แชร์

ตอนที่2.ท่านรองประธาน

ท่านรองประธาน

"เก็บของแล้วตามผมมา" เขาหันมาสั่งแล้วเดินกลับห้องโดยไม่หันมามองฉัน จนพี่อรขยับเข้ามาถามอย่างใคร่รู้

"น้ำขิงจะไปไหนเหรอ?"

"ไปทำงานกับท่านรองฯค่ะ"

ฉันทำสีหน้าบอกบุญไม่รับ บุ้ยใบ้ไปตามทางเดินนั้นที่ห้องอีกห้องที่เดินผ่านมาเมื่อเช้า

"ว้า! แย่จัง ต่อไปพี่คงเหงาเเย่เลย"

"คราวนี้ไม่มีคนช่วยงานพี่แล้ว" พี่อรทำสีหน้าเสียดาย ส่วนฉันเก็บของไปก็คุยไป อันที่จริงสมบัติฉันก็ไม่มีอะไรมากแค่โน๊ตบุ๊คหนึ่งตัวกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและอุปกรณ์สำนักงานอีกนิดหน่อยปากกาสองสามด้าม

"ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด” โทรศัพท์สายในดังขึ้น 

 พี่อรสบตากับฉันแล้วเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์มาแนบหู

"สวัสดีค่ะ"

"ค่ะ...ค่ะ...ได้ค่ะ" พี่อรฟังเสียงจากปลายสายกรอกตาไปมาสองสามครั้งทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดีแล้ววางสาย

"เร็วเข้า น้ำขิง คุณธามเรียกแล้ว"

ทีนี้สิ่งของทั้งหมดของฉันถูกรวบมาไว้ในอ้อมแขนแล้วรีบเดินจ้ำอ้าวทันที ห้องท่านรองฯอยู่ก่อนห้องท่านประธานหนึ่งห้อง นับจากลิฟต์ทางเข้า

ฉันเดินย้อนขึ้นสิบก้าวก็ถึงแต่หน้าห้องกลับไม่มีโต๊ะตั้งไว้หน้าห้องสักตัว ซึ่งแปลว่าฉันต้องเข้าไปด้านใน ฉันจึงเคาะประตูห้องแล้วผลักเข้าไป

"ขออนุญาตค่ะ" เสียงของฉันมักไปก่อนตัวเสมอ

"เชิญครับ...นี่โต๊ะของคุณ"

เมื่อก้าวเข้าห้องทำงานของท่านรองฯ ด้านในมีโต๊ะสำนักงานใหม่เอี่ยมตั้งไว้หนึ่งตัวซึ่งโต๊ะของฉันอยู่ทางขวามือเมื่อเปิดประตูเข้าด้านใน จัดโต๊ะเสร็จแล้วฉันเหลือบมองท่านรองฯที่สนใจกับเอกสารมากมายที่กองอยู่บนโต๊ะ เขามองมาทางฉันพอดีทำให้เราสบตากันด้วยความบังเอิญ

"คุณน้ำขิง"

"ค๊ะ..." ฉันลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตรงไปหาเขาทันที

เขายื่นแฟ้มที่เขาเปิดดูเมื่อสักครู่ทั้งหมดให้ฉัน 

"คุณช่วยเอาไปอ่านแล้วสรุปให้ผมที"

"ผมขี้เกียจอ่าน" 

อย่างนี้ก็ได้ด้วย...

"ได้ค่ะ..."

คิดว่าฉันโดนรับน้องแล้วล่ะ จึงรับแฟ้มทั้งหมดมาไว้ในอ้อมแขนแล้วหอบมาวางที่โต๊ะทำปากขมุบขมิบ 

"จะแกล้งกันหรือไง" 

จากนั้นฉันสุ่มหยิบแฟ้มอันที่หนึ่งเปิดอ่านทีละหน้าอย่างตั้งใจ ความรู้สึกเหมือนกับตอนเรียนเป๊ะ! 

อ่านแล้วเลคเชอร์โน๊ตย่อให้พอเข้าใจ 

ส่วนท่านรองฯนั้นเขาเอาแต่นั่งไถสมาร์ทโฟนสบายใจเฉิบ 

"ชิ...ถือว่าเป็นเจ้านายนั่งสบายเลย" ฉันนั่งพึมพำอยู่คนเดียวหวังว่าเขาคงไม่รู้ว่าฉันนินทา

ครืด...ครืด สมาร์ทโฟนของฉันสั่นครืดคราดจึงรีบปัดหน้าจอทันที แอบชำเลืองมองเขาก็เห็นเขาเหลือบตามองมาเหมือนกัน

"ฮัลโหล เจ๊" 

"คุยได้ไหม?" เจ๊ก็ยังอุตส่าห์จะถามอีกเนอะ ฉันรีบป้องปากกระซิบกระซาบก่อนจะโดนท่านรองฯเด้งออกนอกห้อง

"ไม่ค่อยสะดวกค่ะ คุยในไลน์ดีกว่าค่ะ"

