All Chapters of แต่งกับขุนนาง: Chapter 1 - Chapter 10

178 Chapters

บทที่ 1

สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอันท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อยซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันทีหยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดีชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมากจื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไรรับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาวปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"จื๋
Read more

บทที่ 2

ฝนยังคงตกและดูเหมือนจะตกหนักขึ้นเรื่อยๆซูชิงลั่วไม่อยากข้องเกี่ยวกับคู่หญิงร้ายชายเลวนี้อีก นางตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนกลับไปยังจวนลู่ทันทีโดยไม่รอให้รถม้ามาถึง เพราะอย่างไรระยะทางก็เพียงแค่สองถนนเท่านั้นเมื่อมาถึงตรอกของประตูข้าง นางก็หยุดฝีเท้าลงฉับพลัน ไม่อยากเข้าประตูไป ได้แต่กอดจื๋อหยวนแล้วร้องไห้ออกมาเบาๆ อย่างกลั้นไม่อยู่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตอนนางอายุได้เพียงสิบปี จากนั้นนางจึงได้ติดตามลู่โย่วผู้เป็นน้าชายย้ายจากจินหลิงมายังบ้านตระกูลลู่ของท่านยายในเมืองหลวงแม้ว่าท่านยายจะดูแลนางดียิ่งกว่าหลานสาวแท้ๆ ของตัวเอง แต่นางก็รู้ดีแก่ใจว่าถึงอย่างไรที่นี่ก็เป็นบ้านของคนอื่นหลังจากนั้นลู่เหยียนก็ปรากฏตัวขึ้นเขาเป็นคนที่อ่อนโยนและสุภาพ อีกทั้งมักจะส่งของที่พวกผู้หญิงชื่นชอบมาให้นาง เช่น เครื่องหอมจากตะวันตก ปิ่นหยก แจกันดอกไม้ต่างๆบ้านตระกูลซูเป็นคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แม้ว่าของพวกนี้นางจะคุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก แต่นางก็รู้สึกว่าลู่เหยียนนั้นใส่ใจในตัวนางภายหลังท่านยายและน้าหญิงของนางจัดแจงให้นางหมั้นหมายกับลู่เหยียน นางก็ไม่ได้คัดค้านอะไร แถมยังเริ่มคาดหวังเรื่องการมีครอบคร
Read more

บทที่ 3

แม้ว่าลู่เหิงจือจะถูกบันทึกว่าเป็นบุตรชายคนโตของบ้านใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วเขามักจะอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กในตรอกปาเถียว ที่นั่นอยู่ใกล้กับราชสำนัแถมยังเงียบสงบ แต่ละเดือนเขาจะกลับมาพักที่บ้านตระกูลลู่ในวันหยุดเพียงไม่กี่วันเท่านั้นเพราะเขามีความเข้มงวดเป็นพิเศษ ดังนั้นทุกครั้งที่เขากลับมา บ่าวรับใช้ในบ้านต่างก็ตื่นตัวราวกับมีข้าศึกมาเยือนเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฐานะของซูชิงลั่วในบ้านนี้แทบจะไม่มีค่าอะไรเลยซูชิงลั่วสั่งให้คนต้มน้ำร้อนมาล้างหน้า แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาดแม้ว่าร่มกระดาษน้ำมันจะเป็นสีขาวที่ไม่โดดเด่น แต่นางก็ไม่กล้านำมันออกมาวางข้างนอก จึงให้จื๋อหยวนตากข้างในห้องแทนจากนั้นก็เก็บชุดคลุมกันลมไว้เองอย่างดี รอวันที่อากาศดีๆ แล้วค่อยแอบเอามาซักและตากแห้ง จากนั้นค่อยเอาไปคืนเขาพร้อมกับร่มแม้ว่านางจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ของพวกนี้นางก็ไม่กล้าให้ใครเห็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากคนที่มีใจอิจฉาวุ่นวายมาครึ่งวัน ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน ซูชิงลั่วทั้งเหนื่อยทั้งหิว และไม่มีแรงจะคิดเสียใจเรื่องลู่เหยียนอีกแล้วแต่เนื่องจากตอนนี้ผ่านเวลามื้ออาหารไปแล้ว นางก
Read more

