้รับอานิสงส์ไปพร้อมกัน แล้วพ่นลมหายใจหอมสดชื่่นออกมาจนผมหน้ามาปลิวไสว 

พรืด...

"ขอบคุณค่ะ..." 

นิ้วเรียวกดปุ่มลูกศรขึ้นทันทีมองดูที่ตัวเลข 5 แสดงว่ามีคนขึ้นไปชั้นเดียวกัน  คราวนี้ลิฟต์ปิดอีกครั้งทุกคนอยู่ในความสงบ มีสายตาหลายคู่แอบเหล่มองมาที่ฉันแล้วเลื่อนสายตาไปที่บัตรพื้นสีฟ้าตัวหนังสือสีดำที่คล้องคออยู่

นักศึกษาฝึกงานที่มีทั้งชื่อจริงและชื่อเล่นพร้อมรูปแบบเก๋ไก๋ของฉันแล้วอมยิ้มเอ็นดูในความน่ารัก

สร้างสีสันเล็กๆ แหละ...

ฉันไม่รู้ว่ามะโนไปเองหรือเปล่า ว่าหลายคนแอบอิจฉาในความขาวใส ผิวขาวอมชมพูเห็นเลือดฝาดดูมีสุขภาพดีที่ฉันได้มาจากว่านหางจรเข้ จากกระถางหลังห้องที่ใส่ปุ๋ยรดน้ำเอาใจใส่อย่างกับลูกในอก บางวันก็เปิดเพลงให้ฟังด้วยจะได้งามๆโตเร็วๆ

ฉันขยับตัวหลบพวกพี่ๆเขาออกจากลิฟต์จนถึงชั้นที่ 5 บนสุดเหลือเพียงฉันกับผู้ชายตัวโตที่ยืนอยู่อีกฟากหนึ่งด้านซ้ายมือ ตัวฉันยืนติดกับแผงควบคุมแอบเหล่มองเขาดูจากเงาแล้วน่าจะหล่อ

เขาสวมสูทแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า ได้กลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงโชยเข้าจมูก ฉันแอบคิดในใจคิดว่าเขาคงไม่รู้ตัวที่โดนแอบมองแบบนี้ 

โดยไม่ทันเห็นยิ้มเย็นที่มุมปาก เด็กสมัยนี้...

ตึ๊ง!..ลิฟต์จอดที่ชั้น5 ประตูเปิดออกอัตโนมัติฉันจึงหันหน้ามองไปทางเขา "เชิญครับ..."

เขาผายมือให้และกดปุ่มเปิดไว้ให้อีกอย่างสุภาพบุรุษ ฉันจึงพุ่งตัวออกมาทันทีกลัวลิฟต์ปิดจนกระโปรงพลีทแทบโบยบิน เดี๋ยวเขาจะมาด่าฉันว่าเงอะงะ...

@ ห้องกรรมการผู้จัดการ

ฉันเดินผ่านห้องรองประธานกรรมการที่ทุกวันปิดไฟมืด แต่วันนี้มาแปลกในห้องเปิดไฟสว่างไสว หันไปมองเพียงแว่บเดียวแล้วเดินเลยมาอย่างไม่ใส่ใจนัก

"สวัสดีค่ะพี่อร"

ฉันยกมือไหว้พี่อรซึ่งเป็นเลขาเก่าแก่ของคุณธนัท กรรมการผู้จัดการใหญ่แล้วนั่งลงที่โต๊ะทำงานของตนเองวางถุงน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ไว้ให้พี่อรหนึ่งชุดแล้วเดินเข้าห้องน้ำ หวีผมใหม่ให้เรียบร้อย ตบแป้งเพิ่มอีกนิดหยิบลิปกลอสที่ได้จากไลฟ์สดเมื่อวานทาบางๆ

"อืม...ลิปกลอสเขาดีจริง"

แก้มไม่ต้องปัดเพราะอมชมพูอยู่แล้ว ฉันหันซ้ายหันขวาสำรวจจนแน่ใจว่าดูดีจึงออกจากห้องน้ำกลับไปที่โต๊ะทำงานของตนเอง

หย่อนก้นลงไปนั่งยังไม่ถึงห้านาที

"น้ำขิง...คุณธนัทเรียกจ๊ะ" 

"ค่ะ พี่อร" ฉันรีบลนลานลุกจากโต๊ะรีบเดินตรงเข้าในห้องทันที

ก็อกๆๆๆ  ฉันเคาะประตูห้องตามมารยาท

"เชิญครับ" 

"สวัสดีค่ะคุณธนัท" ฉันพนมมือไหว้แล้วนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท 

คุณธนัทเป็นผู้มีพระคุณที่เอ็นดูฉันมากที่สุดรองจากพ่อกับแม่ 

คุณธนัทคือผู้ที่ฉันช่วยจากอาการโรคหัวใจกำเริบ ในงานมอเตอร์โชว์เมื่อปีที่แล้ว (อาการท่านมากำเริบที่หน้าบูธพอดี) คุณธนัททิ้งนามบัตรไว้ให้ และได้ไลน์จากฉันไป วันนั้นฉันก็ยังงงๆอยู่ว่าให้ไลน์ไปได้ยังไง

"หนู ถ้ามีอะไรให้อาช่วยก็บอกได้นะ" เสียงทุ้มอบอุ่นกอปรกับใบหน้าของคนใจดีทำให้ฉันรู้สึกดีเหมือนมีพี่พึ่ง

ใครมันจะไปรู้...

