Share

บทที่ 15

ลู่เหิงจือลุกขึ้น รินน้ำอุ่นมาแก้วหนึ่ง อุ้มนางขึ้นด้วยมือข้างเดียวและส่งน้ำไปที่ริมฝีปากของนาง

นางกระหายน้ำจริงๆ จึงดื่มรวดเดียวจนหมดแก้ว

"ต้องการอีกไหม?" เขาถาม

ซูชิงลั่วพยักหน้า

ลู่เหิงจือเตรียมจะลุกไปรินน้ำให้นางอีกครั้ง แต่ก็ถูกนางจับข้อมือเอาไว้ทันที

ใบหน้านางแดงระเรื่อ เสียงเล็กๆ เอ่ยขึ้นอย่างแผ่วเบาและอ่อนหวาน เรียกเขาว่า "พี่สาม..."

แววตาของลู่เหิงจือเข้มขึ้นเล็กน้อย มองดูนาง

ร่างกายของซูชิงลั่วเหมือนกับมีไฟลุก บางที่ก็รู้สึกทั้งคันและชา ก่อนที่จะรู้ตัว นางก็จับข้อมือของลู่เหิงจือไว้แล้ว

ข้อมือของเขาขาวสะอาดและผอมเพรียวแต่ก็ทรงพลัง

ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมอง

เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีขาวดุจพระจันทร์ สีหน้าเย็นชา มองนางโดยไม่กระพริบตา ราวกับเป็นพระจันทร์ที่สูงสง่า

เสื้อคลุมยาวนั้นปักลายเถาไม้สีเขียว ดูเหมือนเถาวัลย์ที่เลื้อยเข้าไปในใจของนาง

นางเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วจริงๆ

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากแน่น จนกลิ่นคาวเลือดกระจายเข้าสู่ปากทันที

หยดเลือดไหลซึมออกมาจากริมฝีปากล่าง ลู่เหิงจือขมวดคิ้วมุ่น บีบคางของนางไว้ "อย่ากัด ยังเจ็บตัวไม่พออีกหรือไง?"

น้ำเสียงของเขากลับแฝงไว้ด้วยกระแสของความห่วงใย

ซูชิงลั่วไม่แน่ใจว่าความห่วงใยนี้เป็นเพียงภาพลวงตาหรือไม่ เพราะนางกำลังจะเสียสติแล้ว

ปลายนิ้วของชายหนุ่มเย็นเล็กน้อย เมื่อสัมผัสกับผิวนางทำให้รู้สึกเย็นๆ ความร้อนในร่างกายก็ดูเหมือนจะจางหายลงไปบ้าง

นางอดไม่ได้ที่จะต้องการมากกว่านี้

นางเงยหน้ามอง สบตาเข้ากับของชายหนุ่มพอดี

ดวงตาของเขาใสเย็นลึกซึ้ง ชวนให้หลงใหล

นางทนไม่ไหวอีกต่อไป ยกมือขึ้นโอบรอบคอเขา

"เพล๊ง" เสียงถ้วยชาตกกระแทกพื้นจนแตก

ซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นและจูบไปที่ริมฝีปากของเขา

สัมผัสที่อ่อนนุ่มยิ่งกว่าผ้าฝ้าย ทำให้นางอดต้องการมากกว่านี้ไม่ได้ แต่กลับถูกชายหนุ่มกดไหล่เอาไว้ก่อน

ลมหายใจของลู่เหิงจือสับสนไปเล็กน้อย แต่เขาก็ถอยหลังเล็กน้อยและหยุดจูบนี้ด้วยความอดทน

เขามองนางด้วยสายตาที่หนักแน่น "เจ้าแน่ใจหรือ?"

