จากโลกปัจจุบัน สู่ตำหนักเย็นแห่งต้าเหยียน เธอทะลุมิติ มาเป็นพระชายาที่ถูกทอดทิ้ง เป็นเวลาเกือบสามปี ในตำหนักที่เงียบเหงา และ เธอกลายมาเป็นพระชายาที่ลำบากที่สุด แต่ว่า... เธอมีระบบปลูกผักติดตามมาด้วย สามารถเข้าไปปลูกผักในระบบ และ มีร้านค้าข้างใน ราวกับมีร้านสะดวกซื้อส่วนตัว แต่ใช้คะแนนจากระบ เธอก็ไม่ง้อใคร แต่ก่อนอื่นต้องออกไปจากตำหนักเย็นเสียก่อน “ตำหนักเย็นหรือ ไม่ใช่ปัญหาเสียหน่อย คนอย่างข้าไม่ง้อใคร”
view more“กลับก่อนนะ ฉันรีบมาก ๆ คงไปดื่มกับพวกเธอไม่ได้แล้ว” หญิงสาวสัย 23 กล่าวลาเพื่อนนักศึกษารุ่นเดียวกัน พร้อมกับวิ่งหน้าตั้งออกไป
“จะรีบไปไหนเนี่ย เสี่ยวหลง” เพื่อนสนิทร้องตาม แต่ไม่ทัน
“อย่าคิดจะหยุดเธอเลย เพราะวันนี้ซีรีส์ที่เธอรอคอยกำลังจะออกอากาศ แต่เธอคงไม่ลืมทำรายงานหรอกนะ”
“ใช่แล้ว อาจารย์คนนี้ไม่ส่งงานเท่ากับตายอย่างเดียว”
ในที่สุดซีรีส์ที่รอคอยก็มาถึง แปดตอนรวดดูกันให้ตาเยิ้มยันสว่าง เธอเฝ้ารอเรื่องนี้มานานตั้งแต่ปล่อยตัวอย่างออกมา และวันนี้เธอจะได้ดูให้จุใจกันไปเลย
ตัดมาที่จางเสี่ยวหลง ขึ้นรถแท็กซี่มาที่คอนโดของตน เธอไม่ได้อาศัยในหอพักนักศึกษาเหมือนคนอื่นเพราะว่า ครอบครัวของเธอค่อนข้างรวย หรือเรียกมหาเศรษฐีก็ได้ เพราะแบบนี้ งานอดิเรกของเธอหลังเลิกเรียนก็คือดูซีรีส์
เธอมาถึงคอนโดย่านหรูแห่งหนึ่ง ราคาเกือบสิบล้านยวน ที่เธอขอให้พ่อแม่ซื้อให้เพราะอยากใช้ชีวิตส่วนตัวห่าง ๆ พอกับแม่บ้าง แค่อยากใช้ชีวิตแบบคนปกติดูบ้าง
พอมาถึงเธอก็กุมขมับเมื่อนึกถึงรายงานของอาจารย์ขาโหด เพราะถ้าเธอไม่ส่งรายงานพรุ่งนี้เธอตายแน่
“ต้องทำรายงานก่อนแล้วสิ จริง ๆ เลย ทำไมต้องให้ทำรายงานตอนนี้ด้วยนะ” ใบหน้าสวยตัดพ้อกับโชคชะตาชีวิต ด้วยความเบื่อหน่าย
ก่อนที่เธอจะหยิบโน๊ตบุ๊คขึ้นมาทำรายงาน พอแต่นั่งลงเท่านั้นแหละเธอก็รู้สึกปวดหัวแปลก ๆ จึงเดินไปหยิบน้ำมาดื่มก็พอจะรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
“เป็นเพราะดูหนังมากเกินไปหรือเปล่า ช่างเถอะรีบ ๆ ทำจะได้เสร็จไว ๆ แล้วไปดูซีรีส์ของเทพบุตรสุดหล่อแสดงดีกว่า” บนกับตัวเอง
หญิงสาวตั้งใจทำงานตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนเกือบเที่ยงคืนก็เสร็จ บทรายงานถูกเขียนขึ้นด้วยความสามารถยอดเยี่ยม ของนักศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์ที่ได้เกรดเอ มาเกือบสองปี ใบหน้าสวยยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม พอแต่ร่างกายสัมผัสกับความสบายเธอก็แทบจะหลับไปแล้ว เนื่องจากหักโหมมาหลายคืน ไม่ใช่ตั้งใจเรียนแต่เพราะติดซีรีส์เรื่องอื่นอยู่ จะไม่ดูก็ไม่ได้เพราะดองไว้หลายเรื่องแล้ว กลัวเทพบุตรเหล่านั้นจะเหงา
ตอนนี้ใกล้จะสว่างแล้ว.... ยังสนุกอยู่เลยขอดูอีกตอนนะ
จางเสี่ยวหลงยังคงตาแข็งไม่ยอมหลับ วันนี้เธอจะพลาดโอกาสทองไม่ได้ เดี๋ยวพรุ่งนี้โดยคนอื่นสปอยให้ฟัง มือเรียวหยิบมือถือเปิดซีรีส์ที่รอคอยด้วยสีหน้าดีใจ แนวย้อนยุคที่เธอชอบ
