Share

บทที่ 3

แม้ว่าลู่เหิงจือจะถูกบันทึกว่าเป็นบุตรชายคนโตของบ้านใหญ่ แต่ส่วนมากแล้วเขามักจะอาศัยอยู่ที่เรือนหลังเล็กในตรอกปาเถียว ที่นั่นอยู่ใกล้กับราชสำนัแถมยังเงียบสงบ แต่ละเดือนเขาจะกลับมาพักที่บ้านตระกูลลู่ในวันหยุดเพียงไม่กี่วันเท่านั้น

เพราะเขามีความเข้มงวดเป็นพิเศษ ดังนั้นทุกครั้งที่เขากลับมา บ่าวรับใช้ในบ้านต่างก็ตื่นตัวราวกับมีข้าศึกมาเยือน

เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ฐานะของซูชิงลั่วในบ้านนี้แทบจะไม่มีค่าอะไรเลย

ซูชิงลั่วสั่งให้คนต้มน้ำร้อนมาล้างหน้า แล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาด

แม้ว่าร่มกระดาษน้ำมันจะเป็นสีขาวที่ไม่โดดเด่น แต่นางก็ไม่กล้านำมันออกมาวางข้างนอก จึงให้จื๋อหยวนตากข้างในห้องแทน

จากนั้นก็เก็บชุดคลุมกันลมไว้เองอย่างดี รอวันที่อากาศดีๆ แล้วค่อยแอบเอามาซักและตากแห้ง จากนั้นค่อยเอาไปคืนเขาพร้อมกับร่ม

แม้ว่านางจะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำผิดอะไร แต่ของพวกนี้นางก็ไม่กล้าให้ใครเห็น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาจากคนที่มีใจอิจฉา

วุ่นวายมาครึ่งวัน ข้าวกลางวันก็ไม่ได้กิน ซูชิงลั่วทั้งเหนื่อยทั้งหิว และไม่มีแรงจะคิดเสียใจเรื่องลู่เหยียนอีกแล้ว

แต่เนื่องจากตอนนี้ผ่านเวลามื้ออาหารไปแล้ว นางก็ไม่อยากรบกวนคนอื่นอีก จึงได้แต่ทานขนมง่ายรองท้องไปเล็กน้อยเท่านั้น

เนื่องจากขนมมีรสหวานมาก นางทานได้เพียงชิ้นเดียวก็ทานต่อไม่ไหว

ชุดแต่งงานก็ไม่มีอารมณ์ที่จะปักต่อ นางคิดว่าจะปักกระเป๋าใบเล็กๆ เพื่อฆ่าเวลา แต่ไม่นานก็ได้ยินเสียงเด็กรับใช้หนุ่มที่ไม่คุ้นเคยเรียกหาพี่จื๋อหยวนจากด้านนอก

จื๋อหยวนออกไปแล้วก็กลับมาอย่างรวดเร็ว วางกล่องอาหารกล่องหนึ่งลงบนโต๊ะ "ซ่งเหวินบ่าวรับใช้ของคุณชายเหิงที่สามเป็นคนเอามาส่งเองเจ้าค่ะ"

ซูชิงลั่วพูดอย่างประหลาดใจ: "คุณชายเหิงที่สาม? เขาจะส่งของมาให้ข้าทำไม?"

"ซ่งเหวินบอกว่าคุณชายเหิงที่สามกำชับไว้โดยเฉพาะ บอกว่าคุณหนูตัวเปียกฝนมา ถ้าได้ดื่มน้ำขิงสักถ้วย กินซาลาเปาน้ำแกงไก่สักจานก็คงจะดีมาก"

"ซาลาเปาน้ำแกงไก่?" ซูชิงลั่วรีบเปิดกล่องอาหารออก ชั้นบนสุดเป็นน้ำแกงไก่ร้อนๆ ด้านล่างเป็นซาลาเปาจานหนึ่ง กลิ่นหอมอันคุ้นเคยลอยมากระทบจมูก

นี่เป็นอาหารขึ้นชื่อของจินหลิงที่นางชอบมากที่สุด แต่ตั้งแต่มาถึงเมืองหลวงก็ไม่ได้กินอีกเลย คิดไม่ถึงว่าลู่เหิงจือจะส่งสิ่งนี้มาให้นาง

เขาดูออกได้อย่างไรว่านางยังไม่ได้กินข้าวกลางวัน?

แล้วยังมีน้ำขิงอีก...

