"แบบนี้หมายความว่ายังไงเราต้องคุยกันให้เคลียร์ก่อนไหมสกาว" "ก็ไม่เห็นจะมีอะไรต้องเคลียร์ พี่ก็ใช้ชีวิตบนโลกนีี้ไปสิ"
View Moreเกิดอะไรขึ้น !!
เสียงเอ๊ะอะโวยวายตั้งขึ้นตรงทางเดินหนีไฟของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในต่างประเทศ "คุณทำแบบนี้ได้ยังไง!" เสียงผู้หญิงโวยวายขึ้นทันทีเมื่อเผชิญหน้ากับหมอหนุ่ม "ผมทำอะไรครับ" ผมถามยัยแก่แว่นหนาเตอะด้วยความสับสน เพราะอยู่ ๆ เธอก็มาโวยวายและต้องการเจอผม "ไอ้คุณหมอ!! นี่แก แก" เสียงร้องของหญิงไวกลางคนดังขึ้นพร้อมกับเอามื้อชี้หน้าคุณหมอทักษ์ด้วยความโมโหและโกรธมาก "หึ แกอะไรครับผมอยู่ของผมดี ๆ แล้วนะ ป้าเป็นอะไรมากไหม อยู่ ๆ ก็มาเอ๊ะอะโวยวายรบกวนคนไข้และหมอคนอื่น ๆ" มนุษย์ป้าอีกแล้วสินะเจอแต่ละวันผมแทบจะอัดพารา เป็นตัน ๆ แล้วมั้ง สงสัยหน้าที่การงานผมคงยุ่งไม่พอ "ไอ้คนสารเลว แก ๆ แกทำหลานฉันท้อง!!" "นี่! ป้าถ้าจะกล่าวหากันลอย ๆ แบบนี้ผมฟ้องได้นะครับ" ผมบอกคนที่มาเรียกร้องโวยวาย ทันที ตึก ๆ ตึก หลังจากที่ผมพูดจบก็มีเด็กผู้หญิงรีบวิ่งเข้ามาทันที และำยายามลากแขนคนที่มากล่าวหาผมออกไป "ยะ..ยาย พอเถอะนะ นะคะ ถือว่ากาวขอร้อง" เธอสงสายตาอ้อนวอนไปให้ยัยป้าคนนั่น "ได้ยังไงฮะ มันทำแกท้องก็ต้องรับผิดชอบ!!" คนเป็นยายบอกกล่าวกับหลานสาวอย่างไม่ยินยอม ผมฟังบทสนทนาพวกนี้อย่างใจเย็นแม้จะโกรธและโมโหมากแค่ไหนผมก็ต้องสงบสติอารมณ์เอาไว้เพื่อหน้าที่การงานในอนาคต "ยายพอเถอะนะ นะคะกาวขอร้องละ นะยายนะ เขาไม่ใช้คนทำสักหน่อยยาย ยายเข้าใจผิดแล้วเรากลับกันเถอะนะ" ผมมองเธอที่ขอร้องป้าที่มาหาเรื่องผม น้ำตาเธออาบนองเต็มสองแก้ม "อึก ขะ..ขอโทษคุณหมอด้วยนะคะยายหนูคงเขาใจผิดนะคะ" ฉันยิ้มทั้งน้ำตากล่าวขอโทษคนตรงหน้าทันทีเพราะไม่อยากยุ่งไม่อยากให้มาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เรื่องที่ฉันเป็นคนก่อเอาไว้เอง "ไม่เป็นไร แต่คราวหลังอย่ากล่าวหาใครมั่ว ๆ อีก" ผมบอกกับเธอ ก่อนจะหันไปจ้องมองและบอกกับป้าหรือยายของเธอที่หันมาสบตาผมโดยแววตานั้นเหมือนจะแข็งกร้าวและเคลือบแค้น "เหอะ เป็นหมอซะเปล่าแต่ไร้จรรยาบรรณน่ารังเกียจ" หลังจากที่ยายของผู้หญิงคนนี้พูดจบเธอก็เดินออกไปทันที "หนูขอโทษด้วยนะคะคุณหมอ ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ" ฉันรีบกล่าวขอโทษเขาทันทีและรีบวิ่งตามคุณยายของตัวเองที่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะโกรธมากด้วย