Share

บทที่ 6

แค่ชั่วครู่ ลู่เหิงจือก็กลับมาเป็นปกติ

เขามองหญิงสาวที่อ่อนโยนและสวยงามตรงหน้า แล้วถามด้วยเสียงเรียบๆ ว่า "การถอนหมั้นไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เจ้าคิดดีแล้วหรือ? จะไม่เสียใจทีหลังใช่ไหม?"

ซูชิงลั่วพยักหน้า "เจ้าค่ะ ชิงลั่วคิดดีแล้ว จะไม่เสียใจเด็ดขาด"

ดวงตาของลู่เหิงจือเข้มขึ้นเล็กน้อย

ซูชิงลั่วพูด "ท่านสาม ข้ากับลู่เหยียน..."

"เรียกข้าว่าพี่สาม" ลู่เหิงจือพูดแทรกนางขึ้นมาอย่างกะทันหัน เสียงของเขาไพเราะเหมือนน้ำพุใสไหลผ่านก้อนหิน

ซูชิงลั่วงงกับคำพูดที่ไม่มีต้นไม่มีปลายของเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องใส่ใจกับคำที่นางใช้เรียกเขาด้วย

เมื่อหลายปีก่อนในงานเลี้ยงครอบครัว นางเคยเรียกเขาว่าพี่สามตามคนอื่น แต่ตอนนี้นางโตขึ้นแล้ว มีความแตกต่างระหว่างชายหญิง การเรียกอย่างสนิทสนมแบบนั้นรู้สึกไม่เหมาะสมเลย

เหมือนจะเข้าใจความกังวลของนาง ลู่เหิงจือรีบพูดต่อ "ในเมื่อให้ข้าจัดการให้ ยังจะทำตัวห่างเหินกับข้าอีกหรือ?"

ที่แท้เขาหมายถึงอย่างนี้เอง

ซูชิงลั่วไม่คิดมาก จึงรีบเอ่ยปากออกไปว่า "พี่สาม"

เสียงของหญิงสาวใสกังวานและมีความล่องลอยอยู่บ้าง ฟังแล้วไพเราะยิ่งกว่าเสียงนกขมิ้นทองอีก

ลู่เหิงจือมองนางอยู่สักครู่ "พี่สามตกลง"

ซูชิงลั่วตกใจเล็กน้อย "แต่ท่านยังไม่ได้ฟังเหตุผลของข้าเลยนะ..."

"สำคัญเหรอ?" น้ำเสียงของลู่เหิงจือมีความหยิ่งผยอง "ในเมื่อเจ้าต้องการถอนหมั้น เรื่องเหตุผลจะสำคัญอะไร ข้าจะทำให้เจ้าสมหวังเอง"

ซูชิงลั่วอดรู้สึกตกใจไม่ได้

ทำไมเขาถึงเชื่อใจนางเพียงนี้?

หลังจากตกใจ ในใจของนางกลับรู้สึกสับสนอย่างไร้สาเหตุ

ในเวลานี้ซ่งเหวินเข้ามารายงานด้วยความร้อนรน "คุณชาย ท่านยายลู่เป็นลมกะทันหัน ทุกคนกำลังรอคุณชายไปจัดการขอรับ"

จื๋อหยวนเดินตามหลังมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก

"ว่าอะไรนะ?"

ซูชิงลั่วรีบร้อนเดินออกไปโดยทันที ด้วยความรีบร้อนนางจึงเหยียบขั้นบันไดพลาดจนเกือบจะล้มลง ขณะที่กำลังจะล้ม นางรู้สึกถึงแรงดึงที่มั่นคงจากด้านหลังทำให้นางตกลงไปในอ้อมแขนของลู่เหิงจือ

นางรู้สึกทั้งอายทั้งโมโห แต่ในพริบตา ลู่เหิงจือก็ปล่อยนางไป เหมือนสุภาพบุรุษ

"อย่าเพิ่งร้อนใจ" เสียงของเขามีพลังนางอย่างที่ทำให้ซูชิงลั่วรู้สึกสงบลงทันที

ลู่เหิงจือสั่งกับซ่งเหวินด้วยเสียงเรียบๆ "เอาป้ายเชิญของข้าไปเชิญหมอหลวงซ่งมาที่จวน"

หมอหลวงซ่ง ซ่งอวี้ เป็นหัวหน้าผู้ดูแลในสำนักหมอหลวง

ซูชิงลั่วรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างมาก แต่ไม่ทันได้กล่าวขอบคุณ ก็ทำความเคารพแล้วรีบไปที่เรือนของท่านยายลู่พร้อมกับจื๋อหยวนทันที

ผู้หญิงส่วนใหญ่ก็ไปถึงแล้ว ส่วนผู้ชายรออยู่ที่ลานนอก

ซูชิงลั่วเข้าประตูไปได้ก็รับจับมือท่านยายลู่ทันที น้ำตาไหลพราก ปากก็เอ่ยเรียกท่านยายไม่หยุด

