หน้าหลัก / โรแมนติก / พระชายาตำหนักเย็น / ตอนที่ 09 กลายเป็นนางกำนัลของฝ่าบาท

แชร์

ตอนที่ 09 กลายเป็นนางกำนัลของฝ่าบาท

ผู้เขียน: Jiraiyajung
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-11 13:51:13

หลานเสวี่ยงัวเงียลุกขึ้นจากเตียงนอน ทั้งที่กำลังฝันหวานถึงพระเอกในดวงใจของตน แต่ต้องมาตื่นเพราะเสียงระบบที่ดังจนนึกว่ามีสงครามโลกครั้งที่สามเกิดขึ้นแล้วในมิติ นางจึงออกมาจากกระท่อมหลังเล็ก ก่อนจะตรวจดูมันฝรั่งใบเขียวสวยของตนด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

เมื่อได้ฟังจากปากของเหมย และหยาง นางก็อดสงสารไม่ได้ ผู้คนในยามนี้อดอยากปากแห้ง บางคนมีเงินทองแต่จะซื้ออะไรได้ ต้องอดมื้อกินมื้อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าคนยากไร้ที่รอความช่วยเหลือจากฮ่องเต้ 

ถ้าเป็นในยุคปัจจุบันพวกเขาคงกลายเป็นข่าวใหญ่ไปแล้ว ทำให้ทางการต้องรีบช่วยเหลือ แต่ในยุคนี้ปากเสียงถูกปิด พูดอะไรไม่ได้มาก หลานเสวี่ยพอรู้ว่าในยุคนี้ขุนนางเลวมีเยอะอย่างกับดอกเห็ด บางทีทางการอาจจะช่วยเหลือแต่ถูกพวกนั้นเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ ส่วนที่เหลือก็ไม่พอความต้องการ

แม้ในตอนนี้มันฝรั่งที่ปลูกได้จะเยอะขึ้นแล้ว ก็ยังไม่เพียงพอถ้าเป็นเช่นนั้น อีกอย่างเพิ่มพื้นที่การผลิตสูงสุดแล้ว จนคะแนนไม่พอ เพราะราคาจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้ได้มา สี่สิบตารางเมตร คะแนนคงเหลือ 100 จะทำอะไรคงต้องระวังตัวมากกว่าเดิม แต่ปัญหาหลักอีกอย่างคือถุงมิติที่ใกล้จะเต็มแล้ว

ตอนนี้นางออกจากมิติเพราะคนพวกนั้นออกไปหมดแล้ว ออกมาก็มีแต่ความมืดไม่มีแสงไฟส่องถึงเลย เพราะเป็นสวนหลวงที่ห่างไกล นางจึงรีบเดินด้วยขาเล็ก ๆ ให้ถึงตำหนักเย็น

แต่แล้วร่างแบบบางก็หมุนตามแรงที่รั้งแขนเล็กของเธอ หลานเสวี่ยถึงดึงจนลอยไปตามแรงของใครบางคน ดีที่เธอดื่มน้ำพุไม่อย่างนั้น แขนคงหลุดไปแล้วแน่ ๆ ใครกันที่ทำแบบนี้ แต่แน่ ๆ ไม่ใช่คนดี นางจึงรีบสะบัดแต่ก็ถูกรวบเอาไว้ทั้งตัว เมื่อหมดทางสู้แล้วจึงยอมนิ่ง เอาจริงคือหมดแรง 

“ท่านเป็นใครกัน ถึงกล้าทำเรื่องแบบนี้ รู้ไหมว่าข้าเป็นใครถ้ายังไม่ยอมปล่อยหัวหลุดออกจากบ่าแน่” กัดฟันพูดด้วยความโกรธ

แต่เขาเพียง หัวเราะเยาะเธอเสียอย่างนั้น ถ้าเธอแข็งแรงกว่านี้ ไม่ปล่อยก็ใบหน้ายียวนของเขาไร้รอยขีดข่วนแน่

“ปล่อยสิ ถ้าไม่ปล่อยเจ้าได้ตายจริง ๆ แน่” ตอนนี้เข้าไปในมิติก็ไม่ได้ เพราะเขากอดเธอไว้ ระบบจึงไม่ให้เข้าไป ยุ่งยากจริง ถูกกอดจากด้านหลังมองไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร แต่ร่างกายกำยำล่ำสัน ตัวสูงใหญ่ มีกลิ่นหอมคุ้นเคยอยู่นิดหน่อย คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก แต่ไม่ใช่ทหารแน่ ทำไมถึงไม่พูดอะไรเลย

“ท่านต้องการอะไรหรือ ทำไมถึงจับข้าไว้เช่นนี้ รีบปล่อยเถอะชายหญิงไม่ควรทำแบบนี้” 

ทันทีที่พูดจบก็เหมือนมีแสงจากโคมไฟส่องมา หรือมีคนกำลังมา

“เจ้าไม่รอดแน่ เจ้าโจรชั่ว ถ้ายังไม่รีบปล่อยเจ้าจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว” 

“โง่เง่า”  พูดเสียงเยาะเย้ย

หลานเสวี่ยกัดฟันกรอดรอให้ทหารมาเห็นเขาจะไม่พูดแบบนี้อีก มีคนสองสามคนถือโคมไฟมาใกล้จนถึงตัว แต่เขายังไม่ขยับตัวเลย หลานเสวี่ยกำลังจะเอ่ยปากแต่คนที่พึ่งมา พูดตัดหน้าก่อน

“ฝ่าบาท เหตุใดถึงเดินเร็วเช่นนี้ กระหม่อมวิ่งตามไม่ทันแล้ว” ขันที่อาวุโส หายใจเหนื่อยหอบ มือเหี่ยวใช้ผ้าปาดเหงื่อตัวเอง พร้อมกับนางกำนัลสองสามคน และทหารองครักษ์

“ข้ารีบมาจับโจร กลัวมันจะหนีไปก่อน” 

หลานเสวี่ยเหงื่อแตกพลั่ก ใจเต้นตึกตัก ไม่คิดว่าจะเป็นสามีตัวเอง แถมยังเคยจะฆ่ากันอีกด้วย เวรกรรมจริง ๆ ที่พูดไปเมื่อกี้อย่าคิดมากเลยนะ แต่ทำไมบอกว่าเธอเป็นโจรละ หรือรู้เรื่องค้าขายในวังแล้วเหรอ แบบนั้นต้องหาโอกาสหนีจากตรงนี้

“ขอประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ ที่ไม่รู้ว่าเป็นฝ่าบาท หม่อมฉันทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าพระองค์ได้โปรดอย่าถือสาเลยเพคะ” เสียงอ่อนลง

“ทีแรกเจ้าว่าข้าจะหัวหลุดออกจากบ่า แบบนี้เรียกว่าก่อกบฏแล้ว เราควรจับตัวเจ้าไปให้ม้าแยกร่างดีหรือไม่?” 

