ชาติก่อนเพราะความโง่เขลา จ้าวหลินอีจึงยอมเสียสละส่งคนรักอย่างกู้เหวินเฟยเรียนต่อเพราะหวังจะสร้างครอบครัวด้วยกัน โดยให้เขาดูแลตนเองยอมเป็นภรรยาที่คอยเพียงเขา ทว่าสุดท้ายสามีกลับนำผู้หญิงคนอื่นกลับมาและหย่าขาดกับเธอ เพราะว่าเธอไม่มีอะไรเหมาะสมกับเขา แม้แต่ลูกสาวของตนเองก็ปกป้องไม่ได้ สุดท้ายลูกสาวของเธอก็ทนรับความบอบซ้ำทางใจไม่ไหวจึงได้ฆ่าตัวตาย เธอมีชีวิตอยู่อย่างละอายใจ ทว่าร่างกายที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เยาว์วัยเสื่อมโทรม จึงได้ตายตามบุตรสาวไปเพียงไม่นาน แต่แล้วด้วยโชคชะตาหรือสิ่งใดก็ไม่อาจทราบได้ จ้าวหลินอีได้ย้อนเวลากลับมาในตอนที่เธออายุได้สิบเจ็ดปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนที่เธอจะตัดสินใจไม่เรียนต่อ และแน่นอนเธอจะต้องสร้างชีวิตใหม่ของตนเองให้ได้ ด้วยความหวังอันแน่วแน่ว่า ลูกสาวที่เธอไม่อาจปกป้องได้ในชาติก่อน มาชาตินี้เธอจะไม่มีวันปล่อยให้ลูกสาวที่จะเกิดมาถูกรังแกได้อีก ตัวอย่างในเล่ม “ลูกชายฉันทั้งเป็นคนดีอีกทั้งเรียนเก่งขนาดนี้ ยอมแต่งลูกสาวบ้านหล่อนก็บุญเท่าไหร่แล้ว” คำพูดของอดีตแม่สามีทำให้จ้าวหลิงอีหลุดหัวเราะเบา ๆ ลูกชายฉันเป็นคนดี? ช่างน่าขำเสียจริง แล้วลูกคนอื่นไม่ใช่คนดี
View Moreจ้าวหลินอีไอสำรอกเลือดสีแดงเข้มออกมาจนถ้าเช็ดหน้าสีขาวเปลี่ยนเป็นสีชาด ใบหน้าที่มีริ้วรอยแห่งกาลเวลาขณะนี้ซีดเผือด ดวงตาของเธอกลับไร้ประกายสดใสมันมีแต่เพียงความเจ็บปวดและความเสียใจ แม้จะเสียใจแค่ไหนแต่กลับไร้กำลังที่จะแก้แค้นให้บุตรสาวอันเป็นที่รัก
มือหยาบกร้านที่ทำงานมาหลายปีพยายามเช็ดป้ายสุสานของลูกสาวอย่างถนุถนอม แต่มือที่เปื้อนเลือดกลับทำให้ป้ายสุสานที่ฝังร่างบุตรสาวแปดเปื้อนสีแดงเข้มนี้ไปด้วยจนเธอต้องหยุดมือแค่ก ๆ ๆ จ้าวหลินอีไออีกครั้งและไอติดต่อกันหลายครั้งจนแทบหายใจไม่ทัน พร้อมสำรอกก้อนเลือดสีแดงเข้มออกไปทางดำคล้ำออกมาอีกครั้ง เธอพิงศีรษะกับป้ายสุสานอย่างอ่อนแรง ความเสียใจกับการเดินเส้นทางผิดทำให้เธอเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งหัวใจ เพราะหลงเชื่อคารมคนรักจนต้องพบจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้ อยากตายก็ไม่สามารถตายได้ หากเธอตายใครเล่าจะมาปัดกวาดเช็ดถูให้สุสานให้กับหย่าหลิงของเธอ จ้าวหลินอีเหม่อมองท้องฟ้าอย่างเลื่อนลอย เธอหวนคิดถึงอดีตที่ผิดพลาด เธอหัวเราะออกมาเบา ๆ อย่างสมเพชตัวเอง เพราะความอ่อนแอและโง่เขลาทำให้เธอหลงเชื่อคนผิด