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกปวดหัวมากว่าเดิม อาการแบบนี้เป็นบ่อย ๆ จนเธอไม่สนใจเพราะเดี๋ยวก็หาย ทว่าครั้งนี้เธอรู้สึกว่ามันไม่หายไปเลย ยิ่งปวดกว่าเดิม ทำให้สายตาของเธอเบลอไปหมด ใบหน้าหล่อเหลาของพระเอกในหน้าจอค่อย ๆ หายไป
“ไม่นะ เกิดอะไรขึ้นกับฉัน” หญิงสาวตื่นตระหนกพยายามจะลุกขึ้นจากเตียง แต่ก็ไร้ผลเพราะทุกอย่างค่อยมืดมนไปทีละน้อย จนที่สุดก็ไม่รู้สึกอะไร มีแต่ความมืดมิดตรงหน้า...
อาณาจักรต้าเหยียน วังหลวงของอาณาจักร เมื่อมองเข้าไปในกำแพงสูงของวังหลวง จะพบแต่ความสวยงามของสถาปัตยกรรมยุคเก่า ความยิ่งใหญ่อลังการขององค์จักรพรรดิแห่งต้าเหยียน ผู้ที่รวบรวมอำนาจเอาไว้ในกำมือ
ภายในหกแคว้นใหญ่ย่อมตกอยู่ในการปกครองของต้าเหยียน วังหลวงแห่งนี้ได้แสดงถึงความรุ่งเรือง และอำนาจอย่างชัดเจน แต่ทว่า มันแตกต่างจากตำหนักเย็นแห่งนี้ ที่มีแต่ตราบาปคอยย้ำเตือนคนที่อยู่ข้างในว่า ผู้ที่ต่อต้านสมควรได้รับโทษอย่างไร
ในห้องเก่า ๆ ของตำหนักเย็น ท่ามกลางลมหนาวในค่ำคืน ร่างบางในชุดผ้าไหมนอนสิ้นหวังอยู่บนเตียง พร้อมกับสาวใช้ที่ค่อยดูแลอย่างร้อนรน หลานเสวี่ยสตรีที่ได้แต่งเข้าจวนองค์ชาย แต่ตอนนี้นางต้องโดดเดี่ยวในตำหนักเย็นที่ทรุดโทรมเช่นนี้
“คุณหนู อดทนเอาไว้ก่อนเจ้าคะ ตอนนี้เสี่ยวเหมย กำลังไปขอยาจากหมอหลวง ท่านอย่าพึ่งเป็นอะไรไปนะ”
บ่าวรับใช้คนสนิทของหลานเสวี่ยนามว่า หยาง พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ มือสองข้างยังคงเช็ดตัวให้ผู้เป็นนายอย่างไม่ลดละ นี้ก็เกือบสี่วันแล้วที่เจ้านายของเธอไม่สบาย แต่หมอสักคนยังไม่มาดูดำดูดีเลย
“หยางหยาง อย่าร้อนใจไปเลย ข้าคงจะอยู่ต่อไม่ไหวแล้ว พวกเจ้าก็จะได้ออกจากที่นี่เสียทีอย่าเสียใจเลย”
หญิงสาวใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากแห้งแตก แต่ก็ยังดูดีเพราะเธอสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อก่อนเธอเป็นถึงสาวงามล้มเมือง เป็นบุตรีของเสนาบดี ไม่คาดคิดว่าชีวิตต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ดวงตาคู่งามย้อนนึกถึงยามที่ตนยังอยู่ตระกูลหลาน นางใช้ชีวิตสุขสบาย ถูกพ่อแม่ตามใจทุกอย่าง แต่บัดนี้ชีวิตของนางใกล้จะจบลงแล้ว แม้แต่จะกินข้าวให้อิ่มท้องครั้งสุดท้ายยังทำไม่ได้
หลานเสวี่ยเป็นพระชายาแค่ในนาม เพราะตระกูลของนางถูกตามล่าข้อหาก่อกบฏ จนต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ทางใต้ สุดท้ายก็กลายเป็นที่ระบายอารมณ์ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน หลงเยี่ยน
นางถูกแต่งตั้งให้เป็นพระชายาแทนพี่สาว ได้เพียงหนึ่งเดือน ก็ได้ข่าวว่าตระกูลของนางก่อกบฏ ฮ่องเต้ชั่วช้านั้นก็ขับไล่นางให้ไปอยู่ตำหนักเย็นที่เงียบเหงา ใช้ชีวิตลำบากจนเกือบสามปี และสุดท้ายก็จับไข้ป่วยหนักจนรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำไมท่านไม่มาช่วยลูกสาวคนนี้บ้าง ข้าทรมานเหลือเกิน” สิ้นคำพูดนั้น ลมหายใจของนางก็ดับมอด ร่างกายไร้การเคลื่อนไหวใด ๆ มีแต่ความเยือกเย็นแผ่ออกมา ความอบอุ่นของร่างกายหายไปทีละน้อย
