Share

แต่งกับขุนนาง
แต่งกับขุนนาง
ผู้แต่ง: หอมดังเดิม

บทที่ 1

สายฝนพร่างพราย ปกคลุมทั่วท้องฟ้าเมืองฉางอัน

ท้องฟ้ามืดมัว เทียนเล่มหนึ่งที่ถูกจุดสว่างไว้บนเชิงเทียนถูกลมพัดเบาๆ แสงไฟสั่นไหว ฝีเข็มที่กำลังปักตรงหน้าจึงไหวตามไปด้วยเล็กน้อย

ซูชิงลั่วถูกเข็มทิ่มเข้าที่ปลายนิ้วชี้อย่างไม่ทันระวัง เกิดความเจ็บปวดแผ่ซ่านขึ้นมาทันที

หยดเลือดสีแดงหยดลงบนชุดแต่งงานที่ยังปักไม่เสร็จในมือ และหยดเปื้อนสีแดงลงบนตำแหน่งของนกยวนยางพอดิบพอดี

ชุดแต่งงานเปื้อนเลือด เป็นลางไม่ดีอย่างมาก

จื๋อหยวนที่ยืนอยู่ข้างๆ ร้องออกมาด้วยความตกใจแล้วรีบนำผ้าเช็ดหน้ามาปิดแผลของซูชิงลั่วไว้ทันที

"คุณหนูวันนี้ฝนตก ท้องฟ้ามืดมัว ไม่สู้ไว้ปักวันอื่นเถิดเจ้าค่ะ อย่างไรก็ยังมีเวลาอีกตั้งครึ่งปี ทันแน่อยู่แล้ว"

ซูชิงลั่วก้มหน้าลง ไม่ได้พูดอะไร

รับใช้ซูชิงลั่วมาเป็นเวลาหกปี จื๋อหยวนรู้สึกว่าคุณหนูของนางยิ่งสวยขึ้นทุกวัน หรืออาจจะเป็นเพราะโตขึ้นก็ได้

ผิวของนางขาวเนียนดุจหยก ดวงตาคู่สวยสดใสดั่งสายน้ำในฤดูใบไม้ร่วง หางตาเชิดขึ้นเล็กน้อย ความงามสดใสของวัยสาวทำให้นางดูมีเสน่ห์ในแบบเด็กสาว

ปลายนิ้วยาวเรียวพันด้ายเรียบร้อย ซูชิงลั่วพูดเสียงเบาว่า "งั้นก็ไม่ปักแล้ว เราออกไปข้างนอกกัน"

จื๋อหยวนรู้สึกประหลาดใจ เพราะนี่ไม่ใช่วิธีการปฏิบัติของซูชิงลั่ว

ซูชิงลั่วเกิดในตระกูลซูที่ร่ำรวยที่สุดในจินหลิง แต่น่าเสียดายที่พ่อแม่ของนางเสียชีวิตตั้งแต่ตอนที่นางอายุสิบปี ทำให้ต้องไปพึ่งพาอาศัยที่บ้านคุณยาย

เนื่องจากไม่ใช่บ้านของตัวเอง แม้ว่าในบ้านคุณยายจะดูแลนางดีกว่าหลานสาวแท้ๆ แต่นับตั้งแต่นางเข้ามาในบ้าน นางก็รู้ความมาก ไม่เคยสร้างความลำบากให้ใครเลย แม้แต่กับสาวใช้และบ่าวไพร่นางก็ให้ความเกรงใจ จนกลายเป็นที่รักของทุกคน

เรื่องที่จะออกไปข้างนอกในวันที่ฝนตกและทำให้คนอื่นต้องลำบากแบบนี้ จึงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

จื๋อหยวนถาม "คุณหนูอยากไปไหนเจ้าคะ? บ่าวจะได้ไปบอกคนขับรถม้า"

"ไปที่ร้านเครื่องประดับจินจี้" ซูชิงลั่วพูดเสียงนุ่มอย่างใส่ใจ "ให้เงินคนขับรถม้ามากหน่อยนะ"

จื๋อหยวนเข้าใจทันที ที่แท้ก็อยากไปดูเครื่องประดับแต่งงานว่าทำไปถึงไหนแล้ว มิน่าล่ะ