บ้าน "เหอะแกก็เหมือนกันยัยกาว เป็นสาวเป็นนางปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้ผู้ชายเอาจนท้อง ที่ฉันพรำสั่งพรำสอนมานี้ไม่คิดจะจำเลยใช่ไหม" คุณยายบ่นให้ฉันตั้งแต่โรงพยาบาลยันตอนนี้อยู่บ้านก็ยังว่าให้ไม่หยุด "คุณยายคะ~" ฉันเรียกยายอย่างคนสำนึกผิด "เสียงดังเอ๊ะอ่ะอะไรกันครับเนี่ย" พี่สกายเดินเข้ามาสวมกอดคุณยายที่กำลังโมโหให้ฉันอยู่ "ก็น้องสาวแกนะสิ ไม่รู้จักรักนวลสงวนตัว ฉันสอนมาตั้งเท่าไหร่สุดท้ายก็จนได้ ถ้ารู้ว่าโตมาจะทำตัวแบบนี้ฉันไปเสียแรงพร่ำสอนจนปากจะฉีกหรอกนะยะ" "คุณยายครับคนเราก็ผิดพลาดกันได้นิครับ อย่าไปซ้ำเติมน้องมันเลยนะครับ" พี่สกายพยายามออดอ้อนคุณยายเพื่อที่จะได้เลิกบ่นให้ฉัน "ตั้งใจนะสิไม่ว่า รู้ทั้งรู้ว่าตัวเองกำลังจะแต่งงานอยู่แล้วยังจะไปเสนอตัวให้ไอ้คนไร้จรรยาบรรณนั่นอีก! เหอะ!!" เห้อสุดท้ายก็วนมาเรื่องนี้จนได้ให้ตายสิ "ก็กาวยังไม่พร้อม" ฉันบอกออกไปตามความจริง " ไม่พร้อม ไม่พร้อม แต่แกท้องนี้นะยัยสกาว!" โอเคฉันไม่ควรอธิบายอะไรสินะ "พรุ่งนี้แกเก็บของเลยเราจะกลับไปอยู่เมืองไทย!" "แต่คุณยายคะ~" "ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้นแหละ ส่วนตาสกายเรียนอยู่นี้แหละใกล้จบแล้วนิ" และผู้กำหนดชีวิตเราสองคนก็คงจะมีแค่คุณยายนี้แหละ ส่วนคุณพ่อคุณแม่แทบจะไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวชีวิตของลูกอย่างพวกเราเลย โรงพยาบาล "คุณหมอคะท่าน ผอ. เรียกพบค่ะ" นางพยาบาลสาวเดินเข้ามาบอกหมอทักษ์เมื่อช่วงเวลาพักพอดี "ครับ เดี๋ยวผมไป" หลังจากรับคำคุณหมอหนุ่มก็เริ่มนวดขมับตัวเอง . . ชั้นใต้ดินของโรงพยาบาล (ห้อง ผอ.ผู้บริหารระดับสูง) แอ๊ด~ เสียงเปิดประตูดังขึ้นทำให้คนที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมองหลานชายตัวเอง "สวัสดีครับท่าน ผอ." ผมทักท้ายคุณอาไปตามมารยาท "ไงเรา นั่งก่อนสิทักษ์ อามีเรื่องจะคุยด้วยแล้วก็อยากเจอเราพอดี ทำไมไม่กลับบ้านบ้างหื้อ พ่อแม่นายคิดถึงจะแย่รู้ไหมมาบ่นให้อาฟังทุกวันเลย" ผมฟังอาที่บอกกับผม แต่ผมไม่ค่อยได้สนใจหรอกครับ ปกติพ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมอยู่แล้วจะมาคิดถึงอะไรเอาปานนี้ "ไหนอาบอกมีเรื่องจะคุยไงครับ ผมฟังอยู่" ผมบอกกลับไปเพราะไม่อย่างเฉไฉไปเรื่องอื่น