“คุณหนู ไม่นะ ท่านอย่าจากบ่าวไป” บ่าวรับใช้ร้องไห้อย่างกับคนขาดสติ นางตัวสั่นเพราะรู้สึกเสียใจ และสงสารคุณหนูของตนจับใจ
“คุณหนู รอนายท่านมารับก่อนเจ้าคะ ท่านสัญญากับพวกเราเอาไว้แล้วนะ อย่าทำแบบนี้เลย”
เสียงร้องไห้ของเธอทำให้ บ่าวรับใช้ที่ไปรับยาอีกคน ใจสั่นระรัวนางรีบวิ่งเข้ามาในตำหนักที่มืดมิดมีเพียงแสงตะเกียงอันเล็กให้แสงสว่าง ร่างกายที่เคยเหน็บหนาวมาตลอดตอนนี้ไม่รู้สึกอันใด นางรีบเข้าไปดูคุณหนูของนาง ใบหน้าสวยของเจ้านายบัดนี้กลายเป็นนอนแน่นิ่ง ร้อยยิ้มสวยของนางที่เคยมี จางหายไปเช่นกัน
“คุณหนู เสี่ยวเหมยกลับมาแล้ว ท่านแข็งใจไว้ก่อนนะเจ้าคะ บ่าวเอายามาให้ท่านแล้ว ฮึก ๆ”
ตอนนี้เหมยเหมย อายุน้อยกว่าหยางหยางเกือบสามปี นางถูกหลานเสวี่ย ดูแลมาตลอด ทำให้ชีวิตดีกว่าบ่าวรับใช้คนอื่น นางรักและห่วงใยคุณหนูของนางมากว่าชีวิตเสียอีก พอเห็นแบบนี้นางจึงไม่อาจยอมรับเรื่องแบบนี้ได้
มือหนารีบตักน้ำแกงยาสมุนไพรป้อนให้ผู้เป็นเจ้านาย ราวกับว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่จะตักเท่าไหร่ก็ไม่มีท่าทีว่าเรือนร่างบางจะขยับตัวเลยสักนิด
“คุณหนูของบ่าว ทำไมท่านถึงจากไปแบบนี้ ฮึก ฮืออ”
สองบ่าวผู้จงรักภักดีสวมกอดผู้เป็นนายบนเตียงไม่ยอมห่าง ต่อจากนี้ทั้งสองจะดูแลรับใช้ใครได้อีก คุณหนูผู้แสนดีของพวกเธอ ทำไมต้องจากไปไวแบบนี้ สวรรค์ท่านทำอะไรแบบนี้ ไม่ทันไรพวกนางก็ต้องหยุดชะงัก
“ขอน้ำหน่อยค่ะ ฉันหิวน้ำมาก ๆ หายใจไม่ออก แค่ก ๆ”
เสียงแหบพร่าของร่างบางที่พวกนางคุ้นเคยจู่ ๆ ก็ดังขึ้น น้ำเสียงแบบนี้พวกเธอไม่ได้ฝันไปใช่ไหม ทั้งสองคนขยับตัวออกนิดหน่อยแล้วมองดูคุณหนูของตนที่ลืมตาตื่นมาจากความตาย เสียงร้องไห้ทั้งหมดเหลือเพียงความเงียบ เมื่อเห็นใบหน้าของเจ้านาย
“คุณหนู ในที่สุดท่านก็กลับมา ฮึก ฮือ” ทั้งสองคนเขาไปสวมกอดร่างแบบบางเอาไว้แน่น พวกนางดีใจเหลือเกิน
“นี่ พวกเธอทำอะไร ช่วยออกไปจากตัวฉันก่อนได้ไหม ฉันหายใจไม่ออก” จางเสี่ยวหลงรู้สึกเหมือนขาดน้ำมาก ๆ และหายใจก็ไม่ออกเพราะพวกผู้หญิงสองคนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เธอจำได้ว่าปวดหัวแล้วนอนหลับไป แต่ทำไมถึงมาโผล่อยู่ที่นี่ เธอมองดูรอบ ๆ สภาพแบบนี้จะเรียกโรงพยาบาลได้ไหมเนี่ย
“โอ๊ะ เกือบลืม ดื่มน้ำแกงยาสมุนไพรก่อนสิเจ้าคะ เพราะยานี้คุณหนูถึงรอดกลับมาได้” เหมยเหมย กล่าวขึ้นพร้อมตักน้ำแกงป้อนให้คนป่วยที่นอนบนเตียง
จางเสี่ยวหลงไม่รีรอเพราะเธอกระหายน้ำเอามาก ๆ และรู้สึกปวดเมื่อยตามร่างกาย จนไม่สามารถขยับตัวได้เลย พอได้ซดน้ำแกงเข้าไปกลับรู้สึกว่า เรี่ยวแรงกลับมาเป็นปกติรู้สึกถึงความสดชื่นจากน้ำซุป เธอคิดว่าที่นี่คงเป็นโรงพยาบาลที่ช่วยรักษาแบบแผนโบราณสินะ ยาของที่นที่นี่ดีจริง ๆ
“ว่าแต่ ยานี้เธอเอามาจากไหนเหรอ อร่อยจังเลย แถมยังให้ความรู้สึกสดชื่นอีกด้วย ตอนนี้หายเป็นปลิดทิ้งแล้ว”
ทั้งสองคนไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อแล้วแหละ เพราะคุณหนูของพวกเธอลุกขึ้นมาซดน้ำแกงจนหมดเกลี้ยง แต่ที่แปลกคือกิริยาท่าทางที่แตกต่างของคุณหนูพวกเธอ