“ไม่ดีเพคะ หม่อมฉันสำนึกผิดแล้วโปรดไว้ชีวิตด้วย” 

อะไรกัน แค่นี้ก็จะโดนลงโทษแล้วเหรอ ชีวิตน้อย ๆ ของนางจะจบลงตรงนี้ไม่ได้นะ

“ฝ่าบาท ให้กระหม่อมจัดการให้เถิด เดี๋ยวพระองค์จะเป็นอันตราย” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองรีบเข้ามา

“ฝ่าบาทไว้ชีวิตด้วย หม่อมฉันไม่ทราบจริง ๆ เพคะ” 

คำพูดของนางไม่เข้าหูเลยหรือ ทั้งที่ตัวเองเป็นคนจู่โจมจากข้างหลัง แถมยังทำให้นางมีความผิดอีก จงใจทำแบบนี้สินะ

“เช่นนั้นก็เดินตามข้ามา ชื่อจางเสี่ยวหลงใช่หรือไม่” 

“ใช่แล้วเพคะ หม่อมฉันเอง” 

เดินตามเขามาถึงตำหนักอันกง จากนั้นก็เข้ามาในห้องหนังสือของเขาแค่สองคน ส่วนฉ่างกงกง กับหัวหน้าองครักษ์อยู่นอกห้อง

“อยู่รับใช้ข้าที่นี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้จะให้คนส่งข่าวบอกไทเฮา ว่าขารับเจ้ามารับใช้ตำหนักอันกง” 

“เพคะ” เดี๋ยวเป็นนางกำนัลเหรอ ไม่ได้อยู่ในแผนนี่นา 

“ทำไมสีหน้าไม่พอใจ หรือไม่อยากรับใช้ข้า” มองตาดุ

“มิกล้า หม่อมฉันซาบซึ้งใจยิ่งนัก เป็นบุญของหม่อมฉันที่ได้รับใช้ฝ่าบาทเพคะ” 

“เป็นเช่นนั้นก็ดี เอาล่ะช่วยในหมึกให้ข้าหน่อย” 

หลานเสวี่ยจำใจทำงานที่นี่ รอให้กลับไปก่อนแล้วจะหายไปไม่ให้เจออีกแน่ ซึ่งงานแรกที่เธอได้รับมอบหมายคือฝนหมึก ง่าย ๆ เพราะอยู่ในความทรงจำเจ้าของร่างเดิมอยู่แล้ว

เวลาผ่านไปประมาณสองถ้วยชา แต่หลานเสวี่ยยังไม่สามารถในหมึกออกมาได้เลย นางทั้งใช้แรงกด ใช้ความเร็วทุกวิถีทางแต่ก็ยังไม่มีท่าทีจะได้เรื่อง สงสัยมันคงถูกฝังในความทรงจำแล้วมั้ง

“ไทเฮารับเจ้าเข้าวังได้อย่างไรกัน แค่ฝนหมึกยังทำไม่ได้ เอาเถอะข้าจะสอนให้แค่ครั้งเดียวจงจำให้ขึ้นใจ”

“เพคะ” ก้มหน้ารับความผิด ใครจะเคยฝนหมึกกันล่ะ

ยังไม่รอให้คิดมาก มือหนาของเขาก็กุมมือเรียวของนางเอาไว้ ก่อนจะเคลื่อนไหวจับแท่งหมึก ขัดไปมาเป็นวงกลมช้า ๆ แท่งหมึกที่แข็งแกร่งเมื่อถูกเสียดสีก็กลายเป็นน้ำหมึกสีดำเข้มบนจานฝนหมึก หลานเสวี่ยถึงเข้าใจว่าเธอต้องใจเย็นกว่านี้

“เข้าใจหรือไม่” 

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ” หลานเสวี่ยสบตากับเขา ทำให้รีบเอามือออกมาทันที เพราะความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นเมื่อมองดวงตาคู่นั้น ถ้าหากเขารู้ว่าเธอเป็นใคร เขายังจะให้เธอมีชีวิตอยู่อีกเหรอ  เธอต้องหาทางหนีไปให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายไป

เมื่อฝนหมึกเสร็จดีแล้ว เขาก็ไปนั่งอ่านฎีกาที่กองอยู่บนโต๊ะไม่ นางจึงทำหน้าที่ยกชาไปให้ แล้วกลับมายืนง่วงนอนอยู่ข้าง ๆ ง่วงนอนใจจะขาด ผ่านมาแล้วเกือบหนูชั่วยามแต่เขายังคงอ่านไม่ยอมหยุด

“ฝ่าบาท นี่ก็ยามจื่อใกล้จะถึงยามโฉ่วแล้ว ควรพักผ่อนได้แล้วเพคะ”  คนมันง่วงนอน จะบ้างานทำไมขนาดนี้

“เจ้าคงอยากนอนแล้วกระมัง เช่นนั้นก็ไปนอนเถิด” 

“ขอบพระทัยเพคะ หม่อมฉันขอทูลลา”  หลานเสวี่ยยิ้มแก้มปริ คิดถึงเตียงนอนจะแย่อยู่แล้ว

“นอนที่ตำหนักอันกงนี้แหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไม่เอาของใช้ของเจ้ามา” 

“คงไม่ดีหรอกเพคะ หม่อมฉัน...”