ซูชิงลั่วหิวมาก อีกทั้งของตรงหน้าก็เป็นของที่นางชอบ ไม่ได้กินซาลาเปาน้ำแกงไก่มานานแล้ว คิดว่าลู่เหิงจือคงแค่ความหวังดี อีกทั้งบังเอิญเห็นว่านางเปียกฝนก็เลยไม่ได้คิดมากจึง ยัดซาลาเปาลงท้องไปด้วยกันกับจื๋อหยวน

หลังจากกินจนอิ่มแล้ว นางก็มีแรงขึ้นมา ตัดสินใจไปหานางหลิ่วน้าหญิงของนางเพื่อขอถอนหมั้น

นางคิดว่าบ่ายวันนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะลู่เหิงจือเพิ่งจะกลับมา ทุกคนให้ความสนใจไปที่เขา ดังนั้นการพูดเรื่องถอนหมั้นตอนนี้คงไม่ทำให้คนอื่นตกใจมากเกินไป

ฝนยังไม่หยุดตก บรรยากาศด้านนอกมืดครึ้ม

ซูชิงลั่วกางร่ม จื๋อหยวนถือโคมแก้ว ไปที่ห้องของนางหลิ่วเป็นเพื่อนนาง

นางหลิ่วกำลังคำนวณบัญชีกับอิงเยว่บ่าวรับใช้คนสนิทอยู่ เมื่อเห็นนางเข้ามา ก็รีบกวักมือเรียกนาง "ชิงลั่วมานี่ พอดีเลยน้าจะได้สอนการจัดการบ้านให้กับเจ้า เมื่อเจ้าเข้ามาเป็นสะใภ้ ข้าจะได้วางมือจากเรื่องพวกนี้สักที"

นางหลิ่วเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือ ชอบพูดจาประจบสอพลอ

นางหลิ่วเป็นคนรักอำนาจและเงินทองมาก จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะยอมให้นางเป็นคนดูแลบ้านในเวลารวดเร็วแบบนี้

ซูชิงลั่วยิ้มให้เล็กน้อยและพยักหน้า จากนั้นก็ยืนรออย่างอดทนจนนางหลิ่วตรวจสอบบัญชีเสร็จ จึงพูดออกมาเบาๆ ว่า "ข้ามีเรื่องจะพูดกับท่านน้าเจ้าค่ะ"

เมื่อนางหลิ่วได้ยินดังนั้น ก็มองนางด้วยรอยยิ้ม "ทำไมถึงพูดจาเกรงใจกันเช่นนี้ล่ะ"

จากนั้นก็สั่งให้คนในห้องออกไปให้หมด

ซูชิงลั่วพูดตรงๆ ว่า "ท่านน้า ข้าต้องการถอนหมั้นกับลู่เหยียนเจ้าค่ะ"

นางหลิ่วชะงักไปเล็กน้อย แต่ใบหน้าก็ยังคงยิ้มอยู่ นางจับมือซูชิงลั่วแล้วพูดว่า "ทำไมจู่ๆ ถึงอยากถอนหมั้นล่ะ? ลู่เหยียนทำให้เจ้าโกรธหรือ? ไม่ต้องห่วง น้าจะสั่งสอนเขาแทนเจ้าเอง"

ถึงนางหลิ่วจะมักพูดจาเข้าข้างซูชิงลั่วเสมอ แต่ในใจนั้นกลับเข้าข้างลูกชายของตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้นหลิ่วเยียนหรานก็เป็นหลานสาวของนาง บ้านของหลิ่วเยียนหรานก็อยู่ห่างจากจวนลู่เพียงถนนเส้นเดียวเท่านั้น ถ้าไม่ได้รับความยินยอมจากนาง หลิ่วเยียนหรานจะมีโอกาสพัวพันกับลู่เหยียนได้อย่างไร

ซูชิงลั่วส่ายหัว "ท่านน้า วันนี้ข้าไปดูเครื่องประดับที่ร้านเครื่องประดับจินจี้และได้เห็นลู่เหยียนกับหลิ่วเยียนหรานที่โรงน้ำชาโดยบังเอิญ พวกเขามีท่าทีสนิทสนมกัน ชัดเจนว่าคงจะคบหากันมาระยะหนึ่งแล้ว ในเมื่อลู่เหยียนชอบหลิ่วเยียนหราน ข้าก็ยินดีจะช่วยให้พวกเขาได้อยู่ด้วยกัน"

สีหน้าของนางหลิ่วเปลี่ยนไป "เจ้าวางใจเถอะ น้าจะจัดการให้เอง การถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ น้าขอไปถามไถ่เรื่องราวก่อน แล้วพรุ่งนี้จะให้คำตอบเจ้า"

ซูชิงลั่วพยักหน้า และก็ไม่คิดว่าวันนี้จะสามารถถอนหมั้นได้สำเร็จ จึงยอมออกจากห้องไปก่อน

ตอนที่ออกมา ก็ได้ยินนางหลิ่วออกคำสั่งกับสาวใช้ด้วยความโกรธว่า "ไม่ว่าคุณชายจะทำอะไรอยู่ เรียกเขามาพบข้าทันที!"

