แชร์

ตอนที่ 12 มากด้วยเล่ห์

ผู้เขียน: Jiraiyajung
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-11 13:54:00

ฮ่องเต้หนุ่มหยิบตะเกียบทองขึ้นมา คีบเอาแท่งมันฝรั่งทอดเข้าปาก ก่อนจะเคี้ยวเบา ๆ ตามแบบของผู้ดี แต่สีหน้ายังคงนิ่งเฉยมาก แล้วเปลี่ยนเป็นมันฝรั่งเผาที่ยังมีอายร้อนลอยออกมาอยู่ คำเล็กถูกเอาเข้าปากหนาแต่สีหน้ายังเป็นเช่นเดิม สุดท้ายมันฝรั่งบด ก็ยังเป็นเช่นเดิม

“เป็นเช่นไรบ้างเพคะ” 

“ก็ดี นับว่ารสชาติใช้ได้เลย อีกอย่างคุณค่าทางอาหารที่เจ้าบอกก็คงไม่เกินจริง เพราะข้าชิมเท่านี้ยังรู้สึกอิ่ม และมีเรี่ยวแรงขึ้นมาทันที” 

“เช่นนั้นหม่อมฉันก็โล่งใจ” 

หลานเสวี่ยหายใจได้เต็มปอด แม้เขาจะไม่แสดงท่าทางออกมาแต่ก็คงอร่อยอยู่แล้ว 

“พวกท่านก็ลองชิมดู อีกประเดี๋ยวค่อยมาหาลือกันต่อ ข้าจะคุยเรื่องสำคัญกับนางกำนัลจางเสียหน่อย” 

“ขอบพระทัยฝ่าบาท” 

ทั้งสองคนรีบยกอาหารออกไปข้างนอก เหลือแต่หลานเสวี่ยกับฮ่องเต้ ทำให้บรรยากาศแตกต่างจากเมื่อก่อนมากเลย นางรู้สึกกลัวยังไงไม่รู้เมื่ออยู่กับเขาสองคน

“ว่ามาเถอะ เรื่องเสบียงติดต่อได้เมื่อไหร่” น้ำเสียงนิ่ง ทำให้คนฟังรู้สึกถึงอารมณ์ และความรู้สึกของเขาได้อย่างดี

“หม่อมฉันได้รับการตอบกลับแล้วเพคะ ท่านเซียนผู้นั้นส่งจดหมายด้วยผีเสื้อวิญญาณ หม่อมฉันจึงได้รับมาแล้ว” 

“รวดเร็วยิ่งนัก หากไม่รู้ว่าเจ้าเป็นนางกำนัล ข้าคงคิดว่าเจ้าเป็นผู้อื่นไปแล้ว” 

“ผู้ใดหรือ?” 

หลานเสวี่ยหลุดปากถาม เพราะเขามองเธอด้วยความสงสัยเต็มใบหน้า จนร่างแบบบางในชุดนางกำนัลต้องแอบกลัวว่าเขาจะรู้เรื่องอื่นอีก

“พูดต่อเถิด ข้าอยากฟังรายละเอียด”

“นอกจากจะได้รับจดหมายแล้ว หม่อมฉันยังได้รับถุงวิเศษที่บรรจุเสบียงเอาไว้ข้างใน ท่านเซียนได้บอกไว้ว่าท่านมาพักผ่อนในโลกมนุษย์ แต่ไม่สะดวกให้พบจึงอยากให้หม่อมฉันเป็นตัวกลาง และทันทีที่ได้รับเงินใส่ถุงตามที่ตกลงถุงวิเศษก็จะหายไปทันที” 

“รอบคอบดีสมแล้วที่เป็นถึงเซียน เช่นนั้นแล้วราคาตกลงที่เท่าไหร่รึ?” 

หลานเสวี่ยยิ้มในใจ ในที่สุดนางก็สามารถขายของที่มีให้กับฮ่องเต้โดยอ้างชื่อท่านเซียน และด้วยชื่อนี้ นางก็ไม่กลัวว่าชีวิตจะตกอยู่ในอันตรายถ้าหากออกจากวังไป แถมยังได้กอบโกยเงินทองมากมายจากเขา จากที่เคยถามหยาง นางบอกว่า ข้าวในปัจจุบันหกสิบชั่ง เท่ากับ 40 ตำลึง นางจึงขายแพงไปอีก เพราะในพระคลังไม่มีเสบียง แต่มีเงินทองของมีค่าเยอะ

เท่านี้หลานเสวี่ยผู้นี้ก็จะกลายเป็นมหาเศรษฐี ออกไปเปิดร้านนอกวังได้อย่างสบายใจ ส่วนฮ่องเต้ใจดำ จะต้องจำใจยอมรับอย่างไม่มีเงื่อนไขแน่นอน มีเงินเยอะจนเลี้ยงสนมหลายคน แค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอกมั้ง

“60 ตำลึงทองต่อ 60 ชั่ง (เทียบเท่า 1 ตัน)” 

“ราคานี้ก็นับว่าแพงเอาการ แต่ในเมื่อเป็นท่านเซียนข้าก็เต็มใจรับทั้งหมด เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อผู้อาวุโสกว่า”  ฮ่องเต้หนุ่มครุ่นคิด ก่อนจะหันมามองหลานเสวี่ยที่แอบดีใจที่ตกลงราคาได้ด้วยดี

“ว่าแต่ในถุงวิเศษ มีเท่าใดหรือข้าจะรับไว้ทั้งหมด” 

“ตอนนี้มี 6000 ชั่ง เพคะ” 

“มากขนาดนี้คงทำให้พ้นภัยแล้งได้ ดี! ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างงาม เอาล่ะเดี๋ยวรอให้เจ้ากรมทั้งสองชิมอาหารของเจ้าเสร็จค่อยจัดเตรียมเรื่องสถานที่ ส่วนเจ้าก็ลงนามสัญญาซื้อขายตรงนี้เถิด เพื่อใช้ยืนยันการรับเงินจากกรมพระคลัง” 

“เพคะฝ่าบาท”

นางรีบเดินก้มหน้าไปนั่งต่อหน้าเขา บนโต๊ะมีกระดาษหนังสืออยู่แผนหนึ่ง ในยุคนี้กระดาษถือเป็นของล้ำค่ามาก นางก็เพิ่งเคยพบ พอมาถึงก็แค่ใช้นิ้วทับแผนหมึกสีแดง แล้วประทับลงในใบสัญญา เท่านี้ก็เรียบร้อย รู้สึกมีความสุขขึ้นมาเลย

