แชร์

บทที่ 8

ลู่โย่วรู้สึกตกใจ

ทุกคนเพิ่งสังเกตว่าตลอดทั้งคืนแทบไม่เห็นลู่เหยียนเลย

ชื่อเสียงของการอกตัญญูย่อมมีผลกระทบมากกว่าแน่นอน ลู่โย่วรีบสั่งให้คนไปตามหาทันที

ลู่เหิงจือมองไปที่ซ่งเหวินทีหนึ่ง ซ่งเหวินก็เข้าใจทันที

สักครู่ต่อมา กลับเป็นซ่งเหวินที่พาลู่เหยียนกับหลิ่วเยียนหรานมาที่นี่

ลู่เหยียนมีกลิ่นเหล้าคลุ้งตัว หน้าตาโกรธเคือง เสื้อผ้าไม่เรียบร้อย แม้แต่ผมก็ยังไม่ได้หวี ดูแล้วเหมือนถูกพาตัวออกมาอย่างเร่งรีบ

หลิ่วเยียนหรานที่อยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ได้ล้างหน้าเพียงแค่ยกมือขึ้นใช้ผ้าเช็ดหน้าเพื่อปิดหน้า ตัวสั่นไปทั้งตัว

จากสภาพแล้ว เห็นชัดเจนว่าทั้งสองอยู่ด้วยกันเมื่อคืนนี้

ลู่โย่วทนไม่ไหวตบหน้าเขาไปทีหนึ่ง "ไอ้ลูกชั่ว!"

ลู่เหยียนถูกตบจนหน้าซีกหนึ่งร้อนผ่าว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไร

ลู่เหิงจือถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ "เกิดอะไรขึ้น?"

ซ่งเหวินรายงานว่า "บ่าวบังเอิญพบคุณชายสี่ในห้องน้ำชาที่เรือนหน้า เขานอนอยู่กับคุณหนูหลิ่วบนเตียงเดียวกัน"

ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเพิ่มเติมแล้ว

มีคนในที่นั้นทนไม่ไหวทันที

"ลู่เหยียนผู้นี้อกตัญญูเกินไปแล้ว ท่านยายลู่ป่วยหนักอยู่แต่เขากลับไม่เป็นห่วงเลย ยังมีหน้าไปหาความสุขอีก!"

"ดูท่าคุณหนูหลิ่วผู้นี้ก็ช่ำชองแล้ว คงไม่ใช่ครั้งแรกสินะ คุณหนูซูไม่รู้ต้องทนทุกข์มากแค่ไหน"

"ไม่เข้าท่าเลย ไม่เข้าท่าเลยจริงๆ"

ลู่โย่วโกรธจนเสียงสั่น "ไอ้ลูกทรพี เจ้ายังไม่รีบคุกเข่าลงอีก!"

ลู่เหยียนรีบคุกเข่าลงทันที หลิ่วเยียนหรานเองก็คุกเข่าตามลงไปด้วย

ลู่เหยียนพอรู้สึกตัวก็รีบพูดว่า "เรียนท่านพ่อ เมื่อคืนข้าดื่มมากไปจึงพักผ่อนในห้องน้ำชา ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เมื่อครู่ได้ยินเสียงคนคุยกัน ท่านย่าป่วยอย่างนั้นหรือ?"

ในตอนท้าย น้ำเสียงของเขาดูร้อนรนกังวลมาก

เขาไม่สามารถยอมให้ตัวเองถูกเรียกว่าเป็นคนอกตัญญูได้

ลู่เหิงจือนั่งพิงพนักเก้าอี้หวายพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยว่า "เจ้าหมายความว่าเจ้าไม่รู้ว่าทำไมถึงอยู่กับคุณหนูหลิ่วได้อย่างนั้นหรือ?"

ลู่เหยียนตอบโดยไม่ลังเล "ข้าไม่รู้จริงๆ"

หลิ่วเยียนหรานตัวสั่นไปทั้งตัวทันที เกลียดลู่เหยียนที่ใจร้ายเหลือเกิน แต่เมื่อเรื่องเกี่ยวกับชีวิต นางก็ต้องเสี่ยงดูสักครั้ง

นางไม่สนใจอะไรอีกแล้ว โขกหัวกล่าวว่า "เป็นความผิดของเยียนหรานเอง เมื่อคืนเห็นพี่ชายเมามาก เดิมทีข้าแค่ต้องการไปส่งน้ำแกงแก้เมาให้เขา ใครจะรู้ว่า..."

นางเว้นจังหวะครู่หนึ่ง "สรุปคือ ทั้งหมดเป็นความผิดของเยียนหรานเอง เยียนหรานไม่กล้าคาดหวังอะไร ขอเพียงได้อยู่เคียงข้างพี่ชาย ต่อให้จะต้องเป็นแค่สาวใช้ก็พอใจแล้ว"

จากคำพูดของนาง ทำให้ลู่เหยียนหลุดพ้นจากความผิดได้อย่างสะอาด

ใจที่เป็นกังวลของนางหลิ่วก็คลายลงนิดหน่อย อดพูดออกไปไม่ได้ว่า "เยียนหราน เจ้าช่างเลอะเลือน ทำเรื่องแบบนี้ลงไปได้ ตอนนี้ทุกอย่างขึ้นอยู่กับชิงลั่วแล้วว่าจะยอมรับให้เจ้าอยู่หรือไม่!"