หลานเสวี่ยมองตาเขาก็ไม่กล้าขัดคำสั่งอะไร ถ้าขืนเธอขัด มีหวังหัวหลุดออกจากบ่าแน่ เมื่อออกมาจากห้องนางก็ถูกพามาที่เรือนของนางกำนัล ในห้องมีเหล่านางกำนัลอีกหลายคน ใครจะคิดว่าชีวิตต้องลำบากแบบนี้ อยู่ในตำหนักเย็นดีจะตาย

“ข้าน้อยจางเสี่ยวหลง ขอฝากตัวกับทุกคนด้วย” 

หลานเสวี่ยมาถึงก็ทำความรู้จักกับนางกำนัลในที่นี้ก่อน แต่ดูแล้วจะสนิทยากนิดหน่อย

“ไปพักเถอะ นั้นห้องของเจ้า” 

“เจ้าคะ” 

ในห้องแคบมาก มีแค่ที่นอนเล็กอันเดียวก็คับห้องแล้ว อย่างกับห้องนอนแคปซูล จะยังไงก็ตามพรุ่งนี้ค่อยคิดดีกว่าดึกแล้วไม่อยากนอนดึกอีก เดี๋ยวได้ตายจริง ๆ 

ยังนอนไม่เต็มอิ่มนางก็ถูกปลุก เพราะได้เวลาทำงานแล้ว ปกตินอนตื่นเกือบเที่ยงตอนนี้ตื่น สี่โมงเช้าเข้านอนไม่ถึงห้าชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ ไม่ไหวแล้ว

“หัวหน้าเจ้าคะ นางไม่ยอมตื่น” นางกำนัลอีกคนวิ่งมาบอก

“ช่างเถอะ เราไปกันก่อน” หัวหน้านางกำนัล สีหน้าร้อนใจ เพราะมัวแต่รอหลานเสวี่ยจนจะทำให้เริ่มทำงานช้าไปด้วย ถ้าผิดพลาดอาจโดนลงโทษคงแย่แน่

หลานเสวี่ยคืนมาอีกครั้งก็ตอนแปดโมง เป็นการตื่นเช้าที่สุดในชีวิตเลย เมื่อมองดูรอบ ๆ ไม่มีคนอื่นก็รีบก้าวเท้าออกไปจากเรือนนางกำนัล เพื่อจะออกไปจากตำหนักแห่งนี้ 

เมื่อเดินออกมานางได้สวมเสื้อผ้าของนางกำนัลตำหนักอันกง ทหารยามจึงไม่ขัดขวางอะไร ทำให้ทางสะดวก พอก้าวเท้าออกจากตำหนัก นางก็ดันเจอเข้ากับขบวนของ ไทเฮา ที่กำลังมาถึง ข้าง ๆ ยังมีสาวงามเป็นสนมคือหลี่ผินนี้เอง

“ คารวะไทเฮา คารวะพระสนมหลี่ผิน” ย่อตัวทำความเคารพตามธรรมเนียม

“ข้ามาพบฝ่าบาท จงนำทางไปเถิด” สตรีผู้นี้ดูใจดีมาก ๆ แต่หลี่ผิน ที่ทำให้เหมยบาดเจ็บหนัก แทบจะตายไปแล้วถ้านางมาช่วยไม่ทัน สิ่งนี้หลานเสวี่ยไม่เคยลืม

“ขอประทานอภัยเพคะฝ่าบาททรงเข้าประชุมหารือกับเหล่าขุนนาง ไม่อยากให้ผู้ใดรบกวน”

เป็นจูเหนียง หัวหน้านางกำนัลที่เข้ามาบอก เพราะถ้าถามหลานเสวี่ยที่ไม่รู้เรื่องอะไร นางคงต้องพาทุกคนเข้าไปแน่ เกือบไปแล้ว แต่แล้วหลานเสวี่ยกับต้องมือสั่น เพราะตรงหน้าคือ สนมหลี่ผิน สั่งให้นางกำนัลของตนตบหน้าจูเหนียง จนแดงบวม นางทำได้แค่ก้มหน้าไม่พูดอะไร

“เป็นแค่นางกำนัล กล้ามาขวางเหรอ บังอาจยิ่งนัก ถ้าไม่เห็นแกข้า ก็เห็นแกไทเฮา เจ้าคู่ควรหรือที่จะมาขวาง” 

“หม่อมฉันผิดไปแล้ว หม่อมฉันแค่ทำตามรับสั่งของฝ่าบาทเท่านั้น” จูเหนียงก้มหน้าลงต่ำพูดด้วยความหวาดกลัว 

“บังอาจ เด็ก ๆ ลากนางไปโบยสิบที” หลี่ผินสั่งด้วยน้ำเสียงโมโห 

“ช่างเถอะ ไม่ต้องเอาเรื่องหรอกเดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ไทเฮา พาคนของตนกลับทันที 

ส่วนหลี่ผินก็เดินตามไปต้อย ๆ อย่างกับเห็บหมัดคอยติดตามไทเฮา นางผิดเต็ม ๆ ทำไมถึงไร้เหตุผลแบบนี้ ชอบนักเหรอรังแกคนอื่น

“ท่านหัวหน้า เป็นอะไรไหมเจ้าคะ รีบไปทายาเถิด” หลานเสวี่ยเป็นห่วงนางมาก เพราะไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรกับนางด้วย เมื่อเช้าก็ปล่อยให้นางได้นอนต่อ ก็ต้องอยากตอบแทน

“ไม่เป็นไร เจ้าอย่ามัวยืนตรงนี้ ไปทำงานได้แล้ว” 

พูดจบนางก็เดินไปข้างใน พอนางกำนัลคนอื่นเห็นก็รีบมาดู ก่อนจะมองมาที่หลานเสวี่ยด้วยความโกรธเกรี้ยว ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ถึงมองมาด้วยสายตาเช่นนี้

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 10 ขายตรง

    กลายเป็นว่า เพราะนางตื่นสายทำให้ทำงานเสร็จช้า ฝ่าบาทจึงหารือกับขุนนางช้า พอไทเฮามาถึงจึงไม่สามารถเข้าพบได้ หลานเสวี่ยรู้สึกผิดอยู่บ้างแต่ ต้นเหตุคือหลี่ผิน ที่วางอำนาจบาตรใหญ่ เพราะมีไทเฮาถือท้ายให้จึงไม่กลัวใครจะว่าไปนั่นก็เป็นแม่สามีของหลานเสวี่ยเหมือนกันถ้าหากลูกชายของนางไม่เป็นคนใจดำอำมหิตเช่นนั้นนะ ยืนเหม่ออยู่ตั้งนานนางก็ถูกหัวหน้านางกำนัลเรียกตัวให้ไปทำงาน แต่ก่อนจะไปนางได้มอบขวดน้ำจากมิติขวดเล็กให้กับหัวหน้า“ใช้ทาที่ใบหนาของท่าน มันจะหายในไม่ช้า ไม่ต้องกลัวหรอกมันไม่อันตรายอย่างที่คิด” “ข้าจะรับไว้ เจ้ารีบไปเถอะ อย่าสร้างเรื่องอะไรอีกล่ะ”“เจ้าคะ” เมื่อนางรับไว้เท่านี้ก็พอแล้ว หลานเสวี่ยเข้ามารับใช้ที่ห้องหนังสือเช่นเดิม พอเข้ามาก็เห็นฝ่าบาทนั่งอ่านฎีกาด้วยท่าทางสง่า พอมองดูดี ๆ ในหนังที่นางเคยดูกับตอนนี้ดูแตกต่างมาก ฮ่องเต้ในตอนนี้ดูน่าเกรงขามราวกับมีพลังวิเศษบางอย่าง หรือเป็นเพราะที่แห่งนี้เป็นโลกเวทมนตร์กันนะ นางเอกก็ไม่เข้าใจ แต่ชายผู้นี้ไม่ใช่คนปกติทั่วไป หรือเขาเป็นเทพเซียน อย่างตำนานของฮ่องเต้ที่บอกว่า เป็นสายเลือดของเทพ หลานเสวี่ยคิดไปเรื่อยเปื่อย“ยืนเหม่ออันใดอย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 11 เคลือบแคลงใจ

