หลานเสวี่ยต้องตื่นแต่เช้ามืด เพื่อรับใช้ฮ่องเต้ หลังจากเมื่อคืนที่นางกลับตำหนักเย็น และกลับมาตำหนักอันกงในตอนหลัง ดีที่นางได้ห้องส่วนตัวทำให้พวกตัวยุ่งอย่าง จูหยิน ที่ชอบบอกคนอื่นว่าเธอเป็นคนโปรดของฮ่องเต้ ถ้าเห็นกลับดึกคงบอกว่านางไปพบใครแน่นอนตำหนักอันกงยามนี้เงียบงัน มีเพียงฉ่างกงกงยื่นรอที่หน้าห้อง หลานเสวี่ยแอบคิดว่า กงกงผู้นี้ได้นอนบ้างหรือเปล่า ทำไมมาเมื่อไหร่ก็เจอแต่เขาตลอดเวลา แต่นางไม่กล้าถาม“คารวะ ฉ่างกงกง”“เข้าไปเถอะ ฝ่าบาทมีประชุมตอนเช้า”“เจ้าคะ” นางเปิดประตูเข้ามาในห้องบรรทมของฮ่องเต้ ก่อนจะเดินไปที่เตียงนอน บนเตียงของเขามีชายหนุ่มใบหน้านิ่ง ริมฝีปากหยักได้รูป ถ้าเขาเป็นคนในยุคปัจจุบันคงเป็นดาราชายที่โด่งดังไปแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่นางรู้สึกทึ่งมากคือท่านอนของเขาดูเป็นระเบียบ อย่างกับไม่ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว แตกต่างจากหลานเสวี่ยที่นอนดิ้นนิดหน่อย“มาถึงแล้วก็ควรปลุกข้าสิ ไม่ใช่เอาแต่จ้องหน้าแล้วยิ้มเช่นนี้” “ขอประทานอภัยฝ่าบาท หม่อมฉันกลัวว่าพระองค์จะทรงบรรทมหลับไม่เพียงพอ จึงยังไม่ปลุกเพคะ”หลานเสวี่ยสะดุ้งโหยงในตอนที่เขาพูด สายตาคมของเขายามที่มองเธอแทบจะหายใจไม่ออก รู
เมื่อคนพวกนั้นเข้ามาใกล้หลานเสวี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตัดไพ่ใบสำคัญออกมาสู้ อันที่จริงรอเวลานี้มานานแล้วเช่นกัน นางยกป้ายที่กงกงให้ไว้ เขาบอกว่ามันจะช่วยเธอได้“ช้าก่อน ผู้ใดเห็นตราสัญลักษณ์นี้แล้วยังกล้าเข้ามาอีก จะถือว่าผู้นั้นต่อต้านพระบัญชาของฝ่าบาท มีโทษเช่นไรหม่อมฉันไม่พูดทุกคนก็คงทราบดี”“เนื่องจากยามนี้ฝ่าบาทบรรทมหลับอยู่ หม่อมฉันไม่อาจให้เข้าพบได้ แต่ถ้าพระองค์ตื่นจากบรรทมหม่อมฉันจะนำทางไปทันทีเพคะไทเฮา”หลานเสวี่ยพูดต่อเมื่อไม่มีใครกล้าเข้ามา ตอนแรกเห็นทำหน้าใหญ่โต พร้อมจะบดขยี้เธอ ดูสีหน้าของหลี่ผินตอนนี้ ไม่ต่างจากตัวตลก“ดีเหลือเกินนะ เป็นแค่นางกำนัลแต่กล้าทำถึงขนาดนี้ ไทเฮาจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทยังต้องทรงขอนางกำนัลเช่นเจ้า ใครไม่รู้คงคิดว่าเจ้าเป็นใหญ่ในวังหลังแล้วกระมัง” “หามิได้ หม่อมฉันทำตามพระประสงค์ของฝ่าบาทเพคะ” “ช่างเถอะ รอไปก่อนเดี๋ยวฝ่าบาทคงตื่นบรรทมเอง” ไทเฮาไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ เพราะจะทำให้บ้านเมืองวุ่นวายได้ถ้ายังดันทุรัง จึงยอมให้หลานเสวี่ยหลานเสวี่ยเชิดหน้ายิ้ม มองหลี่ผินที่เดือดดาลอย่างมีความสุข ก่อนจะจัดแจงให้ทุกอย่างเข้าที่ เพราะตอนนี้เหล่านางสนมค