พวกนางออกจากประตูข้างและขึ้นรถม้าไปอย่างเงียบๆ โดยไม่ให้เป็นที่สนใจของใครๆ

รถม้าเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างช้าๆ เมื่อใกล้ถึงร้านเครื่องประดับจินจี้ ในใจของซูชิงลั่วกลับรู้สึกกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ

"ไม่หรอก" นางแอบปลอบตัวเองในใจ บ้านตระกูลลู่มีบุญคุณกับนางไม่น้อย ลู่เหยียนก็ดูแลนางเป็นอย่างดีมาตลอดเช่นกัน ไม่มีทางทำเรื่องที่ผิดต่อนางแน่นอน

แต่นางก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเมื่อคืนถึงฝันเช่นนั้น

ในฝัน หลังจากที่นางแต่งงานกับลู่เหยียนได้ไม่นานก็ตั้งครรภ์

ตั้งแต่นางตั้งครรภ์ ลู่เหยียนมักอ้างว่ายุ่งเรื่องเตรียมตัวสอบจอหงวนจึงไม่ค่อยกลับบ้าน นางเชื่อใจเขาเสมอมา ไม่เคยคิดสงสัยอะไร

จนกระทั่งใกล้คลอด คืนหนึ่งจู่ๆ นางก็เกิดหิวจึงไปหาของกินในครัว แต่จู่ๆ ก็ได้ยินคนใช้แอบพูดซุบซิบกันว่า "อย่างนี้ก็หมายความว่านายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้นชิงคลอดคุณชายน้อยออกมาก่อนแล้วงั้นสิ"

นางฟังแล้วรู้สึกผิดปกติ จึงให้จื๋อหยวนและแม่นมเหมยจับตัวคนใช้มาสอบสวน เมื่อสอบสวนก็พบว่าลู่เหยียนแอบปลูกเรือนหลักเล็กๆ ไว้ข้างนอกและซุกภรรยาน้อยไว้ที่นั่น

นางโกรธมากจึงพาคนไปที่นั่นทันที พบว่าภรรยาน้อยที่ลู่เหยียนเลี้ยงไว้ก็คือหลิ่วเยียนหรานลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง มิน่าคนใช้จึงเรียกนางว่า "นายหญิงที่อยู่ข้างนอกท่านนั้น"

และไม่ใช่แค่ลู่เหยียนที่อยู่ที่นั่น แม้แต่มารดาของเขา แม่สามีของนาง นายหญิงหลิ่วก็อยู่ที่นั่นด้วย

เมื่อเห็นนางหลิ่วเยียนหรานตกใจมาก อุ้มลูกไปหลบอยู่ข้างหลังลู่เหยียน ลู่เหยียนลูบหลังนางเบาๆ และพูดปลอบใจด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า "ไม่เป็นไร"

นายหญิงหลิ่วรู้สึกอึดอัดใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ในเมื่อเจ้ามาถึงนี่ก็ดีแล้ว เดิมทีเรื่องนี้ก็ควรบอกเจ้าแต่แรก เยียนหรานได้ให้กำเนิดบุตรชายคนโตของลู่เหยียนแล้ว เราย่อมไม่อาจเอาเปรียบนางได้ เหยียนเออร์ตั้งใจจะรับนางมาเป็นภรรยารอง"

นางรู้สึกสะอิดสะเอียน

พอนับเวลาดูแล้ว เกรงว่าลู่เหยียนคงปลูกเรือนเล็กนี่ไว้ตั้งแต่ก่อนแต่งงานกับนางแล้ว จึงคลอดบุตรก่อนนางได้แบบนี้

นางเป็นคนหน้าบาง เมื่อถูกกลั่นแกล้งเช่นนี้ก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ได้แต่ร้องไห้น้ำตานองหน้า ถามลู่เหยียนด้วยเสียงสั่นเครือว่าทำไมถึงทำกับนางเช่นนี้?

แต่ลู่เหยียนกลับพูดอย่างไม่แยแสว่า "เจ้าไม่ความเช่นนี้ได้อย่างไร? บุรุษผู้ใดบ้างที่ไม่มีภรรยาหลายคน?"