เธอเป็นคนเรียนเก่งและมีอนาคตสดใสรออยู่ แต่เพราะชอบพอกับกู้เหวินเฟยจึงยอมสละตัวเอง เพื่อให้เขาเรียนต่อจึงนำเงินในครอบครัวส่งเขาเรียนต่อแทนเธอ การแต่งงานของเธอจึงเรียบง่ายเพื่อหลีกเลี่ยงคำครหาเท่านั้น ซึ่งคนในครอบครัวของเธอไม่เห็นด้วย ต่างเอ่ยตักเตือนเธอต่าง ๆ นา ๆ แต่เพราะคำอ้อนวอนขอร้องจากเธอพวกเขาจึงยอมทำตามความปรารถนาของเธอส่งเสียลูกเขยคนนี้จนเรียนจบ เมื่อเขาเรียนจบมาเป็นครูในอำเภอ จ้าวหลินอียอมทนลำบากเลี้ยงแม่สามีและครอบครัวของเขาพร้อมลูกสาวที่ยังเล็กอย่างยากลำบาก เธอหวังว่าเขาเรียบจบมีงานการที่ดีทำจะได้ทำให้ครอบครัวเจริญก้าวหน้าขึ้น แต่ความหวังกลับไม่ได้เป็นที่หวัง กู้เหวินเฟยเรียนจบมีการศึกษา มีหน้ามีตาภรรยาบ้านนอกอย่างเธอกลับเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงของเขา จ้าวหลินอีจึงยอมอยู่บ้านนอกเพื่อไม่ให้สามีอับอายคนอื่น และปล่อยให้สามีไปสอนอยู่ในเมืองเพียงลำพัง แต่ทุกคนในบ้านตระกูลกู้กลับไม่นึกถึงบุญคุณเธอ ทุกคนต่างดูถูกเหยียดหยามเธอไม่เว้นแต่ละวัน หาว่าเธอเรียนไม่สูงด้อยความรู้ รูปร่างผอมดำไม่เหมาะสมกับลูกชายของหล่อน ซึ่งพวกหล่อนไม่ได้จดจำเลยว่าเพราะอะไรเธอถึงไม่ได้เรียนต่อ ไม่มีการศึกษาและต้องมาทำงานในไร่ตากแดดตัวดำอย่างนี้ แม้นจะถูกต่อว่าอย่างไรเธอก็ยอมอดทนเพื่อลูก ส่วนสามีไปเป็นครูช่วงหลังห่างเหินกับเธอมากขึ้น แต่เพราะไม่มีการศึกษาที่สูงและทำให้เขาอับอายเธอจึงยอมให้ทุกคนดูถูก จนกระทั่งวันหนึ่งจุดเปลี่ยนชีวิตของเธอผลิกผันอย่างรุนแรง กู้เหวินเฟยกลับมาพร้อมหญิงสาวที่งดงามและสดใหม่ที่ชื่อตู่จื่อหย่า อีกทั้งหล่อนเป็นลูกสาวผอ.ในโรงเรียน ซึ่งหล่อนกำลังตั้งครรภ์ทำให้ทุกคนในบ้านตระกูลกู้บังคับให้เธอหย่าขาดกับสามี ตอนนั้นเพราะความปวดใจที่สามีนอกใจจึงยอมหย่าทั้งน้ำตา ทว่าทันทีที่เซ็นใบหย่าให้พวกเขาก็ไล่เธอออกจากบ้านตระกูล กู้ทันที แต่เรื่องเลวร้ายไม่จบเพียงเท่านี้เมื่อพวกเขาพรากลูกสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของเธอไป กู้เหวินเฟยไม่อยากให้คนอื่นมองตัวเองไม่ดีจึงได้พาลูกสาวของเธอไปด้วย นั่นทำให้เธอตรอมใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งไม่มีหน้ากลับบ้านเดิมเพราะครอบครัวเคยบอกเธอแล้วว่ากู้เหวินเฟยไม่ใช่คนดี เธอจึงได้แอบไปในอำเภอและเช่าห้องเล็ก ๆ ภายในเมืองและหางานแถวนั้นทำ แต่เพราะการศึกษาไม่สูงทำให้เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำในโรงงานเท่านั้น เธอตัดเย็บผ้าในโรงงานและแอบดูลูกสาวเป็นประจำอยู่หลายปี ทว่าภายหลังจึงได้รู้ว่าลูกสาวของหล่อนไม่ได้สุขสบายอย่างที่เห็นภายนอก ยิ่งพวกเขามีลูกเป็นของตัวเองหลายคน กู้หย่าหลิงยิ่งเหมือนเป็นส่วนเกินในครอบครัว เธอถูกทุกคนในบ้านรังแกทุกวัน จ้าวหลินอีพยายามช่วยเหลือลูกสาวทุกทาง แต่เพราะหล่อนถูกเลี้ยงดูมาในเมืองทำให้เป็นคนเย่อหยิ่งและนิสัยก้าวร้าว หล่อนไม่พอใจที่มีแม่เป็นแค่แรงงานชั้นต่ำอย่างจ้าวหลินอี หล่อนคิดแค่ว่าทำไมไม่เกิดมาเป็นลูกของตู่จื่อหย่า นั่นทำให้หล่อนโกรธแค้นโชคชะตาอีกทั้งถูกครอบครัวรังแกอยู่ทุกวัน ทำให้สุดท้ายก็ทนไม่ไหวและฆ่าตัวตายในที่สุด จ้าวหลินอีเสียใจมากที่ลูกสาวคนเดียวตายจากไป สิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้หายไป เธอจึงได้แต่เคียดแค้นอดีตสามี หากไม่พาลูกสาวเธอไปอยู่ด้วยกู้หย่าหลิงก็คงไม่พบจุดจบแบบนี้ แต่เพราะเธอเครียดมากอีกทั้งไม่ได้ดูแลตัวเองตั้งแต่ยังสาวก็เลยป่วยหนักจากการทำงานหนักมาหลายปี อีกทั้งตอนนี้ฐานะของกู้เหวินเฟยนั้นสูงมากจนคนไร้การศึกษาและเงินตราอย่างเธอไม่มีปัญญาไปแก้แค้นเขาได้ แค่ก ๆ ๆ“เดี๋ยวลูกไปเล่นที่หลังร้านก่อนนะ เดี๋ยวบ่ายๆ เรากลับบ้านกันจะได้ไปเตรียมอาหารเย็น”“ได้ค่ะ” เด็กหญิงตอบรับก่อนจะลากน้องชายไปด้วย ครั้งนี้เธอยอมเล่นฟันดาบกับเขา ทำให้ใบหน้าบูดบึ้งของน้องชายยิ้มออกมาได้ ยิ่งรู้ว่าตอนเย็นมีของชอบด้วยยิ่งทำให้สองฝาแฝดเล่นกันอย่างสนุกสนานจ้าวหลินอีรีบตัดเย็บชุดครอบครัวอย่างรวดเร็วเธอไม่ได้ให้ลูกจ้างคนอื่นช่วยเพราะอยากทำด้วยตนเอง ตอนนี้ร้านค้าทั้งสามสาขาของเธอกิจการดีมากและยังได้ผลกำไลเยอะขึ้นทุกปีและได้การตอบรับจากลูกค้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งได้ดาราดังมาช่วยเป็นนางแบบทำให้ร้านลี่หรงถังโด่งดังทั่วปักกิ่งเลยทีเดียว และเธอเคยส่งงานเข้าร่วมประกวดจนได้รางวัลการออกแบบดีเด่นมาประดับร้านอีกด้วยหลังจากตัดเย็บจนได้เวลาทำอาหารจ้าวหลินอีจึงได้เดินทางกลับบ้าน ส่วนวัตถุดิบเธอให้เด็กที่ร้านออกไปซื้อเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งเธอก็ได้มอบทิปน้ำใจให้เป็นการตอบแทนด้วย และการกระทำแบบนี้ทำให้ลูกจ้างที่ร้านลี่หรงถังต่างชอบนายจ้างแบบเธอมากและไม่มีใครลาออกจากงานสักคนเดียว งานดี เงินดีและยังมีเจ้านายที่แสนดีพวกหล่อนจึงกอดขาทองคำไ