โดยนัยแล้ว หมายความว่าถ้าซูชิงลั่วไม่ให้นางอยู่ แสดงว่าซูชิงลั่วไม่ใจกว้างพอ

ซูชิงลั่วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาสุดขีด "ในเมื่อข้าต้องการถอนหมั้นกับลู่เหยียน เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า"

มีคนพูดขึ้นทันทีว่า "ใช่แล้ว คุณหนูซูสะอาดบริสุทธิ์ จะเอาเรื่องสกปรกไปสาดใส่นางทำไม?"

สีหน้าของลู่เหยียนซีดลง ด่าคนผู้นั้นทันที "หุบปาก! เรื่องของข้ายังไม่ถึงตาเจ้ามาชี้นิ้ว"

เขาหันไปหาซูชิงลั่ว แล้วทำทีว่าพูดอย่างจริงใจ "ชิงลั่ว เรื่องเมื่อคืนเป็นความผิดของข้า ข้าไม่ควรดื่มจนเมา ข้าแม้จะผิดไปบ้าง แต่คงไม่ถึงกับต้องถอนหมั้นใช่ไหม? ในใจข้ามีเจ้าเพียงคนเดียว หลายปีมานี้ทุกคนในบ้านต่างรู้ว่าข้าดูแลเจ้าดีอย่างไร เพียงแค่เมื่อวานนี้..."

"ข้ารู้ว่าเจ้าชอบแกงปู ข้าจึงสั่งให้คนเอาถ้วยแกงของข้าให้เจ้า เจ้าคิดว่าข้าดูแลเจ้าไม่ดีพออีกหรือ? อีกอย่างผู้ชายมีสามภรรยาสี่อนุก็เป็นเรื่องปกติ"

คนส่วนใหญ่ในที่นั้นเป็นผู้ชาย จึงเห็นด้วยกับคำพูดของเขา อีกทั้งหลายคนยังเห็นลู่เหยียนส่งแกงปูไปให้เมื่อวานนี้ จึงเชื่อคำพูดของเขาบ้าง สถานการณ์จึงไม่เป็นผลดีกับซูชิงลั่วอีกครั้ง

ซูชิงลั่วลุกขึ้นทันที พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ถ้าเจ้ามีข้าอยู่ในใจ จะไม่รู้ได้อย่างไรว่าข้ากินปูแล้วเป็นผื่น?"

ลู่เหยียน "เป็นไปไม่ได้ เจ้าโกหก"

ใครบ้างจะไม่ชอบกินปู?

ซูชิงลั่วพูดเสียงแข็ง "ข้าไม่เคยกินปู เรื่องนี้ทั้งสาวใช้ของข้าและสาวใช้ข้างกายของท่านยายสามารถเป็นพยานได้ เมื่อวานเจ้าส่งแกงปูมาให้ข้า ตั้งใจจะแสดงให้ใครดูกัน?"

"หลายปีมานี้เจ้าส่งของให้ข้ามากมายเป็นความจริง แต่ว่าลู่เหยียน ของที่เจ้าให้ไม่มีชิ้นไหนที่ข้าชอบมันเลย ในเมื่อวันนี้เจ้าบอกว่ามีข้าในใจ ไม่สู้ลองบอกต่อหน้าทุกคนดูสิว่าข้าชอบอะไรบ้าง?"

ลู่เหยียนพูดไม่ออกไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบพูดว่า "ถึงข้าจำเรื่องเล็กน้อยพวกนี้ผิดไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าไม่มีใจให้เจ้า อีกอย่างก่อนหน้านี้ข้ากับเยียนหรานก็ไม่มีอะไรกัน..."

ซูชิงลั่วรู้สึกตกใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงหน้าด้านได้ขนาดนี้?

ในตอนนี้เองลู่เหิงจือก็พูดขึ้นมาว่า "เรื่องเล็กน้อย?"

น้ำเสียงของเขาเรียบเฉยและเย็นชา "ข้าถามเจ้าแค่ว่า เจ้าบอกได้ไหมว่าคุณหนูซูชอบอะไรบ้าง แค่สักอย่างหนึ่งก็ได้?"

ในน้ำเสียงของลู่เหิงจือมีความกดดันอย่างบอกไม่ถูก

ในหัวของลู่เหยียนว่างเปล่า เขากลัวจนไม่กล้าโกหกแล้วในตอนนี้

ลู่เหิงจือเชิดคางขึ้นเล็กน้อย แววตาเย็นชา "แม้แต่สิ่งที่คุณหนูซูชอบก็บอกไม่ได้ แล้วจะบอกว่ามีนางในใจได้อย่างไร?"

"คนที่ข้าลำบากส่งจากจินหลิงมาถึงเมืองหลวง คิดว่าพวกเจ้าจะรังแกได้ง่ายๆ หรือ?"

