แชร์

บทที่ 19

ผู้เขียน: หอมดังเดิม
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-30 13:49:24
ซูชิงลั่วรีบพูดทันทีว่า "เปล่าเจ้าค่ะ ชิงลั่วแค่…กลัวว่าจะเป็นการล่วงเกินใต้เท้า"

ประโยคสุดท้ายนางแทบจะพูดออกมาโดยหลับตาด้วยซ้ำ

ทันใดนั้นเสียงเย็นชาของชายหนุ่มก็ดังขึ้น "ล่วงเกินหรือ?"

นางไม่รู้ว่าเขาเดินเข้ามาเมื่อไหร่ แต่กลับไม่ได้ยินเสียงเลยสักนิด กลิ่นหอมของไม้กฤษณาบนตัวเขาลอยมา นางจึงถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว จนหลังไปชนกับประตูไม้ไผ่ที่เย็นและแข็ง จนโดนบาดแผลอย่างไม่ทันระวัง

ซูชิงลั่วเผลอร้องออกมาเบาๆ "ซี๊ด"

ลู่เหิงจือจับไหล่นางและดึงนางมาข้างหน้าเล็กน้อย

"ระวังหน่อย"

ฝ่ามือของเขาอุ่นมาก เมื่อสัมผัสที่ไหล่ของนางทำให้รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา

นางเงยหน้ามองเขาโดยไม่รู้ตัว เขาถอยหลังไปครึ่งก้าวตามมารยาท แต่ร่างสูงของเขาก็ยังคงบดบังร่างของนางไว้อยู่

ยามเช้าบนภูเขาอากาศหนาวมาก ซูชิงลั่วใส่เสื้อผ้าบางๆ และยืนอยู่ข้างนอกนานแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะจามออกมา

ต่อหน้าลู่เหิงจืออีกแล้ว…

แต่การจามเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้

ช่างมันเถอะ นางคิดในใจ อย่างไรเขาก็เห็นเรื่องน่าอับอายของนางมาเยอะแล้ว เพิ่มอีกเรื่องก็ไม่เป็นไรหรอก

แต่ทันใดนั้นไหล่นางก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น

ลู่เหิงจือถอดเสื้อคลุมกันลมออ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Ou Uraiwan
เนื้อเรื่องไม่ยืดเยื้อน่าติดตาม
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 20

    ลู่เหิงจือเงยหน้ามองซูชิงลั่วแว๊บหนึ่ง ก่อนก้มลงหยิบฟืนแห้งชิ้นเล็กๆ ขึ้นมา ใช้ไม้จุดไฟจุดอย่างช้าๆ แล้วโยนลงไปในเตา มองไฟค่อยๆ ลุกขึ้น จากนั้นจึงลุกขึ้นปัดฝุ่นบนมือ ถามนางว่า "มีอะไรหรือ?"การจุดไฟดูเหมือนเป็นงานหยาบ แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับเป็นไปอย่างไม่เร่งรีบ และดูสง่างามซูชิงลั่วตอบออกไปอย่างเผลอไผลว่า "ข้าต้องการมาต้มน้ำ"ลู่เหิงจือรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย "เจ้าต้มน้ำเป็นหรือ?"แม้ซูชิงลั่วจะมีตำแหน่งคุณหนู แต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้านายในจวนลู่โดยตรงจื๋อหยวนเป็นสาวใช้ที่นางพามาด้วยจากจินหลิงและติดตามนางมาตั้งแต่เด็กแม้ท่านยายจะจัดหาสาวใช้มีอายุให้หนึ่งคนและสาวรับใช้อีกสองคนให้นาง แต่เพราะกลัวคำพูดของผู้คน ปกตินางจึงไม่กล้าใช้งานพวกนางหนักเกินไป เวลาจื๋อหยวนยุ่ง นางจึงต้มน้ำชงชาเองได้ซูชิงลั่วก้มศีรษะ "เป็น" นางชะงักไปครู่หนึ่งแล้วพูดเสริมว่า "ถ้าหากก่อไฟไว้แล้วนะเจ้าคะ"เป็นถึงคุณหนูผู้สูงศักดิ์แต่กลับต้มน้ำเป็นด้วยลู่เหิงจือขมวดคิ้ว "ทำไมเจ้ามาเอง? สาวใช้ของเจ้าไปไหน?"ซูชิงลั่วรีบตอบ "นางมีไข้ รบกวนใต้เท้าช่วยหาหมอให้นางด้วยเถิด"ลู่เหิงจือพยักหน้าและลุกขึ้นเดินออกไปข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 21