“เจ้าคงได้ค่าเหนื่อยไม่น้อยเลยใช่หรือไม่ ถึงได้ยิ้มหน้าบานเช่นนี้” 

“มิกล้าเพคะ หม่อมฉันได้รับเพียงเล็กน้อยตามความเมตตาของท่านเซียน แต่ก็ดีใจที่หาเสบียงให้ฝ่าบาทได้ เท่านี้ก็เพียงพอแล้วเพคะ”

“รอให้จัดการทุกอย่างเรียบร้อยดี ข้าจะตกรางวัลให้เจ้าอย่างดี ไม่ต้องเป็นกังวลไป” 

“เพคะ” 

หลานเสวี่ยก้มหน้ามองโต๊ะไม่กล้าสบตาเขา กลัวจะเก็บความดีใจไว้ไม่มิด แถมยังรู้สึกประหม่าอีกด้วย เขาเอาแต่จ้องมอง ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ได้ พร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก

“กลิ่นหอมนี้คงมาจากดินแดนเซียนกระมัง ได้ข่าวจากฉ่างกงกงว่าเจ้าเป็นคนนำเข้ามา” 

“หม่อมฉันผิดไปแล้ว...”

“ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก แต่วังหลวงก็มีกฎของวังหลวงการค้าขายเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เห็นแกที่เจ้าทำความดีความชอบ ข้าจะละเว้นสักครั้ง” 

คนผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก รู้ไปทุกเรื่องถ้าเช่นนั้นเรื่องที่เธอปลอมเป็นคนของตำหนักไทเฮาละ เขาจับได้หรือเปล่า 

(นางกำนัลจาง มีตัวตนอยู่จริงในตำหนักไทเฮา เมื่อสามปีก่อนนางกลับบ้านแล้วถูกโจรดักปล้นจึงเสียชีวิตไป แต่ไม่มีใครรู้ทุกคนคิดว่านางดูแลมารดาที่ป่วย จนมารดานางเสียเมื่อปีก่อน)

ระบบมาได้เวลาพอดี ทำเอาหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เกือบไปแล้ว แต่แทนที่จะตกใจว่าความลับจะหลุด นางยิ่งตกใจกว่าอีกเมื่อดวงตาคมของฮ่องเต้เอาแต่มองนางอย่างนั้น ใบหน้าคมเข้มคิ้วหนา ดวงตายาวที่มองพร้อมจะกระชากตัวเธอได้ทุกเมื่อ ริมฝีปากหนาแม้จะนิ่งสงบ แต่ยามที่มองใบหน้านั้นทำให้หลานเสวี่ยแอบใจเต้นไม่รู้ตัว ดาเมจของฮ่องเต้อันตรายดั่งคำร่ำลือ นี่คงเป็นเสน่ห์ของละครหรือซีรี่ส์ที่ตัวเองเป็นฮ่องเต้สินะ

“ทรงมีอะไรติดใบหน้าหม่อมฉันหรือเพคะ?” 

“เปล่าหรอก เอาหนังสือสัญญาไปเถิดเจ้ากรมทั้งสองมาแล้ว” 

“เพคะ” 

หลานเสวี่ยกลับไปยืนที่เดิม พร้อมกับเจ้ากรมที่ยิ้มแก้มปริเข้ามาโค้งคำนับ 

“เป็นเช่นไรบ้าง รสชาติดีเยี่ยม ดั่งคำกล่าวหรือไม่” 

“เชิญท่านเจ้ากรมพูดเถิด” 

“ตามความเห็นของกระหม่อม มันฝรั่งนี้ดีมาก รสชาติหวานมัน รู้สึกถึงความอร่อยในตัวหาได้ยากยิ่ง แถมให้ความอิ่มเยอะมาก ที่สำคัญทำมีร่างกายแข็งแรงขึ้นทันตา แค่เสวยมันฝรั่งหัวเดียวก็สามารถอยู่ได้ถึงหนึ่งวัน ถ้าเอาไปขายราคาคงไม่ต่ำกว่า 100 ตำลึงทองต่อ 60 ชั่งเป็นแน่” 

“ร้อยตำลึงเลยหรือ” 

หลานเสวี่ยรีบพูดขึ้น นางตกใจมากที่ราคาสูงกว่าที่คิดไว้ ก่อนจะดูกระดาษในมือที่ตกลงซื้อขายสำเร็จแล้ว ทำไมนางรู้สึกเหมือนถูกเอาเปรียบอยู่เลย

“นี้เป็นแค่ราคาทั่วไปตอนที่ไม่มีภัยแล้ง ถ้าเป็นราคาตอนนี้คงประมาณ 120-130 ตำลึงทองแน่นอน”

“เอาละข้าตกลงกับนางกำนัลจางแล้ว ที่เหลือก็ฝากท่านสองคนจัดการเรื่องที่เก็บสำหรับ 6000 ชั่ง ไว้ด้วย และเจ้ากรมโยธาทำหน้าที่ขนเสบียงไปแจกจ่ายให้ทั่วถึง”

“น้อมรับพระบัญชาฝ่าบาท” 

ทั้งสองคนโค้งคำนับก่อนจะเดินออกไป หลานเสวี่ยเอาแต่มองกระดาษพร้อมด่าเขาในใจ ร้ายกาจนักปกปิดราคาที่แท้จริงเอาไว้ เล่นละครเก่งจริง คนแบบนี้น่ากลัวกว่าที่คิด มากด้วยเล่ห์กล นางต้องระวังเขาให้มากกว่านี้ หลงคิดว่าตัวเองจะหลอกเขาได้แล้ว ไม่น่าเลย

“ท่านเซียนคงเมตตาให้ราคาที่ต่ำกว่าตลาดเช่นนี้ นับว่าเป็นวาสนาที่ได้ทำการค้าด้วยกัน เจ้ามีโอกาสก็ช่วยกล่าวขอบคุณแทนข้าด้วย”

“เพคะฝ่าบาท หากไม่มีอันใดจะรับสั่งแล้วหม่อมฉันขอทูลลา” 

“ไปเถอะ” 