ฉึก!!กู้เหวินเฟยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เขาก้มมองภรรยาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่กลับมองเห็นแววตาแห่งความบ้าคลั่งของตู่จื่อเฟยถึงกลับทำให้เขาตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เมื่อก้มมองตรงอกข้างซ้ายของตัวเองที่มีมีดปลายแหลมคมปักอยู่ ซึ่งเป็นมีดที่ตู่จื่อหย่าพกติดตัวตลอดตั้งแต่ถูกกู้เฉินฮุ่ยลวนลามเมื่อครั้งก่อน เธอเอาไว้ป้องกันตัวไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้ใช้มันกับคนที่เธอรักมากปึก!กรี๊ดดดด ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นลั่นบ้าน จากนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้นแต่น่าเสียดายที่ยุคสมัยนี้ยังไม่พัฒนาเรื่องการแพทย์และไม่มีรถส่วนตัวที่จะหามส่งโรงพยาบาลได้ทัน เวลาต่อมากู้เหวินเฟยจึงได้เสียชีวิตลง เรื่องนี้ทำให้ชาวบ้านที่มาพบเห็นเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนกหลังจากที่มีเหตุการณ์ฆ่ากันตายตู่จื่อหย่าไม่ได้หนีความผิด เธอเดินกลับเข้าห้องไปอย่างสงบและสุดท้ายก็จบชีวิตลูกน้อยด้วยน้ำตา ดวงตาที่มีแต่ความแค้นและความเกลียดชังมองไปยังบ้านกู้ก่อนจะจุดไฟเผาด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็จบชีวิตตัวเองตามไปด้วย เพราะรู้ดีว่าหากเธอไม่ตายก็ต้องติดคุ
แต่ชาตินี้เธอท้องกลับมีคนดูแลแทบจะไม่ได้เดินเองเลย ร้านค้าก็มีคนช่วยดูแลและนำเอกสารการเงินมาให้ดูถึงบ้าน และมาเล่ารายงานให้ฟังสองสามวันต่อครั้ง ความแตกต่างกันนี้ทำให้เธอรู้สึกอยากขอบคุณสวรรค์ที่ให้ย้อนเวลากลับมาเธอจะใช้ชีวิตนี้ให้คุ้มค่ากับการที่ได้มาเลยทีเดียวขณะที่จ้าวหลินอีถูกประคบประหงมราวกับไข่ในหิน ทางด้านตู่จื่อหย่าถูกคนบ้านตระกูลกู้จิกหัวใช้ราวกับทาส คลอดลูกออกมาก็เป็นลูกสาวยิ่งทำให้แม่สามีชิงชังมากกว่าเดิมทุกวันนี้ร่างกายเธอผอมแห้งดวงตามีแต่ความเครียดแค้นชิงชัง ไม่รู้ว่าทำไมชีวิตที่ดีของเธอต้องมาลงเอ่ยแบบนี้ พ่อที่เคยตามใจและหนุนหลังกลับติดคุก แม่ที่เคยตามใจเธอกลับหนีตามผู้ชายคนใหม่พี่ชายก็ไม่รู้หนีหายไปไหนสุดท้ายเธอจึงเหลือตัวคนเดียวทำให้คนบ้านกู้ต่างดูถูกต่าง ๆ นา ๆ อีกทั้งยังมีผู้ชายสารเลวอย่างกู้เฉินฮุ่ยที่คอยแอบเข้าหาและลวนลามเธอเวลาไม่มีคนอยู่ ทำให้เธอน้ำท่วมปากไม่สามารถป่าวตะโกนออกไปได้ส่วนสามีที่เธอคิดฝากฝังชีวิตกลับไม่ได้มาที่บ้านตั้งแต่รู้ว่าเธอคลอดลูกสาวแล้ว เมื่อก่อนเป็นเธอและครอบครัวที่ส่งเสียเ