“นั้นสิ ไม่ใช่เจ้าไปเอายาที่สำนักหมอหลวงหรอกหรือ ทำไม่ได้น้ำแกงสมุนไพรมาได้ละ” หยางหยาง อดสงสัยไม่ได้ เลยถามบ่าวรุ่นน้อง
“พอดีสำนักหมอหลวงไม่ยอมให้ยา... แต่ระหว่างทางกลับก็มีขันทีคนหนึ่งให้น้ำแกงนี้กับข้าเจ้าค่ะ ด้วยความที่ไม่มีทางเลือกจึงรับมา แต่ก็โชคดีที่ช่วยคุณหนูกลับมาได้”
ทั้งสองคนปาดน้ำตาที่เปรอะเปื้อนด้วยความดีใจ แต่ทว่าจางเสี่ยวหลงก็ไม่เข้าใจพวกเธอเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าที่นี่เขาบริการลูกค้าแบบนี้ เป็นคุณพ่อของเธอหรือเปล่า ที่เล่นพิเรน
“พอเถอะ อย่าพูดแบบนี้อีกเลย เธอเห็นมือถือของฉันหรือเปล่า ช่วยเอามาให้หน่อยฉันจะดูซีรีส์ต่อ”
“คุณหนูหมายถึงอะไรเหรอ เจ้าเข้าใจหรือเปล่าเหมยเหมย ทำไมข้าถึงไม่เข้าใจ”
“นั้นสิ คุณหนูท่านเป็นอะไรหรือเปล่า หรือว่าไข้ยังไม่หายดีอีก” มีเล็กแตะหน้าผากของจางเสี่ยวหลงเบา ๆ
“พวกเธออย่าเล่นแบบนี้สิ รีบเอามาให้ฉันเถอะ” ยิ้มแห้งให้ทั้งสอง
จางเสี่ยวหลงมองหน้าพวกเธอสองคนสลับกันไปมา แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไร
“คุณหนู ท่าน... ฮึก เป็นหนักขนาดนี้เลยเหรอ”
ทั้งสองคนนั่งร้องไห้น้ำตาอาบหน้า ทำเอาจางเสี่ยวหลงงุนงงเอามาก ๆ พวกเธอเป็นอะไรกันเนี่ย ทว่าเธอรู้สึกเหมือนร่างกายตัวเองเปลี่ยนไป ผิวพรรณผุดผ่อง ขาวใสอ่อนเยาว์ราวกับพึ่งอายุสิบเจ็ดสิบแปด หุ่นเพรียวบางร่างสมส่วน และความใหญ่โตของหน้าอกนี้ ไม่ใช่ของเธอแน่ ๆ
“ไม่นะ ขอกระจกให้ฉันหน่อย” พูดเสียงแผ่วเบา ขออย่าให้เป็นอย่างที่เธอคิดได้ก็พอ
เมื่อเธอรับกระจกทองแดงใบเล็กขึ้นมาส่องแม้จะไม่ชัดมาก แต่ก็พอให้ตัดสินว่านั่นไม่ใช่ใบหน้าของเธอแน่ ๆ ขาเรียวไม่รีรอเดินออกไปข้างนอกเพื่อมองดูวิวของเมือง แต่ทว่าทุกอย่างมืดไปหมด เห็นดวงดาวสวยงามบนท้องฟ้า ไม่มีตึกสูงคอยบดบังเช่นเดิม
“หมายความว่าไง ทำไมถึงเป็นแบบนี้” เธอไม่อยากเป็นแบบนี้เลย ชีวิตตอนนี้เธอก็ดีอยู่แล้วทำไมต้องมาเป็นแบบนี้ด้วย ลมหนาวพัดเข้าใส่อย่างแรงทำให้นางต้องถอยร่นเข้ามาในห้อง ที่นี่หนาวมากเหลือเกิน
“คุณหนู ท่านเป็นอะไรเจ้าคะ”
“ท่านอย่าทำให้บ่าวกลัวแบบนี้สิเจ้าคะ บ่าวจะรีบไปหาหมอเดี๋ยวนี้ หมอหลวงต้องรักษาท่านได้แน่”
บ่าวรับใช้กำลังจะเดินไปตามหมอ แต่ก็ถูกห้ามไว้ก่อน จางเสี่ยวหลงรู้สึกมีความหวังขึ้นมา เพราะได้ยินพวกเธอสองคนเรียกตัวเองว่าคุณหนู แสดงว่าเธอก็มีชีวิตที่สุขสบายแน่ อย่างน้อยก็ไม่ได้ลำบาก
“พวกเธอบอกฉันสิ ว่าฉันเป็นคนมียศตำแหน่งใช่ไหม เป็นคนใหญ่คนโตใช่ไหม แล้วฉันชื่ออะไร”
จากนั้นทั้งสามคนก็นั่งคุยกันสักพักตั้งแต่เริ่มแรก ตอนที่เด็กน้อยหลานเสวี่ย กำเนิดเกิดขึ้นมาบนโลกทำเอาจางเสี่ยวหลงยิ้มแก้มปริคิดว่าตัวเองจะสุขสบาย จนกระทั่ง ถึงตอนปัจจุบัน เธอแทบจะยืนไม่ได้
“หมายความว่า ฉันเป็นพระชายาที่ถูกทิ้งในตำหนักเย็น แถมยังไม่เคยเข้าหออีกด้วย โอ้ ชีวิตของฉันทำไมถึงยากลำบากเช่นนี้” หน้าหมองไปทันที
“อย่าเสียใจไปเลย เดี๋ยวนายท่านก็มารับตัวคุณหนูไปอยู่ด้วยเจ้าค่ะ” หยางหยาง พูดขึ้น
