รักเท่าใดยามแค้นใจกลับมากกว่า คำนี้เจี่ยอวี้หลันซาบซึ้งแล้วว่าไม่เกินจริง อดีตนางเคยรักบุรุษผู้นั้นมากเพียงใด ในวันที่ความจริงหลายอย่างกระจ่างชัดเจน ที่เคยรักมากเพียงใดกลับแค้นใจยิ่งกว่า!!
view moreตอนที่ 30จบมื้อค่ำวันนี้ก็เป็นการลงสีเก็บรายละเอียดตรงข้อมือต่อให้เสร็จ อีกสามวันจะถึงกำหนดพิธีฝังศพของอดีตจิ้งหนานโหวแล้ว ส่วนศพของหลู่อวิ๋นเซียงนั้น ตามประเพณีของชาวต้าเซี่ย หนึ่งปลิดชีพตนเอง สองแท้งบุตรโดยมิได้แต่งงาน สามคบชู้ สี่กบฏ ห้าต้องโทษหนัก คนเหล่านี้ตายแล้วห้ามฝังในสุสานของตระกูลๆ เด็ดโดด เช่นนั้นพอสิ้นใจแล้วไม่เกินสามชั่วยาม ศพของหลู่ อวิ๋นเซียงกับเด็กในครรภ์จะต้องถูกนำไปฝังในสุสานไร้แซ่ไร้นามทันทีนับว่าสาแก่ใจของเจี่ยอวี้หลัน ครั้งหนึ่งหลู่ อวิ๋นเซียงก็ตั้งใจให้นางตายไร้ที่ฝัง หรือจะกล่าวให้ถูกก็คือตายไปอย่างไร้คนจดจำ ไร้ป้ายวิญญาณ พอถึงวันนี้สิ่งที่หลู่อวิ๋นเซียงคิดทำกับนางกลับย้อนกลับไปคืนสนอง ที่สำคัญ คนลงมือยังเป็นบิดาของบุตรในครรภ์และบุรุษที่อีกฝ่ายรักปักใจอีกด้วยสาแก่ใจจริงๆ!...“มีความสุขหรือ?”ขณะกำลังเก็บรายละเอียด บังเอิญที่ซ่างกวนไท่เหลือบสายตาขึ้นไปสังเกตสีหน้าของเจี่ยอวี้หลัน ด้วยกังวลว่านางจะเจ็
ตอนที่ 29“จุมพิตของข้ามันแย่ถึงเพียงนั้น?” ซ่างกวนไท่อดใจไม่ไหวจึงต้องถามออกไป“หามิได้เพคะ”พอถูกถามเจี่ยอวี้หลันจึงได้สติ รีบร้อนปฏิเสธออกไปทันที ส่ายหัวส่ายหน้ายกมือวุ่นวายเห็นแล้วซ่างกวนไท่จึงคลายกังวลกลับเป็นรู้สึกหมั่นไส้ปนเอ็นดูแทน“ไม่มีผู้ใดถึงแก่ความตายด้วยจุมพิตมาก่อน เผื่อเจ้าไม่รู้”กล่าวออกไปแล้วก็ยอมปล่อย ให้ร่างน้อยเป็นอิสระ อย่างตัดใจ เพราะเห็นว่าหากเขายังจะจุมพิตนางต่อไป คืนนี้ที่ตั้งใจจะลบรอยแผลเป็นและปานแดง คงไปจบบนเตียงแทนเสียเป็นแน่เขารู้ความต้องการของตนเองดี ยามที่ยังไม่ได้แตะต้องลึกซึ้งก็พอจะหักห้ามใจตนเองได้ไหวอยู่ ทว่ายามใดที่เขาล้ำลึกกับนางไปแล้วความอดทนคงไม่มี และเขาเป็นพวกที่กินแล้วยากจะอิ่ม เพียงครั้งเดียวยากจะจบลง แล้วหากเขาเริ่ม เจี่ยอวี้หลันคงลุกไม่ไหวอย่างน้อยก็สองถึงสามวัน แล้วที่เขารับปากจะให้นางไปร่วมพิธีฝังศพบิดาคงต้องล้มเลิกเป็นแน่แต่ถึงจะปล่อยนางแล้วไม่โอบกอด แต่ถึงอย่างนั้นซ่างกวนไท่ก็ยังคง