ราวกับจงใจแสดงให้เธอดู

หลังจากซูชิงลั่วกลับไปที่ห้อง จู่ๆ ก็พบว่าถุงหอมที่พกติดตัวตลอดหายไปซึ่งก็ไม่รู้ว่าหายไปตั้งแต่ตอนไหน นางได้ออกไปตามหาตลอดทางแต่ก็ไม่พบ หรือว่าจะทำหล่นในห้องของนางหลิ่ว?

นางกลับไปที่นอกลานบ้านของนางหลิ่ว หญิงรับใช้สูงอายุสองคนกำลังดื่มเหล้าเล่นการพนันกันอยู่ เมื่อเห็นนางมา หนึ่งในนั้นก็รีบลุกขึ้นเพื่อไปรายงานทันที

แต่ไหนแต่ไรมาซูชิงลั่วก็เป็นคนขี้เกรงใจ แม้กระทั่งคนรับใช้ในบ้านตระกูลลู่ก็ไม่อยากรบกวน จึงพูดเบาๆ ขึ้นว่า "แม่ทั้งสองเล่นตามสบายเถอะ ข้าแค่ทำถุงหอมหาย เดี๋ยวข้าจะเข้าไปหาดูเอง"

ซูชิงลั่วมาที่ลานของนางหลิ่วบ่อยๆ อีกทั้งยังหมั้นหมายกับลู่เหยียนแล้ว หญิงรับใช้สูงอายุทั้งสองคิดว่าไม่น่ามีปัญหาอะไร จึงบอกขอบคุณนางแล้วนั่งเล่นต่อ

เมื่อเข้าไปแล้ว นางก็ไม่ได้รบกวนนางหลิ่ว เพียงแค่ถามกับอิงเยว่บ่าวรับใช้คนสนิทของนางหลิ่วเบาๆ ว่าถุงหอมของนางหล่นอยู่ที่นี่หรือไม่ และขอให้อิงเยว่ช่วยหาดู

อิงเยว่เข้าไปหาดูรอบหนึ่งแล้วแต่ไม่พบอะไร คิดว่าถึงอย่างไรต่อไปซูชิงลั่วก็จะมาเป็นนายหญิงน้อย จึงอยากชองประจบเอาไว้ก่อน จึงพาเด็กรับใช้สองคนมาช่วยหาด้วยอีกแรง

ซูชิงลั่วนึกขึ้นได้อีกว่า "บางทีอาจจะตกอยู่ที่ลานบ้านของท่านยายก็ได้ เดี๋ยวข้าจะไปดูหน่อย"

จากนั้นก็แยกกันไปคนละทาง

ทางฝั่งของท่านยายไม่พบอะไร ซูชิงลั่วจึงกลับไปที่ลานบ้านของนางหลิ่วอีกครั้ง อิงเยว่และสาวใช้ทั้งสองยังไม่กลับมา

ซูชิงลั่วกำลังจะออกไปหาต่อ ก็ได้ยินเสียงแสบแก้วหูดังออกมาจากห้องของนางหลิ่ว

"เจ้าช่างไม่ระวังเอาเสียเลย ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าให้รอจนซูชิงลั่วแต่งเข้ามาในบ้านก่อนแล้วเจ้าจะทำอย่างไรก็เชิญ แต่เจ้ากลับก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้?"

"พรุ่งนี้เจ้าไปขอโทษชิงลั่วซะ ต่อให้จะต้องคุกเข่าขอร้องก็ต้องให้นางยกโทษให้ได้!"

ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ คิดไม่ถึงว่านางหลิ่วจะให้ความสำคัญกับตนมากกว่าที่คิด

คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้ยินต่อมากลับเป็น "เจ้ารู้ไหมว่าสินเดิมของนางมีเงินสดถึงสามแสนตำลึง ยังไม่รวมที่ดินและร้านค้าอีก การแต่งกับนางจะทำให้จวนหย่งซุ่นป๋อของเรามีกินมีใช้ไปทั้งชีวิต"

"ไม่ว่าจะใช้วิธีการอะไร เจ้าก็ต้องง้อนางให้สำเร็จ"

"ท่านแม่พูดแบบนี้มาแปดร้อยรอบแล้วกระมัง" ลู่เหยียนพูดด้วยน้ำเสียงไม่แยแส "ไม่ต้องห่วง ซูชิงลั่วทั้งซื่อและใจอ่อน พรุ่งนี้ข้าจะง้อนางให้สำเร็จเอง"

ซูชิงลั่วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว รีบถอยออกจากลานบ้านและเดินกลับไปอย่างโซซัดโซเซ

ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เอง ที่แท้นี่ก็คือเหตุผลที่ลู่เหยียนทำดีต่อนางตลอดหลายปีที่ผ่านมา

นอกจากรู้สึกขยะแขยงแล้ว นางยังรู้สึกเสียใจมากกว่า

เดิมคิดว่าลู่เหยียนเพียงแค่เปลี่ยนใจไปชอบผู้หญิงคนอื่นเท่านั้น

ไม่เคยคิดเลยว่าการที่เขาทำดีกับนางมีวัตถุประสงค์อื่นแอบแฝงมาตั้งแต่แรก

ในปีนั้นที่มาถึงบ้านตระกูลลู่ ท่านยายเลี้ยงนางด้วยตัวเองสองปี

ต่อมาเนื่องจากท่านยายอายุมากขึ้น เรี่ยวแรงลดลง จึงฝากฝังให้นางหลิ่วจากบ้านสองดูแลนาง ซึ่งก็เหมือนเป็นการจับคู่ให้นางกับลู่เหยียนกลายๆ ด้วย

หลายปีมานี้ แม้ว่านางหลิ่วจะคอยระแวงนางอยู่เสมอ แต่นางก็จริงใจและปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนคนในครอบครัวจริงๆ

ตอนที่นางหลิ่วป่วย นางก็ดูแลอย่างไม่หลับไม่นอน เสื้อผ้าและถุงหอมของลู่เหยียนล้วนเป็นฝีมือนางที่เย็บปักด้วยตัวเอง ไม่เคยใช้มือสาวใช้ใดๆ ของดีๆ ที่ส่งมาจากร้านค้าใต้อาณัติก็ให้พวกเขาก่อนเสมอ

ก็เพียงเพราะนางต้องการเป็นครอบครัวเดียวกับพวกเขาจริงๆ เพราะในโลกนี้นางไม่เหลือญาติคนอื่นอีกแล้ว

แต่ไม่คิดเลยว่า ความทุ่มเททั้งหมดของนางจะถูกหักหลัง

คนอื่นมองนางเป็นแค่ลูกแกะที่รอถูกเชือด อยากจะถลกหนังเลาะกระดูกของนางไม่ให้เหลือแม้แต่เศษซาก

เป็นเพราะนางไม่ดีพอ เพราะนางไม่คู่ควรหรือ?

ซูชิงลั่วรู้สึกเศร้าจนไม่มีอารมณ์จะกินข้าวเย็น

พอตกกลางคืน ฝนที่ตกข้างนอกก็เริ่มหยุด

นางรู้สึกแย่มาก จึงสวมเสื้อคลุมกันลมแล้วเดินออกไปที่สวนดอกไม้หลังจวน

ในสวนไม่มีใคร เพราะฝนเพิ่งหยุดตกทำให้อากาศค่อนข้างเย็นและชื้น

ซูชิงลั่วทนไม่ไหวอีกต่อไป นางนั่งยองๆ ตรงหน้าแปลงดอกไม้และร้องไห้ออกมาเบาๆ

นางคิดถึงพ่อแม่มาก ถ้าพวกท่านยังมีชีวิตอยู่ นางคงไม่ต้องเจอเรื่องแบบนี้

กลางคืนฟ้ามืด อากาศหนาวน้ำค้างแรง

จู่ๆ ก็มีน้ำเสียงเย็นชาดังขึ้นมาจากด้านบนว่า "ทำไมร้องไห้อีกแล้ว?"

ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นอย่างตกใจ

ในศาลา หลู่เหิงจือกำลังยืนพิงราวกั้นอยู่ มองนางลงมาจากมุมสูง ในความมืดมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้แค่ว่าน้ำเสียงของเขาไม่ค่อยพอใจ และดูเหมือนจะโกรธเล็กน้อย

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status