ไม่มีทาง จางเสี่ยวหลงฟังเรื่องราวทุกอย่างก็กระจ่าง เธอเข้าใจแล้วว่าลูกคนนี้ถูกทอดทิ้งอย่างถาวร เฮ้อ ชีวิตสุขสบายของจางเสี่ยวหลง เตียงนุ่ม ๆ ซีรีส์สนุก ๆ ชีวิตสุขสบายของฉัน
(ยินดีด้วย ท่านได้ปลดล็อกระบบสำเร็จ)
“ห๊ะ ระบบเหรอ?” จางเสี่ยวหลงตกใจเมื่อมีเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น และมีหน้าต่างระบบอยู่ตรงหน้า ระบบเหรอช่วยฉันออกไปจากที่นี่ที่
หลานเสวี่ยเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน แต่นางยังคงเป็นกังวลเรื่องหลงเยี่ยน แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจ แต่ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ตลอดเวลาหลายวัน นางนอนพลิกไปพลิกมา เพราะเรื่องเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้คงกลับโลกเดิมไปแล้ว เพราะคะแนนเพียงพอ แต่นางยังคงรอให้เขากลับมาก่อน “หวังว่าเขาจะปลอดภัย” นางพึมพำก่อนหลับตาลงวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวจากสนามรบมาถึงเมืองหลวง โดยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ได้ยินว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ทำเอาหลานเสวี่ยใจคอไม่ดี รีบเตรียมน้ำวิเศษเอาไว้รอเขา ร่างเพรียวบางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน เดินไปมาหน้าจวนตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าได้รับชัยชนะนางก็มารอ แม้ทหารยามจะบอกว่าอีกสี่ห้าวันถึงจะมาถึงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งได้ ราวกับมีก้อนไฟที่สุมอยู่ในอกข้างซ้าย นางถึงขั้นนั่งรอตั้งแต่เช้ายันฟ้ามืด โดยหารู้ไม่ว่าหลงเยี่ยนมาถึงแล้ว แต่ใช้ประตูมิติไปที่ห้องหนังสือแทน พอรู้ว่านางรอเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ต่อให้ทำดี ข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เขาได้แต่มองนางอยู่ข้างในจวนราวกับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ความรู้สึก และความต้องการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้เ
เช้าตรู่ของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารดังสะท้อนไปทั่วจวน ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ท่าทีเร่งรีบของ แม่ทัพเฉินพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามา “กราบทูลท่านแม่ทัพ! ทัพศัตรูจากแคว้นกุ้ยโจว กับแคว้นหานโจวได้เคลื่อนพลประชิดชายแดนแล้วขอรับ!”หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านรายงานอยู่ เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมปลาบแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ก่อนจะออกคำสั่ง “จัดเตรียมกองกำลัง ข้าจะออกไปบัญชาการศึกด้วยตัวเอง”แม่ทัพเฉินคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลงเยี่ยนลุกขึ้นและเดินผ่านห้องโถง หลานเสวี่ยที่เพิ่งตื่นและได้ยินข่าวลือในจวน รีบตรงไปหาหลงเยี่ยน นางเอกก็แปลกใจอยู่หลายส่วน เพราะต้าเหยียนไม่ใช่เมื่อก่อนที่ขาดแคลนเสบียง