หลานเสวี่ยทำหน้าที่ของตนอย่างทุกวัน ในยามเช้าแบบนี้ฮ่องเต้ต้องเข้าประชุม จึงต้องตื่นมาล้างหน้าบ้วนปาก ก่อนจะสวมอาภรณ์ที่นางเตรียมให้ ระหว่างนั้นเองที่เขากำลังจะขัดฟันนางจึงถามอย่างสงสัย”ฝ่าบาทใช้สิ่งนั้นขัดฟันหรือเพคะ?” “เหตุใดถึงถามเช่นนี้ หรือเจ้าไม่เคยใช้” หันมามองใบหน้าสวยของนาง“หม่อมฉันไม่เคยเลย” “เช่นนั้นข้าจะให้คนเอามาให้ แต่เจ้าขาดเงินขนาดนั้นเลยหรือ รางวัลคราวก่อนก็ไม่ใช่น้อย” แม้จะไม่เข้าใจใจว่านางใช้เงินไปกับอะไร แต่ในวังข้าวของแพงกว่าข้างนอกนัก ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ทำไมแค่ของไม้ขัดฟันราคาไม่เท่าไหร่นางจึงซื้อไม่ได้ หรือนางอาจจะมีภาระมากมายในครอบครัวหรือเปล่า? หลงเยี่ยนยืนคิดในใจ“ไม่ใช่เช่นนั้นเพคะ หม่อมฉันแค่จะบอกว่าใช้อันที่ดีกว่าอยู่” “มีอันที่ดีกว่านี้อีกหรือ ฉ่างกงกงไม่เห็นซื้อมาเปลี่ยน หรือเขาแอบอู้งาน” เมื่อมองสีหน้าท่าทางของนาง เขาก็พอเดาได้ว่ามีอะไรบางอย่าง เหมือนตอนที่นางเสนอขายเสบียง เรื่องนี้เขาเองไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญเท่าไหร่“เจ้าคงไม่ได้จะบอกข้าว่า ขอสิ่งนั้นมาจากแดนเซียนหรอกนะ”“เกือบถูกเพคะ ของสิ่งนี้มาจากแดนไกล แต่ไม่ใช่แดนเซียน เพราะที่นั่
ในที่สุดพิธีบวงสรวงก็มาถึง ในตำหนักจึงค่อนข้างยุ่ง เพราะนางกำนัล และคนจากกรมพิธีการเข้ามาจัดเตรียมพิธีตั้งแต่เช้าตรู่ พร้อมกับส่งชุดสำหรับทำพิธีมาให้ แม้ลวดลายจะไม่แตกต่าง แต่สีสันค่อนข้างสดใสกว่า พออยู่บนไม่แขนชั้นดีอย่างหลงเยี่ยน ก็ทำให้มันดูดีมากกว่าเดิม“เสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ” “อืม ขอบใจเจ้ามาก” “หม่อมฉันจะไปยกน้ำชามาให้เพคะ” นางหิวน้ำหรอกเลยจะออกไปดื่ม วันนี้ตั้งแต่เช้ามืดยันเกือบเที่ยงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย“ไปเถอะ” หลานเสวี่ยออกมาที่ห้องครัวของตำหนัก ที่นี่เก็บสิ่งของจำเป็นสำหรับแต่ละวันเอาไว้เช่นชา และของว่างอย่างขนมเป็นต้น ไม่รอช้านางรีบดื่มชาที่ถูกอุ่นด้วยเตาตลอดเวลา ยิ่งอากาศหนาวแบบนี้บอกเลยหอมหวานมาก และที่ขาดไม่ได้คือขนม อร่อยจริง ๆ พอดื่มกินจนอิ่มนางก็ยกถาดชา และของว่างมาที่ห้องนั่งเล่น ตอนนี้หลงเยี่ยนกำลังคุยเรื่องสำคัญกับฉ่างกงกงพอดี“ฉ่างจื่อ เจ้าคิดว่าวันนี้ฝนจะตกหรือไม่” กงกงเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แม้อากาศจะหนาว แต่แดดสว่างจ้าอย่างกับช่วงฤดูร้อน ยังมีลมฤดูหนาวพัดมาอีก กงกงส่ายหน้าไปมาก่อนจะตอบ“ถ้าถามตอนนี้คงยากที่จะตกพ่ะย่ะค่ะ แต่ถ้าเป็นตอนที่พระองค์ทรงท