ตอนนี้ผมโฟกัสที่เรื่องงานและเรื่องของตัวเองเป็นหลัก "โอเค ๆ อาอยากให้เราย้ายไปทำงานสาขาที่ไทยนะเราจะสะดวกหรือเปล่า ทางที่ดีลองปรึกษาพ่อกับแม่นายดูก่อนก็ได้นะทักษ์ อาไม่รีบ แต่ขอคำตอบภายในครึ่งปีนี้นะ" ผมฟังอาทิวเขา อยู่เงียบ ๆ และคิดตาม ก็ดีผมเบื่อที่นี้เต็มทนวัน ๆ มีแต่คนไข้ปราสาท มาวุ่นวายไม่เลิก "ผมโตแล้วคับอาผมตัดสินใจเองได้ ทำไมต้องให้ผมปรึกษาพ่อแม่ด้วยทำอย่างกับอยู่ให้ปรึกษาอย่างนั่นแหละ" ผมพูดจาประชดออกไป แต่มันก็คือเรื่องจริง พ่อแม่ของคนอื่นผมไม่รู้หรอกครับ แต่สำหรับผม พ่อกับแม่ไม่เคยมีเวลาให้ ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของผมก็ไม่ใช่สิ่งสำคัญสำหรับพวกเขา ผมไม่โกรธไม่เกลียดที่พวกเขาไม่มีเวลาให้ ผมเลยเลือกที่จะเรียน หนัก ๆ เพื่อที่จะไม่มีเวลาว่างมาคิดวุ่นวายหรือน้อยใจพวกท่านเช่นกัน "เฮ้อ~ เรานี้นะเอาเถอะ ๆ ตามใจ ตัดสินใจอย่างไรก็บอกอาอีกทีละกัน นี้ก็จะบ่ายแล้วทานอะไรมาหรือยังละ จะออกไปกินข้าวกับอาไหม" ทิวเขาถามหลานชายด้วยความเอ็นดูแม้ว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้จะไม่ค่อยว่างตามที่หลานชายบอก จริง ๆ นั่นแหละไม่รู้จะวางมือเรื่องธุรกิจได้ตอนไหน "ไม่ดีกว่าครับผมขอตัว ผมทานมาแล้วเดียวจะมีเคสด่วนเข้ามาด้วย ผมไปทำงานก่อนแล้วกัน ไปละครับคุณอาสวัสดีครับ" พูดจบผมก็เดินออกจากห้องทันทีโดยไม่สนใจอะไรเลย เพราะมีเคสด่วนเข้ามาจริง ๆ นั่นแหละ . . ภายในห้องของทิวเขา "ไงละพี่ชาย ฮ่า ๆ ฮ่า ละเลยหน้าที่ดีนักลูกไม่สนใจเลย สมน้ำหน้า ฮ่า ๆ ฮ่า" ทิวเขาว่าและหัวเราะให้พี่ชายอย่างสะใจ เพราะเขาเคยเตือนพี่ชายกับพี่สะใภ้ตัวเองไปหลายครั้งแล้ว จนเหนื่อยจะพูดจะเตือน "เอ่อกูรู้แล้วไม่ต้องซ้ำเติมมึงนี่แม่ง สมเป็นน้อง เห-ี้ยของกูจริง ๆ นะซ้ำเติมกูเก่งเหลือเกิน" ทิวทัศน์ว่าให้น้องชายตัวเองทันที เพราะเขาได้ยินสิ่งที่ลูกชายตัวเองพูดทุกอย่าง หลังจากนี้คงวางแผนกับภรรยาเพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ลูกชายให้มากกว่านี้อีกหน่อย “ถึงจะไม่ใช่คนดีมาก แต่งานนี้ผมช่วยพี่แล้วนะครับ โอนด้วยห้าล้าน” และนี้แหละคือตัวตนของ ผอ.