ท่านยายลู่เหมือนคนที่นอนหลับอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอ ไม่ขยับเขยื้อนกระดุกกระดิก

หมอที่รักษาท่านยายลู่เป็นประจำมาถึงอย่างรวดเร็ว หลังจากจับชีพจรแล้วก็ส่ายหัวและถอนหายใจเดินจากไป

ซูชิงลั่วกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ร้องไห้ออกมา

เยว่เออร์ สาวใช้คนสนิทของท่านยายลู่เข้ามากอดนางไว้ น้ำตาคลอเบ้า "ไม่เป็นไรหรอกเจ้าค่ะ ท่านอัครมหาเสนาบดีสั่งให้ไปเชิญหมอหลวงมาแล้ว จะต้องไม่เป็นไรแน่ๆ"

ซูชิงลั่วซบอยู่ในอ้อมกอดของนาง ร้องไห้ไม่หยุด

หมอหลวงซ่งมาถึงอย่างรวดเร็วและสั่งให้ทุกคนออกไป

ซูชิงลั่วทำอะไรไม่ได้ ได้แต่รอข้างนอกอย่างกังวลใจเช่นเดียวกับคนอื่นๆ

ฟ้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน หมอหลวงซ่งออกมาพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า "สามวันนี้ท่านยายมีอาการวิกฤต ถ้าผ่านไปได้ก็จะพ้นขีดอันตราย แต่ถ้าไม่..."

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากและจิกปลายเล็บเข้าไปในเนื้อแน่น

บรรยากาศในที่นั้นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที

เฉียนเหวินหลิง นายหญิงใหญ่ของบ้านสั่งให้คนอื่นๆ กลับไปพักผ่อนกันก่อน ส่วนตัวนางกับสะใภ้คนอื่นจะผลัดกันเฝ้าไข้เอง แต่ซูชิงลั่วไม่ยอม ยืนยันว่าจะอยู่เฝ้าด้วย

นางหลิ่วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องใช้คน ข้าก็จะไม่ปฏิเสธ พรุ่งนี้เช้าข้าจะมาเปลี่ยนพี่สะใภ้ใหญ่เอง"

พูดจบนางหลิ่วก็เดินกลับไปพักผ่อนทันที

ไม่มีใครคาดคิดว่าในงานเลี้ยงวันเกิดที่รื่นเริงจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้

ผู้ชายในลานโดยการนำของลู่เหิงจือ เมื่อเขาไม่ไปไหน จึงไม่มีใครกล้าออกไปกลัวว่าจะทำให้ยมทูตหน้าตายไม่พอใจในช่วงเวลาสำคัญนี้

ไม่มีใครคาดคิดว่า การเฝ้าไข้ครั้งนี้จะยาวนานไปตลอดทั้งคืน

ตลอดทั้งคืน ซูชิงลั่วไม่ง่วงเลยสักนิด เฝ้าไข้ท่านยายลู่ตลอดเวลา ขณะที่เฉียนเหวินหลิงได้แอบงีบบนเก้าอี้หวายด้านนอกเป็นเวลาสองชั่วโมง

เมื่อคืนนี้หมอหลวงซ่งพักอยู่ที่จวนลู่ เช้ามาจึงได้มาตรวจชีพจรให้ท่านยายลู่อีกครั้ง และยังได้ปรับเปลี่ยนสูตรยาอย่างเคร่งเครียด และกำชับให้คนรับใช้ดูแลปรนนิบัติอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญมาก

นางหลิ่วเดินหาวหวอดเข้ามาและบ่นว่า "รู้แบบนี้เมื่อคืนข้าน่าจะอยู่เฝ้าดีกว่า ข้าเป็นห่วงท่านแม่จนนอนไม่หลับเลย"

เฉียนเหวินหลิงยิ้มเล็กน้อย คร้านจะโต้แย้งกับนาง เพียงพูดว่า "ชิงลั่วเหนื่อยมากแล้วเมื่อคืน รีบกลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ"

แม้ซูชิงลั่วจะรู้สึกว่าตัวเองยังไหว แต่เมื่อคิดว่าคืนนี้คงต้องอดนอนอีก จึงลุกขึ้นเตรียมไปนอนที่ห้องพักข้างๆ แต่ก็ได้ยินนางหลิ่วพูดว่า "เดี๋ยวก่อน ข้ามีเรื่องจะคุยกับชิงลั่ว พี่สะใภ้ใหญ่ก็อยู่ฟังด้วยสิ"

ซูชิงลั่วรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ทั้งสองคนเดินตามนางหลิ่วไปที่ลานด้านนอก

นางหลิ่วพูดตรงเข้าประเด็น "ข้าจะพูดตรงๆ เลย เกรงว่าตอนนี้ท่านแม่คงไม่ไหวแล้ว ข้าคิดว่าน่าจะจัดงานมงคลเพื่อแก้เคล็ด พรุ่งนี้ก็จัดงานแต่งของเหยียนเออร์กับชิงลั่วซะเลยแล้วกัน บางทีหากท่านแม่ดีใจอาการป่วยอาจจะดีขึ้นก็ได้! ของที่ต้องเตรียมข้าก็เตรียมไว้หมดแล้ว"

เฉียนเหวินหลิงพูดอย่างลังเล "นี่..."