    ซูชิงลั่วทนไม่ไหวกับความยั่วยวนนี้ นางจึงประนมมือขอโทษต่อพระพุทธรูปและพระโพธิสัตว์ในวัด จากนั้นก็หยิบตะเกียบขึ้นมากินต้องยอมรับว่าฝีมือทำอาหารของซ่งเหวินดีมาก ลู่เหิงจือช่างเป็นคนที่มีลาภปากเหลือเกินหลังจากกินเสร็จ จื๋อหยวนก็ตื่นขึ้นมาพอดีไข้ของนางเพิ่งจะลด เหงื่อออกทั่วตัวซูชิงลั่วใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่นช่วยเช็ดเหงื่อบนใบหน้าและลำคอของนาง ถามว่านางหิวไหมจื๋อหยวนรู้สึกหิวเล็กน้อย ร่างกายก็ฟื้นตัวขึ้นบ้างแล้ว หมอบอกว่าระหว่างกินยาต้องงดอาหารมันๆ นางจึงได้แค่ดมกลิ่นเนื้อเพื่อให้คลายความอยาก จากนั้นก็กินข้าวต้มเปล่าไปเกือบครึ่งถ้วยกับกินหัวไชเท้าดองไปเล็กน้อยหลังอาหาร ซูชิงลั่วเก็บกล่องอาหารออกไป เมื่อเปิดประตูออกก็เกือบจะชนกับอ้อมแขนของลู่เหิงจือเข้าพอดีกล่องอาหารในมือนางไหวเล็กน้อย แต่ก็ถูกมือที่มีกระดูกชัดเจนของเขาจับไว้อย่างมั่นคงลู่เหิงจือถามว่า "กินเสร็จแล้วหรือ?"บาดแผลที่แขนของซูชิงลั่วถูกกระเทือนทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย นางพยายามอดทนและพูดว่า "เจ้าค่ะ ขอบคุณใต้เท้ากับซ่งเหวินมาก"ลู่เหิงจือไม่ตอบอะไร รับกล่องอาหารมาจากมือนางและส่งให้ซ่งเหวินที่อยู่ด้านหลัง กล่าว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 22

    จื๋อหยวนรู้สึกประหม่าอย่างฉับพลัน ไม่รู้ทำไมถึงนึกถึงภาพลู่เหิงจือกำลังผูกสายรัดเอวตอนที่เข้ามาในกระท่อมไม้ไผ่ครั้งแรกนางรู้สึกอย่างไรไม่รู้ คล้ายกับว่าคุณหนูของนางกำลังจะถูกเขากลืนกินอย่างนั้นจื๋อหยวนมองซูชิงลั่วด้วยสายตาที่แสดงถึงความไม่อยากออกไปซูชิงลั่วส่งสัญญาณปลอบโยนนางด้วยสายตาและพยักหน้าให้จื๋อหยวนจึงออกไปโดยหันกลับมามองหลายครั้ง"แอ๊ด" เสียงประตูถูกปิดลงเงาของป่าไผ่พาดลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ดูเหมือนจะทาบบนตัวลู่เหิงจือ ทำให้เขาดูเย็นชาและลึกลับซูชิงลั่วใจเต้นเร็วขึ้นหลายจังหวะและพูดว่า "ไม่ทราบว่าใต้เท้ามีเรื่องจะรับสั่งหรือ?"ลู่เหิงจือพูดด้วยเสียงเรียบ "ฝนที่ตกหนักเมื่อคืนทำให้ทางภูเขาพัง ในสองสามวันนี้เจ้าก็พักรักษาตัวอยู่ที่นี่ไปก่อน ทางฝั่งท่านแม่เจ้าไม่ต้องกังวล ข้าได้จัดการทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว"ทางภูเขาพังหรือ?ซูชิงลั่วถามด้วยความประหลาดใจว่า "แล้วซ่งเหวินขึ้นมาได้อย่างไร?"ลู่เหิงจือตอบสั้นๆ ว่า "ใช้ทางเล็ก"ซูชิงลั่วเข้าใจในทันที พวกนางต้องนั่งรถม้า หากต้องเดินทางเล็กก็คงลำบากจริงๆพอดีเลย นางจะได้พักรักษาตัวอย่างสบายใจ ที่บ้านตระกูลลู่มากคนก็มากความ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 23