หลงเยี่ยนยิ้มมุมปาก เขาก็ไม่คิดว่าจะได้เสบียงราคาถูกเช่นนี้เพราะจ่ายไปไม่ถึง หนึ่งส่วนของงบประมาณเสบียงทั้งหมดด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังสงสัยในตัวของ จางเสี่ยวหลงผู้นี้มากขึ้นอีก 

หลังจากออกมานางก็เดินตามเจ้ากรมทั้งสองไปที่กรมพระคลัง ตอนนี้ก็เริ่มจะมืดแล้วจึงรีบไปรีบมา จะได้พักผ่อน ไม่รู้ว่าในมิติเป็นอย่างไรบ้างแล้ว ไหนจะสองคนอีกนางทิ้งอาหารไว้เยอะอยู่ แต่ก็กลัวพวกนางเป็นห่วง แม้จะบอกไปแล้วว่าไม่ต้องห่วงก็ตาม

“คารวะไทเฮา” 

หลานเสวี่ยกับเจ้ากรมทั้งสองคนโค้งคำนับ ไทเฮา ที่เดินมากับหลี่ผิน รวมถึงนางสนมคนอื่น ๆ ซึ่งหลานเสวี่ยคุ้นหน้าดีก็คงเป็นพระสนมหานผิน แม้จะไม่เคยเจอกันตรง ๆ ก็ตาม

“ท่านทั้งสองตามสบายเถิด ข้าแค่เดินไปงานเลี้ยงน้ำชาเพื่อปรึกษาหารือเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” 

“ทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

เรื่องทุกอย่างควรจบเท่านั้น แล้วเจ้ากรมสองคนหลีกทางให้ขบวนของไทเฮา แต่ทว่าสายตาของหลี่ผินกับนางสนมลูกสมุนของนางไม่ยอมอยู่เฉย

“นางกำนัลจาง คนเดียวกับนางกำนัลที่อยู่ตำหนักไทเฮาไม่ใช่หรือ” 

หลี่ผินพูดขึ้น ทำให้ไทเฮาที่กำลังจะเดินเจ้าไปก็รีบหยุดเท้าหันมาสนใจใบหน้าสวยของหลานเสวี่ย

“เป็นเจ้าเองหรือ เหตุใดกลับมาแล้วไม่บอกกล่าวข้าหน่อย แล้วไปอยู่ตำหนักอันกงเมื่อใดกัน” 

“ที่นี่อากาศหนาว หม่อมฉันว่าเราเขาไปคุยกันที่ตำหนักดีกว่าเพคะ” หันไปพูดเสียงหวานกับไทเฮา ก่อนจะหันมามองหลานเสวี่ย 

“เจ้าก็รีบตามาเถอะอย่าปล่อยให้ไทเฮาต้องรอนาน”

“แต่ว่า..” 

“กล้าขัดคำสั่งหรือ ต่อหน้าไทเฮายังทำตัวเช่นนี้ หรือคิดว่าฝ่าบาททรงโปรดปรานจึงคิดจะทำอะไรก็ได้”

“หมายความว่าอย่างไร สนมหลี่” 

ไทเฮายิ่งสนใจกว่าเดิม แม้จะใจดีแต่นางก็มีเรื่องที่ไม่ชอบอยู่ และหลี่ผินก็รู้ดีว่าคืออะไร จึงใช้มันมาจัดการกับหลานเสวี่ย

“เป็นแค่ข่าวลือเพคะ หม่อมฉันไม่กล้าพูดส่งเดช” 

“พูดมาเถอะ” 

หลี่ผินกระซิบข้างหูของไทเฮาเพราะไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ด้วย ทว่าพอนางได้ฟังก็มีสีหน้าโกรธกริ้วขึ้นมา ใบหน้าของสตรีผู้ใจดีหายไปทันที ทำเอาหลานเสวี่ยแอบกลัวอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าสนมหลี่จะพูดอะไรไปบ้าง

“เด็ก ๆ พาตัวนางกำนัลจางไปที่ตำหนักไทเฮา ” 

หลี่ผินออกคำสั่งแทน ก่อนจะมีนางกำนัลของตำหนักไทเฮา เข้ามาจับตัวหลานเสวี่ยเอาไว้

“โปรดเย็นพระทัยก่อนพ่ะย่ะค่ะ นางกำนัลจางต้องไปกับกระหม่อมตามรับสั่งของฝ่าบาทไม่อาจไปกับไทเฮาได้ในตอนนี้” 

เจ้ากรมกวน รีบก้มหน้ากล่าวชี้แจงทันที ทั้งที่ตัวของเขาสั่นไปหมดแล้ว อีกคนก็ฝ่าบาทอีกคนก็ไทเฮา เขาจะไปทางไหนดี

“ธุระอันใดกันถึงไม่อาจรบกวนได้ หรือนางกำนัลผู้นี้ ข้าไม่อาจแตะต้องได้อย่างนั้นหรือ”

“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้เป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยได้โปรดเห็นใจกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

ชายชราโค้งคำนับอยู่อย่างนั้นคงปวดเอวไปหมดแล้วมั้ง หลานเสวี่ยก็สงสารอยู่หรอก แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ ไม่อยากยุ่งด้วยกับคนพวกนี้ อีกเดี๋ยวพวกเขาก็จะไม่ต้องทนเห็นนางแล้ว

“เช่นนั้นก็ไปเถอะ ข้าจะจำวันนี้ให้ขึ้นใจ” 

พูดจบนางก็เดินผ่านไป แต่ท่าทางคงจะไม่พอใจมากที่ทำอะไรหลานเสวี่ยไม่ได้ 

“ไปต่อเถอะ ใกล้จะมืดแล้ว” 

หลานเสวี่ยรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอีกแล้ว กลัวพวกนั้นจะทำอะไรไม่เข้าท่าอีก โดยเฉพาะหลี่ผิน ที่ร้ายยิ่งกว่าใคร ไหนจะไทเฮาที่อำนาจบาตรใหญ่ในวังหลัง มีแต่ปัญหาวิ่งเข้าใส่จริง ๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 13 รวยแล้ว