โรงพยาบาลชื่อดังในต่างแดน หน้าเงินขูดรีดกับพี่น้อง “เป็นการขูดรีดที่เลือดเย็นมากรู้ตัวหรือเปล่าทิวเขา” พี่ชายสายเลือดเดียวกันแทน ๆ ยังขูดรีดเงินตรากันขนาดนี้ไม่อยากจะคิด ว่าใครมาขอความช่วยเหลือจากมันยอดจะไม่ทวีคูณไปเป็นสิบ ๆ เท่าเลยเหรอ “รู้น่า ก็ช่วยไม่ได้พี่ไม่ใส่ใจลูกตัวเอง อ่ะนะนี้ผมก็บวกค่าเลี้ยงดูไปแล้วนะยังไม่ถึงครึ่งเลยนะเนี่ย บวกเพิ่มอีกสักนิดดีไหมน๊า~” ทิวเขาพูดออกมาด้วยรอยยิ้มและแววตาเจ้าเล่ห์ตามภาษาน้องชายใจบาป “พอ ๆ เลิกคิดล้างผลานพี่ชายตัวเองได้แแล้ว รวยก็ รวย โรงบาลก็มีตั้งสองสาขาจะเอาเงินจากพี่ทำอะไรเยอะแยะทิวเขา” เงินแค่ไม่กี่ล้านเขาไม่ได้งกหรอกนะแต่เหตุผลของน้องชายนี่สิอยากจะรู้เหมือนกัน “ถามได้ก็เอามาไว้เป็นค่าสินสอดให้น้องสะใภ้พี่ในอนาคตไง อย่าลืมละว่าผมยัังหาเมียไม่ได้เพราะใคร ชิน่าหมั่นไส้ชะมัดเลย” ทิวเขายังคงมองพี่ชายด้วยแววตาทะเล้นและเจ้าเล่ห์ตามฉบับน้องรักเหมือนเดิม อม้เรื่องราวในอดีตจะไม่สามารถย้อนกลับไปได้และก็ลืมไม่ได้เช่นกัน “ทิวเขา พี่เคยขอร้องนายแล้ววไม่ใช้เหรอว่าอย่าพูดเรื่องนี้อีก” ทิวทัศน์เรียกน้องชายเสียงเข้มขึ้นมาทันที แล้วใครมันจะไปรู้เล่าว่าภรรยาของเขาจะเป็นอดีตคนรักของน้องชาย “ขอโทษ ขอโทษก็คนมันลืมตัวใครบอกให้พี่ถามจี้กันเล่า โอนมาก็้พอเดียวจะไปเกลี่ยกล่อมหลานให้ละกัน” ทิวเขารีบบอกพี่ชายไปทันทีเพราะตัวเขาเองพอนึกถึงเรื่องนี้ที่ไรก็เผลอหลุดปากลืมตัวตลอดเลย “อืม ๆ ช่างเถอะเดียวพี่โอนเข้าบัญชีแกเลยละกันไปละ” ทิวทัศน์ พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีเพราะเขานัดกับ ภรรยาเอาไว้แล้ว หลังจากที่พี่ชายออกไปเพียงไม่นานข้อความแจ้งเตือนการโอนเงินก็ดังขึ้นมาทันที ทิวเขามองด้วยความพึ่งพอใจกับจำนวนเงินเกินจากที่ขอไป หระตุกพี่ชายนิด ๆหน่อย ๆ ก็ได้คาสัมมาคุณมาสองเท่าแบบเก๋ ๆ ตามสไตล์คนล่อและฉลาด บนตึกแผนกสูนติ “คุณหมอคะมาพอดีเลยมีเคสผ่าคลอดด่วนค่ะคุณหมอปากมดลูกคุณแม่เปิดแต่เด็กไม่ยอมกลับหััว ทางญาติคนไข้เซ็นเอกสารเรียบร้อยค่ะรอคุณหมอทำการผ่าคลอด” ผู้ช่วยพยาบาลรีบพูดขึ้นมาทันทีหลังจากที่เห็็นหมอทักษ์ กลับเข้ามาในแผนกแล้ว “โอเคอุปกรณ์พร้อมแล้วใช้ไหมครับ คนไข้ต้องการผ่าแบบไหนบล็อคหลังหรือดมยา” ผมถามพยาบาลผู้ช่วยที่คุณอาส่งมาให้ค่อยช่วยงานทันทีที่กลับเข้ามาในตึกแผนกที่ประจำอยู่วันต่อมา ภายในห้องประชุมของโรงพยาบาลในช่วงเช้าเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเพราะแต่ละวอร์ดนั้นยังมีบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ "ยังไงเราก็ยังคงต้องส่งตัวแทนไปครับ" หมอทักษ์พูดขึ้นมาเพราะแต่ละคนมีใบนัดกับคนไข้ในช่วงเวลานั้นพอดี "แต่วอร์ดอายุรกรรมคงไม่เพียงพอนะค่ะคุณหมอ คนไข้เยอะแต่บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลเรายังมีไม่เพียงพอนะคะ" แพทย์สาววอร์ดอายุรกรรมพูดขึ้นเพราะทุกวันนี้เธอแทบจะไม่มีเวลาให้สามีแถมช่วงนี้ยังทะเลาะกันอีก "งั้นผมคงต้องลงพื้นที่เอง คุณสกาวคุณก็ไปเตรียมตัวให้พร้อม เราจะไปกันวันจันทร์หน้า" หมอทักษ์สรุปผลการประชุมวันนี้โดยไม่ฟังคำคัดค้านของใครก่อนจะเดินออกจากห้องไปเลย "พี่นิล~ วอร์ดพี่ไม่มีคนไปด้วยกันจริง ๆ เหรอคะ" สกาวส่งสายตามาถามแพทย์อายุรกรรมที่ปฏิเสธหมอสูติได้อย่างไร้เยื้อใย "ไม่มีจริง ๆ ทุกวันนี้พี่ก็คิดหนักเหมือนกัน ทางนี้ก็งานอีกทางก็คู่ชีวิต" ลานิลตอบกลับแพทย์สาวที่ส่งสายตาออดอ้อนใาของร้องเธอ "ว่าแต่ลูกชายเธอออกจากโรงพยาบาลหรือยัง" ลานิลถามขึ้นเพราะนึกได้ว่าเช้านี้เธอต้องไปราวน์คนไข้ แต
19:00"กลับมาแล้วเหรอสกาว เด็ก ๆ กำลังอาบน้ำแต่งตัวเราก็รีบไปอาบน้ำแต่งตัวด้วยวันนี้จะไปพาหลานไปฉลองกับความสำเร็จในก้าวแรก" สกายมิงน้องสาวที่เดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางอิดออด ราวกับมีเรื่องให้คิดหนัก "โอเคค่ะงั้นกาวขอตัวก่อนนะคะเดี๋ยวมา" สกาวเดินเข้าไปในห้องตัวเองทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหม่อลอย "ทำไมเราไม่สังเกตนะ เฮ้อ" สกาวได้แต่โทษตัวเองที่ไม่สังเกตไปสัญญาจ้างงานของโรงพยาบาล หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ลุกไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อจะไปทานอาหารมื้อเย็นข้างนอกกับลูกแฝดและพี่ชายพี่สะใภ้ของเธอ .ณ ร้านอาหาร ทั้ง ห้าคนเดินเข้าร้านมาอย่างไม่ได้ใส่ใจเพราะจองเป็นห้อง VIP ไว้ "วันนี้เด็ก ๆ อยากทานอะไรสั่งได้เต็มที่เลยนะครับ" สกายที่เดินจูงมือหลานๆเข้ามาบอกให้หลานเข้าใจเพราะวันนี้เขาจะตามใจพวกหลาน ๆ อย่างเต็มที่ "พ่อคนสปอย เดี๋ยวหลานก็เอาแต่ใจตัวเองหรอกแต่มื้ออาหารมื้อนี้กาวก็ตามใจลูกเช่นกันค่ะ เห็นว่าน้องซีเฟียแคสงานผ่านหรอกนะคะ" สกาวหยอกพี่ชายก่อนจะหันไปบอกกับลูกสาวที่มองเธอด้วยสายตาออดอ้อนและภาคภูมิใจในตัวเองส่งมาให้เธอด้วยรอยยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นว่าคุณแม่เองก็สปอยเธ