ทว่าเวลาต่อมาจ้าวหลินอีจึงได้รู้ซึ้งแล้วว่า มาเก๊าเป็นสถานที่กินคนอย่างแท้จริง พวกคนงานถูกใช้งานยิ่งทาส ค่าครองชีพก็สูงเป็นอย่างมาก อีกทั้งผู้หญิงที่มาที่นี่ก็ถูกจับเข้าซ่องโสเภณีเสียส่วนใหญ่ หากไม่มีคนหนุนหลัง แม้กระทั่งคู่รักที่รักปานจะกลืนกินเมื่อมาที่มาเก๊าความรักก็จางหายมีแต่ความเห็นแก่ตัวให้เห็นเท่านั้น เพราะพวกเขาแม้กระทั่งขายผู้หญิงที่ตัวเองบอกว่ารักมากให้กับชายอื่นเพื่อเงินเพื่อมีชีวิตต่อไปสิ่งที่เห็นในมาเก๊าทำให้จ้าวหลินอีรู้สึกหดหู่เป็นอย่างมาก อยู่ปักกิ่งดีที่สุดแล้ว เมืองใหญ่ที่การแข่งขันสูงแต่ก็หาเงินได้คล่องและไม่ได้เบียดเบียนชีวิตใครแต่ถึงมาเก๊าจะมีสิ่งไม่ดีให้เห็นแต่ก็มีสิ่งสวยงามที่เย้ายวนให้ผู้คนเดินทางมามากมาย ที่นี่เหมือนไม่มีเวลากลางคืน มีแสงสว่างตลอดเวลาและมีความครึกครื่นเป็นอย่างมากโดยเฉพาะคาสิโนที่มีนักพนันมากมายมาเสี่ยงดวงที่นี่ บางคนเล่นหนักถึงกับเสียมือเสียเท้าไปเลยทีเดียวแต่นั่นเป็นความละโมบของพวกเขา จ้าวหลินอีเริ่มมองผู้คนด้วยความสงบนิ่งมากขึ้นไม่ได้มีแววตาตื่นตระหนกเหมือนวันแรกที่มาเยือน อีกทั้งข้างกายมีสามีอย่างเย่คุนข่
หลังจากแต่งงานได้สามวัน จ้าวหลินอีจึงได้กลับปักกิ่งอีกครั้งเพราะเธอยังเป็นห่วงร้านลี่หรงถัง และยังมีงานแต่งงานเมืองหลวงอีกรอบ พ่อกับแม่ของสามีอยากประกาศให้คนที่นี่รู้ว่าเธอเป็นลูกสะใภ้ ซึ่งได้จองโรงแรมไว้อย่างยิ่งใหญ่ คนที่มาร่วมงานก็เป็นเหล่าทหารในค่ายทหารและเหล่าแม่บ้านเพื่อให้จ้าวหลินอีได้รู้จักภรรยาของทหารกล้าทั้งหลายด้วยซึ่งการกระทำแบบนี้ค่อนข้างสิ้นเปลือง แต่จ้าวหลินอีกลับรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเพราะนั่นเป็นการให้เกียรติเธอ อีกทั้งตอนนี้เธอไม่ใช่แค่เด็กบ้านนอกทีไร้การศึกษาและยากจนอีกต่อไป แม้ฐานะเธอจะสู้ข้าราชการไม่ได้แต่เธอก็ภูมิใจในงานของตัวเองเป็นอย่างมากงานแต่งงานที่ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ แม้จะมีคนมาก่อความวุ่นวายเพราะความไม่พอใจอยู่บ้าง แต่ก็ผ่านมาได้อย่างดี ซึ่งคนที่ก่อกวนไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นครอบครัวตระกูลจินที่อ้างว่ามีสัญญาหมั้นหมายไว้เมื่อครั้งก่อนที่จ้าวหลินได้เจอ แต่สุดท้ายลูกสาวของพวกเขากลับตั้งครรภ์โดยไม่มีพ่อ พวกเขาจึงอยากให้เย่คุนข่ายรับเป็นพ่อของเด็กในท้องจึงได้วางแผนเรื่องนี้ขึ้นมา“ยินดีด้วยนะคะลูกสะใภ้สวยมากเลยค่