ตอนนี้นางไม่มีสติเต็มร้อย เขาไม่ต้องการจะฉวยโอกาสตอนนี้

นอกจากนี้ ราชวงศ์นี้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของสตรีเป็นพิเศษ การเสียชื่อเสียงก่อนแต่งงานถือเป็นความผิดใหญ่หลวง เขาไม่อยากให้นางต้องแบกรับสิ่งนี้

แต่คำพูดนี้เมื่อได้ยินในหูของซูชิงลั่วกลับฟังเป็นการปฏิเสธอย่างชัดเจนของเขา

ในหัวนางนึกถึงเสียงเย็นชาของเขาในวันนั้น...ข้ากับคุณหนูซูไม่มีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกัน

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้?

หัวใจของซูชิงลั่วหล่นวูบไป อีกทั้งยังรู้สึกอับอายจนอดน้ำตาไหลออกมาไม่ได้

ทำไมต้องเป็นเขาด้วย?

ต่อหน้าคนที่นางไม่อยากให้เห็นสภาพยากลำบากของตัวเองที่สุด นางกลับเผยสภาพที่น่าอับอายนี้ แถมยังถูกเขาปฏิเสธอีก

ทั้งๆ ที่นางไม่ได้เป็นคนแบบนี้แท้ๆ

ความรู้สึกน้อยใจเข้ามาเกาะกุมในใจ แต่ไฟในร่างกายก็ยังคงพยายามควบคุมนางเช่นเดิม และดูเหมือนจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย

ซูชิงลั่วดึงปิ่นปักผมของตัวเองออกมาและปิดตาแทงจะแขนลงแขนตัวเองเต็มแรง

แต่นางกลับไม่รู้สึกเจ็บปวด

เมื่อนางลืมตาก็เห็นว่าลู่เหิงจือได้หงายฝ่ามือมาหยุดปิ่นปักผมนั่นไว้

เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากฝ่ามือของเขาทันที หยดลงบนเสื้อผ้าบางๆ ของนาง ตอนที่ซึมผ่านเสื้อผ้าลงไปที่ผิวหนังของนาง มันยังรู้สึกอุ่นๆ อยู่เลย

ความอบอุ่นนั้นทำให้นางรู้สึกตัวในทันที

นางเงยหน้าไปมองลู่เหิงจือด้วยความตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องรับบาดเจ็บแทนนางด้วย

"ท่าน..."

ลู่เหิงจือดึงปิ่นปักผมออกจากฝ่ามือ แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา "ข้าบอกแล้วไงว่าอย่าทำร้ายตัวเองอีก เจ้าเห็นคำข้าเป็นเพียงลมที่ผ่านหูอย่างนั้นหรือ?"

ซูชิงลั่วมองดูเลือดที่ไหลออกจากมือของเขา "ขอโทษ"

ลู่เหิงจือพูดเสียงเรียบว่า "ไม่เป็นไร"

ซูชิงลั่วกัดฟัน “แต่ข้ามีบางอย่างที่…”

คำพูดที่เหลือกลับไม่สามารถพูดออกมาได้

ลู่เหิงจือหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกจากแขนเสื้อ เช็ดเลือดที่มือ แล้วลุกขึ้นมองนาง "ขออภัย"

ซูชิงลั่วยังไม่เข้าใจความหมายของเขา แต่ก็เห็นเขาเริ่มปลดเข็มขัดของตัวเอง

นางตกใจและกำมือทั้งสองข้างแน่น

เขาจะทำอะไร…

ลู่เหิงจือมีสีหน้าไร้อารมณ์ในขณะที่พันเข็มขัดสีเทาไว้รอบมือของตัวเอง

ซูชิงลั่วหลับตาพูดว่า "ท่านไม่ต้องฝืนหรอก ข้า…"

นางหยุดพูด

ลู่เหิงจือใช้เข็มขัดมัดมือทั้งสองข้างของนางไว้

"เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าทำร้ายตัวเองได้อีก"