แถมตอนนี้กำลังทหารน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนกุ้ยโจว กับ หานโจ คิดทำอันใดอยู่ถึงกล้าทำเช่นนี้ นางเดินมาส่งหลงเยี่ยนอย่างจำใจ ถ้าหากเขาออกไปแล้วนางก็จะไม่ขออยู่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินว่าศัตรูมาประชิดชายแดน ท่านจะไปออกศึกหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลานเสวี่ยเจือความกังวล แม้จะพยายามปกปิดความดีใจของตน“เจ้าคงดีใจ และสาปแช่งให้ข้ามีอันเป็นไปกระมัง ถึงยิ้มออกน
หลานเสวี่ยถูกกักบริเวณไว้ในจวนของแม่ทัพ นางไม่สามารถออกไปได้เพราะมีทหารเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคะแนนความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่แปลกคือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับว่านางเปิดร้านเป็นร้อยสาขาไม่นานก็ตกเย็นยังไม่เห็นเงาของหลงเยี่ยนเลย แต่ก็ดีนางคิดในใจ ก่อนจะเดินไปมาในจวน แล้วนึกขึ้นได้เมื่อเห็นทหารยาม“ข้าถามอะไรได้หรือไม่” นางเดินมาถามทหารยาม เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเสวี่ย ทหารยามก็ทำความเคารพอย่างเคร่งครัด สงสัยคงไม่ได้รู้เรื่องของนาง นับว่าฮ่องเต้บ้าอำนาจยังเป็นคนดีอยู่บ้าง“มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” ทหารยามก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“แค่อยากถามเท่านั้นเอง แล้วท่านแม่ทัพหายไปไหนหรือ มืดค่ำเช่นนี้ยังไม่กลับมาอีก” สงสัยคงไม่อยากเจอหน้านางหรือ“ท่านแม่ทัพออกไปแจกเสบียงขอรับ” “เสบียงอะไรหรือ” “แม่นางคงยังไม่รู้ ท่านแม่ทัพเอาเงินส่วนตัวมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้กองทัพ เห็นที่ร้านสะดวกซื้อของท่านสินค้าคงไม่เหลือแล้ว” ทหารยามพูดไปยิ้มไป หลานเสวี่ยจึงพอเข้าใจ ที่แท้เป็นเขาเองหรือที่อยากให้นางกลับโลกเดิมเร็ว ๆ จนใช้วิธีนี้ ชิงชังกันขนาดนั้นเชียวหรือ นางกัดฟันแน่นคิดแล
ร่างเพรียวถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้ ไม่ยอมให้ริมฝีปากหวานหนีพ้น มือเล็กอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงหัวใจพลันเต้นโครมครามราวกับกลองศึก เลือกในกายสูบฉีด ไปต่างจากคนตัวโตที่ทุบกำแพงสูงใหญ่ข้ามความกลัวของตัวเอง เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนางไปอีกครั้ง ต่อให้นางยอมตรอมใจตายตามคนอื่น เขาก็จะชุบชีวิตนางขึ้นมา หลงเยี่ยนกอดรัดร่างแบบบางให้แนบชิดแผ่นอก ริมฝีปากหนักหน่วงดันลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน หลานเสวี่ยตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสลิ้นนุ่ม ทว่าทุกอย่างราวกับสายฟ้าแลบ เพียงชั่วอึดใจ นางก็ถูกหลงเยี่ยนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ ความหิวโหยหนักหน่วงไม่ลดละ เข้าไม่ปล่อยให้นางได้หลีกหนี ร่างสูงรวบตัวยาวขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน หลานเสวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่นางกลัวมากเมื่อรู้ว่าถูกพาเข้ามาในห้อง“ฝ่าบาทจะมำอันใดหรือเพคะ...” นางพูดเสียงสั่นเครือ เรียกด้วยสถานะจริงของเขา “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง” หลานเสวี่ยไม่อยากฉวยโอกาส ใช้ร่างกายของคนอื่น แม้ว่าหัวใจนางจะปลิวละล่องไปตามเขาแล้ว“วันนี้เรามาเข้าหอกันใหม่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เป็นของข้าทั้งตัวทั้งใจเถิด