 "อะเคร..." เสียงอีเจ๊รับคำแล้ววางสายไป

โน๊ตบุ๊คของฉันเชื่อมต่อไลน์ไว้เพื่อความสะดวกในการสื่อสาร และส่งไลน์ติดต่องานได้สะดวกรวดเร็ว จากนั้นไลน์เจ๊ท๊อฟฟี่ก็เด้งมาทันที

เจ๊ท๊อฟฟี่: พี่มีงานให้ช่วยหน่อยวันเสาร์บ่าย

น้ำขิง: งานอะไรคะ

เจ๊ท๊อฟฟี่: เดินแบบชุดว่ายน้ำ

น้ำขิง: โป๊หรือเปล่าคะ

เจ๊ท๊อฟฟี่: ไม่โป๊หรอกสไตล์สาวสปอร์ตี้

น้ำขิง: มีตัวอย่างชุดมาให้ดูไหมคะ

เจ๊ท๊อฟฟี่: เดี๋ยวพี่ส่งไปให้ดู ของน้ำขิงจะเป็นเซ็ทวันพีชสวยๆ

น้ำขิง: ขอดูก่อนนะคะว่าโอเคไหม 

เจ๊ท๊อฟฟี่เป็นเอเจนซี่รายใหญ่ของวงการพริตตี้ ผู้มีพระคุณกับฉัน

ที่ฉันเรียนจนใกล้จบได้ก็เพราะเจ๊แก จรรยาบรรณของเจ๊เขาค่อนข้างดีเสมอต้นเสมอปลายจนฉันยกให้เป็นผู้จัดการส่วนตัว สกรีนงานทั้งหมดด้วยความไว้วางใจ 

เจ๊ท๊อฟฟี่: ว่าไงยะ? โอเคไหม

น้ำขิง: โอเคค่ะ

ฉันดูตัวอย่างชุดแล้วไม่โป๊เกินไป คอนเซ็ปต์ของเซ็ทนี้เป็นชุดว่ายน้ำแนวสปอร์ตดูแล้วเท่ห์ซะมากกว่าเซ็กซี่ การรับงานแต่ละครั้งฉันบอกเจ๊แกเสมอว่าฉันยังเป็นนักศึกษาอยู่ เกรงใจทางมหาวิทยาลัยกลัวเสียชื่อเสียง 

ฉันรับงานแบบนี้ในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ ในช่วงกลางวันจนถึงบ่ายไม่เกินเย็นเพราะมีคิวไปเปิดแผ่นที่ผับดังย่านทองหล่อในเวลาสองทุ่มร้านประจำ

ตอนบ่าย  ฉันต้องพรีเซนท์งานจากแฟ้มเมื่อเช้าที่อ่านได้ทั้งหมดสองแฟ้มต่อหน้าท่านรองฯ ฉันค้นพบว่าเขาเป็นคนให้เกียรติฉันพอสมควร ให้พรีเซนท์จนจบโดยไม่ขัดจังหวะกลางคัน

"พรืด..."  ฉันพ่นลมหายใจออกมาจนหน้าม้าปลิว แล้วใช้มือจัดทรงให้เจ้าที่แบบลวกๆ

"โอเค ผมให้คุณผ่าน" 

"ผมมีงานเยอะ คุณต้องเป็นผู้ข่วยที่ดีใช้ไหวพริบที่เรียนมาทั้งหมด"

"ทำงานให้ผมแบบมืออาชีพ"

แต่ฉันเป็นแค่นักศึกษาฝึกงานเองนะ (ฉันนิ่วหน้าทันที ฉันรู้เขาดูออก)

"ถึงแม้ว่าคุณจะยังไม่มีประสบการณ์"

"แต่คุณต้องศึกษาเอานะ" ใบหน้าแก่ๆของเขาดูเอาจริงเอาจังมาก 

"ค่ะ..." 

"อ้อ...อีกอย่างนะทุกวันอังคารและวันศุกร์"

"เราต้องเข้าโรงงานที่นครปฐมด้วยกันนะ"

"เตรียมตัวให้พร้อมมาแต่เช้าหน่อย"

ฉันเห็นเขาจิกตาใส่ฉัน ตอนที่บอกว่าให้มาแต่เช้าก็พอจะรู้ว่าจงใจตำหนิฉันที่มาถึงบริษัทสายเกือบทุกวัน

และแล้ววันศุกร์ก็มาถึง

"รอด้วยค่ะ รอด้วยค่ะ " ฉันกระหืดกระหอบอีกตามเคยวิ่งเข้าลิฟต์อีกแล้ว

"ขอบคุณค่ะ" ฉันขอบคุณพี่ชายคนนึงของแผนกบัญชีเป็นชายหนุ่มหน้าใสแม้แว่นจะหนาไปสักนิด ซึ่งเขาก็ยิ้มรับอย่างใจดี

"ฮึ่ม! "

เสียงกระแอมจากด้านในเป็นเสียงทุ้มนุ่มหูที่คุ้นเคย จึงหันไปมองเพื่อความแน่ใจเงยหน้ามองเขาจนคอเคล็ด คนอะไรสูงอย่างกับเปรต ฉันนึกในใจ 

"อ๊ะ...สวัสดีค่ะท่านรองฯ"

ฉันยิ้มทะเล้นบนใบหน้าเมื่ออยู่ด้วยกันหลายวันก็เริ่มคุ้นเคยกับหน้าดุๆ ของเขาเมื่อฉันยิ้มลักยิ้มก็ยิ้มด้วย  

น่าร้าก...