    หลานเสวี่ยเดินตามเจ้ากรมทั้งสองมาจนถึงกรมคลัง ตรงหน้าเป็นตำหนักขนาดใหญ่แต่ไม่เท่าตำหนักอันกง ในนั้นมีขุนนางน้อยใหญ่ที่ยังทำหน้าที่ของตน เมื่อเห็นเจ้ากรมก็รีบเดินมาหาทันที“คารวะ ท่านเจ้ากรมกวน ท่านเจ้ากรมหยาง มิทราบว่ามีธุระอันใดให้ผู้น้อยรับใช้หรือไม่” “ข้ามีธุระสำคัญมาก เจ้ารีบไปทำหนังสือเบิกเงินค่าเสบียง แล้วให้คนไปเตรียมคลังเก็บของจำนวน 6000 ชั่งให้เร็วหน่อย นี้ก็ใกล้มืดแล้ว”เจ้ากรมกวนสั่งลูกน้อง ก่อนจะพาหลานเสวี่ย และเจ้ากรมหยางไปที่ห้องรับรอง“เชิญนั่งตามสบายเถิดแม่นางจาง”“เจ้าค่ะ” นางรู้สึกปวดเมื่อยไปหมด ตั้งแต่เช้าก็ได้แต่ยืน และเดินจากตำหนักอันกงมาถึงนี้เกือบสองกิโลเมตร ตอนนี้เธอนั่งดื่มชาโดยไม่สนใจเจ้ากรมสองคนที่นั่งคุยกันอยู่ พวกเขากำลังเถียงกันเรื่องเตรียมรถม้าไปรับของ เมื่อมาถึงหูของนางก็นึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้บอกว่า มันฝรั่งทั้งหมดอยู่ในถุงมิติเล็ก ๆ นี้“ข้าว่าเสบียงเยอะเช่นนี้ควรเอาทหารไปเยอะ ๆ หรือจะให้ท่านแม่ทัพเฉินเป็นคนคุ้มกันก็ยิ่งดี” “แต่ข้าว่าให้คนของข้าไปด้วยน่าจะดีกว่า เพราะคุ้นเคยเส้นทางดี อีกอย่างเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้น คนของข้าก็มีประโยชน์กว่า” “ช้าก่อน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 14 เงินที่ไร้ค่า

    “นี้คือสิ่งใด ได้รับเป็นของรางวัลหรือ” “เหมือนพระราชโองการเลย” หัวหน้านางกำนัลมาพอดี ทุกคนหันไปมองเพื่อหาคำตอบจากนาง“ใช่แล้ว นี้คือพระราชโองการจากฝ่าบาท”“ถ้าพวกเจ้าอยากรู้เดี๋ยวข้าอ่านให้ฟัง.... เป็นอย่างไรบ้าง” หลานเสวี่ยอ่านให้ทุกคนฟัง ทำเอานางกำนัลน้อยใหญ่ต่างรีบแสดงความยินดี แถมยังบอกอีกว่าอิจฉานางที่ได้อยู่ใกล้ฮ่องเต้ ใครล่ะอยากจะอยู่ใกล้ “ข้าบอกแล้วว่านางเป็นคนโปรดของฝ่าบาท ไม่แน่นะพี่จางของเราอาจได้เป็นพระสนมกับเขาก็ได้” “ข้าก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น ถึงขั้นดึงตัวมาจากตำหนักอื่นก็มีแต่พีจางเท่านั้นแหละที่จะได้รับความโปรดปราน”“ได้ดีแล้วอย่าลืมพวกเรานะ”นางกำนัลพวกนี้พูดกันสนุกปากเลย ชอบแต่งเรื่องกันจริง ๆ “ไม่ใช่หรอก ฝ่าบาทคงไม่คิดแบบนั้นหรอก คงเห็นว่าข้าทำงานได้ดีจึงตกรางวัลให้” “ในเมื่อท่านได้เลื่อนขั้นเทียบเท่าหัวหน้านางกำนัลแล้ว ก็ต้องให้ของขวัญเล็กน้อยให้พวกเราบ้างสิเจ้าคะ” จูหยิน นางกำนัลที่พูดเก่งที่สุดในนี้รีบเอ่ยปาก สายตาหวานมองมาที่หลานเสวี่ย ดูเหมือนคนอื่นจะทำตามด้วย“พวกเจ้าก็อย่าไปขอนางเลย ห้าสิบตำลึงทองที่ได้ไปยังไม่พออีเหรอ รีบไปทำงานได้แล้ว” “ไม่เป็นไรหรอก ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 15 เป็นนางกำนัลส่วนพระองค์ไม่ง่าย

    หลานเสวี่ยต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อรับใช้ฮ่องเต้ หลังจากเมื่อคืนที่นางกลับตำหนักเย็น และกลับมาตำหนักอันกงในตอนหลัง ดีที่นางได้ห้องส่วนตัวทำให้พวกตัวยุ่งอย่าง จูหยิน ที่ชอบบอกคนอื่นว่าเธอเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ถ้าเห็นกลับดึกคงบอกว่านางไปพบใครแน่นอนตำหนักอันกงยามนี้เงียบงัน มีเพียงฉ่างกงกงยื่นรอที่หน้าห้อง หลานเสวี่ยแอบคิดว่า กงกงผู้นี้ได้นอนบ้างหรือเปล่า ทำไมมาเมื่อไหร่ก็เจอแต่เขาตลอดเวลา แต่นางไม่กล้าถาม“คารวะ ฉ่างกงกง”“เข้าไปเถอะ ฝ่าบาทมีประชุมตอนเช้า”“เจ้าคะ” นางเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมของฮ่องเต้ ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน บนเตียงของเขามีชายหนุ่มใบหน้านิ่ง ริมฝีปากหยักได้รูป ถ้าเขาเป็นคนในยุคปัจจุบันคงเป็นดาราชายที่โด่งดังไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้สึกทึ่งมากคือท่านอนของเขาดูเป็นระเบียบ อย่างกับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว แตกต่างจากหลานเสวี่ยที่นอนดิ้นนิดหน่อย“มาถึงแล้วก็ควรปลุกข้าสิ ไม่ใช่เอาแต่จ้องหน้าแล้วยิ้มเช่นนี้” “ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวว่าพระองค์จะทรงบรรทมหลับไม่เพียงพอ จึงยังไม่ปลุกเพคะ”หลานเสวี่ยสะดุ้งโหยงในตอนที่เขาพูด สายตาคมของเขายามที่มองเธอแทบจะหายใจไม่ออก รู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 16 ข้าเป็นนางกำนัลผู้บอบบาง