เย่คุนข่ายได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มออกมาเบา ๆ ก่อนจะเข้าไปสวมกอดเจ้าสาวของเขาอย่างเบามือ เมื่อนัยน์ตาสบประสาน ทั้งสองก็เคลื่อนใบหน้าเข้าหากันอย่างเนิบช้า ริมฝีปากสัมผัสแผ่วเบาเข้าที่อวัยวะเดียวกัน จากความอ่อนโยนจนอุ่นซ่านไปทั้งใจ ก็เริ่มขบเม้มไล้เลียเข้าหากันไปมาอย่างเร่าร้อนชุดที่สวมใส่ถูกถอดออกอย่างไม่รู้ตัว เพราะความสนใจทั้งหมดจดจ่ออยู่ที่รสจูบร้อนแรง ลิ้นชื้นสอดแทรกสำรวจไปตามโพรงปากอย่างหิวโหย เสียงแลกเปลี่ยนน้ำลายดังขึ้นอย่างลามก ในตอนที่ใบหน้าหล่อเหลาผละออกก็มีน้ำใสสีเงินเชื่อมที่มุมปาก เป็นภาพที่ชวนให้ทั้งสองใบหน้าขึ้นสีระเรื่อได้อย่างง่ายดายพร้อมกับหัวใจที่เต้นถี่รัวกว่าทุกทีเขาดันภรรยาให้นอนราบลงบนเตียง ตามด้วยคร่อมกายหนาลงไปอย่างไม่รีรอ ใบหน้าหล่อเหลาซุกไซ้ไปตามลำคอระหง กลิ่นหอมเฉพาะตัวทำเอาเขาอดใจไม่ไหวไล้จมูกสูดดมจนเสียงดังฟอด กระตุ้นให้จ้าวหลินอีหายใจติดขัดด้วยความรู้สึกวาบหวาม ก่อนจะสะดุ้งเกร็งเมื่อถูกปลายลิ้นลากผ่านสัมผัสเข้าที่ปลายยอดถัน สัมผัสแผ่วเบาทว่าสั่นสะท้านไปทั้งกาย เส้นความอดทนขาดผึงลงอย่างง่ายดายร่างหนาลุกยืนเต็มความสูงก่อนจะปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตนทิ้งไปอย่างไม่
“ได้ยังไง ของบริจาคก็ต้องมาแจกให้หมดสิ จะมากลับคำได้ยังไง” เจิ้งฮวาเท้าสะเอวตอบโต้อย่างไม่พอใจ บรรดาลูกๆ และลูกสะใภ้ต่างก็ดึงหมวกมาปิดหน้าเอาไว้ด้วยความอับอาย “ของพวกเราอยากจะแจกใครก็ได้ครับ” เย่คุนข่ายที่เห็นว่าหล่อนสร้างปัญหาไม่เลิกก็พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ ดวงตาคมกริบกวาดสายตามองไปยังชาวบ้านรอบๆ ซึ่งทำให้พวกหล่อนหดคอด้วยความกลัว จากนั้นก็มีคนลากเจิ้งฮวาออกไปเพราะกลัวว่าคุณนายจะโมโหจนเลิกแจกสิ่งของ “พวกแกทำอย่างนี้ไม่ได้นะ ทำมันจะไปเอาไม่ได้ของเยอะขนาดนั้นจะหวงทำไม!” เสียงกรีดร้องโวยวายของเจิ้งฮวาไม่มีใครสนใจอีก เมื่อนำตัวปัญหาสร้างเรื่องออกไปการแจกของจึงกลับมาสงบอีกครั้ง คนที่ได้รับก็ยิ้มด้วยความดีใจ เพราะสิ่งของเป็นถุงใหญ่ซึ่งพวกเขาได้ทั้ง ผ้าห่ม เสื้อผ้า ข้าวสารอาหารแห้งและยังมีน้ำมันที่หายากด้วย ซึ่งทุกคนที่ได้รับก็ยิ้มอย่างมีความสุขเพราะของเหล่านี้มีค่าพวกเขายากจนจึงไม่ได้ซื้อบ่อยนัก อย่างเช่นผ้าผืนใหญ่ที่สามารถนำมาตัดชุดได้อีกหลายตัว การแจกสิ่งของจบลงตอนเย็น ซึ่งสร้างความยินดีให้กับผู้รับ ทุกคนต่างยิ้มอย่างมีความสุขและยังพูดคุยเรื่องนี้กันอย่างครึกครื้น ทุกคนต่างพูดชื่นชมจ้าว