บทที่ 4

ซูชิงลั่วรู้สึกตกใจการถูกเขาเห็นว่าร้องไห้สองครั้งในวันเดียว เป็นเรื่องน่าอับอายเหลือเกินเมื่อกี้แค่มองผาดๆ ไปที่ในศาลา ก็คิดว่าไม่มีคน แต่ตอนนี้นึกขึ้นได้ว่าคงถูกเสาบังอยู่แน่เมื่อลมพัดเบาๆ กลิ่นเหล้าจางๆ จากตัวผู้ชายก็ลอยมาวันนี้เขาเพิ่งกลับมาที่บ้านตระกูลลู่ ย่อมมีการจัดงานเลี้ยงดื่มเหล้ากับคนในบ้านตระกูลลู่ คิดว่าหลังจากดื่มเหล้าไปก็คงมาที่นี่เพื่อพักผ่อน แต่กลับถูกนางทำเสียบรรยากาศเข้าเขาดูอารมณ์ไม่ดีอย่างเห็นได้ชัด ซูชิงลั่วไม่กล้าทำให้เขาโกรธอีก จึงทำความเคารพและพูดว่า "ไม่รู้ว่าท่านสามอยู่ที่นี่ ชิงลั่วเสียมารยาทแล้ว ขอตัวก่อนเจ้าค่ะ""หยุดเดี๋ยวนี้" ลู่เหิงจือพูดด้วยเสียงเรียบๆน้ำเสียงของเขาแฝงด้วยคำสั่งที่ไม่อาจขัด ซูชิงลั่วหยุดเดินโดยไม่รู้ตัวเขาถามด้วยเสียงเย็นๆ ว่า "ข้าถามว่าทำไมถึงร้องไห้อีกแล้ว?"ซูชิงลั่วเม้มปาก เรื่องแบบนี้จะบอกผู้ชายที่ไม่ใช่คนในครอบครัวได้อย่างไร?นางไม่ตอบอยู่นาน จึงได้ยินเขาพูดอีกว่า "ทำไม? ขาพลิกอีกแล้วหรือ?"หน้าซูชิงลั่วแดงขึ้นมา แทบอยากจะหารูมุดหัวให้หายไปซะเลยเดี๋ยวนั้นโชคดีที่ซ่งเหวินมาถึงตอนนี้พอดีเขาถือโคมแก้วด้วยมือข้
Read more

บทที่ 5

ซูชิงลั่วได้ยินดังนั้นก็แน่นิ่งไปการที่อาการของท่านยายไม่ดีไม่เป็นความลับ หมอบอกว่าถ้าผ่านฤดูหนาวปีนี้ได้ก็จะมีเวลาอีกหนึ่งปี แต่ถ้าผ่านไปไม่ได้ก็อาจจะเป็นปีนี้เมื่อนางหลิ่วเห็นสีหน้าของนางก็รู้ว่านางไม่กล้า จึงรีบพูดต่อว่า "เด็กดี ข้ารู้ว่าเจ้าถูกเอาเปรียบในเรื่องนี้ แต่มันไม่ถึงขั้นต้องถอนหมั้นหรอก""นอกจากนี้ การที่ผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุก็เป็นเรื่องปกติ เกรงว่าแม้แต่ท่านยายของเจ้าก็คงจะบอกให้เจ้าอดทนนั่นแหละ""เจ้าลองคิดดูสิ ผู้หญิงที่ถอนหมั้นแล้ว ชื่อเสียงไม่ดี ต่อไปยังจะแต่งงานกับใครดีๆ ได้อีก?""เหยียนเออร์รู้ตัวแล้วว่าผิด เอาอย่างนี้ไหม ก่อนถึงงานแต่งของพวกเจ้า ข้าจะไม่ให้เขาออกไปไหนอีก ให้มีเวลาอยู่กับเจ้ามากขึ้น เช่นนี้เจ้าจะหายโกรธได้ไหม?""เจ้าคิดดูนะ ท่านยายของเจ้าหวังอยากจะเห็นเจ้าแต่งงานขนาดไหน..."นางหลิ่วถึงขั้นยกท่านยายขึ้นมาอ้างซูชิงลั่วรู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ในอก รู้สึกว่าตัวเองถูกนางหลิ่วบีบบังคับสำเร็จ ไม่รู้จะพูดอะไรดีไปชั่วขณะ จึงต้องกลับไปคิดทบทวนให้รอบคอบถ้าไม่ถอนหมั้น นางกลัวว่าจะซ้ำรอยฝันร้ายที่เคยเกิดขึ้นแต่ถ้าถอนหมั้นจริงๆ ชื่อเสียงของนาง
Read more