    เมื่อคนพวกนั้นเข้ามาใกล้หลานเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดไพ่ใบสำคัญออกมาสู้ อันที่จริงรอเวลานี้มานานแล้วเช่นกัน นางยกป้ายที่กงกงให้ไว้ เขาบอกว่ามันจะช่วยเธอได้“ช้าก่อน ผู้ใดเห็นตราสัญลักษณ์นี้แล้วยังกล้าเข้ามาอีก จะถือว่าผู้นั้นต่อต้านพระบัญชาของฝ่าบาท มีโทษเช่นไรหม่อมฉันไม่พูดทุกคนก็คงทราบดี”“เนื่องจากยามนี้ฝ่าบาทบรรทมหลับอยู่ หม่อมฉันไม่อาจให้เข้าพบได้ แต่ถ้าพระองค์ตื่นจากบรรทมหม่อมฉันจะนำทางไปทันทีเพคะไทเฮา”หลานเสวี่ยพูดต่อเมื่อไม่มีใครกล้าเข้ามา ตอนแรกเห็นทำหน้าใหญ่โต พร้อมจะบดขยี้เธอ ดูสีหน้าของหลี่ผินตอนนี้ ไม่ต่างจากตัวตลก“ดีเหลือเกินนะ เป็นแค่นางกำนัลแต่กล้าทำถึงขนาดนี้ ไทเฮาจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทยังต้องทรงขอนางกำนัลเช่นเจ้า ใครไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นใหญ่ในวังหลังแล้วกระมัง” “หามิได้ หม่อมฉันทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ” “ช่างเถอะ รอไปก่อนเดี๋ยวฝ่าบาทคงตื่นบรรทมเอง” ไทเฮาไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ถ้ายังดันทุรัง จึงยอมให้หลานเสวี่ยหลานเสวี่ยเชิดหน้ายิ้ม มองหลี่ผินที่เดือดดาลอย่างมีความสุข ก่อนจะจัดแจงให้ทุกอย่างเข้าที่ เพราะตอนนี้เหล่านางสนมค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 17 แม่ค้าเต็มตัว

    หลานเสวี่ยทำหน้าที่ของตนอย่างทุกวัน ในยามเช้าแบบนี้ฮ่องเต้ต้องเข้าประชุม จึงต้องตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะสวมอาภรณ์ที่นางเตรียมให้ ระหว่างนั้นเองที่เขากำลังจะขัดฟันนางจึงถามอย่างสงสัย”ฝ่าบาทใช้สิ่งนั้นขัดฟันหรือเพคะ?” “เหตุใดถึงถามเช่นนี้ หรือเจ้าไม่เคยใช้” หันมามองใบหน้าสวยของนาง“หม่อมฉันไม่เคยเลย” “เช่นนั้นข้าจะให้คนเอามาให้ แต่เจ้าขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ รางวัลคราวก่อนก็ไม่ใช่น้อย” แม้จะไม่เข้าใจใจว่านางใช้เงินไปกับอะไร แต่ในวังข้าวของแพงกว่าข้างนอกนัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมแค่ของไม้ขัดฟันราคาไม่เท่าไหร่นางจึงซื้อไม่ได้ หรือนางอาจจะมีภาระมากมายในครอบครัวหรือเปล่า? หลงเยี่ยนยืนคิดในใจ“ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่จะบอกว่าใช้อันที่ดีกว่าอยู่” “มีอันที่ดีกว่านี้อีกหรือ ฉ่างกงกงไม่เห็นซื้อมาเปลี่ยน หรือเขาแอบอู้งาน” เมื่อมองสีหน้าท่าทางของนาง เขาก็พอเดาได้ว่ามีอะไรบางอย่าง เหมือนตอนที่นางเสนอขายเสบียง เรื่องนี้เขาเองไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเท่าไหร่“เจ้าคงไม่ได้จะบอกข้าว่า ขอสิ่งนั้นมาจากแดนเซียนหรอกนะ”“เกือบถูกเพคะ ของสิ่งนี้มาจากแดนไกล แต่ไม่ใช่แดนเซียน เพราะที่นั่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 18 พิธีบวงสรวง

    ในที่สุดพิธีบวงสรวงก็มาถึง ในตำหนักจึงค่อนข้างยุ่ง เพราะนางกำนัล และคนจากกรมพิธีการเข้ามาจัดเตรียมพิธีตั้งแต่เช้าตรู่ พร้อมกับส่งชุดสำหรับทำพิธีมาให้ แม้ลวดลายจะไม่แตกต่าง แต่สีสันค่อนข้างสดใสกว่า พออยู่บนไม่แขนชั้นดีอย่างหลงเยี่ยน ก็ทำให้มันดูดีมากกว่าเดิม“เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ” “อืม ขอบใจเจ้ามาก” “หม่อมฉันจะไปยกน้ำชามาให้เพคะ” นางหิวน้ำหรอกเลยจะออกไปดื่ม วันนี้ตั้งแต่เช้ามืดยันเกือบเที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย“ไปเถอะ” หลานเสวี่ยออกมาที่ห้องครัวของตำหนัก ที่นี่เก็บสิ่งของจำเป็นสำหรับแต่ละวันเอาไว้เช่นชา และของว่างอย่างขนมเป็นต้น ไม่รอช้านางรีบดื่มชาที่ถูกอุ่นด้วยเตาตลอดเวลา ยิ่งอากาศหนาวแบบนี้บอกเลยหอมหวานมาก และที่ขาดไม่ได้คือขนม อร่อยจริง ๆ พอดื่มกินจนอิ่มนางก็ยกถาดชา และของว่างมาที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้หลงเยี่ยนกำลังคุยเรื่องสำคัญกับฉ่างกงกงพอดี“ฉ่างจื่อ เจ้าคิดว่าวันนี้ฝนจะตกหรือไม่” กงกงเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แม้อากาศจะหนาว แต่แดดสว่างจ้าอย่างกับช่วงฤดูร้อน ยังมีลมฤดูหนาวพัดมาอีก กงกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ“ถ้าถามตอนนี้คงยากที่จะตกพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นตอนที่พระองค์ทรงท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 19 รำบวงสรวง