    ซูชิงลั่วรีบเดินไปข้างหน้าในที่สุดเฉียนเหวินหลิงก็ได้เห็นซูชิงลั่วอีกครั้ง รีบมองตรวจสอบนางทั้งตัวและจับมือนางถามด้วยความกังวลว่า "ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?"แล้วมองไปที่ด้านหลังของนางอย่างไม่สบายใจอีกครั้งซูชิงลั่วยิ้มและพูดว่า "ท่านน้าใหญ่สบายใจได้ ข้าสบายดีเจ้าค่ะ"เฉียนเหวินหลิงยังคงกังวลในใจ แต่ก็ไม่กล้าถามมากจนกระทั่งขึ้นรถม้า ซูชิงลั่วรู้สึกว่าหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงเล่าเรื่องอย่างคร่าวๆ ออกไปให้ฟังเพียงแค่บอกว่าพบโจรและได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และบังเอิญได้ลู่เหิงจือช่วยเอาไว้เฉียนเหวินหลิงก็รู้สึกกังวลขึ้นมาอีกครั้ง "ได้รับบาดเจ็บด้วยหรือ?"ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "ท่านน้าใหญ่สบายใจได้ ไม่เป็นอะไรจริงๆ ท่านน้าอย่าบอกท่านยายทำให้ท่านยายต้องกังวลใจเลยนะเจ้าคะ"เฉียนเหวินหลิงกำลังกลัวอยู่ว่าหากซูชิงลั่วเป็นอะไรไป หญิงชราคงจะตำหนินาง จึงยินดีและเต็มใจมาก จากนั้นก็ตบมือซูชิงลั่วเบาๆ แล้วพูดว่า "ลูกของข้า เจ้าช่างรู้ความมากจริงๆ"นางถอนหายใจและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า "เจ้าและเหิงจือในช่วงหลายวันที่ผ่านมาเข้ากันได้ดีหรือไม่?"ซูชิงลั่วรู้สึกเครียดในใจ แต่แสร้งทำเป็นยิ้มสบายๆ แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 24

    คืนนั้นซูชิงลั่วนอนพลิกตัวไปมาอย่างนอนไม่หลับคำพูดของท่านยายทำให้นางนึกถึงชายที่นางเจอในกระท่อมไม้ไผ่คนนั้นที่มีความสง่างามและเสียงเบาน่าฟัง อีกทั้งปลายดาบเย็นเฉียบที่วางบนคอของนางที่จริงนางมีการคาดเดาเกี่ยวกับตัวตนของชายคนนั้นบ้างมีความสง่างามไม่ธรรมดา สามารถใช้ทหารลับทำงานได้ และสามารถทำให้ลู่เหิงจือคบค้าสมาคมด้วยได้ คงเป็นคนในราชวงศ์น่าเสียดายนางไม่รู้จักราชวงศ์เลย คาดเดาไม่ได้ว่าเป็นใครการที่ลู่เหิงจือพบกับชายคนนั้นเป็นเรื่องที่ลับสุดยอดมาก เรื่องอะไรถึงต้องลับขนาดนี้?เป็นเรื่องอันตรายอะไรหรือ?นางรู้สึกแอบเป็นห่วงเขาในใจเล็กน้อย แต่ก็จนปัญญา ไม่ทันไรนางก็หลับไปและฝันถึงป่าไผ่นั้นลู่เหิงจือสวมชุดขาวยืนอยู่หน้าป่าไผ่ ดวงตาดำสนิทอันเงียบสงบคู่นั้นจ้องมองนางแล้วถามว่า "จะขอบคุณข้าอย่างไร?"เสียงนี้นางจำได้อย่างชัดเจนแม้กระทั่งตอนที่ตื่นแล้วซูชิงลั่วอดรู้สึกลำบากใจไม่ได้ สิ่งของที่ส่งไปครั้งก่อนก็ถูกส่งกลับมาหมด ครั้งนี้จะใช้อะไรขอบคุณเขาดีนะ?รู้แน่นอนแล้วว่า สิ่งของนอกกายเขาไม่สนใจแต่นอกจากเงินแล้ว ดูเหมือนนางจะไม่มีอะไรให้อีกซูชิงลั่วคิดอยู่นาน แล้วความคิดหนึ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 25

    ท่านยายถามอีกครั้ง "เรื่องนี้จริงหรือ?"ซูชิงลั่วสงบสติและตอบ "จริงแท้แน่เจ้าค่ะ คุณชายเหิงที่สามเป็นถึงอัครมหาเสนาบดี งานราชการก็ยุ่งมากอยู่แล้ว ถ้าไม่ใช่ข้าไปขอความช่วยเหลือ เขาจะใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ได้อย่างไรเจ้าคะ"ท่านยายถึงได้พยักหน้า แต่สีหน้ายังคงเคร่งเครียดอยู่"ในเมื่อถอนหมั้นกับเหยียนเออร์แล้ว งานชมดอกไม้เดือนหน้าก็ให้ท่านน้าใหญ่พาเจ้าไปกับหมิงซือด้วยแล้วกัน"งานชมดอกไม้จัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมของทุกปี โดยพระสนมรุ่ยจะเชิญชนชั้นสูงในเมืองเข้าร่วม โดยใช้ชื่อว่าเป็นการชมดอกไม้และแต่งบทกวี แต่แท้จริงแล้วเป็นการให้ครอบครัวต่างๆ ได้มาดูตัวลูกสะใภ้เนื่องจากเป็นกิจกรรมเดียวในเมืองหลวงที่ทั้งชายและหญิงสามารถเข้าร่วมได้ จึงเป็นงานเลี้ยงที่หนุ่มสาวในเมืองรอคอยมากที่สุดในทุกปีเนื่องจากก่อนหน้านี้ซูชิงลั่วได้หมั้นหมายไปก่อนแล้ว จึงไม่เคยเข้าร่วมงานนี้ตอนนี้ท่านยายต้องการให้นางไป ความหมายก็ชัดเจนมาก คือต้องการหาคู่ครองที่ดีให้นางท่านยายให้เฉียนเหวินหลิงพานางไป เพราะกลัวว่านางหลิ่วจะไม่พอใจและทำให้เรื่องเสียซูชิงลั่วลังเลและพูดว่า "แต่ท่านยาย ข้าเพิ่งจะหมั้น..."ท่านยา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 26