บทที่ 6

แค่ชั่วครู่ ลู่เหิงจือก็กลับมาเป็นปกติเขามองหญิงสาวที่อ่อนโยนและสวยงามตรงหน้า แล้วถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "การถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าคิดดีแล้วหรือ? จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม?"ซูชิงลั่วพยักหน้า "เจ้าค่ะ ชิงลั่วคิดดีแล้ว จะไม่เสียใจเด็ดขาด"ดวงตาของลู่เหิงจือเข้มขึ้นเล็กน้อยซูชิงลั่วพูด "ท่านสาม ข้ากับลู่เหยียน...""เรียกข้าว่าพี่สาม" ลู่เหิงจือพูดแทรกนางขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงของเขาไพเราะเหมือนน้ำพุใสไหลผ่านก้อนหินซูชิงลั่วงงกับคำพูดที่ไม่มีต้นไม่มีปลายของเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องใส่ใจกับคำที่นางใช้เรียกเขาด้วยเมื่อหลายปีก่อนในงานเลี้ยงครอบครัว นางเคยเรียกเขาว่าพี่สามตามคนอื่น แต่ตอนนี้นางโตขึ้นแล้ว มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง การเรียกอย่างสนิทสนมแบบนั้นรู้สึกไม่เหมาะสมเลยเหมือนจะเข้าใจความกังวลของนาง ลู่เหิงจือรีบพูดต่อ "ในเมื่อให้ข้าจัดการให้ ยังจะทำตัวห่างเหินกับข้าอีกหรือ?"ที่แท้เขาหมายถึงอย่างนี้เองซูชิงลั่วไม่คิดมาก จึงรีบเอ่ยปากออกไปว่า "พี่สาม"เสียงของหญิงสาวใสกังวานและมีความล่องลอยอยู่บ้าง ฟังแล้วไพเราะยิ่งกว่าเสียงนกขมิ้นทองอีกลู่เหิงจือมองนางอย
Read more