    ผู้คนที่เข้าร่วมงานล้วนแต่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และชั้นรองลงมา เมื่อเห็นว่านางกำนัลที่ไร้การฝึกฝนเพื่อบวงสรวงก็ต่างพูดว่า นางกำนัลจะรำอะไได้ นอกจากรำง่าย ที่เด็กก็ทำได้ในวงสนทนาของชนชั้นสูง หลานเสวี่ยหรือจางเสี่ยวหลงเป็นดั่งตัวตลกเท่านั้น ยิ่งถูกคาดโทษว่านางเป็นปิศาจจิ้งจอก ทุกคนก็กล่าวหานางด้วยคำพูดจาเสียดสีว่า “สตรีเช่นนี้ จะคู่ควรกับฝ่าบาทได้อย่างไร เป็นแค่นางกำนัลขั้นต่ำกล้าหวังสูงข้ามหน้าคนอื่น ทำตัวไร้ยางอาย” คำวิจารณ์ของคนในพิธีทำให้หลี่ผินยิ้มอย่างพอใจ นางอยากเห็นว่าจุดจบของจางเสี่ยวหลงจะสนุกขนาดไหน ไทเฮาที่นั่งอยู่ที่นั่งพิเศษ ถัดจากที่ประทับของฮ่องเต้เพียงนิด พระนางก็ไม่คิดว่าหลี่ผินจะคิดแผนแบบนี้“สนมหลี่ แผนของเจ้าจะได้ผมนจริงหรือ อย่าทำให้โอกาสของตนเสียเปล่าเสียละ”“หม่อมฉันมั่นใจว่านางต้องหายไปจากวังในวันนี้ ไทเฮาทรงวางพระทัยได้เพคะ”“อย่าให้พลาดเสียละ กว่าจะได้โอกาสนับว่าหายากแล้ว” “ครั้งนี้ไม่พลาดแน่เพคะ” ไทเฮาแม้จะมีความเมตตาในพระทัย แต่เรื่องชิงดีชิงเด่นในวังหลัง นางย่อมรู้ดีกว่าใคร ๆ กว่านางจะดิ้นรนจนได้เป็นไทเฮาไม่ใช่เรื่องง่าย และเรื่องครั้งนี้ตรงกับเรื่องของนา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11
  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 20 เริ่มแผนการ

    ตั้งแต่พิธีบวงสรวงก็ผ่านมาห้าหกวันแล้ว ฝนยังตกเหมือนเดิม ทำให้ฮ่องเต้ถูกยกย่องสรรเสริญว่าเป็นเทพที่มาจากสวรรค์ ส่วนหลานเสวี่ยก็ได้หน้าไปด้วย แม้จะเป็นแค่นางกำนัลส่วนพระองค์ แต่ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดไม่ดีให้นางอีกเลย แถมยังคิดว่านางจะกลายเป็นสนมคนโปรดในอีกไม่นานเรื่องนี้เหล่านางกำนัลในตำหนักอันกงพูดกันหนาหู จนหลานเสวี่ยต้องรีบหลบมาตำหนักเย็น อีกอย่างก็มีแผนที่จะให้หยาง กับ เหมยทำพอดี แผนสำคัญคือนางจะส่งจดหมายให้หลี่ผินบอกว่าบ่าวสองคนของหลานเสวี่ยได้รับอาหารเลิศรสทุกวัน ด้วยนิสัยของหลี่ผินต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแน่ จากนั้นนางจะต้องหาวิธีกักบริเวณของสองคน อย่างมากก็เดือนกว่า พอหลังจากที่ครบตามกำหนดนางจะให้ทั้งสองแจ้งไปที่ฝ่าบาทบอกว่าพระชายาสิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็แค่หาโครงกระดูกจากระบบมาอ้างเป็นหลานเสวี่ย หลังจากนั้นก็ขอให้ฝ่าบาทปล่อยให้ทั้งสองกลับออกจากวัง ส่วนตัวนางก็แค่หาโอกาสออกไปเท่านั้นก็สมบูรณ์แบบทุกอย่าง นอกจากไม่มีโทษที่แอบหนียังได้รับชื่อเสียง และผลประโยชน์อีกด้วย“ทั้งสองคนจำไว้ให้ดีนะ แผนนี้ต้องหามพลาดเด็ดขาด จะได้รับอิสรภาพหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้แล้ว”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-11

บทล่าสุด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 53 แม่น้ำสองสายไม่มีทางบรรจบกัน

    หลานเสวี่ยเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน แต่นางยังคงเป็นกังวลเรื่องหลงเยี่ยน แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจ แต่ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ตลอดเวลาหลายวัน นางนอนพลิกไปพลิกมา เพราะเรื่องเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้คงกลับโลกเดิมไปแล้ว เพราะคะแนนเพียงพอ แต่นางยังคงรอให้เขากลับมาก่อน “หวังว่าเขาจะปลอดภัย” นางพึมพำก่อนหลับตาลงวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวจากสนามรบมาถึงเมืองหลวง โดยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ได้ยินว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ทำเอาหลานเสวี่ยใจคอไม่ดี รีบเตรียมน้ำวิเศษเอาไว้รอเขา ร่างเพรียวบางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน เดินไปมาหน้าจวนตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าได้รับชัยชนะนางก็มารอ แม้ทหารยามจะบอกว่าอีกสี่ห้าวันถึงจะมาถึงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งได้ ราวกับมีก้อนไฟที่สุมอยู่ในอกข้างซ้าย นางถึงขั้นนั่งรอตั้งแต่เช้ายันฟ้ามืด โดยหารู้ไม่ว่าหลงเยี่ยนมาถึงแล้ว แต่ใช้ประตูมิติไปที่ห้องหนังสือแทน พอรู้ว่านางรอเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ต่อให้ทำดี ข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เขาได้แต่มองนางอยู่ข้างในจวนราวกับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ความรู้สึก และความต้องการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้เ