หลงเยี่ยนกระชากแขนเรียวดึงเข้าหาตัว สายตาพลันจับจ้องดวงหน้าสวย ทั้งคู่มองตาไม่กะพริบ มือเรียวดันแผ่นอกเอาไว้ หลงเยี่ยนมองนางด้วยสายตาสับสน เหมือนความคิดของเขาที่ไม่ตรงกัน ยิ่งหลานเสวี่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกความจริง หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา ใบหน้าคมสวยไม่กล้าสบตาคู่นั้น หันไปมองโคมไฟข้างฝาแทน แต่มือหนาประคองแก้มนวลให้หันมาสบตาเช่นเดิม“เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงขนาดนี้เจ้ายังมองข้าเป็นคนอื่นหรือไร บอกความจริงเถิด” หลงเยี่ยนคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าแสดงออกถึงความสับสนและร้อนรุ่มในใจ แต่จะให้หลานเสวี่ยทำอย่างไร หากบอกไปชีวิตนางจะยังเหลือให้กลับบ้านอีกหรือ นางกลัวจนหัวใจเต้นระรัว ร่างกายแบบบางสั่นเทา “ข้าน้อยบอกไม่ได้...ข้าน้อยไม่มีทางคิดเป็นอื่น” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาคู่งามยามจ้องมองฉายแววเศร้าหมอง คิ้วสวยหักลงยามที่นึกถึงชะตากรรมตัวเอง เขารักหลานเสวี่ยมากเท่าใดไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ หากทุกอย่างเปิดเผยถึงคราวนั้นชีวิตจางเสี่ยวหลงจะเป็นยังไง “เหตุใดถึงปากแข็งนัก แค่เจ้าพูดมาข้าก็ช่วยเจ้าได้ หรือที่เจ้าไม่พูดเพราะเกี่ยวกับกวนเหยาหมิง” หลงเยี่ยนพูดพลางบีบมือเรียวสุด
หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ
ในสายตาของผู้ฝึกเซียนขั้นสี่ พวกนางจะทำอะไรได้ ส่วนคนคุ้มกันก็แค่พอถ่วงเวลา งานนี้ไม่ยากเย็นนัก มือสังหารเดินเข้ามาตรง ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้คุ้มกันไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปขวาง แต่หลานเสวี่ยห้ามเอาไว้ก่อน“ก็แค่มดปลวก ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไปก่อน” นางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และหนักแน่น แววตาคู่สวยแสดงออกถึงความจริงจัง ทำให้หยางกับเหมยถอยออกมา รวมถึงผู้คุ้มกันที่กำลังตัวสั่นเพราะความกลัว “ถ้าเช่นนั้นก็ฝากแม่นางด้วย” เขาโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม แม้จะมองไม่ออกว่าหลานเสวี่ยจะใช้อะไรเอาชนะผู้ฝึกเซียนระดับนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อนาง และขอให้นางสามารถจัดการได้ เขายังไม่อยากทิ้งครอบครัวให้ลำบาก“แค่มดปลวกหรือ ปากดีเสียจริงนะ คำพูดนี้เป็นข้าทีต้องพูดออกมา ลนหาที่ตายนัก ได้...ข้าจะส่งเสริมเจ้าให้ตายเร็วขึ้นเอง” “อย่าเอาแต่พูดเลย อยากเข้ามาก็มาได้ตลอด ข้ารอเจ้าอยู่ เจ้ามาสิ” หลานเสวี่ยยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ทำเอาผู้ฝึกเซียนถึงกับเหงื่อซึม เมื่อสัมผัสพลังบางอย่างจากตัวนาง เขาไม่มั่นใจนักว่ามันคือสิ่งใด แต่สัญชาตญาณของเขาบอกให้ถอย เมื่อยั