บทที่ 7

ลู่เหิงจือขมวดคิ้วเล็กน้อย วางจอกชาลงบนโต๊ะด้วยน้ำหนักพอดีคนที่อยู่ในที่นั้นต่างคิดในใจว่า ซูชิงลั่วเป็นแค่เด็กกำพร้า กล้าก่อเรื่องขึ้นในตอนนี้ คงจบไม่สวยแน่ลู่เหิงจือมีความโกรธอยู่จริง แต่ไม่ใช่เพราะซูชิงลั่วก่อเรื่อง แต่เป็นเพราะการที่นางเลือกที่จะเสี่ยงและขอความช่วยเหลือจากเขาในเวลานี้ ไม่รู้ว่านางต้องถูกบีบคั้นและกดดันอะไรมาอีกบ้างนางหลิ่ว นางเฉียน และสาวใช้สองสามคนรีบเข้ามา นางหลิ่วรีบพูดว่า "ท่านสาม ชิงลั่วยังเด็กไม่รู้สา หวังว่าท่านสามอย่าได้ถือสานางเลย ข้าจะพานางไปเดี๋ยวนี้"พูดจบก็ส่งสัญญาณให้พวกหญิงรับใช้พาตัวซูชิงลั่วออกไป แต่ก็ได้ยินเสียงเย็นชาของลู่เหิงจือพูดขึ้นว่า "ช้าก่อน"นางหลิ่วรู้สึกเหมือนหัวใจหล่นวูบลู่เหิงจือเพียงพูดแค่สองคำ แต่ทุกคนก็ถูกน้ำเสียงที่มีอำนาจของเขากดดันจนไม่มีใครกล้าขยับลู่โย่ว นายท่านรองเพิ่งอดหลับอดนอนมาทั้งคืน กำลังจะกลับไปพักผ่อน ไม่รู้ว่าซูชิงลั่วที่ปกติว่านอนสอนง่ายก่อเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้อย่างไรเขาไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในบ้านเลย มอบหมายให้นางหลิ่วจัดการทั้งหมด ทำไมขนาดเรื่องหมั้นหมายของชิงลั่วกับเหยียนเออร์ก็เกิดปัญหาขึ้นอย่าง
Read more

บทที่ 8

ลู่โย่วรู้สึกตกใจทุกคนเพิ่งสังเกตว่าตลอดทั้งคืนแทบไม่เห็นลู่เหยียนเลยชื่อเสียงของการอกตัญญูย่อมมีผลกระทบมากกว่าแน่นอน ลู่โย่วรีบสั่งให้คนไปตามหาทันทีลู่เหิงจือมองไปที่ซ่งเหวินทีหนึ่ง ซ่งเหวินก็เข้าใจทันทีสักครู่ต่อมา กลับเป็นซ่งเหวินที่พาลู่เหยียนกับหลิ่วเยียนหรานมาที่นี่ลู่เหยียนมีกลิ่นเหล้าคลุ้งตัว หน้าตาโกรธเคือง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย แม้แต่ผมก็ยังไม่ได้หวี ดูแล้วเหมือนถูกพาตัวออกมาอย่างเร่งรีบหลิ่วเยียนหรานที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ได้ล้างหน้าเพียงแค่ยกมือขึ้นใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อปิดหน้า ตัวสั่นไปทั้งตัวจากสภาพแล้ว เห็นชัดเจนว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้ลู่โย่วทนไม่ไหวตบหน้าเขาไปทีหนึ่ง "ไอ้ลูกชั่ว!"ลู่เหยียนถูกตบจนหน้าซีกหนึ่งร้อนผ่าว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรลู่เหิงจือถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เกิดอะไรขึ้น?"ซ่งเหวินรายงานว่า "บ่าวบังเอิญพบคุณชายสี่ในห้องน้ำชาที่เรือนหน้า เขานอนอยู่กับคุณหนูหลิ่วบนเตียงเดียวกัน"ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มเติมแล้วมีคนในที่นั้นทนไม่ไหวทันที"ลู่เหยียนผู้นี้อกตัญญูเกินไปแล้ว ท่านยายลู่ป่วยหนักอยู่แต่เขากลับไม่เป็นห่วงเลย ยังมีหน้าไปหาความส
Read more