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 52 ออกรบอย่างเร่งรีบ

    เช้าตรู่ของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารดังสะท้อนไปทั่วจวน ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ท่าทีเร่งรีบของ แม่ทัพเฉินพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามา “กราบทูลท่านแม่ทัพ! ทัพศัตรูจากแคว้นกุ้ยโจว กับแคว้นหานโจวได้เคลื่อนพลประชิดชายแดนแล้วขอรับ!”หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านรายงานอยู่ เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมปลาบแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ก่อนจะออกคำสั่ง “จัดเตรียมกองกำลัง ข้าจะออกไปบัญชาการศึกด้วยตัวเอง”แม่ทัพเฉินคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลงเยี่ยนลุกขึ้นและเดินผ่านห้องโถง หลานเสวี่ยที่เพิ่งตื่นและได้ยินข่าวลือในจวน รีบตรงไปหาหลงเยี่ยน นางเอกก็แปลกใจอยู่หลายส่วน เพราะต้าเหยียนไม่ใช่เมื่อก่อนที่ขาดแคลนเสบียง แถมตอนนี้กำลังทหารน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนกุ้ยโจว กับ หานโจ คิดทำอันใดอยู่ถึงกล้าทำเช่นนี้ นางเดินมาส่งหลงเยี่ยนอย่างจำใจ ถ้าหากเขาออกไปแล้วนางก็จะไม่ขออยู่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินว่าศัตรูมาประชิดชายแดน ท่านจะไปออกศึกหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลานเสวี่ยเจือความกังวล แม้จะพยายามปกปิดความดีใจของตน“เจ้าคงดีใจ และสาปแช่งให้ข้ามีอันเป็นไปกระมัง ถึงยิ้มออกน

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 51 บทรักต้องห้าม

    หลานเสวี่ยถูกกักบริเวณไว้ในจวนของแม่ทัพ นางไม่สามารถออกไปได้เพราะมีทหารเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคะแนนความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่แปลกคือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับว่านางเปิดร้านเป็นร้อยสาขาไม่นานก็ตกเย็นยังไม่เห็นเงาของหลงเยี่ยนเลย แต่ก็ดีนางคิดในใจ ก่อนจะเดินไปมาในจวน แล้วนึกขึ้นได้เมื่อเห็นทหารยาม“ข้าถามอะไรได้หรือไม่” นางเดินมาถามทหารยาม เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเสวี่ย ทหารยามก็ทำความเคารพอย่างเคร่งครัด สงสัยคงไม่ได้รู้เรื่องของนาง นับว่าฮ่องเต้บ้าอำนาจยังเป็นคนดีอยู่บ้าง“มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” ทหารยามก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“แค่อยากถามเท่านั้นเอง แล้วท่านแม่ทัพหายไปไหนหรือ มืดค่ำเช่นนี้ยังไม่กลับมาอีก” สงสัยคงไม่อยากเจอหน้านางหรือ“ท่านแม่ทัพออกไปแจกเสบียงขอรับ” “เสบียงอะไรหรือ” “แม่นางคงยังไม่รู้ ท่านแม่ทัพเอาเงินส่วนตัวมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้กองทัพ เห็นที่ร้านสะดวกซื้อของท่านสินค้าคงไม่เหลือแล้ว” ทหารยามพูดไปยิ้มไป หลานเสวี่ยจึงพอเข้าใจ ที่แท้เป็นเขาเองหรือที่อยากให้นางกลับโลกเดิมเร็ว ๆ จนใช้วิธีนี้ ชิงชังกันขนาดนั้นเชียวหรือ นางกัดฟันแน่นคิดแล

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 50 เข้าหอย้อนหลัง

    ร่างเพรียวถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้ ไม่ยอมให้ริมฝีปากหวานหนีพ้น มือเล็กอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงหัวใจพลันเต้นโครมครามราวกับกลองศึก เลือกในกายสูบฉีด ไปต่างจากคนตัวโตที่ทุบกำแพงสูงใหญ่ข้ามความกลัวของตัวเอง เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนางไปอีกครั้ง ต่อให้นางยอมตรอมใจตายตามคนอื่น เขาก็จะชุบชีวิตนางขึ้นมา หลงเยี่ยนกอดรัดร่างแบบบางให้แนบชิดแผ่นอก ริมฝีปากหนักหน่วงดันลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน หลานเสวี่ยตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสลิ้นนุ่ม ทว่าทุกอย่างราวกับสายฟ้าแลบ เพียงชั่วอึดใจ นางก็ถูกหลงเยี่ยนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ ความหิวโหยหนักหน่วงไม่ลดละ เข้าไม่ปล่อยให้นางได้หลีกหนี ร่างสูงรวบตัวยาวขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน หลานเสวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่นางกลัวมากเมื่อรู้ว่าถูกพาเข้ามาในห้อง“ฝ่าบาทจะมำอันใดหรือเพคะ...” นางพูดเสียงสั่นเครือ เรียกด้วยสถานะจริงของเขา “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง” หลานเสวี่ยไม่อยากฉวยโอกาส ใช้ร่างกายของคนอื่น แม้ว่าหัวใจนางจะปลิวละล่องไปตามเขาแล้ว“วันนี้เรามาเข้าหอกันใหม่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เป็นของข้าทั้งตัวทั้งใจเถิด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 49 จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน

    หลงเยี่ยนกระชากแขนเรียวดึงเข้าหาตัว สายตาพลันจับจ้องดวงหน้าสวย ทั้งคู่มองตาไม่กะพริบ มือเรียวดันแผ่นอกเอาไว้ หลงเยี่ยนมองนางด้วยสายตาสับสน เหมือนความคิดของเขาที่ไม่ตรงกัน ยิ่งหลานเสวี่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกความจริง หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา ใบหน้าคมสวยไม่กล้าสบตาคู่นั้น หันไปมองโคมไฟข้างฝาแทน แต่มือหนาประคองแก้มนวลให้หันมาสบตาเช่นเดิม“เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงขนาดนี้เจ้ายังมองข้าเป็นคนอื่นหรือไร บอกความจริงเถิด” หลงเยี่ยนคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าแสดงออกถึงความสับสนและร้อนรุ่มในใจ แต่จะให้หลานเสวี่ยทำอย่างไร หากบอกไปชีวิตนางจะยังเหลือให้กลับบ้านอีกหรือ นางกลัวจนหัวใจเต้นระรัว ร่างกายแบบบางสั่นเทา “ข้าน้อยบอกไม่ได้...ข้าน้อยไม่มีทางคิดเป็นอื่น” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาคู่งามยามจ้องมองฉายแววเศร้าหมอง คิ้วสวยหักลงยามที่นึกถึงชะตากรรมตัวเอง เขารักหลานเสวี่ยมากเท่าใดไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ หากทุกอย่างเปิดเผยถึงคราวนั้นชีวิตจางเสี่ยวหลงจะเป็นยังไง “เหตุใดถึงปากแข็งนัก แค่เจ้าพูดมาข้าก็ช่วยเจ้าได้ หรือที่เจ้าไม่พูดเพราะเกี่ยวกับกวนเหยาหมิง” หลงเยี่ยนพูดพลางบีบมือเรียวสุด