    หลานเสวี่ยเดินออกมาจากสวนด้วยความโมโห คุณหนูจางเสี่ยวหลงในชาติก่อน มีชีวิตสุขสบาย ใครจะกล้ารังแกเธอ ดูตอนนี้เป็นแค่พระชายาที่ผัวไม่รัก แถมยังถูกเมียน้อยรังแกอีก จะสงสารหลานเสวี่ย หรือสงสารตัวเองดีนะ“มาแล้วหรือ นางกำนัลจาง เข้าไปเถอะฝ่าบาทกับเหล่าขุนนางรอเจ้าอยู่ข้างใน” “รอข้าหรือ ไม่ใช่ว่ามีแต่ฝ่าบาทหรอกหรือ” “ฝ่าบาททรงอยากให้ขุนนางรู้ข้อมูล จะได้จัดเตรียมความพร้อมให้เหมาะสม ท่านก็รีบไปเถอะ” “เจ้าคะ ฉ่างกงกง”นางรีบเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ก็พบขุนนางสองคนนั่งรอตรงที่นั่งต่ำกว่าฮ่องเต้ ในความทรงจำของหลานเสวี่ย ทำให้รู้ว่าสองท่านนี้คือ เจ้ากรมพระคลัง กับเจ้ากรมโยธา ที่รับหน้าที่สำคัญในการรับมือกับภัยแล้งพอหลานเสวี่ยมาถึงทั้งสองคนก็มองไม่ละสายตา สีหน้าบ่งบอกถึงความสงสัย และไม่มั่นใจว่าแค่นางกำนัลตัวเล็ก ไปจะสามารถทำเรื่องใหญ่โตเข่นนี้ได้สำเร็จ แม้แต่ผู้มีความรู้อันดับหนึ่ง และผู้มีชื่อเสียงยังใช้เวลาเป็นร้อยปีกว่าจะติดต่อหาคนจากแดนเซียน เพื่อมาสั่งสอนคนในราชวงศ์ แค่ปีละครั้งเท่านั้นเองแต่นี้นางถึงกับติดต่อซื้อขายโดยตรง ทำให้ชายชราสองคนไม่เชื่อ และรวมถึงฮ่องเต้ก็เช่นกัน เขาไม่เชื่อเลย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 12 มากด้วยเล่ห์

    ฮ่องเต้หนุ่มหยิบตะเกียบทองขึ้นมา คีบเอาแท่งมันฝรั่งทอดเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวเบา ๆ ตามแบบของผู้ดี แต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยมาก แล้วเปลี่ยนเป็นมันฝรั่งเผาที่ยังมีอายร้อนลอยออกมาอยู่ คำเล็กถูกเอาเข้าปากหนาแต่สีหน้ายังเป็นเช่นเดิม สุดท้ายมันฝรั่งบด ก็ยังเป็นเช่นเดิม“เป็นเช่นไรบ้างเพคะ” “ก็ดี นับว่ารสชาติใช้ได้เลย อีกอย่างคุณค่าทางอาหารที่เจ้าบอกก็คงไม่เกินจริง เพราะข้าชิมเท่านี้ยังรู้สึกอิ่ม และมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที” “เช่นนั้นหม่อมฉันก็โล่งใจ” หลานเสวี่ยหายใจได้เต็มปอด แม้เขาจะไม่แสดงท่าทางออกมาแต่ก็คงอร่อยอยู่แล้ว “พวกท่านก็ลองชิมดู อีกประเดี๋ยวค่อยมาหาลือกันต่อ ข้าจะคุยเรื่องสำคัญกับนางกำนัลจางเสียหน่อย” “ขอบพระทัยฝ่าบาท” ทั้งสองคนรีบยกอาหารออกไปข้างนอก เหลือแต่หลานเสวี่ยกับฮ่องเต้ ทำให้บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อก่อนมากเลย นางรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้เมื่ออยู่กับเขาสองคน“ว่ามาเถอะ เรื่องเสบียงติดต่อได้เมื่อไหร่” น้ำเสียงนิ่ง ทำให้คนฟังรู้สึกถึงอารมณ์ และความรู้สึกของเขาได้อย่างดี“หม่อมฉันได้รับการตอบกลับแล้วเพคะ ท่านเซียนผู้นั้นส่งจดหมายด้วยผีเสื้อวิญญาณ หม่อมฉันจึงได้รับมาแล้ว” “รวดเร็วยิ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 13 รวยแล้ว

    หลานเสวี่ยเดินตามเจ้ากรมทั้งสองมาจนถึงกรมคลัง ตรงหน้าเป็นตำหนักขนาดใหญ่แต่ไม่เท่าตำหนักอันกง ในนั้นมีขุนนางน้อยใหญ่ที่ยังทำหน้าที่ของตน เมื่อเห็นเจ้ากรมก็รีบเดินมาหาทันที“คารวะ ท่านเจ้ากรมกวน ท่านเจ้ากรมหยาง มิทราบว่ามีธุระอันใดให้ผู้น้อยรับใช้หรือไม่” “ข้ามีธุระสำคัญมาก เจ้ารีบไปทำหนังสือเบิกเงินค่าเสบียง แล้วให้คนไปเตรียมคลังเก็บของจำนวน 6000 ชั่งให้เร็วหน่อย นี้ก็ใกล้มืดแล้ว”เจ้ากรมกวนสั่งลูกน้อง ก่อนจะพาหลานเสวี่ย และเจ้ากรมหยางไปที่ห้องรับรอง“เชิญนั่งตามสบายเถิดแม่นางจาง”“เจ้าค่ะ” นางรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด ตั้งแต่เช้าก็ได้แต่ยืน และเดินจากตำหนักอันกงมาถึงนี้เกือบสองกิโลเมตร ตอนนี้เธอนั่งดื่มชาโดยไม่สนใจเจ้ากรมสองคนที่นั่งคุยกันอยู่ พวกเขากำลังเถียงกันเรื่องเตรียมรถม้าไปรับของ เมื่อมาถึงหูของนางก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกว่า มันฝรั่งทั้งหมดอยู่ในถุงมิติเล็ก ๆ นี้“ข้าว่าเสบียงเยอะเช่นนี้ควรเอาทหารไปเยอะ ๆ หรือจะให้ท่านแม่ทัพเฉินเป็นคนคุ้มกันก็ยิ่งดี” “แต่ข้าว่าให้คนของข้าไปด้วยน่าจะดีกว่า เพราะคุ้นเคยเส้นทางดี อีกอย่างเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น คนของข้าก็มีประโยชน์กว่า” “ช้าก่อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 14 เงินที่ไร้ค่า