    ลู่หมิงซือเดินเข้าไปดูแล้วพูดว่า "งั้นเอาผ้าสีหยกพับนี้เถอะ"ผ้าสีหยกเลือกคนใส่ เมื่อใส่แล้วอาจจะดูไม่สวยเท่าผ้าสีแดงเข้มที่จะช่วบขับให้ผิวดูขาวผ่องและคนใส่ดูสดใส ซึ่งดูจะเหมาะกับลู่หมิงซือมากกว่านางหลิ่วพูดขึ้นว่า "ทำไมข้าคิดว่าสีแดงเข้มนั้นดีกว่าล่ะ"ลู่หมิงซือหันไปสบตากับนางหลิ่วแล้วพูดว่า "ข้าไม่ค่อยชอบสีนั้นเจ้าค่ะ"นางหลิ่วจึงเงียบไปไม่พูดอะไรอีกหลังจากที่สาวใช้เดินออกไปจากลานบ้านแล้ว นางหลิ่วที่รออยู่พักหนึ่งจึงทนไม่ไหว หัวเราะเย็นชาออกมาแล้วหยิบถ้วยชาบนโต๊ะขว้างลงบนพื้น"ยายแก่นั่นลำเอียงเกินไปแล้ว เห็นชัดๆ ว่าเป็นผู้หญิงไร้ค่าที่ถูกถอนหมั้น แต่ยังยกระดับสถานะให้นาง ซูชิงลั่วมีสิทธิ์อะไรมาเข้าร่วมงานชมดอกไม้กับเจ้า? นางก็แค่ลูกสาวพ่อค้า ส่วนเจ้าคือลูกสาวของขุนนางแห่งจวนหย่งซุ่นป๋อที่แท้จริง! หรือจะให้เจ้าต้องเลือกผู้ชายทีหลังนางอีก?"ครอบครัวที่เหมาะสมสำหรับการแต่งงานก็มีอยู่ไม่กี่ครอบครัว ทุกคนต่างแย่งชิงกันเพื่อจะได้แต่งงาน"ยังมีนางเฉียนที่ปกติแกล้งทำตัวซื่อๆ คนนั้นอีก กล้าดียังไงไปงานชมดอกไม้แทนข้า?""แล้วก็..." นางหลิ่วพูดด้วยความโกรธ "ทำไมเจ้าถึงเลือกสีหยกล่ะ?

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30
  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 27

    สายตานั้นทำให้นางรู้สึกหวาดกลัวไปชั่วขณะจริงๆ แต่หลังจากนั้นอีกหลายปีลู่เหิงจือก็ไม่ได้ติดต่อกับพวกเขามากนัก นางจึงลืมเรื่องนั้นไปหลังจากลู่เหิงจือสอบได้เป็นจอหงวนและเข้าทำงานในสำนักฮั่นหลิน ลู่จือ ลูกชายคนโตของตระกูลก็ต้องการให้จดชื่อลู่เหิงจือลงไปในฐานะบุตรบุญธรรมอย่างดื้อรั้น ลู่โย่วก็สนับสนุนอย่างเต็มที่จวนหย่งซุ่นป๋อในช่วงหลายปีนี้ได้ตกต่ำลงทุกวันๆ บุตรหลานที่มีความสามารถก็มีไม่มาก ก็แค่นั่งกินสมบัติเก่าเท่านั้นทั้งหมดล้วนอาศัยร้านค้าภายใต้ชื่อของนางที่ยังทำให้คนพวกนี้ไม่ถึงกับต้องลำบากนางไม่สามารถโน้มน้าวพวกเขาได้ จึงต้องปล่อยให้พวกเขาทำตามที่ต้องการแต่ตอนนั้นชิงลั่วได้หมั้นหมายกับลู่เหยียนแล้ว นางจึงแทบจะลืมสายตาของลู่เหิงจือในวัยเยาว์ไปแต่...หลังจากนางป่วยหนัก จู่ๆ คนทั้งสองนี้ก็มีความเกี่ยวข้องที่สำคัญกัน จนนางเริ่มรู้สึกไม่สบายใจอีกครั้งครู่ต่อมา นางสั่งเยว่เออร์ว่า "เอากระดาษกับพู่กันมา ข้าจะเขียนจดหมายไปยังจินหลิง"บ้านตระกูลลู่แห่งหย่งซุ่นป๋อมีพื้นเพอยู่ที่จินหลิงมาหลายร้อยปี บรรพบุรุษเริ่มต้นที่นั่น และยังมีบ้านเก่าและคนรับใช้ที่ดูแลบ้านอยู่ที่จินหลิงด้วย แ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-30