จากนั้นคุณธนัทซึ่งรู้ว่าฉันต้องทำงานส่งตัวเองเรียน ก็เรียกใช้ฉันตลอดจนขึ้นปีสี่ เมื่อถึงเวลาต้องหาที่ฝึกงานที่ให้ประสบการณ์ที่ดี  จนฉันได้มาฝึกงานที่นี่ในฐานะนักศึกษาฝึกงานกับบริษัทผู้ผลิตเบียร์ชั้นนำของประเทศไทย ซึ่งรับนักศึกษาฝึกงานยากมากจนถึงมากที่สุด

คนดีพระย่อมคุ้มครอง...

หลังจากที่ฉันไปบนบานศาลเจ้าที่หน้าอพาร์ทเม้นท์ให้ได้ฝึกงานที่นี่แต่เหตุการณ์มาพีคตอนแก้บนนี่สิ

 โอ๊ย...วันนั้นฉันอายเขาไปทั้งตึก

สไบเฉียงของฉันปลิวไสว ท่ามกลางเสียงเพลงไทยเดิม ดังก้องไปทั้งตึกโดยได้รับกำลังใจอย่างล้นหลาม ภาพของหญิงสาวสไบเฉียงจึงถูกบันทึกไว้ในเฟสบุ๊ค ของอพาร์ทเม้นท์เป็นที่เรียบร้อยนับจากนั้นสืบมา

"สวัสดีค่ะ คุณธนัท" ฉันนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับคุณธนัท

 "คุณธนัทมีอะไรให้น้ำขิงรับใช้คะ"

"หนูน้ำขิงมาฝึกงานได้กี่วันแล้ว?"

ฉันนั่งนับนิ้วในใจมองไปที่ปฏิทินตั้งโต๊ะ 

"ได้ สิบวันแล้วค่ะประมาณสองอาทิตย์ค่ะ"

"เอ่อ...น้ำขิงทำงานไม่ดีเหรอคะ" ฉันถามด้วยความสงสัย คิดอยู่ในใจว่า ซวยแล้ว คุณธนัทต้องเรียกมาตำหนิแน่เลย สีหน้าฉันย่ำแย่เต็มทน

"เปล่า เปล่า... " คุณธนัทคลี่ยิ้มออกมาสายตาอบอุ่นมากทำให้ฉันคิดถึงพ่อขึ้นมาในทันที

"ตาธามลูกชายอา"

"ค๊ะ!..." ฉันกรอกตาไปมาอย่างไม่เข้าใจธามคือใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อก็วันนี้

"ธามนิธิ ตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ"

"เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของอา เขาจะเข้ามารับตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการในวันนี้"

"อาเรียกเขากลับมาจากโรงงานที่นครปฐม"

ฉันนั่งฟังอย่างตั้งใจพอดีกับประตูห้องถูกเคาะอีกครั้ง

ก็อก! ก็อก! ก็อก! เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้งฉันเหลียวไปมองตามเสียงนั้นอย่างตั้งใจ 

"ผมธามครับ"

"เข้ามาได้..." 

สิ้นเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นแต่ฟังแล้วเหมือนคนไร้อารมณ์เย็นชาซะมากกว่า จากนั้นประตูเปิดออกโดยเขาผู้ที่เจอกันในลิฟต์ ตอนนี้ถอดสูทออกแล้ว เขาหล่อระเบิดเท่ห์อย่างกับนายแบบ

เขาสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าเนื้อดีน่าจะราคาแพงผูกเนคไทดูมีคลาส    ฉันประเมินด้วยสายตาของแม่ค้าออนไลน์ สายตาเขายังมองมาที่ฉันอีกด้วยแต่เพียงครู่เดียวเท่านั้น ฉันกำลังจะยกมือไหว้เขาก็มองเลยไปที่คุณธนัทซะงั้น ฉันเลยค้างกลางอากาศเอามือลงแทบไม่ทัน

เอิ่ม...หยิ่งซะด้วย

"สวัสดีครับพ่อ" เขาพนมมือไหว้แล้วนั่งที่เก้าอี้อีกตัวใกล้ๆกัน

"ไง ตาธาม กลับมาเมื่อไหร่ไม่เห็นเข้าบ้านเลย"

ฉันผู้เป็นส่วนเกินพยายามที่จะไม่ฟังพ่อลูกเขาคุยกัน ทำทีมองไปทางอื่น เก็บมือไว้บนตักอย่างสุภาพ

"ผมออกจากโรงงานเมื่อวานตอนเย็น ถึงคอนโดประมาณสามทุ่มครับ"

