ปลายยามเฉินอากาศของมหานครเสียนหยาง เมืองหลวงของดินแดนต้าเซี่ยกำลังร้อนระอุเพราะนี่คือต้นฤดูร้อนพอดี ห่างจากประตูเมืองมาราวห้าสิบลี้กลับมีฝุ่นผงสีส้มลอยตลบคละคลุ้งกระจายเกิดขึ้น ต้นเหตุมาจากขบวนอาชากลุ่มใหญ่ไล่ล่า อาชาสีขาวที่ผู้ควบขี่อยู่บนหลังของอาชาตัวนั้นเป็นสตรี และเป็นสตรีที่สวมชุดเจ้าสาวที่พยายามควบหนีอย่างเอาเป็นเอาตายออกไปนอกเมืองไกลออกไปเรื่อย ๆ
“คุณหนูลองหลู่หยุดม้าเดี๋ยวนี้!!”
เสียงตวาดกึกก้องของทหารที่ไล่กวดตามมาติดๆ ชนิดหายใจรดต้นคอ แต่ยิ่งเป็นเช่นนั้นผู้ที่อยู่บนหลังอาชาสีขาวกลับกระตุ้นให้มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่คิดชีวิต โดยที่เบื้องหลังนั้นมีทหารกลุ่มใหญ่ไล่ตามไม่ลดละ ราวกับสตรีคนดังกล่าวเป็นนักโทษอุกฉกรรจ์ก็มิปาน
“คุณหนูรองหลู่อย่าหนีอีกเลยเร่งตามพวกเรากลับไปด้วยดีเถอะ!!”
หลังจากที่พวกเขาไล่ต้อนสตรีนางเดียวจนนางมาจนมุมที่หน้าผาสูงชันหากเดินหน้าต่อไปก็คงพลัดตกลงไปด้านล่างแน่นอน นายทหารหน้าตาดุดันก็ตวาดเกรี้ยวกราดขึ้นอีกครั้ง ทำเอาสตรีบนหลังอาชาในอาภรณ์สีแดงเลือดนกที่มองอย่างไรก็เป็นชุดเจ้าสาวเต็มพิธีการของชนชั้นสูงไม่ผิดแน่ นั้นยิ่งดูโกรธแค้นเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน
“ข้าไม่กลับ!”
และเพราะความโกรธแค้นเจ้าสาวคนงามบนหลังอาชาที่ถูกไล่ต้อนไปเรื่อยๆ จนเหลือระยะห่างไม่ถึงสิบก้าวก็จะตกลงไปด้านล่างร้องตะโกนตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว
หลู่อวี้หลิง
คือนามของนาง สตรีวัยสิบเจ็ดปีที่กำลังหนีมาจนถึงทางตันนางกำลังคิดว่าย้อนกลับไปนางก็ตาย หรือเดินหน้าต่อไปตนเองก็อาจตายมากกว่าอยู่ แต่ชีวิตคนเราขอแค่มีความหวัง ต่อให้ความหวังนั้นจะมีแค่หนึ่งในร้อยส่วนก็สมควรคว้าความหวังเอาไว้มิใช่หรือ ย้อนกลับมีแต่หนทางตายรออยู่ ทว่าหากเดินหน้าถึงจะเป็นหน้าผาแต่ใครจะรู้นางอาจรอดไปก็เป็นได้ แถมยิ่งถอยหลังไปใกล้หน้าผามากเท่าใดหูของนางกลับยิ่งได้ยินเสียงน้ำตกดังกึกก้องอยู่แว่วๆ บอกได้ว่าที่ด้านล่างคงมีธารน้ำตกอยู่เป็นแน่ ดังนั้นตกไปอาจพอจะมีหนทางรอด ตรงกันข้ามหากนางถอยหลังยอมย้อนกลับไปเช่นที่พวกมันต้องการ นางคงได้ถูกเหล่าคนชั่วฆ่าตายอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วใครมันจะโง่เขลาคิดย้อนกลับไปอยู่อีกเล่า!ตลอดมานางถูกปิดหูปิดตามาโดยตลอดถึงสองปีใครจะคิดว่าสวรรค์กลับเห็นใจและเมตตาหลู่อวี้หลิงให้ทราบว่าแท้จริงบุรุษที่ถนอมนางเอ่ยแต่คำหวานล่อลวงนางจนนางทุ่มเทหัวใจรักให้เขามานาน สุดท้ายกลับคิดหลอกลวงกันมาตั้งแต่แรกเริ่ม เขาหาได้รักนางเขาเพียงต้องการฐานะคุณหนูรองหลู่ไปให้สตรีที่เขารักจริงๆ เท่านั้น นางก็แค่คนที่เขาต้องการให้ตายเพื่อจะได้ยกย่องสตรีในดวงใจของเขาได้เป็นฮูหยินเอกและได้อยู่ในสังคมชั้นสูงของเมืองเสียนหยางอย่างเชิดหน้าชูตาไม่อับอายผู้ใดเท่านั้น
แต่กว่านางจะตาสว่างกลับเป็นวันที่ตนเองได้เป็นเจ้าสาวเกือบแต่งงานเข้าจวนของบุรุษใจดำอำมหิตผู้นั้นเสียแล้ว หากนางไม่บังเอิญทำถ้วยน้ำแกงตกแตกย่อมไม่ทราบว่าแท้จริงน้ำแกงถ้วยนั้นของมารดาเลี้ยงและน้องสาวผู้ใสซื่อจนนางวางใจมาสิบกว่าปีได้ผสมยาพิษหวังปลิดชีพนางแล้วสวมรอยเป็นเจ้าสาวแทน!