ท่านรองฯเห็นฉันมาเช้ากว่าทุกวันคงจะปลื้มใจ เขามองมาทางฉันตาเป็นประกายพยักหน้าหงึกหงัก

ในมือฉันถือกระเป๋าใบเล็กมาด้วย ข้างในมีชุดทำงานดีเจและโน๊ตบุ๊ค   โดยจงใจถือแอบไว้ข้างตัวกลัวเขาจะทัก เมื่อพนักงานคนอื่นทะยอยออกจากลิฟต์ จนหมดเหลือแต่ฉันกับท่านรองฯ ฉันเลิ่กลั่กไม่ไหวเก็บอาการไม่อยู่ดูมีพิรุธมาก 

"นั่นกระเป๋าอะไรของคุณ?"

ว่าแล้ว! ซื้อหวยไม่ถูกเลยน้ำขิงเอ๊ย ฉันอยากเอามือตบหน้าผากตัวเองหนึ่งฉาด

ตาดีชะมัดคนอะไร...

 "อ้อ คือกระ..."

พอดีลิฟต์เปิดจังหวะนั้นพอดีช่วยชีวิตไว้ได้อย่างหวุดหวิด ฉันโล่งอกอย่างบอกไม่ถูก  "เห้อ! เกือบไปแล้ว" 

ที่ชั้น5 พี่อรมาแต่เช้าเช่นเคย ฉันเดินเลยไปทักพี่อรก่อนแบบว่าคิดถึงน่ะ

"สวัสดีค่ะพี่อร" 

"สวัสดีจ้าน้ำขิง" 

ฉันโบกไม้โบกมือทักทายสดใส แต่ต้องชะงักเมื่อมีสายตาคมหันมามองก่อนที่เขาจะเข้าห้องไป

"จะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ" 

"ผมรีบนะอย่ามัวเล่นอยู่" เสียงดุเสียงหนักแน่นอันเป็นซิกเนเจอร์ของท่านรองฯลอยลมมา

"ค่ะ " วันนี้เขาดุฉันแต่เช้าเลยแต่ฉันก็ไม่คิดจะเข็ดคิดเหรอว่าจะกลัว

ฉันนั่งรอเขาเซ็นตเอกสารบนโต๊ะเสร็จแล้ว จากนั้นฉันจึงโทรตามแผนกต่างๆมารับคืนไป จากนั้นสองขาของฉันก็เดินตามขายาวๆของเขาไปที่ลานจอดรถทันที กระโปรงนักศึกษาก็แคบเดินไม่ค่อยสะดวก

รู้อย่างนี้ใส่กระโปรงพลีทมาดีกว่า แต่ดีที่ใส่รองเท้าผ้าใบมาฉันจึงใช้การวิ่งแทน ง่ายดี

ลานจอดรถผู้บริหารที่มีปอร์เช่สีขาวจอดอยู่ท่านรองฯผลุบหายเข้าไปในรถ ด้านคนขับฉันขยี้ตารัวๆ นี่มันปอร์เช่ โอ๊ยวาสนาของยัยน้ำขิงจริงจริ๊ง(ฉันคิดในใจ) มองไปที่รถตาไม่กระพริบ ยืนอยู่อย่างนั้นไม่กล้าเปิดประตูเข้าไป

ท่านรองฯลดกระจกลงทำสายตาดุใส่ฉัน 

"ขึ้นรถสิคุณ เดี๋ยวสาย"

"ค่ะท่านรองฯ"

ฉันจึงเปิดประตูแล้วหย่อนก้นลงไปก่อนจากนั้นยกเท้าทั้งคู่เข้าไปแล้วนั่งอย่างกับนางพญา(ฉันเคยเห็นใน TikTok) เมื่อคนดังขึ้นรถหรู

 แล้วฉันก็ปล่อยไก่จนได้เมื่อคาดเบลล์ไม่ได้สักที เขาเห็นแล้วรำคาญใจ

"มา...ผมช่วย" เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ดึงสายเบลล์อย่างรวดเร็ว

ตอนที่เขาโน้มตัวลงมา ลมหายใจอันร้อนผ่าวของเขารดที่ต้นคอขาวของฉันจนตัวแข็งทื่อ ส่วนเขาสบายๆสีหน้าเรียบเฉย ฉันไม่คิดว่าเขาอบอุ่นก็เป็นด้วย เทคแคร์ก็เนียนตาอย่างกับพระเอกในซีรีส์เกาหลีที่ดูอยู่ทุกวัน

ออนไรท์

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status