เออ...คนรวยนี่ก็แปลกบ้านออกจะหลังใหญ่หลังโตไม่ชอบอยู่ เป็นฉันหน่อยไม่ได้แม่จะนอนตากแอร์สบายใจเฉิบ

ขนาดไม่อยากฟังฉันก็จับใจความได้ทุกเม็ด

"เดินทางไกล ผมเพลียเลยไม่ได้เข้าไปหาพ่อครับ"

ฉันแอบเบ้ปากฟอร์มชัดๆ ก็เห็นอยู่สงสัยไปนอนกับเมียมากกว่าทรงนี้

คุณธนัทระบายใบหน้าอ่อนโยนอีกครั้ง แล้วจึงเข้าเรื่อง

"นี่หนูน้ำขิง" ฮะ! ฉันหันขวับตามเสียงเมื่อถูกพาดพิง 

"สวัสดีค่ะ" คราวนี้ฉันรีบพนมมือไหว้ทันทีกลัวว่าเขาจะไม่มองอีกเป็นครั้งที่สอง

"เป็นนักศึกษาฝึกงานที่พ่อรับมา"

 "ครับ..." ใบหน้าคมยกคิ้วขึ้นมองมาทางฉันอย่างสงสัย

"ให้หนูน้ำขิงไปช่วยงานนะ" 

คราวนี้ท่านรองประธานมองมาทางฉันที่นั่งเอ๋อทำสีหน้างง เขาชักสีหน้าไม่พอใจมองหน้าฉันอย่างเอาเรื่องทันที 

"ผมไม่เอานักศึกษาฝึกงาน"

"ผมต้องการผู้ช่วยมืออาชีพ" เสียงเขาที่ทุ้มนุ่มในตอนแรกช่างเสียดแทงเข้ากลางใจจนฉันแทบตกเก้าอี้

ใช่ล่ะสิ ฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานแล้วจะยังไง? ฉันอยากถลึงตาใส่ท่านรองนักแต่ไม่กล้าพอเกรงใจคุณธนัท เดี๋ยวจะหาว่าฉันก้าวร้าวนิสัยไม่ดี ภาพลักษณ์ฉันยิ่งไม่ค่อยจะดีอยู่ด้วย

ตอนนี้รู้สึกได้ว่าบรรยากาศอึดอัดพอสมควร

คุณธนัทผ่อนลมหายใจมือประสานกันบนโต๊ะ 

"หนูน้ำขิงเขาเก่ง เนี่ยว่าที่เกียรตินิยมอันดับหนึ่งเชียวนะ"

"วันนี้เขายังเป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"

"ต่อไปเขาอาจจะเป็นที่ปรึกษาการลงทุน"

"ที่เราต้องแย่งตัวมาก็ได้” อุตส่าห์ยกแม่น้ำทั้งห้ามาก็แล้วท่านรองฯก็ไม่สนองตอบทำสีหน้าไม่พอใจใบหน้าหล่อยับยู่ยี่ ต่อรองกับท่านประธานด้วยสายตา

คุณธนัทเหมือนจะรู้ว่าฉันอึดอัดจึงพยักหน้าให้ฉันออกจากห้องไปก่อน 

ฉันรู้ชะตากรรมของตนเองดีจึงลากขาทั้งสองออกมาด้วยความหดหู่ แต่ก็แอบโกรธเขาอยู่บ้าง

"ชิ...เป็นแค่นักศึกษาฝึกงาน"

"แล้วไง?" 

ฉันโกรธเขาที่ดูถูกความสามารถ เดินออกจากห้องมาอย่างพาลๆแล้วนั่งแหมะที่เก้าอี้ ทำปากเบ้ปัดผมหน้าม้าระบายอารมณ์ หยิบแฟ้มรายงานการประชุมออกมาแล้วพิมพ์อย่างคล่องแคล่ว เร่งรีบกดนิ้วลงแป้นพิมพ์แทบพัง

ยังมีงานกองบนโต๊ะอีกมาก ฉันจึงตั้งสมาธิแล้วใส่ใจกับงานให้สมกับที่คุณธนัทอวย นั่งทำงานไปได้สักพักก็รู้สึกได้ว่ามีเงามืดเงาหนึ่งอยู่ด้านหลังและสายตาอีกคู่มองมา 

หางตาฉันทำงานได้ดี  

"เก็บของแล้วตามผมมา"

เสียงดุ เสียงหนักแน่นจงใจพูดใส่ฉันแต่เพียงผู้เดียว

ฉัน...

เอาแล้วไงชีวิตฉัน

ฉันภาวนาในใจ นับจากนี้คงต้องพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วสากลโลก ช่วยหนูด้วยนะคะ

พลีส...

สาธุ…

"คุณน้ำขิง..."

"ค้าาาาาา..."

“จะไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ” บทเขาจะมาเอาฉันขึ้นมาก็ใจร้อนเป็นคนคลั่งรักไปได้

ออนไรท์

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status