ตอนที่ 28หลังจากเตรียมข้าวของสำหรับสักลบรอยทั้งแผลเป็นและปานแดงซึ่งนับได้ว่าค่อนข้างเร่งร้อนแล้วซ่างกวนไท่จึงกลับมาหาเจี่ยอวี้หลันในช่วงใกล้ค่ำ ที่ต้องกล่าวว่าต้องเร่งร้อนเพราะมันเร่งร้อนอยู่มากจริงๆ เร่งร้อนเพราะหากมีผู้ใดสักคนสังเกตเห็นถึงจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ยอมรับอย่างไรทว่ามันก็บ่มเพาะความสงสัยให้ผู้คนขึ้นมาแล้ว ซ่างกวนไท่แต่เดิมก็ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากในภายหลังมาแต่ไหนแต่ไร แต่ที่เขาทำเป็นมองข้ามปัญหาเล็กน้อย เช่นรอยแผลเป็นกับรอยปานแดงนั้นคงเพราะเกิดใจอ่อนขึ้นมากับเจี่ยอวี้หลัน หาไม่แค่ปัญหาเล็กเท่าขี้ตามดอย่างไรหากมองแล้วว่าจะยุ่งยากในภายหลัง มีหรือจะยอมปิดหูปิดตาทำเป็นมองไม่เห็นมาแต่แรกเริ่ม“เจี่ยเอ๋อร์…”เสียงห้าวดังมาก่อนตัว แต่ที่ลอยมาก่อนเสียงคงเป็นกลิ่นคาวโลหิตกลิ่นที่นางคุ้นเคยไม่หวาดกลัวนานแล้ว เจี่ยอวี้หลันที่เพิ่งอาบน้ำแต่งกายเสร็จจึงรีบออกมาจากฉากกั้นแต่งกายออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ฉุนไป๋จะอาบน้ำก่อนหรือไม่”คนตัวเล็กถามขึ้นเพราะเห็
ตอนที่ 27ส่วนเจี่ยอวี้หลันนอกจากไม่รู้สึกสงสารแล้วยังสมน้ำหน้าทั้งสามแม่ลูกอสรพิษอีกด้วย คนชั่วพบเจอคนชั่วกว่านี่จึงนับว่านรกส่งเสริมวาสนาพวกมันแล้ว“หากเจี่ยเอ๋อร์เดาไม่ผิด ทั้งเฉินกั๋วกงผู้เฒ่าและเฉินกั๋วกงคงวางแผนบางอย่างเอาไว้แต่แรกแล้วกระมังจึงต้องการแต่งงานกับบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกจิ้งหนานโหว”ซ่างกวนไท่พอได้ฟังความคิดเห็นที่เจี่ยอวี้หลันกล่าวออกมาก็อดจะกดจุมพิตนางที่หน้าผากนวลเนียนเสียมิได้ เพราะผ่านมาจนถึงวันนี้ เด็กสาวไร้เดียงสาให้อดีตเติบโตขึ้นมา นางเท่าทันคนแล้ว“ที่เจ้ากล่าวมาถูกต้องแล้ว ทั้งหมดนั้นคือภาพที่มู่หรงจิ่งกับเฉินกั๋วกงผู้เฒ่าสร้างขึ้น เพราะแท้จริง สกุลมู่หรงหาได้สนับสนุนข้ากับพี่ห้า หากแต่แอบช่วยเหลือ เสด็จอา ซ่างกวนเหยา หรือก็คือโซ่วอ๋อง ที่บัดนี้ปกครองแคว้นอิ๋งโจว และที่ข้าหายไปก่อนงานแต่งงานก็เพราะไปสืบข่าวที่โซ่วอ๋องแอบสะสมกำลังทหารกับเสบียงหวังก่อกบฎโค่นล้มพี่ห้า”เจี่ยอวี้หลันเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนที่โอบกอดนางเอาไว้หลวมๆ พลา