บทล่าสุด

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 458

    เสียงของนางแฝงความหมายว่า “รู้แล้วทำไมไม่บอกข้า”ซูชิงลั่วกระซิบว่า “ซือไหวไม่ให้ข้าบอกท่าน และข้าก็กลัวว่าหากบอกท่านไป แล้วจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสาวได้”ลู่เหิงจือเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่เจ้าไม่กลัวว่าจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาหรือ”ซูชิงลั่วซบลงในอ้อมอกเขา “จะกระทบหรือ?”ลู่เหิงจือฮึดฮัด น้ำเสียงนั้นชัดเจนว่าไม่เป็นเช่นนั้นซูชิงลั่วอดยิ้มไม่ได้ “อันที่จริงแล้วใต้เท้าอวี๋ก็ไม่เลวเลย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงเข้มขรึมว่า “ห้ามชมเขา”ซูชิงลั่วตอบอย่างเชื่อฟังว่า “ได้”อวี๋ซื่อชิงเดินมาพร้อมกับลู่ซือไหวลู่เหิงจือมองคนทั้งสองพลางถามว่า “นานแค่ไหนแล้ว?”อวี๋ซื่อชิงตอบอย่างมั่นใจว่า “เกือบปีแล้ว”นานแค่ไหนนะ???เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกเขาเริ่มคบหากันหลังจากที่เขาและซูชิงลั่วออกจากเมืองหลวงไม่นานอย่างนั้นหรือ?ลู่เหิงจือหันมองลู่ซือไหว “เจ้ามานี่”อวี๋ซื่อชิงพูดว่า “มีเรื่องอะไรข้าจะคุยกับท่านเอง”ลู่เหิงจือยิ้มเย้ยหยัน “การสนทนาของพวกข้าสองพี่น้อง ไม่เกี่ยวกับเจ้า”ลู่ซือไหวดึงแขนเสื้อของอวี๋ซื่อชิง อวี๋ซื่อชิงจึงถอยออกไปลู่เหิงจือพาลู่ซือไหวออ

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 457

    เซี่ยถิงอวี่เดินเข้ามา มองลู่เหิงจือพลางเอ่ยว่า “เหิงจือ รอบที่แล้วเจ้าแต่งงาน ข้าไม่สะดวกไปร่วมงานเพราะสถานะของข้า รอบนี้เจ้าแต่งงาน ข้าจะต้องมาดูสักครั้ง เพื่อความสบายใจของข้าเอง”เสียงของเขาดูจริงใจ ราวกับกำลังพูดคุยกับมิตรสหายคนหนึ่งลู่เหิงจือเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก”ไม่ว่าก่อนหน้านี้จะมีการใช้กันและกันเป็นเครื่องมือหรือไม่ แต่ยามนี้ พวกเขาเป็นสหายที่จริงใจต่อกันมากที่สุดเมิ่งชิงไต้ก็เอ่ยว่า “รอบที่แล้วข้าไม่ได้เข้าร่วมงานแต่งงานของน้องซู ก็รู้สึกเสียดายเหมือนกัน อันที่จริงแล้ว ข้าพาอวี้จู๋และโฉวกว่างมาด้วย”หลังจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่วกลับจินหลิง เซี่ยถิงอวี่ก็เรียกโฉวกว่างกลับมาเพราะการส่งองครักษ์ลับที่ผ่านการฝึกฝนอย่างหนักไปยังจินหลิงนั้นดูจะไม่คุ้มค่า ลู่เหิงจือก็ไม่มีความเห็นอะไร อวี้จู๋จึงยังคงอยู่ในเมืองหลวงและติดตามเมิ่งชิงไต้ซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจและเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่เมิ่ง”เซี่ยถิงอวี่หัวเราะออกมาอย่างกะทันหันเพราะปิดหน้าอยู่ ซูชิงลั่วจึงมองไม่เห็นสีหน้าของเขา รู้สึกได้เพียงว่าเสียงของเขามีความเย้าแหย่แฝงอยู่“ใช่แล้ว ข้าพาอวี๋ซื่อชิงมาด้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 456