ผู้คนที่เข้าร่วมงานล้วนแต่เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ และชั้นรองลงมา เมื่อเห็นว่านางกำนัลที่ไร้การฝึกฝนเพื่อบวงสรวงก็ต่างพูดว่า นางกำนัลจะรำอะไได้ นอกจากรำง่าย ที่เด็กก็ทำได้ในวงสนทนาของชนชั้นสูง หลานเสวี่ยหรือจางเสี่ยวหลงเป็นดั่งตัวตลกเท่านั้น ยิ่งถูกคาดโทษว่านางเป็นปิศาจจิ้งจอก ทุกคนก็กล่าวหานางด้วยคำพูดจาเสียดสีว่า “สตรีเช่นนี้ จะคู่ควรกับฝ่าบาทได้อย่างไร เป็นแค่นางกำนัลขั้นต่ำกล้าหวังสูงข้ามหน้าคนอื่น ทำตัวไร้ยางอาย” คำวิจารณ์ของคนในพิธีทำให้หลี่ผินยิ้มอย่างพอใจ นางอยากเห็นว่าจุดจบของจางเสี่ยวหลงจะสนุกขนาดไหน ไทเฮาที่นั่งอยู่ที่นั่งพิเศษ ถัดจากที่ประทับของฮ่องเต้เพียงนิด พระนางก็ไม่คิดว่าหลี่ผินจะคิดแผนแบบนี้“สนมหลี่ แผนของเจ้าจะได้ผมนจริงหรือ อย่าทำให้โอกาสของตนเสียเปล่าเสียละ”“หม่อมฉันมั่นใจว่านางต้องหายไปจากวังในวันนี้ ไทเฮาทรงวางพระทัยได้เพคะ”“อย่าให้พลาดเสียละ กว่าจะได้โอกาสนับว่าหายากแล้ว” “ครั้งนี้ไม่พลาดแน่เพคะ” ไทเฮาแม้จะมีความเมตตาในพระทัย แต่เรื่องชิงดีชิงเด่นในวังหลัง นางย่อมรู้ดีกว่าใคร ๆ กว่านางจะดิ้นรนจนได้เป็นไทเฮาไม่ใช่เรื่องง่าย และเรื่องครั้งนี้ตรงกับเรื่องของนา
ตั้งแต่พิธีบวงสรวงก็ผ่านมาห้าหกวันแล้ว ฝนยังตกเหมือนเดิม ทำให้ฮ่องเต้ถูกยกย่องสรรเสริญว่าเป็นเทพที่มาจากสวรรค์ ส่วนหลานเสวี่ยก็ได้หน้าไปด้วย แม้จะเป็นแค่นางกำนัลส่วนพระองค์ แต่ทุกคนไม่มีใครกล้าพูดไม่ดีให้นางอีกเลย แถมยังคิดว่านางจะกลายเป็นสนมคนโปรดในอีกไม่นานเรื่องนี้เหล่านางกำนัลในตำหนักอันกงพูดกันหนาหู จนหลานเสวี่ยต้องรีบหลบมาตำหนักเย็น อีกอย่างก็มีแผนที่จะให้หยาง กับ เหมยทำพอดี แผนสำคัญคือนางจะส่งจดหมายให้หลี่ผินบอกว่าบ่าวสองคนของหลานเสวี่ยได้รับอาหารเลิศรสทุกวัน ด้วยนิสัยของหลี่ผินต้องโมโหเป็นฟืนเป็นไฟแน่ จากนั้นนางจะต้องหาวิธีกักบริเวณของสองคน อย่างมากก็เดือนกว่า พอหลังจากที่ครบตามกำหนดนางจะให้ทั้งสองแจ้งไปที่ฝ่าบาทบอกว่าพระชายาสิ้นพระชนม์แล้ว เมื่อเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ นางก็แค่หาโครงกระดูกจากระบบมาอ้างเป็นหลานเสวี่ย หลังจากนั้นก็ขอให้ฝ่าบาทปล่อยให้ทั้งสองกลับออกจากวัง ส่วนตัวนางก็แค่หาโอกาสออกไปเท่านั้นก็สมบูรณ์แบบทุกอย่าง นอกจากไม่มีโทษที่แอบหนียังได้รับชื่อเสียง และผลประโยชน์อีกด้วย“ทั้งสองคนจำไว้ให้ดีนะ แผนนี้ต้องหามพลาดเด็ดขาด จะได้รับอิสรภาพหรือไม่ขึ้นอยู่กับเรื่องนี้แล้ว”
เช้าวันรุ่งขึ้นเหมยก็เริ่มแผนการ ปกตินางจะออกไปรับอาหารทุกวันที่หน้ากำแพงประตูของตำหนักเย็น แต่วันนี้นางออกมาสองคนทำให้ทหารยามแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรเพราะไม่ได้ผิดกฎแต่แล้วหยางผู้เป็นพี่ก็ยื่นขนมหวานที่น่าอร่อยให้ทั้งสองได้ลองชิมดู แม้รูปร่างจะเหมือนของในยุคนี้แต่รสชาติต่างกันมาก พอได้ลองชิมพวกเขาก็ติดใจจนต้องแย่งกันกินส่วนเหมยถือโอกาสนั้นออกมาที่ข้าง ๆ ประตูเพื่อพบกับคนผู้หนึ่ง ที่ยื่นของให้เห็นแค่แขนเท่านนั้นนางรีบรับมา แล้วกลับเข้าไปข้างในตามปกติ ทั้งสองคนมาถึงตำหนักเย็นก็หายใจโล่ง กลัวแผนจะไปไม่รอด และทุกอย่างนั้นถูกคนของหลี่ผินจับตาอยู่ตลอดเวลา พวกนั้นรีบตามหาตัวคนที่เอาอาหารมาให้นาง แต่ก็ไม่ทัน พวกเขามองซ้ายมองขวา ตามมาติด ๆ แต่คนหายไปได้อย่างไรไม่รู้“ช่างเถอะ รีบไปบอกพระสนมดีกว่า”“ขอรับ” เมื่อหลี่ผินรู้เรื่องก็ยิ้มมุมปาก อยากรู้นักว่าใครกล้าขัดขวางนาง ในวังหลวงแห่งนี้ยังมีผู้ใดอีก หลี่ผินคิดไม่ตก เพราะพวกขุนนางที่เคยพักดีต่อใต้เท้าหลานก็คงไม่มีใครกล้าขัดขวางนางเป็นแน่หลี่ไม่รอช้ารีบมาเข้าเฝ้าไทเฮาเพื่อกราบทูลเรื่องของ หลานเสวี่ย ตอนนี้นางมาถึงหน้าตำหนักแล้ว แต่กงก
เมื่อฝ่าบาทตรัสเช่นนั้นแล้ว หลานเสวี่ยก็ไม่อาจบ่ายเบี่ยงได้อีก นางต้องทำให้สำเร็จแม้จะไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด แต่รู้สึกว่าเขาจะรู้เรื่องพิษนี้เป็นอย่างดี แต่เหตุใดไม่หาทางรักษาแต่เนิ่น ๆ ทำไมถึงปล่อยไว้จนอาการทรุดหนัก หรือเขาจะไม่รู้ว่าพิษมาจากอะไร “ในเมื่อฝ่าบาทพูดเช่นนี้ข้าจะทำตาม แต่ถ้าหากเกิดผิดพลาดอันใดมา นางกำนัลผู้นี้ต้องถูกโบยจนตาย” ไทเฮาตรัสออกไป ทรงคิดว่าแม่นางผู้นี้แค่อยากหาเรื่องทำความดีความชอบ แต่คงไม่สามารถรักษานางได้“ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันคิดว่านางควรให้คำอธิบายต่อหมอหลวงทั้งหมด นางจะพูดจาส่งเดชมิได้” “ใช่พ่ะย่ะค่ะ สนมหลี่ พวกเรารับใช้ราชสำนักมานานนับหลายชั่วอายุคน แต่นางกลับบอกว่าพวกกระหม่อมตรวจอาการของไทเฮาผิด โปรดให้ความเป็นธรรมต่อพวกกระหม่อมด้วย”หลานเสวี่ยหัวเราะในใจ คนพวกนี้จะไปรู้อย่างไรว่าพระนางไทเฮาโดนพิษ เพราะพิษชนิดนี้มีนะไม่สามารถตรวจได้ด้วยเข็มเงิน อาการของผู้ที่โดนพิษ จะเป็นเหมือนร่างกายอ่อนแอ หนาวเย็นตลอดปี แต่สำหรับหลานเสวี่ยที่มีระบบในมือ แค่นี้เรื่องหมู ๆ“ข้าจะให้ความเป็นธรรมต่อทุกคน เอาล่ะออกไปรอข้างนอกจนกว่าการรักษาจะเสร็จสิ้น” หลงเยี่ยนเดาไม่ผิด น
หลานเสวี่ยเหนื่อยล้าจากการทำงานทั้งวัน แต่นางยังคงเป็นกังวลเรื่องหลงเยี่ยน แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่ควรสนใจ แต่ภาพของเขายังคงวนเวียนอยู่ในใจ ตลอดเวลาหลายวัน นางนอนพลิกไปพลิกมา เพราะเรื่องเขา ถ้าเป็นเมื่อก่อนป่านนี้คงกลับโลกเดิมไปแล้ว เพราะคะแนนเพียงพอ แต่นางยังคงรอให้เขากลับมาก่อน “หวังว่าเขาจะปลอดภัย” นางพึมพำก่อนหลับตาลงวันรุ่งขึ้นก็มีข่าวจากสนามรบมาถึงเมืองหลวง โดยมีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย ได้ยินว่าท่านแม่ทัพบาดเจ็บ ก็ทำเอาหลานเสวี่ยใจคอไม่ดี รีบเตรียมน้ำวิเศษเอาไว้รอเขา