    “นี้คือสิ่งใด ได้รับเป็นของรางวัลหรือ” “เหมือนพระราชโองการเลย” หัวหน้านางกำนัลมาพอดี ทุกคนหันไปมองเพื่อหาคำตอบจากนาง“ใช่แล้ว นี้คือพระราชโองการจากฝ่าบาท”“ถ้าพวกเจ้าอยากรู้เดี๋ยวข้าอ่านให้ฟัง.... เป็นอย่างไรบ้าง” หลานเสวี่ยอ่านให้ทุกคนฟัง ทำเอานางกำนัลน้อยใหญ่ต่างรีบแสดงความยินดี แถมยังบอกอีกว่าอิจฉานางที่ได้อยู่ใกล้ฮ่องเต้ ใครล่ะอยากจะอยู่ใกล้ “ข้าบอกแล้วว่านางเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ไม่แน่นะพี่จางของเราอาจได้เป็นพระสนมกับเขาก็ได้” “ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น ถึงขั้นดึงตัวมาจากตำหนักอื่นก็มีแต่พีจางเท่านั้นแหละที่จะได้รับความโปรดปราน”“ได้ดีแล้วอย่าลืมพวกเรานะ”นางกำนัลพวกนี้พูดกันสนุกปากเลย ชอบแต่งเรื่องกันจริง ๆ “ไม่ใช่หรอก ฝ่าบาทคงไม่คิดแบบนั้นหรอก คงเห็นว่าข้าทำงานได้ดีจึงตกรางวัลให้” “ในเมื่อท่านได้เลื่อนขั้นเทียบเท่าหัวหน้านางกำนัลแล้ว ก็ต้องให้ของขวัญเล็กน้อยให้พวกเราบ้างสิเจ้าคะ” จูหยิน นางกำนัลที่พูดเก่งที่สุดในนี้รีบเอ่ยปาก สายตาหวานมองมาที่หลานเสวี่ย ดูเหมือนคนอื่นจะทำตามด้วย“พวกเจ้าก็อย่าไปขอนางเลย ห้าสิบตำลึงทองที่ได้ไปยังไม่พออีเหรอ รีบไปทำงานได้แล้ว” “ไม่เป็นไรหรอก ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 15 เป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ไม่ง่าย

    หลานเสวี่ยต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อรับใช้ฮ่องเต้ หลังจากเมื่อคืนที่นางกลับตำหนักเย็น และกลับมาตำหนักอันกงในตอนหลัง ดีที่นางได้ห้องส่วนตัวทำให้พวกตัวยุ่งอย่าง จูหยิน ที่ชอบบอกคนอื่นว่าเธอเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ถ้าเห็นกลับดึกคงบอกว่านางไปพบใครแน่นอนตำหนักอันกงยามนี้เงียบงัน มีเพียงฉ่างกงกงยื่นรอที่หน้าห้อง หลานเสวี่ยแอบคิดว่า กงกงผู้นี้ได้นอนบ้างหรือเปล่า ทำไมมาเมื่อไหร่ก็เจอแต่เขาตลอดเวลา แต่นางไม่กล้าถาม“คารวะ ฉ่างกงกง”“เข้าไปเถอะ ฝ่าบาทมีประชุมตอนเช้า”“เจ้าคะ” นางเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมของฮ่องเต้ ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน บนเตียงของเขามีชายหนุ่มใบหน้านิ่ง ริมฝีปากหยักได้รูป ถ้าเขาเป็นคนในยุคปัจจุบันคงเป็นดาราชายที่โด่งดังไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้สึกทึ่งมากคือท่านอนของเขาดูเป็นระเบียบ อย่างกับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว แตกต่างจากหลานเสวี่ยที่นอนดิ้นนิดหน่อย“มาถึงแล้วก็ควรปลุกข้าสิ ไม่ใช่เอาแต่จ้องหน้าแล้วยิ้มเช่นนี้” “ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวว่าพระองค์จะทรงบรรทมหลับไม่เพียงพอ จึงยังไม่ปลุกเพคะ”หลานเสวี่ยสะดุ้งโหยงในตอนที่เขาพูด สายตาคมของเขายามที่มองเธอแทบจะหายใจไม่ออก รู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 16 ข้าเป็นนางกำนัลผู้บอบบาง

    เมื่อคนพวกนั้นเข้ามาใกล้หลานเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดไพ่ใบสำคัญออกมาสู้ อันที่จริงรอเวลานี้มานานแล้วเช่นกัน นางยกป้ายที่กงกงให้ไว้ เขาบอกว่ามันจะช่วยเธอได้“ช้าก่อน ผู้ใดเห็นตราสัญลักษณ์นี้แล้วยังกล้าเข้ามาอีก จะถือว่าผู้นั้นต่อต้านพระบัญชาของฝ่าบาท มีโทษเช่นไรหม่อมฉันไม่พูดทุกคนก็คงทราบดี”“เนื่องจากยามนี้ฝ่าบาทบรรทมหลับอยู่ หม่อมฉันไม่อาจให้เข้าพบได้ แต่ถ้าพระองค์ตื่นจากบรรทมหม่อมฉันจะนำทางไปทันทีเพคะไทเฮา”หลานเสวี่ยพูดต่อเมื่อไม่มีใครกล้าเข้ามา ตอนแรกเห็นทำหน้าใหญ่โต พร้อมจะบดขยี้เธอ ดูสีหน้าของหลี่ผินตอนนี้ ไม่ต่างจากตัวตลก“ดีเหลือเกินนะ เป็นแค่นางกำนัลแต่กล้าทำถึงขนาดนี้ ไทเฮาจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทยังต้องทรงขอนางกำนัลเช่นเจ้า ใครไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นใหญ่ในวังหลังแล้วกระมัง” “หามิได้ หม่อมฉันทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ” “ช่างเถอะ รอไปก่อนเดี๋ยวฝ่าบาทคงตื่นบรรทมเอง” ไทเฮาไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ถ้ายังดันทุรัง จึงยอมให้หลานเสวี่ยหลานเสวี่ยเชิดหน้ายิ้ม มองหลี่ผินที่เดือดดาลอย่างมีความสุข ก่อนจะจัดแจงให้ทุกอย่างเข้าที่ เพราะตอนนี้เหล่านางสนมค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 17 แม่ค้าเต็มตัว