ใบหน้าของซูชิงลั่วแดงก่ำจนถึงใบหู นางเกือบจะคิดว่าเขาต้องการ…

หลังจากมัดนางเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า "เจ้ารอแป๊บหนึ่ง ข้าจะไปเอายาสมานแผลมา"

ในตอนนั้นซูชิงลั่วจึงนึกขึ้นได้และพูดว่า "สาวใช้ของข้าจื๋อหยวนก็อยู่ที่วัดด้วย"

นางพูดอย่างอ่อนแรง

ลู่เหิงจือพยักหน้า "รู้แล้ว ข้าจะหาทางเรียกนางมาให้"

เขาเดินออกไป เซี่ยถิงอวี่กำลังยืนอยู่ที่ระเบียง เมื่อเห็นเขาออกมา ก็มองขึ้นลงสำรวจเขาครู่หนึ่ง แล้วอดพูดขึ้นอย่างล้อเลียนไม่ได้ว่า "แค่ปลดเข็มขัดเองหรือ?"

ลู่เหิงจือไม่มีอารมณ์จะล้อเล่นด้วย ถามแค่ว่า “มียาแก้ไหม?”

เซี่ยถิงอวี่พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "ยานี้ใช้เพื่อความสนุก จะมียาแก้ได้อย่างไร? แต่ข้าว่าพิษที่นางได้รับไม่หนักมาก แค่รอเวลาหนึ่งถ้วยชา ก็น่าจะหายแล้ว ทนหน่อยแล้วกัน"

สายตาของลู่เหิงจือเย็นชาเล็กน้อย

ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันไม่ชอบให้ขุนนางคบหากับคนในราชวงศ์เป็นการส่วนตัว อีกทั้งยังขี้ระแวง เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับตา ออกมาในครั้งนี้เขาจึงไม่ได้พาซ่งเหวินมาด้วย ตอนนี้จึงไม่มีคนให้เรียกใช้การได้

เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอดป้ายหยกที่พกไว้ประจำตัวออก กล่าวว่า "ให้คนของเจ้าเอาสิ่งนี้ไปเรียกสาวใช้ที่ชื่อจื๋อหยวนในทางข้างหน้ามา ให้นางนำเสื้อผ้าสะอาดมาด้วยชุดหนึ่งอย่างเงียบๆ ห้ามแพร่งพรายให้ใครรู้เด็ดขาด"

เซี่ยถิงอวี่พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า "คนที่นี่ให้เจ้าสั่งได้ตามใจ"

เขาพูดอย่างสนุกสนานว่า "ข้าจะกลับวังก่อน เจ้าก็อยู่ที่นี่ไป...กับหญิงสาวผู้นี้แล้วกัน"

ลู่เหิงจือเคยชินกับท่าทางไม่จริงจังของเขาแล้ว จึงไม่อยากต่อความด้วย หลังจากสั่งการกับทหารลับเสร็จแล้ว เขาก็หยิบยารักษาสมานแผลเดินกลับเข้าไปในกระท่อมไม้ไผ่

ลมแรงขึ้นอีกแล้ว พัดแรงจนกระท่อมไม้ไผ่เกิดเสียงดังโครมคราม

ลู่เหิงจือเปิดประตูเข้ามาอีกครั้ง ลมที่พัดเข้ามาทำให้เปลวเทียนดับลงไปวูบหนึ่งแล้วกลับมาสว่างอีกครั้ง

ประตูถูกปิด ลู่เหิงจือเอาขวดกระเบื้องสีดำใบเล็กในมือวางลงบนโต๊ะ

"เรื่องนี้ไม่ควรให้คนอื่นรู้มาก ข้าได้สั่งให้คนไปตามหาจื๋อหยวนแล้ว เจ้าอดทนรอสักครู่"

ซูชิงลั่วพูดออกมาด้วยความยากลำบากว่า "ขอบคุณมาก..."