ร่างเพรียวบางสวมอาภรณ์สีน้ำเงินอ่อน เดินไปมาหน้าจวนตั้งแต่ที่รู้ข่าวว่าได้รับชัยชนะนางก็มารอ แม้ทหารยามจะบอกว่าอีกสี่ห้าวันถึงจะมาถึงแต่นางไม่อาจอยู่นิ่งได้ ราวกับมีก้อนไฟที่สุมอยู่ในอกข้างซ้าย นางถึงขั้นนั่งรอตั้งแต่เช้ายันฟ้ามืด โดยหารู้ไม่ว่าหลงเยี่ยนมาถึงแล้ว แต่ใช้ประตูมิติไปที่ห้องหนังสือแทน พอรู้ว่านางรอเขาก็ได้แต่หัวเราะออกมา “ต่อให้ทำดี ข้าก็ไม่ใจอ่อนหรอกนะ” เขาได้แต่มองนางอยู่ข้างในจวนราวกับว่าทุกอย่างเปลี่ยนไปหมด ความรู้สึก และความต้องการที่ไม่ควรจะเกิดขึ้น ทำให้เ
เช้าตรู่ของวันใหม่ เสียงฝีเท้าหนักแน่นของทหารดังสะท้อนไปทั่วจวน ก่อนที่ทหารคนหนึ่งจะเดินเข้ามาในห้องหนังสือ ท่าทีเร่งรีบของ แม่ทัพเฉินพร้อมใบหน้าเคร่งขรึมเดินเข้ามา “กราบทูลท่านแม่ทัพ! ทัพศัตรูจากแคว้นกุ้ยโจว กับแคว้นหานโจวได้เคลื่อนพลประชิดชายแดนแล้วขอรับ!”หลงเยี่ยนที่กำลังอ่านรายงานอยู่ เงยหน้าขึ้นทันที ดวงตาคมปลาบแสดงถึงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยว ก่อนจะออกคำสั่ง “จัดเตรียมกองกำลัง ข้าจะออกไปบัญชาการศึกด้วยตัวเอง”แม่ทัพเฉินคำนับและออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อหลงเยี่ยนลุกขึ้นและเดินผ่านห้องโถง หลานเสวี่ยที่เพิ่งตื่นและได้ยินข่าวลือในจวน รีบตรงไปหาหลงเยี่ยน นางเอกก็แปลกใจอยู่หลายส่วน เพราะต้าเหยียนไม่ใช่เมื่อก่อนที่ขาดแคลนเสบียง แถมตอนนี้กำลังทหารน่าจะเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วนกุ้ยโจว กับ หานโจ คิดทำอันใดอยู่ถึงกล้าทำเช่นนี้ นางเดินมาส่งหลงเยี่ยนอย่างจำใจ ถ้าหากเขาออกไปแล้วนางก็จะไม่ขออยู่จวนแม่ทัพอีก “ท่านแม่ทัพ ข้าได้ยินว่าศัตรูมาประชิดชายแดน ท่านจะไปออกศึกหรือเจ้าค่ะ” น้ำเสียงของหลานเสวี่ยเจือความกังวล แม้จะพยายามปกปิดความดีใจของตน“เจ้าคงดีใจ และสาปแช่งให้ข้ามีอันเป็นไปกระมัง ถึงยิ้มออกน
หลานเสวี่ยถูกกักบริเวณไว้ในจวนของแม่ทัพ นางไม่สามารถออกไปได้เพราะมีทหารเฝ้าอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคะแนนความดีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ที่แปลกคือเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด ราวกับว่านางเปิดร้านเป็นร้อยสาขาไม่นานก็ตกเย็นยังไม่เห็นเงาของหลงเยี่ยนเลย แต่ก็ดีนางคิดในใจ ก่อนจะเดินไปมาในจวน แล้วนึกขึ้นได้เมื่อเห็นทหารยาม“ข้าถามอะไรได้หรือไม่” นางเดินมาถามทหารยาม เมื่อเห็นว่าเป็นหลานเสวี่ย ทหารยามก็ทำความเคารพอย่างเคร่งครัด สงสัยคงไม่ได้รู้เรื่องของนาง นับว่าฮ่องเต้บ้าอำนาจยังเป็นคนดีอยู่บ้าง“มีอันใดให้ข้าน้อยรับใช้หรือขอรับ” ทหารยามก้มศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการทำความเคารพ“แค่อยากถามเท่านั้นเอง