“นั่นสิไปกันเถอะ” ก่อนจะเดินไปพวกเขาต่างมองบ้านตระกูลกู้ด้วยสายตาดูแคลน คนตระกูลกู้ไม่มีใครดีสักคนไม่รู้ว่าทำตู่จื่อหย่าถึงได้ตาบอดมาชอบผู้ชายแมงดาอย่างกู้เหวินเฟยไปได้ เจิ้งฮวามองตามกลุ่มคนไปอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันกลับไปลากสะใภ้ที่บ้านไปรับของแจกด้วย หล่อนก็เป็นคนในหมู่บ้านย่อมต้องมีสิทธิ์รับของแจกได้เหมือนกัน “แม่ ฉันไม่ไป!” ตู่จื่อหย่าร้องเสียงหลง เธอพึ่งแต่งงานมาเป็นสะใภ้เต็มตัว แต่กลับถูกใช้งานเยี่ยงทาส อีกอย่างทำไมคนอย่างเธอต้องไปรับของเหลือเดนจากจ้าวหลินอีด้วย! “ไม่ไปไม่ได้ หล่อนก็มีสิทธิ์ได้ของเหมือนกัน สะใภ้ใหญ่หล่อนก็ไปเอาถุงใบใหญ่ไปด้วยเราจะไปกันทั้งบ้านนี่แหละ” เจิ้งฮวาจัดแจงอย่างไม่สนใจใคร บ้านนี้หล่อนเป็นใหญ่ทุกคนต้องเชื่อฟังหล่อนคนเดียวเท่านั้น “แม่ฉันอายคนอื่นทำไมบ้านเราต้องไปเอาของบริจาคเหมือนขอทานด้วย” กู้จินเย่พูดขึ้นอย่างไม่ใจ หล่อนดูถูกเหยียดหยามจ้าวหลินอีมาโดยตลอด ทำไมต้องไปของบริจาคจากคนที่หล่อนด้อยค่าแบบนั้นด้วย “ไม่ได้ ของในเมืองหลวงมีแต่ดีๆ ทั้งนั้นเราจะเสียโอกาสไม่ได้” เจิ้งฮวาไม่เห็นด้วยกับคำพูดของลูกสาวก่อนจะลากทุกคนในบ้านไปรับของบริจาคด้วยก
“มันเยอะเกินไป พวกเรารับไม่ได้หรอกพวกเราไม่ได้ขายลูกกินแค่อยากให้เธอแต่งงานกับคนที่รักและดูแลเธออย่างดีก็พอแล้ว”“มากมายอะไรกัน อย่าไปคิดมากสิค่ะคุณน้อง ตอนนี้คุนข่ายได้เลื่อนขั้นเป็นนายพลแล้วอีกอย่างฉันเองก็รักหลินอีเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง ต้องจัดงานแต่งงานให้เธออย่างสมเกียรติค่ะ”“ใช่ครับ อย่าทำให้พวกเราเสียความตั้งใจเลยครับ” ท่านนายพลเย่เต๋อหมิงที่พูดไม่ค่อยเก่งยังต้องพูดรองรับเหตุผลเพิ่มอีกหนึ่งคน เมื่อเห็นสองคนผัวเมียเต็มใจยกสินสอดมากมายให้ลูกสาวแบบนี้อินเยว่เจียถึงกลับน้ำตาซึมด้วยซึ้งใจ เพราะนั่นหมายถึงลูกสาวแต่งงานออกไปจะไม่มีวันที่จะถูกรังแกจากพ่อแม่สามีอย่างครอบครัวอื่นแน่นอน“คุณพ่อกับคุณแม่รับไว้เถอะครับ ผมสัญญาว่าจะรักและดูแลจ้าวหลินอีคนเดียวตลอดไปครับ” เย่คุนข่ายออกปากยืนยันความตั้งใจด้วยความหนักแน่นมั่นคง ดวงตาคู่คมมองคนรักที่ใบหน้าแดงระเรื่ออย่างเขินอายอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาลึกซึ้ง“ถ้าอย่างนั้นก็ตกลง เดี๋ยวพวกเราค่อยมาปรึกษาฤกษ์แต่งงานกันอีกที” พ่อจ้าวที่นั่งฟังมานานออกปากพูดขึ้น“ฉันได้นำชื่อของทั้งคู่ไปดูฤกษ์ยามแล้ว ซึ่งก็อีกสองเดือนข้างหน้า หากพวกคุณไม่รังเกียจสามารถใช้ฤก
Comments