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 48 ปากแข็งยิ่งนัก

    หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 47 ผู้อยู่เบื้องหลัง

    ในสายตาของผู้ฝึกเซียนขั้นสี่ พวกนางจะทำอะไรได้ ส่วนคนคุ้มกันก็แค่พอถ่วงเวลา งานนี้ไม่ยากเย็นนัก มือสังหารเดินเข้ามาตรง ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้คุ้มกันไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปขวาง แต่หลานเสวี่ยห้ามเอาไว้ก่อน“ก็แค่มดปลวก ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไปก่อน” นางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และหนักแน่น แววตาคู่สวยแสดงออกถึงความจริงจัง ทำให้หยางกับเหมยถอยออกมา รวมถึงผู้คุ้มกันที่กำลังตัวสั่นเพราะความกลัว “ถ้าเช่นนั้นก็ฝากแม่นางด้วย” เขาโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม แม้จะมองไม่ออกว่าหลานเสวี่ยจะใช้อะไรเอาชนะผู้ฝึกเซียนระดับนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อนาง และขอให้นางสามารถจัดการได้ เขายังไม่อยากทิ้งครอบครัวให้ลำบาก“แค่มดปลวกหรือ ปากดีเสียจริงนะ คำพูดนี้เป็นข้าทีต้องพูดออกมา ลนหาที่ตายนัก ได้...ข้าจะส่งเสริมเจ้าให้ตายเร็วขึ้นเอง” “อย่าเอาแต่พูดเลย อยากเข้ามาก็มาได้ตลอด ข้ารอเจ้าอยู่ เจ้ามาสิ” หลานเสวี่ยยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ทำเอาผู้ฝึกเซียนถึงกับเหงื่อซึม เมื่อสัมผัสพลังบางอย่างจากตัวนาง เขาไม่มั่นใจนักว่ามันคือสิ่งใด แต่สัญชาตญาณของเขาบอกให้ถอย เมื่อยั

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 46 นิราศชางเฟิง

    ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะเรื่องต่าง ๆ มากมายให้จัดการ เร่งด่วนจนไม่มีเวลาพัก หลายวันนี้แม้แต่ระบบยังห้ามไม่ให้นางใช้น้ำวิเศษเพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าดี เหตุก็เพราะว่านางดื่มน้ำเกือบห้าสิบครั้ง แต่ละครั้งคือร่างกายนางเหนื่อยล้าเต็มที่ โดยเฉพาะยามกลางคืน ที่หลานเสวี่ยจะยังอยู่หอการค้า เพราะรออนุมัติ ไม่ก็รอตอบจดหมายเร่งด่วน ขอความเห็นจากสาขาอื่นที่ส่งออกไป เป็นเรื่องที่แม้ว่าคนอื่นจะรอได้ แต่นางไม่สามารถรอได้ร่างเพรียวบางนอนราบบนเตียงนุ่ม อ่อนล้าไปทั้งตัว ขอบตามีรอยดำคล้ำเล็กน้อย กับความรู้สึกปวดร้าวทั้งร่างกาย ใบหน้าของนางซีดเชียว และซูบผอมลง เพราะไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเกือบอาทิตย์ “ลูกแม่ ทำไมถึงทำงานหนักเช่นนี้ เงินทองใช่ว่าจะสำคัญทุกอย่าง ตอนนี้เราไม่ได้ขาดเงิน เจ้าจะรีบร้อนทำไมหรือ” ผู้เป็นแม่เข้ามาบีบนวดให้นางทุกวัน ทำให้หลานเสวี่ยรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ฝีมือของท่านแม่ดีจริง ๆ ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม นางได้แต่ยิ้มให้หลานฮูหยิน“ลูกไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ผอมลงนิดเดียว อีกอย่างไม่ได้แต่งงานกับบุตรชายเสนาบดี เท่านี้ก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดด้วยความร่าเริง เม

  • พระชายาตำหนักเย็น   ตอนที่ 45 หนึ่งเดือนก่อนจาก เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับตัวนาง

    หลานเสวี่ยกำลังยุ่งอยู่กับระบบ เพราะตั้งแต่ที่เปิดร้าน ทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน คะแนนรวมของนางคือหก แสนคะแนนจากระบบ และ แสนห้าหมื่นคะแนนความดีที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนนางมีคะแนนจากระบบเจ็ดแสน แต่เพราะอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันสุดท้าย ใช้ไป 1 แสนคะแนน ทำเอาหลานเสวี่ยแอบสงสัยว่าทำไมถึงใช้เยอะแบบนี้ แต่นางก็ยอมเพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอัปเดต“ระบบ ทำไมถึงใช้คะแนนเยอะมากกว่าทุกครั้งละ หรือว่ามีของรางวัลดี ๆ”(เป็นเพราะว่านี้คือระบบเวอร์ชันสุดท้าย ที่สำคัญจำเป็นต่อผู้ใช้เช่นกัน....)“เดี๋ยวก่อน ทำไมเงียบไปละ” ระบบไร้เสียงตอบ ทำเอาหลานเสวี่ยตกใจไม่น้อย แต่ก็จัดการ ส่งคำสั่งเพาะปลูกได้เป็นปกติ ถึงมิติก็ยังใช้ได้ จึงคิดว่าระบบคงขัดข้องชั่วคราว แต่นางแอบสังเกตนิดหน่อยเพราะช่วงนี้ระบบแปลกไปจากเดิมมาก อย่างเช่น น้ำในลำธารของระบบลดลงจนสังเกตได้ และแสงสว่างในนี้ก็ลดลงเช่นกัน อยากจะถามระบบแต่ก็มาหายตัวไป สงสัยคงกำลังอัพเดทชุดใหญ่ นางจึงไม่สนใจระบบ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ แต่ละวันนางจะใช้คะแนนแลกของขายดี อย่างเช่นเครองสำอาง ที่สตรีร่ำรวย และขุนนางใช้กัน นี้เป็นรายรับสามส่วนของนางก็ว่าได้ ช่วยให้จัดกา

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status