แล้วท่านแม่ทัพหายไปไหนหรือ มืดค่ำเช่นนี้ยังไม่กลับมาอีก” สงสัยคงไม่อยากเจอหน้านางหรือ“ท่านแม่ทัพออกไปแจกเสบียงขอรับ” “เสบียงอะไรหรือ” “แม่นางคงยังไม่รู้ ท่านแม่ทัพเอาเงินส่วนตัวมาซื้อเสบียงแจกจ่ายให้กองทัพ เห็นที่ร้านสะดวกซื้อของท่านสินค้าคงไม่เหลือแล้ว” ทหารยามพูดไปยิ้มไป หลานเสวี่ยจึงพอเข้าใจ ที่แท้เป็นเขาเองหรือที่อยากให้นางกลับโลกเดิมเร็ว ๆ จนใช้วิธีนี้ ชิงชังกันขนาดนั้นเชียวหรือ นางกัดฟันแน่นคิดแล
ร่างเพรียวถอยห่างแต่ก็ถูกมือหนาคว้าเอาไว้ ไม่ยอมให้ริมฝีปากหวานหนีพ้น มือเล็กอ่อนระทวยไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน เสียงหัวใจพลันเต้นโครมครามราวกับกลองศึก เลือกในกายสูบฉีด ไปต่างจากคนตัวโตที่ทุบกำแพงสูงใหญ่ข้ามความกลัวของตัวเอง เพียงแค่ริมฝีปากสัมผัสกัน เขาก็สัญญากับตัวเองว่าจะไม่ปล่อยนางไปอีกครั้ง ต่อให้นางยอมตรอมใจตายตามคนอื่น เขาก็จะชุบชีวิตนางขึ้นมา หลงเยี่ยนกอดรัดร่างแบบบางให้แนบชิดแผ่นอก ริมฝีปากหนักหน่วงดันลิ้นร้อนเข้าไปสำรวจโพรงปากหวาน หลานเสวี่ยตาเบิกกว้างเมื่อสัมผัสลิ้นนุ่ม ทว่าทุกอย่างราวกับสายฟ้าแลบ เพียงชั่วอึดใจ นางก็ถูกหลงเยี่ยนดูดดึงลิ้นเล็กอย่างเอาแต่ใจ ความหิวโหยหนักหน่วงไม่ลดละ เข้าไม่ปล่อยให้นางได้หลีกหนี ร่างสูงรวบตัวยาวขึ้นก่อนจะเดินไปที่ห้องนอน หลานเสวี่ยอายจนหน้าแดงก่ำ แต่นางกลัวมากเมื่อรู้ว่าถูกพาเข้ามาในห้อง“ฝ่าบาทจะมำอันใดหรือเพคะ...” นางพูดเสียงสั่นเครือ เรียกด้วยสถานะจริงของเขา “ทำเช่นนี้ไม่เหมาะกระมัง” หลานเสวี่ยไม่อยากฉวยโอกาส ใช้ร่างกายของคนอื่น แม้ว่าหัวใจนางจะปลิวละล่องไปตามเขาแล้ว“วันนี้เรามาเข้าหอกันใหม่ ข้าไม่ปล่อยเจ้าอีกแล้ว เป็นของข้าทั้งตัวทั้งใจเถิด
หลงเยี่ยนกระชากแขนเรียวดึงเข้าหาตัว สายตาพลันจับจ้องดวงหน้าสวย ทั้งคู่มองตาไม่กะพริบ มือเรียวดันแผ่นอกเอาไว้ หลงเยี่ยนมองนางด้วยสายตาสับสน เหมือนความคิดของเขาที่ไม่ตรงกัน ยิ่งหลานเสวี่ยบ่ายเบี่ยงไม่ยอมบอกความจริง หัวใจของเขาพลันเจ็บแปลบขึ้นมา ใบหน้าคมสวยไม่กล้าสบตาคู่นั้น หันไปมองโคมไฟข้างฝาแทน แต่มือหนาประคองแก้มนวลให้หันมาสบตาเช่นเดิม“เจ้าไม่ไว้ใจข้าหรือ ถึงขนาดนี้เจ้ายังมองข้าเป็นคนอื่นหรือไร บอกความจริงเถิด” หลงเยี่ยนคิ้วขมวดเข้าหากันจนเป็นปม ใบหน้าแสดงออกถึงความสับสนและร้อนรุ่มในใจ แต่จะให้หลานเสวี่ยทำอย่างไร หากบอกไปชีวิตนางจะยังเหลือให้กลับบ้านอีกหรือ นางกลัวจนหัวใจเต้นระรัว ร่างกายแบบบางสั่นเทา “ข้าน้อยบอกไม่ได้...ข้าน้อยไม่มีทางคิดเป็นอื่น” นางกล่าวตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ สายตาคู่งามยามจ้องมองฉายแววเศร้าหมอง คิ้วสวยหักลงยามที่นึกถึงชะตากรรมตัวเอง เขารักหลานเสวี่ยมากเท่าใดไม่ใช่ว่านางจะไม่รู้ หากทุกอย่างเปิดเผยถึงคราวนั้นชีวิตจางเสี่ยวหลงจะเป็นยังไง “เหตุใดถึงปากแข็งนัก แค่เจ้าพูดมาข้าก็ช่วยเจ้าได้ หรือที่เจ้าไม่พูดเพราะเกี่ยวกับกวนเหยาหมิง” หลงเยี่ยนพูดพลางบีบมือเรียวสุด