    เนื่องจากชุดเครื่องประดับศีรษะชุดนี้ทำค่อนข้างยาก รวมถึงสุขภาพของซูชิงลั่วที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ และหลิงเกอเอ๋อร์ยังเล็กอยู่ การแต่งงานรอบสองระหว่างลู่เหิงจือกับซูชิงลั่วจึงเลื่อนออกไปหนึ่งปีทั้งสองเคยแต่งงานกันมารอบหนึ่งแล้ว การแต่งงานรอบสองเป็นเพียงการให้คำมั่นสัญญาแก่กัน และไม่ได้จัดงานใหญ่โต มีเพียงเชิญญาติฝ่ายเรือนสามและญาติของตระกูลซูมาร่วมงานคล้ายคลึงกับงานฉลองอายุครบเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์เท่านั้นซูชิงลั่วสวมเครื่องประดับศีรษะที่ลู่เหิงจือคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเอง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยจื๋อหยวนเอ่ยว่า “ของที่ใต้เท้าคอยดูแลการผลิตด้วยตัวเองย่อมงดงามมาก”ซูชิงลั่วพยักหน้า ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือทำให้ฝีมือของช่างเหล่านั้นพัฒนาขึ้นไปอีกขั้นเลยทีเดียวก่อนหน้านี้ไม่เคยมีงานฝีมือการทอเส้นไหมทองที่ประณีตขนาดนี้มาก่อนอัญมณีสีชมพูที่ใช้ประดับดอกไม้ต้องมีสีที่เหมือนดอกท้อมากที่สุด ได้ยินมาว่าลู่เหิงจือเดินทางไปทั่วเจียงหนานเพื่อคัดเลือกอัญมณีหลายร้อยชิ้น จนกระทั่งพบกับอัญมณีที่มีสีใกล้เคียงกับสีชมพูของดอกท้อมากที่สุดหลิงเกอเอ๋อร์เดินได้มาหนึ่งเดือนกว่าแล้วยามนี้เขาวิ่งเข้ามาอย่างท

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 455

    ลู่เหิงจือนวดหว่างคิ้วเบาๆ ไม่ตอบอะไรซ่งอวี้ครุ่นคิดครู่หนึ่ง “อันที่จริงแล้วข้ามีวิธีฝังเข็มคุมกำเนิดสอนท่านได้ หากท่านไม่ต้องการมีลูก หลังจากมีเพศรักทุกครั้ง ท่านก็สามารถฝังเข็มให้ฮูหยินได้ ไม่มีผลข้างเคียง เพียงแต่อาจจะเรียนรู้ยากหน่อย”ลู่เหิงจือโล่งอก “ข้าเรียน”เขายังเรียนเขียนบทบรรยายได้เลย การฝังเข็มแค่นี้เขาไม่กลัวอยู่แล้วซ่งอวี้ “เรื่องนี้ต้องปรึกษาฮูหยินของท่านด้วย”“แน่นอน ข้าแค่มาถามท่านก่อน” ลู่เหิงจือตอบด้วยน้ำเสียงเป็นธรรมชาติหลังจากส่งซ่งอวี้กลับห้องแล้ว ลู่เหิงจือก็เดินตามทางเดินที่คดเคี้ยวกลับต้องยอมรับว่าจวนตระกูลซูสร้างได้ดีจริงๆ แม้แต่แสงจันทราก็ยังสวยกว่าที่เมืองหลวงเขายกหน้าขึ้นมองพระจันทร์ คิดว่ายามนี้หลิงเกอเอ๋อร์หลับแล้วแน่นอน คงพาซูชิงลั่วออกมาชมจันทร์ได้เขายิ้มมุมปาก จู่ๆ ก็คิดบางอย่าออก รีบก้มดูถุงหอมที่ตนเองห้อย- ถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้ลู่ซือไหวล้วนเป็นการปักสองด้านหมด แล้วของเขา......เขารีบเปิดออกนี่คือถุงหอมอันแรกที่ซูชิงลั่วให้เขานางเคยให้เขาสามอัน เขาห้อยอันนี้บ่อยที่สุด เพราะรู้สึกว่าอันแรกมีความหมายที่แตกต่างปลายนิ้วของเขาสั่น

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 454

    ลู่เหิงจือเอ่ยกึ่งติดตลกว่า "หรือว่าข้าจะมาเป็นกรรมการดี?"เขาแค่พูดเล่นๆ แต่ลู่ซือไหวกลับคิดจริงจัง "ดีเลย"นางก็รีบแกะถุงหอมที่ซูชิงลั่วให้นางมาจากเอวซูชิงลั่วรู้สึกประหลาดใจ - นางพกติดตัวตลอดจริงๆลู่เหิงจือหยิบขึ้นมาเทียบกับสร้อยทองในมือของซูชิงลั่ว แล้วเอ่ยเสียงเรียบว่า "ก็สู้ของพี่สะใภ้ไม่ได้หรอก"ลู่ซือไหวไม่ได้รู้สึกไม่พอใจที่ถูกพูดเช่นนี้ ใบหน้าก็ยิ้มแย้ม "ก็เพราะการปักลายสองด้านจำกัดฝีมือของพี่สะใภ้"นางพลิกถุงหอมกลับด้าน ด้านในมีอะไรซ่อนอยู่ลู่เหิงจือรู้สึกเหมือนจะนึกอะไรออกแต่ก็จับไม่ได้ทันที ก็ได้ยินบ่าวรับใช้มารายงานว่าหมอหลวงซ่งจากเมืองหลวงมาถึงแล้วเขาอายุมากแล้ว ฮ่องเต้องค์ใหม่มีหมอหลวงที่ไว้ใจได้ของพระองค์เอง เขาจึงลาออกจากตำแหน่งกลับบ้านเกิดเขาเป็นชาวจินหลิง พอได้ยินว่าลูกชายของลู่เหิงจืออายุครบเดือน ก็รีบมาแสดงความยินดีในวันรุ่งขึ้นทันทีคนอื่นๆ ล้วนเป็นญาติหรือสหายเก่าของตระกูลซูแห่งจินหลิง ลู่เหิงจือไม่จำเป็นต้องไปต้อนรับเป็นพิเศษ แต่เมื่อซ่งอวี้มาเอง เขาต้องไปพบซูชิงลั่วเห็นว่าญาติมาครบแล้ว ก็อุ้มหลิงเกอเอ๋อร์และจูงมือลู่ซือไหวออกไปทักทายทุกคนทัน