ตอนที่ 26พอกลับถึงตำหนักแทนที่จะได้พักผ่อน กลับพบว่าคณะทูตจากเผ่ากั๋วเซามารอเข้าเฝ้า ชินอ๋องและชินหวางเฟยอยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้ถึงไม่อยู่เหนือความคาดหมายเท่าใดนัก แต่ก็ออกจะมาอย่างฉุกละหุกไปสักหน่อยกับการมาเยือนของคณะทูต ยังดีว่าเจี่ยอวี้หลันนั้นเตรียมตัวมานานกว่าหลายเดือนเรื่องจึงไม่ยุ่งยากมากนัก พอจะรับมือได้ ถึงภายในใจของนางจะไม่สงบเท่าใดนัก แต่ด้วยภาระหน้าที่เจี่ยอวี้หลันก็จัดการอารมณ์ของตนเองได้“น้องหญิงเก้า ดูสบายดีนี่”ซือถูเจียงหว่าน ธิดาของหัวหน้าเผ่าลำดับที่หกของเผ่ากั๋วเซาแต่ดูแล้วอายุคงมากกว่าซือถูเจินจูไม่น่าจะเกินสองปี ทักขึ้นหลังจากคารวะชินอ๋องซ่างกวนไท่ตามประเพณีของชนเผ่ากั๋วเซาและของต้าเซี่ยแล้ว เจี่ยอวี้หลันซึ่งกำลังมองเลยไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่ตนเองเคยเห็นว่าดวงจิตของซือถูเจินจูล่องลอยอยู่ใกล้ๆ เมื่อสิบกว่าวันก่อนและเขาเองก็กำลังมองตรงมาที่นางแน่วนิ่งเช่นกัน รีบดึงสายตาหันมาสนใจน้องสาวตามฐานะเสียก่อน“แน่นอน พี่ฉุนไป๋ หมายถึงชินอ๋องดูแลข้าดีมาตลอดจ
ตอนที่ 25“บังอาจ! นี่คือชินหวางเฟย จงถอยออกไป”จากที่สงสัยเพราะเกิดจดจำแววตาของหลู่อวี้ หลิงได้เมื่อแลเห็นระยะใกล้ มู่หรงจิ่ง จึงต้องพิสูจน์ รอยแผลเป็นตรงหลังมืออาจบังเอิญได้แต่ปานแดงตรงเลยข้อมือขึ้นไปเล็กน้อยที่เขาพลิกดูเมื่อครู่ช่วงที่นางล้มมาทางเขานั้นยากจะมีใครเหมือนเป็นคนที่สองแน่ เขามั่นใจ!“เฉินกั๋วกงจะไปที่ใด?!”หลู่ฮ่าวอวี่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดพอเห็นมู่หรงจิ่งรีบร้อนจะพุ่งตามติดชินอ๋องไปเขาจึงรีบทักท้วงเอาไว้ เนื่องจากใครบ้างอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับปีศาจขาวแห่งต้าเซี่ยผู้นั้น“ไม่ต้องยุ่ง!!!” ตวาดออกไปแล้วก็วิ่งตามไปทันที ในใจของมู่หรงจิ่งแม้แต่ความตายก็ลืมสิ้น เพราะอยากได้คนของเขาคืน และนี่อาจเป็นสันดานเสียเดียวของเฉินกั๋วกง ที่อยากได้อันใดก็ต้องได้ สันดานเสียเดียวที่จะนำพาเขาไปสู่จุดจบก่อนวัยอันสมควร“เสียสติอันใดของเขากัน คนเช่นชินอ๋องซ่างกวนไท่ใครล่วงเกินได้หรือไร บัดซบเอ๊ย!”หลู่ฮ่าวอวี่คาดไม่ถึงว่าคนที่ระวังตัวดีมาตลอดเช่นมู่หรงจิ่งจะทำ