หลังจากเดินทางมายาวนานก็มาถึงเมืองหลวง หลานเสวี่ยที่ไม่มีอะไรทำมาหลายวันก็ตรงไปที่หอการค้าร้านสะดวกซื้อทันที ทว่าเมื่อนางมาถึงก็ทำให้ผู้คนตามสองข้างทางมองตามไม่กะพริบตา สตรีที่งดงามเช่นนี้มีในเมืองหลวงด้วยหรือ ทุกสายตาต่างสงสัยผู้คนรายล้อมมองดู ต่างก็ไม่รู้ว่านางเป็นคนตระกูลไหน การมาถึงของหลานเสวี่ยทำให้พ่อสื่อแม่สื่อมีงานล้นมือเป็นแน่ เพราะเหล่าชายโสดต่างติดต่อถามไถ่ถึงนางกันทั่วหน้า หลานเสวี่ยเดินไปไม่สนสายตาของผู้คน เหล่าชายหนุ่มตระกูลสูงศักดิ์หรือสามัญชนคนธรรมดาก็ไม่อยู่ในสายตา เพียงแค่นางก้าวเดินคนก็พร้อมจะเปิดทางให้อย่างเต็มใจ จนมาถึงหอการค้าของตน คนคุ้มกันก็ยืนทำหน้าที่อย่างทุกวันแต่วันนี้คนคุ้มกันตกตะลึงจนหันไปมองตาม แค่นางเข้ามาในร้านยิ่งดูโดดเด่น เสี่ยวเอ้อร์ในร้านต่างก็มาให้การบริหารอย่างเต็มใจ ใบหน้ายิ้มแย้ม พวกเขาถามกันไปมาว่าแม่นางผู้นี้เป็นคุณหนูบ้านไหนกัน เพราะไม่เคยเห็นมาก่อนเลย“แม่นางต้องการสิ่งใดบอกข้าน้อยได้เลยขอรับ” หลานเสวี่ยยิ้มอย่างเบาบางแต่ไม่ตอบอะไร เพราะเป็นหน้าที่ของหยางในการเปิดเผยเรื่องนี้ “ทุกคนมารวมตัวกันตรงนี้ ข้ามีเรื่องจะแจ้ง” หยางได้ส่งจดหมายใ
ในสายตาของผู้ฝึกเซียนขั้นสี่ พวกนางจะทำอะไรได้ ส่วนคนคุ้มกันก็แค่พอถ่วงเวลา งานนี้ไม่ยากเย็นนัก มือสังหารเดินเข้ามาตรง ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นผู้คุ้มกันไม่รอช้ารีบตรงเข้าไปขวาง แต่หลานเสวี่ยห้ามเอาไว้ก่อน“ก็แค่มดปลวก ข้าจัดการเอง พวกเจ้าถอยไปก่อน” นางพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ และหนักแน่น แววตาคู่สวยแสดงออกถึงความจริงจัง ทำให้หยางกับเหมยถอยออกมา รวมถึงผู้คุ้มกันที่กำลังตัวสั่นเพราะความกลัว “ถ้าเช่นนั้นก็ฝากแม่นางด้วย” เขาโค้งศีรษะอย่างนอบน้อม แม้จะมองไม่ออกว่าหลานเสวี่ยจะใช้อะไรเอาชนะผู้ฝึกเซียนระดับนี้ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ เขาจึงเลือกที่จะเชื่อนาง และขอให้นางสามารถจัดการได้ เขายังไม่อยากทิ้งครอบครัวให้ลำบาก“แค่มดปลวกหรือ ปากดีเสียจริงนะ คำพูดนี้เป็นข้าทีต้องพูดออกมา ลนหาที่ตายนัก ได้...ข้าจะส่งเสริมเจ้าให้ตายเร็วขึ้นเอง” “อย่าเอาแต่พูดเลย อยากเข้ามาก็มาได้ตลอด ข้ารอเจ้าอยู่ เจ้ามาสิ” หลานเสวี่ยยืนกอดอกมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น ทำเอาผู้ฝึกเซียนถึงกับเหงื่อซึม เมื่อสัมผัสพลังบางอย่างจากตัวนาง เขาไม่มั่นใจนักว่ามันคือสิ่งใด แต่สัญชาตญาณของเขาบอกให้ถอย เมื่อยั