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 453

    ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่กระทำกลับอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนเห็นได้ชัดว่าเขาดูแลนางเป็นอย่างดีหลังคลอดไม่นานทว่าซูชิงลั่วก็อดร้องออกมาด้วยเสียงที่ทำให้หัวใจเต้นรัวไม่ได้เขาเพิ่งเคยจูบนางเช่นนี้เป็นครั้งแรก จูบที่ทั้งถี่และอ่อนโยนจนแทบจะทั่วทั้งร่างกายของนางสุดท้ายแนบชิดนางอย่างระมัดระวังจูบเสร็จแล้ว ซูชิงลั่วก็เอนตัวลงในอ้อมแขนของเขาและถามว่า “ท่านจะเขียนบทบรรยายให้ข้าอีกหรือไม่”ลู่เหิงจือตอบเสียงเบาว่า “หากเจ้าอยากอ่าน ข้าก็จะเขียน”ซูชิงลั่วตอบว่า “อยากอ่าน”ลู่เหิงจือตอบว่า “ได้”ซูชิงลั่วรู้สึกพึงพอใจและหลับไปในอ้อมแขนของเขา*งานฉลองวันเกิดครบหนึ่งเดือนของหลิงเกอเอ๋อร์ จัดขึ้นเมื่อเขาอายุได้ สามสิบห้าวันซึ่งจัดช้ากว่าที่จินหลิงไม่กี่วันเนื่องจากญาติฝ่ายตระกูลซูเหลือไม่มาก และญาติฝ่ายตระกูลลู่ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง จำนวนแขกที่มาในงานจึงไม่มาก มีเพียงแค่สองโต๊ะเท่านั้นแต่ภายในบ้านก็ยังคงคึกคักเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้มีงานมงคลเช่นนี้มานานแล้วลู่ซือไหวก็ถูกรับกลับมาจินหลิงเช่นกัน เนื่องจากลู่เหิงจือและซูชิงลั่ววางแผนจะอยู่ที่จินหลิงสักสองสามปี นางจึงอยากอยู่กับพี่ช

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 452

    ลู่เหิงจือจึงได้อยู่เดือนเป็นเพื่อนซูชิงลั่วเขาเริ่มสังเกตเห็นว่าเมนูอาหารในบ้านเปลี่ยนไปจากเดิมมากโดยเฉพาะเมนูที่ไม่ค่อยได้ทำมาก่อนแต่ปรากฏในช่วงนี้อยู่บ่อยครั้ง - ตีนเป็ดตุ๋นน้ำแดง เนื้อแพะตุ๋น มะเขือม่วงย่าง และหัวสิงโตนึ่งลู่เหิงจือกินไปหลายวันก็เริ่มฉุกคิดได้ จึงหันไปมองซูชิงลั่ว“ครั้นที่เจ้าไปกินข้าวกับอวี๋ซื่อชิงและหลี่ว์เผิงเทียน แล้วถามเถ้าแก่ว่าข้าชอบกินอะไร”ซูชิงลั่วก็ไม่ได้ปฏิเสธหลังจากคืนดีกับลู่เหิงจือแล้ว พวกเขาทั้งสองก็เข้าใจกันมากขึ้น - สามารถพูดคุยกันได้ทุกเรื่อง ราวกับไม่มีอะไรต้องกังวลอีกแล้วทำให้นางกับลู่เหิงจือต่างรู้สึกสบายใจมากขึ้น“ข้าเพิ่งรู้ว่าที่ผ่านมาท่านเอาใจข้าเรื่องอาหารมากเลย” ซูชิงลั่วเอ่ยติดตลก “ไม่แปลกใจเลยที่ท่านจะไม่ค่อยกลับบ้านมากินข้าว”ลู่เหิงจือเงยหน้าขึ้นมองนางซูชิงลั่วเงยหน้าขึ้นมองเขาพร้อมกับเอียงหัวเล็กน้อย “ที่ผ่านมาเป็นความผิดของข้าเองที่ไม่เคยได้สังเกต”นางเอื้อมมือไปดึงหูเขาเบาๆ พลางเอ่ยว่า "ต่อไปนี้ สามีจะได้กินอาหารถูกปากที่บ้านบ่อยๆ แล้วนะ"การที่นางเรียกเขาว่า "สามี" และดึงหูเขาทำให้สายตาของลู่เหิงจือลึกซึ้งยิ่