พูดจบ น้ำเสียงของเขาก็แข็งกร้าว ทำให้ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นรู้สึกหวาดกลัวกันหมด

ยกเว้นซูชิงลั่ว

นานแล้วที่ไม่มีใครพูดแทนนางแบบนี้

คำพูดของเขามีความหมายชัดเจนว่าเขาจะคุ้มครองนางและไม่ยอมให้ใครรังแกนาง

แม้ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงยอมปกป้องนางแบบนี้ แต่นางก็ซาบซึ้งใจจนควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ดวงตาเริ่มพร่ามัว หยดน้ำตาเริ่มไหลรินลงมา

เสียงเย็นชาของลู่เหิงจือดังขึ้นอีกครั้ง "พาคนนั้นมาให้ข้า!"

คนที่มาคือบริกรจากร้านน้ำชาฝูจี้ เขาพูดอย่างซื่อตรงว่า "คุณชายสี่ตระกูลลู่กับคุณหนูหลิ่วคบหากันมาสองปีแล้ว พวกเขาจะแอบนัดพบกันที่ห้องพิเศษหมายเลขหนึ่ง ในร้านน้ำชาทุกครึ่งเดือน แขกประจำข้องร้านน้ำชาสามารถเป็นพยานได้ขอรับ..."

ทุกคนรู้สึกตาสว่างในทันที ที่แท้เป็นเพราะลู่เหิงจือได้ตรวจสอบเรื่องนี้ทั้งหมดแล้ว ถึงได้ไล่ต้อนขนาดนี้

ซูชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก ที่แท้ลู่เหิงจือก็มีหลักฐานอยู่แล้ว

สายตานางอดมองไปที่อีกฝั่งของฉากกั้นลมไม่ได้...ที่แท้เขาก็พูดความจริง เขาอยากช่วยนางจริงๆ มาตั้งแต่แรก

เมื่อบริกรพูดจบ ลู่เหิงจือก็มองลู่เหยียนอย่างเหยียดๆ "ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม?"

สีหน้าของลู่เหยียนซีดเผือด

ลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบ "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ วันนี้ข้าจะขอประกาศยกเลิกการหมั้นหมายของเจ้ากับคุณหนูซูเอง บ้านสองของพวกเจ้ามีข้อโต้แย้งอีกหรือไม่?"

ลู่โย่วไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย แต่เมื่อหลักฐานชัดเจนขนาดนี้เขาก็ไม่กล้าปฏิเสธ ได้อค่พูดอย่างหม่นหมองว่า "เป็นข้าที่สอนลูกไม่ดี ทำผิดต่อชิงลั่ว การหมั้นครั้งนี้ก็ยกเลิกไปเถอะ"

ซูชิงลั่วรู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก

แต่นางหลิ่วกลับไม่ยอม พูดกัดฟันว่า "เรื่องการหมั้นหมายจะยกเลิกก็ได้ แต่เรื่องใส่ร้ายผู้ใหญ่ว่าโลภสินเดิมจะว่าอย่างไร?"

นางมั่นใจว่าซูชิงลั่วไม่มีหลักฐาน

วันนี้ต่อให้การหมั้นหมายจะถูกยกเลิก แต่นางก็ยังต้องการให้ซูชิงลั่วถูกมองว่าใส่ร้ายผู้ใหญ่และเป็นคนเนรคุณ

หัวใจของซูชิงลั่วกระตุกขึ้นทันที รู้สึกเสียใจที่พูดเรื่องนี้ออกไป คนในบ้านนางหลิ่วย่อมไม่เป็นพยานให้นาง หากไม่มีหลักฐานจะเป็นผลเสียต่อนางแทน

แต่ลู่เหิงจือกลับหัวเราะเยาะออกมาอย่างดังราวกับขำขันสุดฤทธิ์

"พูดแบบนี้หมายความว่าท่านป้าสองไม่ได้สนใจในสินเดิมของคุณหนูซูสักนิดเลยอย่างนั้นสิ?"

นางหลิ่วทำหน้าตรงไปตรงมา พูดด้วยเสียงที่มั่นใจ "แน่นอนอยู่แล้ว"

ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเรียบ "ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็คืนร้านค้ากว่าห้าสิบแห่งของคุณหนูซูที่ท่านป้าสองดูแลอยู่ให้กับคุณหนูซูไปเถอะ"

ทุกคนในที่นั้นซุบซิบกันเสียงดังทันที

"ร้านค้ากว่าห้าสิบแห่ง? นี่มันเงินเท่าไหร่กันนะ? ตลอดเวลาที่ผ่านมานางหลิ่วดูแลอยู่เหรอ?"

"นี่เรียกว่าไม่โลภในสินเดิมของหลานสาวหรือ? นางก็กล้าพูดออกมาได้"

"มิน่าล่ะ ถึงต้องการแก้เคล็ดและไม่อยากยกเลิกการหมั้น ถุย!"

นางหลิ่วหน้าถอดสีในทันที...เรื่องนี้ลู่เหิงจือก็รู้ด้วยอย่างนั้นเหรอ?

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status