ตอนที่ 24“บังอาจ นี่คือชินหวางเฟย จงถอยออกไป”พอตั้งสติได้และสองบุรุษโผล่ออกมาหงเหมยรีบชักกระบี่ออกมาขวางคนทั้งสอง โดยที่เจี่ยอวี้หลันนั้นยังคงยืนหันหลังให้กับบุรุษทั้งสอง กิริยาสงบนิ่งมั่นคงและสูงศักดิ์จนมู่หรงจิ่งกับหลู่ฮ่าวอวี่ยังหายใจสะดุด“อย่าเสียมารยาทหงเหมย จิ้งหนานโหวเปิ่นหวางเฟยเพียงรู้สึกไม่สบายจึงออกมาเดินผ่อนคลายมิคาดว่ากลับหลงทาง ล่วงล้ำเรือนชั้นในของจิ้งหนานโหวแล้ว ต้องขออภัยจริงๆ”เรือนกายอรชรในอาภรณ์หรูหราค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับบุรุษที่ตนเองชิงชังจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วยมือตนเองช้าๆ เจ็บใด แค้นใด เจี่ยอวี้หลันจำต้องกลืนมันลงท้องไป แล้วเสแสร้งสวมบทบาทของพระชายาเจี่ยเอาไว้อย่างแนบเนียน เย่อหยิ่ง ไว้ตัว สูงศักดิ์ เหล่านี้นางไม่ต้องพยายามเพราะโดยปกติ หลู่อวี้ หลิงก็มีกิริยาดังกล่าวกับคนแปลกหน้ามาตลอดอยู่แล้ว“ชินหวางเฟย...”หลู่ฮ่าวอวี่พึมพำออกมาราวกับคนหลงละเมออยู่ในห้วงฝัน เพราะโฉมของสตรีตรงหน้างดงามราวกับเทพธิดาลงมาเยือนปฐพีมิ
ตอนที่ 23เท้าเรียวแต่ไม่ได้เล็กราวกับดอกบัวเช่นคุณหนูในห้องหอสกุลสูงศักดิ์ทั่วไปในแผ่นดินต้าเซี่ยเพราะในวัยเด็กมารดาของนางมิอาจทำใจทรมานร่างกายบุตรสาวด้วยธรรมเนียมรัดเท้าให้เป็นทรงดอกบัว ส่วนบิดาเองก็คิดว่ามิได้สำคัญถึงเพียงนั้น เพราะด้วยฐานะจวนจิ้งหนานโหวย่อมไม่กลัวบุตรสาวที่เกิดจากฮู หยินเอกนั้นจะไม่มีสกุลที่ดีมาสู่ขออยู่แล้วมีหรือจะคิดทรมานบุตรสาวโดยไม่จำเป็นดังนั้นในยามก้าวเดินนางจึงเดินได้อย่างมั่นคงเช่นเดียวกับหงเหมยที่องครักษ์ซึ่งน้อยยิ่งนักที่คุณหนูสูงศักดิ์ในต้าเซี่ยจะมีเท้าเช่นคุณหนูรองหลู่และนี่คือข้อดีอีกข้อที่ซ่างกวนไท่เลือกเจี่ยอวี้หลันมาสวมบทบาทเป็นซือถูเจินจูไม่ใช่ใครก็ได้ เพราะใช่จะมีใครมีเท้าเป็นธรรมชาติเช่นนี้มากนักในเมืองเสียนหยางนี้ลัดเลาะครู่เดียวก็ติดตามไปทัน นั่นก็ต้องยกความดีให้กับสัมผัสหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาจากประตูผี กลิ่นของโลหิต...กลิ่นนี้ชักนำให้นางตามติดหลู่ฮ่าวอวี่กับมู่หรงจิ่งจนพบในเวลาแสนสั้น จนหงเหมยอดจะแปลกใจเสียมิได้ว่าเหตุใดพระชา