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 451

    ซูชิงลั่วหลับไปหนึ่งวันหนึ่งคืนถึงจะฟื้นพอฟื้น คนแรกที่เห็นคือลู่เหิงจือที่นอนอยู่ข้างๆ มือของเขายังจับมือนางไว้อยู่ และฝ่ามือก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนางขยับมือลู่เหิงจือรู้สึกตัวทันที ไม่ต้องให้นางเอ่ยสิ่งใด เขาก็รีบเทน้ำอุ่นใส่ถ้วย แล้วอุ้มนางเข้ามากอดในอ้อมแขน ป้อนน้ำให้นางซูชิงลั่วดื่มไปหลายถ้วยถึงจุใจ เสียงของนางก็แหบพร่า “ลูกล่ะ”“อยู่ห้องข้างๆ เจ้าน่ะ มีแม่นมเหมยและแม่นมคอยดูแลอยู่ ท่านย่าก็แวะไปดูเป็นระยะๆ เจ้าไม่ต้องห่วง” ลู่เหิงจือถามนาง “หิวหรือไม่”ซูชิงลั่วพยักหน้า หิวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนลู่เหิงจือตอบว่า “ข้าวต้มกับบะหมี่เตรียมไว้แล้ว เจ้าอยากกินอะไร”“แม่นมเหมยบอกว่าเจ้าเพิ่งคลอด ควรกินอาหารอ่อนๆ ไปก่อน”เขาเอื้อมมือไปจัดทรงผมที่ยุ่งเหยิงของนาง “พอเจ้าสบายตัวขึ้นแล้ว ข้าจะลงครัวทำอาหารที่เจ้าชอบกินด้วยตนเอง”ซูชิงลั่วพยักหน้า “บะหมี่แล้วกัน”นางไม่มีแรงแม้แต่จะยกแขนลู่เหิงจือจึงอุ้มนางไว้ในอ้อมแขน ป้อนให้นางทีละคำนางกินบะหมี่ไปสองชามเล็กถึงจะอิ่ม และคิดถึงลูกขึ้นมา จึงถามว่า “ลูกหลับอยู่หรือไม่ หากตื่นแล้วอุ้มมาให้ข้าดูหน่อย”ลู่เหิงจือเอ่ยเสียงทุ้

  • แต่งกับขุนนาง   บทที่ 450

    เวลาล่วงเลยเข้าสู่ยามวิกาล ลู่เหิงจือและหญิงชราก็ยังคงรอคอยอยู่ข้างนอกเยว่เออร์จึงปลอบว่า “นายหญิงเฒ่า คุณหนูคงยังไม่คลอดในทันที ท่านควรกลับไปพักผ่อนเสียก่อน มิเช่นนั้น เมื่อคุณหนูคลอดบุตรออกมาแล้ว ร่างกายของท่านจะไม่ไหวเอาได้ คุณหนูก็ต้องมาเป็นห่วงอีก”หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า “เจ้าไม่ต้องมาปลอบข้าหรอก ข้านอนไม่หลับอยู่แล้ว”เยว่เออร์จึงได้แต่ทำตามคำสั่งโชคดีที่เป็นเดือนหกของจินหลิง ค่ำคืนนี้จึงไม่หนาวลู่เหิงจือได้สั่งให้คนนำนาฬิกาทรายมาวางไว้ในบริเวณลานกว้าง และรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ยาวนานเหลือเกินราวกับว่าความอดทนทั้งหมดของเขาหมดไปกับค่ำคืนนี้ฟ้าสางแล้วเสียงร้องครวญครางของซูชิงลั่วก็เบาลง ดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อคืน และค่อยๆ สงบลงลู่เหิงจือใจร้อนจึงรีบส่งคนเข้าไปถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง”สาวใช้รีบตอบว่า “ใต้เท้าอย่าได้เป็นห่วงเลย ฮูหยินเพียงแค่เหนื่อยจนหลับไปเจ้าค่ะ”นางไม่ได้หลับทั้งคืน เสียงร้องครวญครางก็พยายามกลั้นไว้ คงจะเหนื่อยล้ามากลู่เหิงจือพยักหน้า ไม่ได้เอ่ยสิ่งใดต่อซูชิงลั่วหลับไปเพียงครึ่งชั่วยาม ท้องก็เริ่มปวดอีกครั้งนางตื่นขึ้นมาด้วยความเจ็บป

DMCA.com Protection Status