ทุกคนวางแผนมาอย่างดีสุดท้ายกลับเลือกวันที่นางมีความสุขที่สุดเพื่อสังหารนางโดยผลักนางให้ตกนรก ไม่ว่าจะเป็นมารดาเลี้ยง น้องสาวต่างมารดา พี่ชายต่างมารดา หรือแม้แต่เขา…มู่หรงจิ่ง บุรุษที่นางรักเขาหมดหัวใจ แม้แต่บิดาแท้ๆ ของนางในวันนี้ก็ไม่ออกมาช่วยเหลือกัน เจ็บช้ำที่สุดแล้ว นับแต่จำความได้วันนี้หลู่อวี้หลิงเจ็บช้ำเหลือเกิน…
“หลิงเอ๋อร์ เจ้าจงใจเย็นลงหน่อย มีอันใดเรากลับไปคุยกันที่จวนได้ มาเถอะมาหาพี่ใหญ่ เด็กดีมานี่มา มาหาพี่ใหญ่เถิดนะ”
คราวนี้กลับเป็นพี่ชายที่นางไม่เคยคิดว่าเขาเป็นพี่ต่างมารดามาโดยตลอดสิบเจ็ดปีเช่นหลู่ฮ่าวอวี่บ้างแล้วที่เปิดปากเกลี้ยกล่อมนาง กลับจวนเช่นนั้นหรือ? มาหาพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? กลับไปให้ถูกพวกเขาช่วยกันปลิดชีพนางนะหรือ? นางดูโง่เขลาถึงเพียงนั้น?
หึ!!!
บัดนี้นางรู้แจ้งแล้วว่าจะเช่นไรเลือดย่อมข้นกว่าน้ำน้องสาวต่างมารดาหรือจะสำคัญกว่าน้องสาวที่คลานตามกันมาเช่นหลู่อวิ๋นเซียงผู้นั้น ส่วนนางมันก็แค่น้องสาวต่างมารดาที่สมควรตายไปให้พ้นๆ ยังจะนับเป็นอะไรสำหรับเขาได้อีก
“กลับไปเพื่ออันใดกัน กลับไปเพื่อให้พวกท่านสมหวังส่วนข้าก็ตายแม้แต่หลุมศพก็มิอาจจารึกชื่อแซ่แท้จริงได้เช่นนั้นนะหรือ หึ!ข้าตาสว่างแล้วถึงต้องตายข้าก็ไม่กลับไปให้พวกท่านสมหวังเด็ดขาดฮ่าวอวี่!!!"
สตรีซึ่งอยู่ในชุดเจ้าสาวตะโกนกลับไปด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น ดวงตาแดงก่ำใบหน้างดงามบิดเบี้ยว เพราะภายในใจของนางมันแตกสลายไปหมดแล้ว ทุกคนที่นางวางใจกลับทรยศกันได้อย่างเลือดเย็นไม่เว้นแม้แต่บิดาแท้ๆ ทำได้อย่างไร พวกเขาทำกับนางเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าสาวคนงามตะโกนถามตนเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่ภายในใจเพราะรู้แจ้งแล้วว่าหากถามออกไปกับคนพวกนี้ให้ตายนางก็ไม่ได้ความจริงอยู่ดี
แต่นางก็รู้สึกสาแก่ใจอยู่เล็กน้อย เพราะถึงจะตายอย่างน้อยนางก็ได้สนองคืนคนเหล่านี้ไปแล้วงานวิวาห์ของเฉินกั๋วกงกับคุณหนูรองหลู่ บุตรสาวที่กำเนิดจากฮูหยินเอกของจิ้งหนานโหววันนี้ล่มลงเพราะเจ้าสาวควบม้าหนีมาเช่นนี้คนทั่วเสียนหยางย่อมรู้เห็นกันหมดแล้ว แผนสวมรอยหลังปลิดชีพนางพังทลายลงสิ้น ถึงวันนี้นางต้องตาย คนพวกนี้สุดท้ายก็มิได้สมหวังเช่นนั้นนางก็ยินดีจะตายไม่นำพาอันใดอีกแล้ว นางตายได้ แต่พวกมันทุกคนก็จะต้องไม่ได้สมหวัง!