"ข้ายังดูแลเจ้าไม่ดีพอหรือ? เห็นใจเจ้าที่กำลังตั้งครรภ์ ข้าจึงยังไม่ได้รับเยียนหรานเข้ามาในบ้าน นางต้องทนทุกข์อยู่ข้างนอกมามากแค่ไหน?"

ปากของเขาเอาแต่โทษว่าเป็นความผิดของนาง

นางไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้มาก่อน เจ็บปวดใจเหมือนจะตาย อารมณ์โกรธพุ่งทยานจนทำให้ครรภ์มีปัญหา

เนื่องด้วยเสียใจมาก อีกทั้งยังคลอดยาก นางจึงไม่สามารถคลอดลูกออกมาได้

นางนอนจมกองเลือดอยู่อย่างโดดเดี่ยว มองดูเลือดที่ไหลซึมไปทั่วที่นอนและพื้น ได้ยินเสียงร้องไห้อย่างทุกข์ทรมานของจื๋อหยวน

แต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้

นางนอนอยู่ในโลงศพเย็นเฉียบ วิญญาณล่องลอยอยู่กลางอากาศ ได้ยินลู่เหยียนพูดกับหลิ่วเยียนหรานด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า "เป็นซูชิงลั่วที่ไม่มีบุญมากพอ รอให้ครบหนึ่งร้อยวันก่อน ข้าจะยกเจ้าขึ้นเป็นภรรยา"

ทำไมถึงทำเช่นนี้ได้ พูดเรื่องแบบนี้ต่อหน้าป้ายวิญญาณของนางเนี่ยนะ

ซูชิงลั่วร้องไห้ด้วยความโกรธและตื่นจากฝันในที่สุด พบว่าร่างกายของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อเย็นทั้งตัว

จื่อหยวนเองก็ตกใจมาก เมื่อรู้ว่านางฝันร้ายก็รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าให้นางและนำน้ำอุ่นมาเช็ดตัวให้

นางดื่มน้ำไปอึกหนึ่งเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น แต่กลับรู้สึกว่าความฝันนี้เหมือนจริงเกินไป เหมือนจริงราวกับเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในชาติก่อน ทำให้รู้สึกหวาดกลัว

นางนอนลืมตาจนสว่าง ไม่คาดคิดว่าฝนจะตกปรอยลงมา

เดิมทีวันนี้นัดกับลู่เหยียนไว้ ให้เขาไปเป็นเพื่อนเธอดูว่าช่างทำเครื่องประดับสำหรับงานแต่งทำไปถึงไหนแล้ว จากนั้นก็จะเลือกเครื่องประดับที่ชอบเพิ่มอีก

ผลปรากฏว่าในตอนเช้าทิงซูคนรับใช้ของลู่เหยียนกลับมารายงานว่า วันนี้ลู่เหยียนถูกเพื่อนร่วมงานเชิญไปงานกะทันหัน วันหลังจะพานางไปเดินตลาดออกใหม่อีกที

นางพยักหน้ารับคำ แต่งหลังจากคนรับใช้ไปแล้ว นางกลับรู้สึกกังวลใจอยู่ตลอด

เดิมตั้งใจจะปักลายชุดแต่งงานเพื่อให้จิตใจสงบ แต่ความกังวลใจกลับยิ่งเพิ่มขึ้น จนนางเผลอทำเข็มทิ่มนิ้วตัวเอง

ไหนๆ ก็ออกไปดูให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยแล้วกัน

ในฝันนั้น หลังจากลู่เหยียนแต่งงานกับนางแล้ว มักจะแอบไปพบกับหลิ่วเยียนหรานที่ร้านเครื่องประดับจินจี้บ่อยๆ

เมื่อใกล้ถึงประตูร้านเครื่องประดับจินจี้ ซูชิงลั่วก็แกล้งบอกว่าคอแห้ง จึงลงจากรถและไล่คนขับรถกลับไป จากนั้นก็เดินนำจื่อหยวนเข้าไปที่ร้านน้ำชาฝูจี้ ซึ่งอยู่ตรงข้ามร้านเครื่องประดับจินจี้แทน