สกาวเดินกลับมาพร้อมเอกสารสัญญา 10ปีกับการเป็นหมอประจำวอร์ดสูนติ ด้วยความคิดหนักเพราะเธอเผลอเซ็นเอกสารด้วยความไม่รอบคอบเพราะคิดว่าตัวเองอ่านสัญญาละเอียดแล้ว แต่หมายเหตุมุมกระดาษบนขวามือมันเล็กจนเธอไม่ทันสังเกตมันเลย"อาจารย์โคตรขี้โกงเลย" สกาวบ่นออกมาหมือนคนบ้าที่เซ็นสัญญา 10ปีอย่างไม่ได้ตั้งใจ "เกิดอะไรขึ้นค่ะว่าที่แพทย์หญิงคนสวยของวอร์ด" พี่พยาบาลที่เดินตามหลังมาทันได้ยินเสียงบ่นของหญิงสาวจึงทีกทายและถามไถ่ด้วยความอยากรู้ "พี่แพทดูสิค่ะ อาจารย์หมอโคตรโกงหลอกกาวเซ็นสัญญา ทำงานให้ ตั้ง10ปีเลยนะ" สกาวถอนหายใจอย่างหมดอารมณ์ทำงานในตอนนี้เพราะเธอตั้งรับสถานการณ์ของตัวเอง ไม่ทัน "ไม่เป็นไรค่ะน้องกาว 10ปีแปบเดียวเองนะไม่นานเลย" พี่พยาบาลแพทยังคงค่อยให้กำลังใจทั้งที่รู้ว่ามันก็นานพอสมควรกับสัญญาจ้างงานขนาดนี้ ."น้องค่ะมาแคสได้เลยค่ะ ทีมงานพร้อมแล้ว" เสียงสตาฟที่ค่อยดูแลกองประกวดเรียกเหล่านักแสดงเด็กให้แคสติ้งละคร "สู้ ๆ นะครับ ซีเฟียลุงจะค่อยส่งกำลังใจให้ทำให้เต็มที่นะครับ" สกายบอกหลานสาวที่เตรียมตัวแคสบทละครที่อยากเล่น "ขอบคุณค่ะ แต่ซีเฟียอยากขอกำลังใ
ผ่านมาหลายเดือน จนสกาวได้รับใบผ่านการเป็นแพทย์ประจำบ้านของวอร์ดกุมารเวชศาสตร์ ทันทีที่เธอได้รับใบประกาศอาจารย์แพทย์ที่คุมสอนและให้ความรู้กับเธอก็ส่งตัวเธอมาเป็นแพทย์ประจำบ้านของวอร์ดสูติต่อและยังให้เวลาเธอพักเพียง 2 สัปดาห์เท่านั้น 2 สัปดาห์ต่อมา "มาแล้วเหรอเธอเอาเอกสารอันนี้ไปอ่านดูก่อนนะไม่เข้าใจตรงไหนก็เข้ามาถาม" สกาวที่เดินก้าวเข้ามาในห้องยังไม่ทันได้เอ่ยปากสวัสดีอาจารย์ประจำวอร์ดสูติใครด้วยซ้ำเธอก็ต้องรับเอกสารจากอาจารย์ประจำวอร์ดมาเรียนรู้ "ได้ค่ะ" เธอเดินเข้าไปหยิบแฟ้มเอกสารจากมืออาจารย์ประจำวอร์ดของโรงพยาบาลโดยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก "อ๊ะ" ฉันตกใจเล็กน้อยที่อยู่ดี ๆ มือแกร่งของบุคคลตรงหน้าที่ยื่นแฟ้มเอกสารให้ฉันกับจับมือฉันไว้แน่น "เดี๋ยวก่อนครับอย่าพึ่งไป" เขาบอกกับหญิงสาวก่อนจะยื่นกล่องขนมที่ซื้อมาเพื่อต้อนรับแพทย์ประจำบ้านในวอร์ดของตัวเอง "เอ่อไม่ทราบว่ามีอะไรหรือเปล่าคะ" สกาวที่มองและตั้งคำถามกับคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจในการกระทำของเขา "นี่ขนมครับ ต้อนรับแพทย์ประจำบ้านคนใหม่รับไปสิครับ" อาจารย์แพทย์ประจำวอร์ดสูติบอกกับคนตรงหน้าให้หยิบของที่เข
หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ หวี้ว่อ เมื่อทั้ง 4 คนได้ยินเสียงรถพยาบาลดังขึ้นหน้าร้านชาลีก็เดินออกไปยืนรอด้วยความกลัวว่าจะขับรถเลยตำแหน่งที่พุดแจ้งไป "ทางนี้เลยครับพี่รีบเลยนะครับ" ชาลีตอบกลับและมองหญิงสาวที่กำลังนอนลมหายใจแผ่วปลาย อยู่บนพื้นพร้อมกับเลือดที่ไหล่ลงตรงหว่างขามากมายทั้งยังท้องโตเหมือนว่าเธอกำลังจะท้องได้สักประมาณ 7 เดือนกว่า "โทรแจ้งอาจารย์หรือยัง" สกาวเมื่อได้สติรีบถาม เพื่อนชายเพื่อให้เตรียมห้องคลอดไว้ "แจ้งไปแล้วตอนนี้อาจารย์รับเรื่องแล้ว คงมีแพทย์ทำงานประจำอยู่ที่นั่น ส่วนพวกเราก็หมดเรื่องหมดราวแล้วไปกันเถอะไปหาร้านอื่นก็ได้" พุดตอบกลับเพื่อนโดยไม่มีความร้อนรนหรือตื่นตนกกับสิ่งที่เจอเลยสักนิด "ทำไมนายดูชิวจังเลย" สกาวถามเพื่อนชายที่เขาดูไม่ออกอาการ ทั้งยังมีสติกว่าเพื่อนคนอื่น ๆ "แล้วทำไมต้องตกใจ ในเมื่อมันเป็นเรื่องปกติที่แพทย์ควรจะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ที่ต้องเจอให้ได้ไม่ใช่เหรอ" พุดตอบกลับตามสิ่งที่คิด เพราะเขามีสติและแก้สถานการณ์ทั้งยังปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้กับ คนไข้สาวที่พึ่งตกเลือดไป "เคสคนไข้คนนี้คงต้องคลอดก่อนกำหนด"
สองเดือนต่อมาสกาวมองตึกที่เธอจะต้องเข้ามาเรียนรู้เพื่อเอาบัตรเปิดทางและต้องเรียนจบเฉพาะทางให้ประสบความสำเร็จภายในสองปี "สวัสดีค่ะห้องอาจารย์แพทย์อยู่ตรงไหนเหรอคะ" สกาวเดินเข้ามาถามอย่างนอบน้อมด้วยความเกรงใจและไม่มีคนรู้จักเลย "ตรงไปเลี้ยวซ้ายอยู่หลังห้องผ่าคลอดเลยค่ะ" ผู้ช่วยพยาบาลตอบคนถามอย่างไม่ได้ใส่ใจนักเพราะเธอกำลังสนใจสื่อในโทรศัพท์ "ขอบคุณค่ะ" สกาวรีบขอบคุณและตรงไปยังห้องพักอาจารย์แพทย์ที่เธอจะต้องเรียนรู้งานและฝึกประสบการณ์เพื่อใบเกียรติบัตรด้วย ความสามารถของเธอก็อก ๆ ก็อก เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นทำให้คนมที่นั่งอยู่ภายในห้องพึงพอใจไม่หน่อยหลังจากมองภาพผ่านกล้องวงจร "เชิญครับ" เสียงทุ้มน่าฟังพูดขึ้นมาหลังจากที่มีเวลาว่างมาเล่นสนุกกับหลานชายและว่าที่หลานสะใภ้ "สวัสดีค่ะอาจารย์" สกาวเปิดประตูเข้ามาก็ทักทายอาจารย์ใหญ่ของโรงพยาบาลเอกชนอย่างมีมารยาท "ตามสบายนะครับ วันนี้เราเน้นไปศึกษาดูงานให้วอร์ดกุมารเวชศาสตร์กันก่อน" ทิวเขามองหลานสะใภ้อย่างพอใจในอิริยาบถต่างๆ แสดงออกมา "ได้ค่ะอาจารย์" สกาวตอบรับอย่างไม่ลังเล และเหมือนว่าทั้งวอ
Comments