คำว่า "พี่สาม" นั้น นางไม่สามารถพูดออกมาได้จริงๆ มันฟังดูสนิทสนมกันเกินไป

มือของนางถูกมัดไว้ทำให้ขยับไม่ได้ แต่นางยังคงรู้สึกไม่สบายมาก โดยเฉพาะยิ่งเมื่อเห็นลู่เหิงจือเข้ามา

นางหลับตาไม่มองเขาอีก ในหัวก็พยายามนึกถึงบทเรียนสำหรับสตรีที่เคยอ่าน แต่ร่างกายกลับบิดไปมา แถมที่หน้าผากก็มีเหงื่อออกเม็ดเล็กๆ

ช่างน่าอับอายเหลือเกิน

โชคดีที่ในเวลานี้ลู่เหิงจือก็ค่อยๆ หมุนตัวไปยืนเงียบๆ ตรงหน้าต่าง ไม่มองนาง ราวกับไม่ได้สนใจนางอีก เพียงแค่ก้มตัวลงไปจุดกำยานหอมกลิ่นอำพันเพื่อให้สงบจิตใจเท่านั้น

นางผ่อนคลายลงเล็กน้อย รู้สึกได้รับการปลอบประโลมจากกลิ่นหอมนี้ และพยายามอดทนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็รู้สึกว่าฤทธิ์ยาในร่างกายค่อยๆ จางหายไปแล้ว

เมื่อทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ เมื่อนางคิดถึงสิ่งที่เพิ่งทำลงไปเมื่อครู่ ก็รู้สึกอยากจะเอาหัวชนก้อนเต้าหู้ให้ตายไปซะ ไม่กล้าเรียกชายหนุ่มตรงหน้าอีก

แต่กลับเป็นลู่เหิงจือที่หันมามองนางก่อนและถามว่า "ดีขึ้นหรือยัง?"

ซูชิงลั่วตอบเสียงเบาราวกับเสียงยุง "อืม"

ลู่เหิงจือเดินเข้ามา

เสื้อผ้าของหญิงสาวถูกเหงื่อซึมจนเปียกชื้น ใบหน้ายังคงแดงอยู่เล็กน้อย แต่สายตาเริ่มกลับมามีสติชัดเจน แถมยังมีท่าทางอับอาย

ข้อมือขาวเนียนถูกเข็มขัดเสียดสีจนเป็นรอยแดง และถึงขั้นถลอก

นางไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ จึงรีบก้มหน้าลง แม้แต่ติ่งหูก็ยังเป็นสีชมพูระเรื่อ

เขาไม่อยากให้นางต้องทรมานอีก ลู่เหิงจือจึงยื่นมือมาแก้เข็มขัดที่มัดข้อมือนางออก

เขามัดอย่างมีชั้นเชิง ไม่ว่างซูชิงลั่วจะพยายามอย่างไรก็หลุดไม่ได้ แต่เมื่อแก้มัดกลับง่ายนิดเดียว เพียงดึงเข็มขัดครั้งเดียวก็หลุดแล้ว

เมื่อข้อมือได้รับอิสระ ซูชิงลั่วก็รู้สึกสบายขึ้นมาก

เกือบจะทันที ก็เกิดเสียงดังขึ้นในใจนางว่า "จบแล้ว"

ได้เห็นนางมีสภาพน่าอับอายเช่นนี้ เกรงว่าต่อไปเขาก็คงจะไม่มีทางชอบนางได้อีกแล้ว

ส่วนทำไมนางถึงคิดเช่นนั้น นางก็ไม่สามารถอธิบายได้ในตอนนี้

พอดีกับที่ทหารลับจากภายนอกมารายงานว่า "ใต้เท้า พาตัวจื๋อหยวนมาถึงแล้วขอรับ"

ลู่เหิงจือลุกขึ้นและใส่เข็มขัดกลับไปที่เอว "ให้นางเข้ามา"
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Supat Neamtong
สนุกมากดำเนินเรื่องฉับไวไม่เยิ่นเย้อ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status