นางจองห้องส่วนตัวบนชั้นสอง เปิดหน้าต่างเพื่อสังเกตสถานการณ์ฝั่งตรงข้าม

เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยามแล้วก็ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ

ซูชิงลั่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตัวเองคิดมากไปเอง กำลังจะหัวเราะเยาะออกมา แต่ทันใดนั้นก็เห็นเงาของลู่เหยียน

ลู่เหยียนชอบสีขาว เขาสวมเสื้อผ้าสีขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว มือถือพัดพับด้ามหนึ่ง เดินออกมาพร้อมกับหญิงสาวที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยท่าทางสนิทสนม

หญิงคนนั้นก็คือหลิ่วเยียนหราน

จื่อหยวนตกใจทั้งโกรธ "คุณหนู?"

ซูชิงลั่วส่ายหัวเป็นเชิงบอกให้เงียบ

ลู่เหยียนไม่รู้ว่าพูดอะไรเบาๆ พลางโอบสาวงามเข้าไปในโรงน้ำชา ทั้งสองขึ้นไปชั้นบน และนั่งในห้องส่วนตัวที่อยู่ติดกับพวกนาง

ผนังกั้นเสียงไม่ดีนัก

เสียงอันอบอุ่นของลู่เหยียนดังทะลุผ่านผนังกั้นบางๆ ได้ยินอย่างชัดเจนว่า "เดินมาทั้งเช้าคงจะเหนื่อยแล้วสิ? พักที่นี่ก่อนเถอะ ทานอะไรสักหน่อย ของว่างที่นี่ใช้ได้เลย"

เสียงของหลิ่วเยียนหรานหวานจนทำให้คนได้ยินรู้สึกเอียน "ข้าไม่เหนื่อยหรอก เจ้าสิเหนื่อยมากกว่า อีกไม่นานเจ้าก็จะแต่งงานแล้ว ยังต้องหาเวลามาอยู่กับข้าอีก"

"อยู่กับเจ้าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว" ลู่เหยียนถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "ปิ่นทองที่เลือกวันนี้เจ้าชอบหรือไม่?"

หลิ่วเยียนหรานพูดตอบด้วยเสียงหวาน "ชอบสิ นี่เป็นปิ่นทองอันแรกที่ข้าได้รับ ขอบคุณนะท่านพี่ น่าเสียดายที่เมื่อท่านแต่งงานแล้ว ท่านก็จะเป็นของคนอื่น"

"หึงหรือ? ข้าก็เป็นของเจ้านานแล้วมิใช่หรือ?" ลู่เหยียนหัวเราะเบาๆ "ไม่ต้องห่วง หลังจากแต่งงานกับนางแล้ว ข้าจะให้คำตอบกับเจ้าเอง"

เสียงของหลิ่วเยียนหรานเบาลง "เช่นนั้นคืนนี้ท่านจะมาหรือไม่…"

ซูชิงลั่วทนฟังไม่ไหวแล้ว รู้สึกสะอิดสะเอียนเหลือทน

นางลุกขึ้นทันที ผลักประตูห้องส่วนตัวออกไปอย่างแรงแล้วเดินออกไปด้านนอก

"ปัง!" นางผลักประตูห้องส่วนตัวข้างๆ ออก

ลู่เหยียนกับหลิ่วเยียนหรานกำลังกอดกันอยู่ คอเสื้อของหลิ่วเยียนหรานดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย

เมื่อเห็นนาง ทั้งคู่ก็ตกใจและรีบแยกตัวออกจากกัน

ลู่เหยียนแสดงสีหน้าประหลาดใจ ใบหน้าของเขามีความรู้สึกผิดเล็กน้อย แล้วลุกขึ้นเดินมาหานาง "ชิงลั่ว ทำไมเจ้ามาอยู่ที่นี่ได้? ฟังข้าอธิบายก่อน..."

ซูชิงลั่วรู้สึกเย็นเยียบไปทั้งตัว สีหน้าซีดเซียว ผลักมือของเขาออก "ลู่เหยียน พวกเรายกเลิกงานแต่งกันเถอะ เจ้าอยากบอกน้าหญิงของข้าเอง หรือจะให้ข้าไปบอก?"

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status