บทที่ 8

ซูชิงลั่วตกใจมากกว่าคนอื่นๆ อีก เพราะนางไม่เคยคิดเลยว่าจะสามารถพิสูจน์ได้จากมุมนี้ว่านางหลิ่วโลภในสินเดิมของนางตอนที่นางมาถึงเมืองหลวงก็เพิ่งจะอายุได้สิบขวบ ในทีแรกร้านค้าเหล่านี้เป็นท่านยายที่ช่วยนางดูแล และทุกเดือนท่านยายก็จะเรียกให้นางไปตรวจสอบบัญชีต่อมาเนื่องจากท่านยายไม่มีเรี่ยวแรง นางหลิ่วจึงอาสารับช่วงต่อในช่วงครึ่งปีแรกนางหลิ่วก็ยังคงให้นางตรวจสอบบัญชี แต่ต่อมาก็อ้างว่าไม่ว่าง สามเดือนจึงให้ตรวจสอบดูครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ข้ออ้างว่าน้าสาวไม่มีทางทำร้ายนาง จึงไม่ให้นางได้ตรวจสอบบัญชีอีกเลยนางเป็นคนหน้าบาง คิดว่าเงินทองเป็นสิ่งของนอกกาย อีกทั้งนางหลิ่วก็เป็นญาติ และยังปฏิบัติกับนางไม่เลว ดังนั้นนางจึงไม่เคยพูดอะไรเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมาสีหน้าของนางหลิ่วแดงและซีดสลับกัน ผ่านไปสักพักกว่าจะพูดอ้ำอึ้งออกมา "อย่างไรชิงลั่วก็ยังเด็ก ข้าเป็นห่วงนาง กลัวว่านางจะถูกคนข้างล่างหลอกลวงจึงรับช่วงช่วยดูแลร้านค้าให้..."ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ คำโกหกของนางดูเหมือนจะฟังไม่ขึ้นอีกลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบ "คุณหนูซูตอนนี้ก็อายุสิบหกแล้ว การหมั้นก็ยกเลิกไปแล้ว ร้านค้าก็คงคืนได้แล้วไหม?"น
Read more

บทที่ 10

ซูชิงลั่วรีบก้มหน้า รู้สึกหน้าแดงร้อนนางกำลังจะเดินไปยังห้องข้างๆ ก็ได้ยินเสียงเรียบๆ ของลู่เหิงจือพูดว่า "รบกวนหมอหลวงซ่งช่วยดูอาการของคุณหนูคนนั้นด้วย เมื่อครู่นางเพิ่งจะเป็นลมไป"พอสิ้นเสียง ผู้ชายคนอื่นๆ ในลานก็มองไปที่ซูชิงลั่วพร้อมกันซูชิงลั่วรีบพูดทันที "ขอบคุณท่านสาม ข้าไม่เป็นไรจริงๆ แค่เช้ามายังไม่ได้กินอะไรเฉยๆ ไม่ต้องลำบากหมอหลวงซ่งหรอก"ลู่เหิงจือมองซ่งอวี้นิ่งๆ ทีหนึ่งซ่งอวี้ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักหมอหลวงก็ไม่ได้นั่งตำแหน่งเปล่าๆ รีบลูบเคราและยิ้มพร้อมพูดว่า "ไม่เป็นไร ไม่ลำบากเลยขอรับ"ขณะที่พูด หมอหลวงซ่งก็เดินเข้ามาด้วย ซูชิงลั่วไม่กล้าปฏิเสธอีก จึงให้จื๋อหยวนเชิญเขาเข้าห้องไปหลังจากวางผ้าไว้ที่ข้อมือและตรวจชีพจรแล้ว หมอหลวงซ่งก็บอกว่านางกังวลมากเกินไป จนทำให้ร้อนใจจนเป็นลม ต้องให้พักผ่อนมากๆ ก็จะไม่เป็นอะไรแล้ว อีกทั้งยังจ่ายยากล่อมประสาทให้กับนางหลังจากซูชิงลั่วพูดขอบคุณ นางก็ให้จื๋อหยวนใส่เงินยี่สิบตำลึงให้หมอหลวงซ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะยกมือปฏิเสธ"ไม่กล้ารับหรอกขอรับ ข้าแค่ทำตามที่ได้รับการไหว้วาน หากคุณหนูจะขอบคุณก็ขอบคุณคนที่ไหว้วานข้ามาเถิด"เมื่อได
Read more
PREV
123456
...
18
DMCA.com Protection Status