ตอนที่ 22แต่หว่านเสน่ห์ไปก็เท่านั้นคนเช่นซ่างกวนไท่เขามิได้อับจนหญิงงาม กับคนเช่นมู่หรงเจียวแค่มองคาดว่ายังไม่มองให้เสียสายตาด้วยซ้ำ เจี่ยอวี้หลันกวาดสายตาไปยังครอบครัวสกุลมู่หรง แต่ก็ต้องมีอันสะดุ้งกับสายตาของมู่หรงเจียว ที่ส่งสายตาฟาดฟันมาทางตนเอง…ผีเข้าหรือไรกัน? …เจี่ยอวี้หลันคิดในใจทันที ปกติสมัยที่นางยังเป็น หลู่อวี้หลิง คุณหนูห้ามู่หรงผู้นั้นก็ไม่ค่อยญาติดีกับนางนักชอบนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เรียกว่าปากร้ายมาก ทว่าก็ไม่ถึงกับมองกันด้วยสายตาราวกับจะฉีกเนื้อเช่นในยามนี้ เฮ้อ! มีสามีหล่อเหลานี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่มันความผิดของนางหรือซ่างกวนไท่หรือก็หาไม่ ในอดีตอีกฝ่ายหวงพี่ชายกับนางก็ว่ามู่หรงเจียวร้ายกาจแล้ว พอมาหึงหวงสามีของนางกลับน่ารังเกียจนัก“ห้ามมองมันนาน ข้าหึงหวงยิ่ง”อยู่ดีๆ คนด้านข้างกลับชะโงกหน้ามากระซิบดุดันเสียอย่างนั้น ก็มิใช่ว่าเมื่อเช้าเขายังบอกว่าตนเองเป็นผู้มีเหตุผลพอ บัดนี้แค่นางมองไปทางครอบครัวสกุลมู่หรงนานหน่อยกลับมาส่งกลิ่นอายสังหารเข้มข้นข่มเหงนางเส
บทนำปลายยามเฉินอากาศของมหานครเสียนหยาง เมืองหลวงของดินแดนต้าเซี่ยกำลังร้อนระอุเพราะนี่คือต้นฤดูร้อนพอดี ห่างจากประตูเมืองมาราวห้าสิบลี้กลับมีฝุ่นผงสีส้มลอยตลบคละคลุ้งกระจายเกิดขึ้น ต้นเหตุมาจากขบวนอาชากลุ่มใหญ่ไล่ล่า อาชาสีขาวที่ผู้ควบขี่อยู่บนหลังของอาชาตัวนั้นเป็นสตรี และเป็นสตรีที่สวมชุดเจ้าสาวที่พยายามควบหนีอย่างเอาเป็นเอาตายออกไปนอกเมืองไกลออกไปเรื่อย ๆ“คุณหนูลองหลู่หยุดม้าเดี๋ยวนี้!!”เสียงตวาดกึกก้องของทหารที่ไล่กวดตามมาติดๆ ชนิดหายใจรดต้นคอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นผู้ที่อยู่บนหลังอาชาสีขาวกลับกระตุ้นให้มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต โดยที่เบื้องหลังนั้นมีทหารกลุ่มใหญ่ไล่ตามไม่ลดละ ราวกับสตรีคนดังกล่าวเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ก็มิปาน“คุณหนูรองหลู่อย่าหนีอีกเลยเร่งตามพวกเรากลับไปด้วยดีเถอะ!!”หลังจากที่พวกเขาไล่ต้อนสตรีนางเดียวจนนางมาจนมุมที่หน้าผาสูงชันหากเดินหน้าต่อไปก็คงพลัดตกลงไปด้านล่างแน่นอน นายทหารหน้าตาดุดันก็ตวาดเกรี้ยวกราดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาสตรีบนหลังอาชาในอาภรณ์สีแดงเลือดนกที่มองอย่างไรก็เป็นชุดเจ้าสาวเต็มพิธีการของชนชั้นสูงไม่ผิดแน่ นั้นยิ่งดูโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน“...
Mga Comments