    หลานเสวี่ยทำหน้าที่ของตนอย่างทุกวัน ในยามเช้าแบบนี้ฮ่องเต้ต้องเข้าประชุม จึงต้องตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะสวมอาภรณ์ที่นางเตรียมให้ ระหว่างนั้นเองที่เขากำลังจะขัดฟันนางจึงถามอย่างสงสัย”ฝ่าบาทใช้สิ่งนั้นขัดฟันหรือเพคะ?” “เหตุใดถึงถามเช่นนี้ หรือเจ้าไม่เคยใช้” หันมามองใบหน้าสวยของนาง“หม่อมฉันไม่เคยเลย” “เช่นนั้นข้าจะให้คนเอามาให้ แต่เจ้าขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ รางวัลคราวก่อนก็ไม่ใช่น้อย” แม้จะไม่เข้าใจใจว่านางใช้เงินไปกับอะไร แต่ในวังข้าวของแพงกว่าข้างนอกนัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมแค่ของไม้ขัดฟันราคาไม่เท่าไหร่นางจึงซื้อไม่ได้ หรือนางอาจจะมีภาระมากมายในครอบครัวหรือเปล่า? หลงเยี่ยนยืนคิดในใจ“ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่จะบอกว่าใช้อันที่ดีกว่าอยู่” “มีอันที่ดีกว่านี้อีกหรือ ฉ่างกงกงไม่เห็นซื้อมาเปลี่ยน หรือเขาแอบอู้งาน” เมื่อมองสีหน้าท่าทางของนาง เขาก็พอเดาได้ว่ามีอะไรบางอย่าง เหมือนตอนที่นางเสนอขายเสบียง เรื่องนี้เขาเองไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเท่าไหร่“เจ้าคงไม่ได้จะบอกข้าว่า ขอสิ่งนั้นมาจากแดนเซียนหรอกนะ”“เกือบถูกเพคะ ของสิ่งนี้มาจากแดนไกล แต่ไม่ใช่แดนเซียน เพราะที่นั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 48 ปากแข็งยิ่งนัก

    หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 47 ผู้อยู่เบื้องหลัง

    ในสายตาของผู้ฝึกเซียนขั้นสี่ พวกนางจะทำอะไรได้ ส่วนคนคุ้มกันก็แค่พอถ่วงเวลา งานนี้ไม่ยากเย็นนัก มือสังหารเดินเข้ามาตรง ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้คุ้มกันไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปขวาง แต่หลานเสวี่ยห้ามเอาไว้ก่อน“ก็แค่มดปลวก ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไปก่อน” นางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และหนักแน่น แววตาคู่สวยแสดงออกถึงความจริงจัง ทำให้หยางกับเหมยถอยออกมา รวมถึงผู้คุ้มกันที่กำลังตัวสั่นเพราะความกลัว “ถ้าเช่นนั้นก็ฝากแม่นางด้วย” เขาโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม แม้จะมองไม่ออกว่าหลานเสวี่ยจะใช้อะไรเอาชนะผู้ฝึกเซียนระดับนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อนาง และขอให้นางสามารถจัดการได้ เขายังไม่อยากทิ้งครอบครัวให้ลำบาก“แค่มดปลวกหรือ ปากดีเสียจริงนะ คำพูดนี้เป็นข้าทีต้องพูดออกมา ลนหาที่ตายนัก ได้...ข้าจะส่งเสริมเจ้าให้ตายเร็วขึ้นเอง” “อย่าเอาแต่พูดเลย อยากเข้ามาก็มาได้ตลอด ข้ารอเจ้าอยู่ เจ้ามาสิ” หลานเสวี่ยยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ทำเอาผู้ฝึกเซียนถึงกับเหงื่อซึม เมื่อสัมผัสพลังบางอย่างจากตัวนาง เขาไม่มั่นใจนักว่ามันคือสิ่งใด แต่สัญชาตญาณของเขาบอกให้ถอย เมื่อยั

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 46 นิราศชางเฟิง

    ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะเรื่องต่าง ๆ มากมายให้จัดการ เร่งด่วนจนไม่มีเวลาพัก หลายวันนี้แม้แต่ระบบยังห้ามไม่ให้นางใช้น้ำวิเศษเพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าดี เหตุก็เพราะว่านางดื่มน้ำเกือบห้าสิบครั้ง แต่ละครั้งคือร่างกายนางเหนื่อยล้าเต็มที่ โดยเฉพาะยามกลางคืน ที่หลานเสวี่ยจะยังอยู่หอการค้า เพราะรออนุมัติ ไม่ก็รอตอบจดหมายเร่งด่วน ขอความเห็นจากสาขาอื่นที่ส่งออกไป เป็นเรื่องที่แม้ว่าคนอื่นจะรอได้ แต่นางไม่สามารถรอได้ร่างเพรียวบางนอนราบบนเตียงนุ่ม อ่อนล้าไปทั้งตัว ขอบตามีรอยดำคล้ำเล็กน้อย กับความรู้สึกปวดร้าวทั้งร่างกาย ใบหน้าของนางซีดเชียว และซูบผอมลง เพราะไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเกือบอาทิตย์ “ลูกแม่ ทำไมถึงทำงานหนักเช่นนี้ เงินทองใช่ว่าจะสำคัญทุกอย่าง ตอนนี้เราไม่ได้ขาดเงิน เจ้าจะรีบร้อนทำไมหรือ” ผู้เป็นแม่เข้ามาบีบนวดให้นางทุกวัน ทำให้หลานเสวี่ยรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ฝีมือของท่านแม่ดีจริง ๆ ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม นางได้แต่ยิ้มให้หลานฮูหยิน“ลูกไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ผอมลงนิดเดียว อีกอย่างไม่ได้แต่งงานกับบุตรชายเสนาบดี เท่านี้ก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดด้วยความร่าเริง เม

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 45 หนึ่งเดือนก่อนจาก เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับตัวนาง

    หลานเสวี่ยกำลังยุ่งอยู่กับระบบ เพราะตั้งแต่ที่เปิดร้าน ทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน คะแนนรวมของนางคือหก แสนคะแนนจากระบบ และ แสนห้าหมื่นคะแนนความดีที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนนางมีคะแนนจากระบบเจ็ดแสน แต่เพราะอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันสุดท้าย ใช้ไป 1 แสนคะแนน ทำเอาหลานเสวี่ยแอบสงสัยว่าทำไมถึงใช้เยอะแบบนี้ แต่นางก็ยอมเพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอัปเดต“ระบบ ทำไมถึงใช้คะแนนเยอะมากกว่าทุกครั้งละ หรือว่ามีของรางวัลดี ๆ”(เป็นเพราะว่านี้คือระบบเวอร์ชันสุดท้าย ที่สำคัญจำเป็นต่อผู้ใช้เช่นกัน....)“เดี๋ยวก่อน ทำไมเงียบไปละ” ระบบไร้เสียงตอบ ทำเอาหลานเสวี่ยตกใจไม่น้อย แต่ก็จัดการ ส่งคำสั่งเพาะปลูกได้เป็นปกติ ถึงมิติก็ยังใช้ได้ จึงคิดว่าระบบคงขัดข้องชั่วคราว แต่นางแอบสังเกตนิดหน่อยเพราะช่วงนี้ระบบแปลกไปจากเดิมมาก อย่างเช่น น้ำในลำธารของระบบลดลงจนสังเกตได้ และแสงสว่างในนี้ก็ลดลงเช่นกัน อยากจะถามระบบแต่ก็มาหายตัวไป สงสัยคงกำลังอัพเดทชุดใหญ่ นางจึงไม่สนใจระบบ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ แต่ละวันนางจะใช้คะแนนแลกของขายดี อย่างเช่นเครองสำอาง ที่สตรีร่ำรวย และขุนนางใช้กัน นี้เป็นรายรับสามส่วนของนางก็ว่าได้ ช่วยให้จัดกา

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 44 มื้ออาหารกับครอบครัว

    หลานเสวี่ยกลับมาที่จวนในตอนสาย พอมาถึงสายตาของบิดามารดาก็มองนางด้วยความสงสัย บุตรสาวของตนไปค้างที่ใดมา แม้จะมีคำถามมากมายอยู่ในอกของทั้วสอง แต่พักนี้รู้สึกว่านางดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แถมยังเฉลียวฉลาดมากกว่าเดิม ท่าทางก็เปลี่ยนไป ทำให้ทั้งสองไม่กล้าที่จะถามตรง ๆ หลานฮูหยินรีบออกมารับบุตรสาวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ส่วนใต้เท้าหลานเดินตามหลังมาด้วย“กลับมาแล้วหรือ หิวไหมแม่จะไปทำกับข้าวให้เจ้า” “ลูกินอิ่มแล้วเจ้าค่ะ ตอนขากลับแวะซื้อของอร่อยตามทางมาด้วย นี้เจ้าต่ะ” หลานเสวี่ยยกสิ่งของรุงรังในมือขึ้นมา รวมถึงบ่าวทั้งสองคนก็แทบจะแขนลาก เพราะเป็นคนถือของให้นาง ดีที่แข็งแรงหน่อย“ทำไม่ซื้อมามากมายเช่นนี้ จะกินหมดหรือ ดูสิผิวพรรณ.. เนียนสวยเสียจริง ดูแล้วลูกแม่สวยขึ้นเป็นกองเชียวนะ” มารดาของนางเมื่อสำรวจดี ๆ จึงรู้ว่านางดูเปร่งประกายราวกับถูกเคลือบด้วยออร่า แม้เมื่อก่อนนางจะงดงามเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่วันนี้ยิ่งแตกต่าง ผิวพรรณผุดผ่อง สัมผัสนุ่มนวล ไหนจะกลิ่นหอมอ่อน ๆ ที่โดดเด่น ทำให้หญิงวัยย่างเข้าสี่สิบสนอกสนใจกว่าเดิม ดวงตาคู่นั้นก็มองด้วยความสงสัย เพราะมีเรื่องแปลกประหลาดมากมายอย่างเช่น เมื่อวานท

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 43 คืนฝนพรำ

    หลานเสวี่ยถูกอุ้มเข้าไปในห้องนอน มือเรียวยังคงปิดหูตัวเองเอาไว้แน่น เพราะกลัวเสียงฟ้าร้อง ทันทีที่เข้ามาข้างในเสียงต่าง ๆ ก็เงียบไปอย่างมหัศจรรย์ หญิงสาวลืมตาขึ้นด้วยความประหลาดใจ และพบว่าตนเองอยู่ในอ้อมแขนของเขา ใบหน้าของหลานเสวี่ยแดงระเรื่อ เธอหลุบตาลงต่ำด้วยความเขินอายเมื่อสบสายตาคมคายที่มองตรงมา ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองถูกอุ้มเข้ามาในห้องเสียแล้ว“เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก ที่นี่ไม่มีเสียงฟ้าร้องเหมือนด้านนอก เพราะข้าใช้สมบัติวิเศษป้องกันเอาไว้” น้ำเสียงทุ้ม พูดพลางวางเธอลงบนเตียงนุ่ม ๆ พร้อมกับห่มผ้าให้ และลงไปนอนรวบตัวนางเอาไว้แน่น“เจ้าค่ะ...แต่” หลานเสวี่ยเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ท่านแม่ทัพจะกอดข้าน้อยแบบนี้ทั้งคืนหรือ ชายหญิง...”ปากน้อย ๆ ของนางกำลังจะพูดเรื่องยาว แต่ถูกมือใหญ่ปิดเอาไว้อย่างรู้ทัน เขาไม่ปล่อยโอกาสอันดีให้เสียเปล่า เป็นวัวเป็นม้าให้นางแล้ว ต้องได้รางวัลเสียหน่อยถึงจะถูก“สามีภรรยาอยู่ด้วยกันจะเป็นไรไป หากเจ้ายังดื้อดึงอีก ข้าจะไม่หักห้ามใจแล้วนะ” พูดเสียงสั่นเครือ เพราะกำลังหักห้ามใจตัวเองหลานเสวี่ยรู้สึกถึงหัวใจของตนเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก จึงก้มหน้ามองแผ่นอกกว