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะเรื่องต่าง ๆ มากมายให้จัดการ เร่งด่วนจนไม่มีเวลาพัก หลายวันนี้แม้แต่ระบบยังห้ามไม่ให้นางใช้น้ำวิเศษเพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าดี เหตุก็เพราะว่านางดื่มน้ำเกือบห้าสิบครั้ง แต่ละครั้งคือร่างกายนางเหนื่อยล้าเต็มที่ โดยเฉพาะยามกลางคืน ที่หลานเสวี่ยจะยังอยู่หอการค้า เพราะรออนุมัติ ไม่ก็รอตอบจดหมายเร่งด่วน ขอความเห็นจากสาขาอื่นที่ส่งออกไป เป็นเรื่องที่แม้ว่าคนอื่นจะรอได้ แต่นางไม่สามารถรอได้ร่างเพรียวบางนอนราบบนเตียงนุ่ม อ่อนล้าไปทั้งตัว ขอบตามีรอยดำคล้ำเล็กน้อย กับความรู้สึกปวดร้าวทั้งร่างกาย ใบหน้าของนางซีดเชียว และซูบผอมลง เพราะไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเกือบอาทิตย์ “ลูกแม่ ทำไมถึงทำงานหนักเช่นนี้ เงินทองใช่ว่าจะสำคัญทุกอย่าง ตอนนี้เราไม่ได้ขาดเงิน เจ้าจะรีบร้อนทำไมหรือ” ผู้เป็นแม่เข้ามาบีบนวดให้นางทุกวัน ทำให้หลานเสวี่ยรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ฝีมือของท่านแม่ดีจริง ๆ ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม นางได้แต่ยิ้มให้หลานฮูหยิน“ลูกไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ผอมลงนิดเดียว อีกอย่างไม่ได้แต่งงานกับบุตรชายเสนาบดี เท่านี้ก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดด้วยความร่าเริง เม
หลานเสวี่ยกำลังยุ่งอยู่กับระบบ เพราะตั้งแต่ที่เปิดร้าน ทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน คะแนนรวมของนางคือหก แสนคะแนนจากระบบ และ แสนห้าหมื่นคะแนนความดีที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนนางมีคะแนนจากระบบเจ็ดแสน แต่เพราะอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันสุดท้าย ใช้ไป 1 แสนคะแนน ทำเอาหลานเสวี่ยแอบสงสัยว่าทำไมถึงใช้เยอะแบบนี้ แต่นางก็ยอมเพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอัปเดต“ระบบ ทำไมถึงใช้คะแนนเยอะมากกว่าทุกครั้งละ หรือว่ามีของรางวัลดี ๆ”(เป็นเพราะว่านี้คือระบบเวอร์ชันสุดท้าย ที่สำคัญจำเป็นต่อผู้ใช้เช่นกัน....)“เดี๋ยวก่อน ทำไมเงียบไปละ” ระบบไร้เสียงตอบ ทำเอาหลานเสวี่ยตกใจไม่น้อย แต่ก็จัดการ ส่งคำสั่งเพาะปลูกได้เป็นปกติ ถึงมิติก็ยังใช้ได้ จึงคิดว่าระบบคงขัดข้องชั่วคราว แต่นางแอบสังเกตนิดหน่อยเพราะช่วงนี้ระบบแปลกไปจากเดิมมาก อย่างเช่น น้ำในลำธารของระบบลดลงจนสังเกตได้ และแสงสว่างในนี้ก็ลดลงเช่นกัน อยากจะถามระบบแต่ก็มาหายตัวไป สงสัยคงกำลังอัพเดทชุดใหญ่ นางจึงไม่สนใจระบบ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ แต่ละวันนางจะใช้คะแนนแลกของขายดี อย่างเช่นเครองสำอาง ที่สตรีร่ำรวย และขุนนางใช้กัน นี้เป็นรายรับสามส่วนของนางก็ว่าได้ ช่วยให้จัดกา
Mga Comments