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานางต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ เพราะเรื่องต่าง ๆ มากมายให้จัดการ เร่งด่วนจนไม่มีเวลาพัก หลายวันนี้แม้แต่ระบบยังห้ามไม่ให้นางใช้น้ำวิเศษเพราะจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าดี เหตุก็เพราะว่านางดื่มน้ำเกือบห้าสิบครั้ง แต่ละครั้งคือร่างกายนางเหนื่อยล้าเต็มที่ โดยเฉพาะยามกลางคืน ที่หลานเสวี่ยจะยังอยู่หอการค้า เพราะรออนุมัติ ไม่ก็รอตอบจดหมายเร่งด่วน ขอความเห็นจากสาขาอื่นที่ส่งออกไป เป็นเรื่องที่แม้ว่าคนอื่นจะรอได้ แต่นางไม่สามารถรอได้ร่างเพรียวบางนอนราบบนเตียงนุ่ม อ่อนล้าไปทั้งตัว ขอบตามีรอยดำคล้ำเล็กน้อย กับความรู้สึกปวดร้าวทั้งร่างกาย ใบหน้าของนางซีดเชียว และซูบผอมลง เพราะไม่ได้หลับเต็มอิ่มมาเกือบอาทิตย์ “ลูกแม่ ทำไมถึงทำงานหนักเช่นนี้ เงินทองใช่ว่าจะสำคัญทุกอย่าง ตอนนี้เราไม่ได้ขาดเงิน เจ้าจะรีบร้อนทำไมหรือ” ผู้เป็นแม่เข้ามาบีบนวดให้นางทุกวัน ทำให้หลานเสวี่ยรู้สึกดีขึ้นมาก ๆ ฝีมือของท่านแม่ดีจริง ๆ ช่วยให้ฟื้นตัวได้เร็วกว่าเดิม นางได้แต่ยิ้มให้หลานฮูหยิน“ลูกไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ผอมลงนิดเดียว อีกอย่างไม่ได้แต่งงานกับบุตรชายเสนาบดี เท่านี้ก็พอใจแล้วเจ้าค่ะ” นางพูดด้วยความร่าเริง เม
หลานเสวี่ยกำลังยุ่งอยู่กับระบบ เพราะตั้งแต่ที่เปิดร้าน ทำให้คะแนนเพิ่มขึ้นมาหลายส่วน คะแนนรวมของนางคือหก แสนคะแนนจากระบบ และ แสนห้าหมื่นคะแนนความดีที่เพิ่มขึ้น เมื่อก่อนนางมีคะแนนจากระบบเจ็ดแสน แต่เพราะอัปเดตระบบเป็นเวอร์ชันสุดท้าย ใช้ไป 1 แสนคะแนน ทำเอาหลานเสวี่ยแอบสงสัยว่าทำไมถึงใช้เยอะแบบนี้ แต่นางก็ยอมเพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะอัปเดต“ระบบ ทำไมถึงใช้คะแนนเยอะมากกว่าทุกครั้งละ หรือว่ามีของรางวัลดี ๆ”(เป็นเพราะว่านี้คือระบบเวอร์ชันสุดท้าย ที่สำคัญจำเป็นต่อผู้ใช้เช่นกัน....)“เดี๋ยวก่อน ทำไมเงียบไปละ” ระบบไร้เสียงตอบ ทำเอาหลานเสวี่ยตกใจไม่น้อย แต่ก็จัดการ ส่งคำสั่งเพาะปลูกได้เป็นปกติ ถึงมิติก็ยังใช้ได้ จึงคิดว่าระบบคงขัดข้องชั่วคราว แต่นางแอบสังเกตนิดหน่อยเพราะช่วงนี้ระบบแปลกไปจากเดิมมาก อย่างเช่น น้ำในลำธารของระบบลดลงจนสังเกตได้ และแสงสว่างในนี้ก็ลดลงเช่นกัน อยากจะถามระบบแต่ก็มาหายตัวไป สงสัยคงกำลังอัพเดทชุดใหญ่ นางจึงไม่สนใจระบบ แล้วไปทำอย่างอื่นต่อ แต่ละวันนางจะใช้คะแนนแลกของขายดี อย่างเช่นเครองสำอาง ที่สตรีร่ำรวย และขุนนางใช้กัน นี้เป็นรายรับสามส่วนของนางก็ว่าได้ ช่วยให้จัดกา