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 42 ฟ้าฝนเป็นใจ

    รอจดหมายจากพระองค์เกือบสองถ้วยชา แต่นางยังไม่เห็นจะมีวี่แววจะออกมาเลย เขียนร้อยฉบับหรืออย่างไรกันแน่ ร่างเล็กเดินไปมาอยู่ในห้องรับรอง ก่อนจะเดินออกมามองดูนอกหน้าต่าง ตอนนี้ท้องฟ้ามืดครึ้มคล้ายฝนจะตก นางยิ่งร้อนใจ ขาเรียวไม่รอช้าอีกต่อไป เดินออกจากห้องรับรองไปที่ห้องทำงานของท่านแม่ทัพโดยตรง ก่อนจะเห็นท่านแม่ทัพเดินมาจากข้างนอก ทำเอานางรู้สึกงุนงงอย่างมาก “ท่านแม่ทัพเจ้าคะ! ท่านคงไม่ลืมจดหมายของข้าหรอกนะ” น้ำเสียงเรียบนิ่งแฝงไปด้วยความไม่พอใจ แม่นางจะพยายามเก็บความรู้สึกหงุดหงิดเอาไว้“ข้าจะลืมได้อย่างไร เมื่อครู่ข้ามีธุระด่วนไม่คิดว่าเจ้าจะรีบร้อนอย่างนี้” ยืนตัวตรง มองนางด้วยสายตามีเลศนัย“หาใช่แบบนั้นเจ้าค่ะ ข้าน้อยจะกล้าเร่งรัดท่านแม่ทัพได้อย่างไร” “เช่นนั้นก็มาฝนหมึกให้ขาเถิด” หลงเยี่ยนเดินนำไปก่อน ทิ้งให้หลานเสวี่ยมองตามแผ่นหลังกว้างด้วยความไม่พอใจเล็ก ๆหลานเสวี่ยเดินตามไปพร้อมกับบ่นพึมพำในใจ ทำไมแค่จดหมายฉบับเดียวต้องดึงเวลาให้ยุ่งยากแบบนี้ด้วยนะ แต่นางจะทำอันใดได้ ยามนี้ได้แต่ก้มหน้าก้มตาฝนหมึกให้ได้เยอะ พระองค์จะได้เร่งเขียนให้เสร็จ ทว่าไม่นานเสียง “กร๊อก" ดังขึ้นใบหน้าสวย

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 41 ไม่อ้อมค้อม

    ทหารหนุ่มวิ่งหน้าตั้งออกมาจากกำแพงใหญ่ แล้วสั่งให้รถม้าของหลานเสวี่ยเข้าไปได้ ทำเอาเหล่าคุณหนูที่มารอตั้งนานแทบจะตาลุกเป็นไฟด้วยความริษยา แม้จะรู้ว่านางถูกปลดแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงของฝ่าบาทย่อมสูงส่งกว่าสตรีทั่วไป “พวกเจ้าก็รอต่อไปเถิด เห็นทีคงต้องรอจนหัวหงอกกระมัง” หลานเสวี่ยพูดทิ้งท้ายก่อนจะให้คนขับรถม้าขับออกไป ทำเอาบ่าวสองคนยิ้มอย่างสะใจที่ได้เอาคืนพวกนั้นเมื่อมาถึงขาวในจวนนางเดินตามทหารยามเข้าไปในจวน ที่นี่ไม่ได้หรูหราเหมือนจวนแม่ทัพที่เมืองหลวง เพราะเป็นที่พักชั่วคราวใช้ยามจำเป็น แต่ก็เรียบง่ายดี สีสันไม่โดดเด่น ส่วนมากจะเป็นข้าวของที่ทำจากไม้ สวยอยู่ไม่น้อย“รอก่อนนะขอรับข้าน้อยจะไปแจ้งท่านแม่ทัพให้” ทหารหนุ่มสีหน้าซีดเซียว แม้จะรู้ว่าตราไว้ชีวิตมีไว้ทำอันใด แต่เขาเกรงว่าครั้งนี้จะตัดสินใจพลาดจนถูกแม่ทัพลงโทษ หรือถ้าหากเกิดเขาปล่อยแขกของท่านแม่ทัพไป เกรงว่าจะยิ่งถูกลงโทษหนัก สถานการณ์เช่นนี้เลือกทางไหนก็ไม่รอด นอกจากท่านแม่ทัพจะให้ความสำคัญกับแขกคนนี้ทหารหนุ่มยืนอยู่ต่อหน้าประตูห้องทำงานส่วนตัว เมื่อเช้าเขาได้รับคำสั่งว่าไม่ให้ผู้ใดมารบกวน แต่ตอนนี้เขาลังเลว่าจะรอดต

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 40 พบท่านแม่ทัพช่างยากเย็น

    มือเรียวยกกาน้ำชาขึ้นมารินให้บิดาอย่างเรียบร้อย จึงเลื่อนไปรินให้มารดาที่นั่งยิ้มให้กับนาง ทั้งสองคนดีใจจนยิ้มไม่หุบ ที่บุตรีสุดที่รักกลับมาให้เอ็นดูอีกครั้ง นับตั้งแต่พี่สาวของนางออกเรือน จวนตระกูลหลานก็เงียบเกินไป จะดีแค่ไหนหากพวกนางสองคนมีหลานให้พวกเขาทั้งสอง แม้ว่าหลานเสวี่ยจะไม่มีโอกาสแล้วก็ตาม เรื่องนี้ทั้งสองรู้ดี แต่พี่สาวนางกำลังจะได้รับข่าวดี จวนจะได้ครึกครื้นไม่เงียบเหงาอีก “กลับมาไม่นาน ลูกปรับตัวได้หรือยัง ที่นี่ค่อนข้างห่างไกลเมืองหลวงไม่ค่อยมีอันใดให้เพลินตานัก” มารดาเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม“ลูกปรับตัวได้เจ้าค่ะ อีกอย่างที่เมืองหลวงไม่ค่อยมีอันใดให้ลูกดูมากนัก ที่นี่น่าดูมากกว่า” “ถ้าเช่นนั้นพ่อจะสั่งคนทำห้องให้เจ้าใหม่ จะได้อยู่สบายขึ้น รออีกสักสามเดือนพี่สาวเจ้าก็จะมาเยี่ยมแล้ว ตอนนี้ลูกคงไม่รู้ว่าพี่สาวของเจ้าตั้งครรภ์แล้วนะ” ใต้เท้าหลานพูดด้วยน้ำเสียงปีติ แสดงออกมาชัดเจน“จริงหรือ เป็นเรื่องดีแท้ ๆ ท่านทั้งสองจะได้ไม่เหงามาก ลูกเองก็จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ เจ้าค่ะ” เมื่อได้ยินเช่นนั้นสองสามีภรรยาก็มองหน้ากันอย่างสงสัย ทั้งที่คิดไว้ว่านางจะมาอยู่ด้วยกันที่นี่“ลูกไม่มาอยู่ที่

DMCA.com Protection Status