นางหลิ่วรีบพูดต่อ "ข้ารู้ว่ามันอาจจะทำให้ชิงลั่วรู้สึกอึดอัด แต่ชิงลั่วก็เป็นลูกหลานของครอบครัวเราเอง หลังจากแต่งงานข้าจะชดเชยให้ดีแน่นอน จะไม่มีใครกล้าดูถูกนาง นอกจากนี้ชิงลั่วก็เป็นเด็กที่กตัญญู เรื่องนี้มีประโยชน์กับท่านแม่เช่นนี้ นางคงไม่ปฏิเสธแน่"

ซูชิงลั่วกัดริมฝีปากจนเลือดเกือบออก นางหลิ่วช่างร้ายกาจจริงๆ!

ท่านยายกำลังอยู่ในภาวะวิกฤตขนาดนี้ นางยังมีจิตใจจะพูดเรื่องการแต่งงานของนางกับลู่เหยียนในตอนนี้อีก

นางคงกลัวว่าหากท่านยายเสียชีวิต ตัวนางจะทำทุกอย่างเพื่อถอนหมั้น พลาดโอกาสได้เงินก้อนโต ดังนั้นจึงคิดวิธีนี้ขึ้นมา ใช้ความกตัญญูกดดันนาง

ซูชิงลั่วอดพูดเยาะขึ้นไม่ได้ "ข้าไม่ตกลง"

ในเมื่อนางหลิ่วไร้เมตตา ก็อย่าหาว่านางไร้คุณธรรม

ตอนนี้ท่านยายอยู่ในสภาพเช่นนี้ ซูชิงลั่วไม่กลัวอะไรอีกแล้ว นางตัดสินใจลุยไปเลย

นางพูดด้วยเสียงเย็นชา "ท่านน้ารองคงลืมเรื่องที่ชิงลั่วเคยบอกว่าจะถอนหมั้นกับลู่เหยียนไปแล้วสินะเจ้าคะ"

นางหลิ่วตกใจ รีบพูดขัดนางทันที "เหลวไหล การหมั้นนี้ท่านแม่เป็นคนกำหนดไว้เอง ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ชัดว่าท่านแม่จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่เจ้ากลับกล้าพูดถึงการถอนหมั้นขึ้นมา ทำไมถึงได้อกตัญญูแบบนี้?"

ซูชิงลั่วจ้องตรงไปที่ดวงตาของนางหลิ่ว "หากข้าไม่ถอนหมั้นนั่นแหละถึงจะเป็นการอกตัญญู ท่านยายบอกไว้ว่าท่านแค่หวังอยากให้ข้ามีความสุข"

"ในเมื่อท่านน้าบีบให้ข้าแต่งงานหลายครั้ง ข้าก็คงต้องขอร้องให้ท่านอครมหาเสนาบดีช่วยจัดการให้"

นางหลิ่วสะดุ้ง "เจ้าว่าอะไรนะ?"

ซูชิงลั่วหันหลังแล้วเดินออกไป จื๋อหยวนก็ตามไปติดๆ

เสียงของนางหลิ่วดังขึ้นอย่างร้อนรนจากด้านหลัง "พวกเจ้าขวางนางเอาไว้"

ตอนนี้ผู้ชายที่ลานนอกยังไม่แยกย้าย ยังคงอยู่ในลักษณะเดิมจากเมื่อคืน ลานนอกกับห้องโถงถูกกั้นไว้ด้วยฉากกั้นลม

ถึงมีฉากกั้น แต่ก็สามารถเห็นร่างของลู่เหิงจือได้อย่างรางๆ

เขานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ มือถือจอกชาขึ้นจิบเบาๆ ด้วยท่าทางสง่างาม

เมื่อรู้สึกว่ามีคนเดินมา เขาก็เงยหน้าขึ้น สายตาเหมือนมองทะลุฉากกั้นมาทางนาง

ซูชิงลั่วตัดสินใจทำเรื่องนี้ให้ใหญ่โต ไม่สนใจอะไรแล้ว คุกเข่าลงหลังฉากกั้น พูดเสียงดังว่า "หม่อมฉันซูชิงลั่ว ต้องการถอนหมั้นกับลู่เหยียน แต่นางหลิ่ว ท่านน้ารองขัดขวางหลายครั้ง ขอท่านอัครมหาเสนาบดีช่วยจัดการให้หม่อมฉันด้วย"

ทุกคนในที่นั้นตกใจทันที

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status