ไม่นานก็มีอาชาอีกตัวนำพาผู้มาใหม่ที่เขายังคงสวมชุดเจ้าบ่าวเต็มพิธีการไม่ต้องบอกย่อมรู้นี่เองคือเจ้าบ่าวที่เจ้าสาวคนงามหลบหนีมา เห็นแล้วสตรีผู้จนมุมย้อนคิดไปว่าตลอดสองปีนางคิดว่าเขารักนาง เขาให้เกียรติและถนอมนางราวกับไข่มุกล้ำค่า ใครจะรู้ที่แท้เขากลับรักน้องสาวเช่นหลู่อวิ๋นเซียงที่อายุอ่อนกว่านางสองเดือนเป็นอย่างยิ่ง
ความจริงมาปรากฏเอาในวันนี้คิดแล้วนางก็สมเพชตนเองยิ่งนัก เขาตั้งใจมาหลอก นางกลับหน้ามืดตาบอดรักเขาจนหมดใจไม่เคยระแวงสงสัยว่าบุรุษสูงส่งและรูปงามเพียบพร้อมเช่นเขาหรือแท้จริงจะมาพึงใจกับสตรีแสนจะธรรมดาที่แทบไม่เคยก้าวออกจากจวนเช่นตนเองจริงๆ
ไม่ว่าจะคำหวาน ไม่ว่าจะนิสัยอ่อนโยน ไม่ว่าจะกิริยาเข้าอกเข้าใจ ล้วนหลอกลวงทั้งสิ้น หลอกให้นางตายใจ เพื่อที่นางยอมตกลงปลงใจแต่งงานกับเขายามใด วันแต่งงานก็คือวันตายของสตรีโง่เขลาเช่นนางทันที!
“หลิงหลิง มาเถอะ กลับมาหาพี่จิ่งก่อน เรื่องวันนี้เป็นการเข้าใจผิดทั้งสิ้น หลิงหลิงคนดีกลับมาหาพี่จิ่งเร็วเข้ามีอันใดเรากลับจวนไปค่อยพูดค่อยจากันเถิดนะคนดี”
บุรุษสารเลวผู้นี้กลับปั้นหน้าหลอกลวงนางไม่เลิก แถมยังพูดจาอ่อนหวานมองตรงมาด้วยสายตาอ่อนโยน หากวันนี้ความจริงไม่ปรากฏจนนางเกือบตายด้วยยาพิษของสองแม่ลูกอสรพิษคู่นั้นคาดว่าคงจะรีบวิ่งกลับไปหาเขาแล้ว แต่บังเอิญนางเพิ่งตบนางน้องสาวชั่วช้ามาจนเจ็บมือหากยังเชื่อเขานางก็โง่เกินควายไปมากโข
“เข้าใจผิดหรือ? ใช่ตลอดมาสองปีข้าเข้าใจผิดว่าท่านรักข้ามาโดยตลอดจริงๆ มู่หรงจิ่ง ไอ้คนต่ำช้า!”
ขณะที่นางกำลังเอ่ยปากตะโกนตอบโต้กับมู่หรงจิ่ง ภายในใจของ หลู่อวี้หลิงนั้นก็ตัดสินใจแล้ว จะตายหรืออยู่นางยกให้สวรรค์ตัดสินแล้วแต่จะให้นางกลับไปหลู่อวี้หลิงขอยอมตายดีกว่าอยู่ เพราะหากกระโดดหน้าผาแล้วนางเกิดถึงแก่ความตายนางก็ไม่เสียใจเพราะคงพบมารดาและท่านปู่ท่านย่าที่ไปรอนางอยู่ก่อนแล้ว แต่หากนางโชคดีกระโดดลงไปแล้วไม่ถึงตายนางก็นับว่าสวรรค์เมตตา ขอตัดขาดสกุลหลู่ไม่เป็นอีกแล้วคุณหนูรองขอกลับไปใช้แซ่เดิมมารดาเป็น เจี่ยอวี้หลัน
ตลอดไป..."หลิงหลิง กลับไปกับพี่จิ่ง มีเรื่องใดที่เจ้าเข้าใจผิดพวกเรากลับจวนแล้วค่อยคุยกันให้ดีเถิด"
มู่หรงจิ่งที่ยังไม่รู้ว่าสตรีเพียงผู้เดียวตรงหน้านั้นนางได้ตัดสินใจไปแล้วก็ยังคงตะโกนเกลี้ยกล่อมนางต่อไป ฝ่ายของหลู่อวี้หลิงหรือนับจากนี้นางเปลี่ยนไปเป็นเจี่ยอวี้หลัน ไปแล้วเมื่อนางคิดตกตัดสินใจเด็ดขาดนางก็รีบลงจากหลังม้าจากนั้นก็พุ่งตัวตรงไปยังหน้าผาโดยไม่มีกิริยาลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็จะลังเลรั้งอยู่เพื่ออันใดคนพวกนี้ล้วนคิดร้ายกับนางทุกคน ดังนั้นในเวลาแสนสั้นภาพร่างอรชรตกลงไปจากหน้าผาสูงนั้นเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตาของผู้เป็นเจ้าบ่าวและคุณชายใหญ่หลู่กับทหารของเฉินกั๋วกงร่วมร้อยชีวิตทำให้ทุกคนตกใจแทบสิ้นสติไปถ้วนหน้า!
“หลิงเอ๋อร์!”
“หลิงหลิง!”
พอได้สติทั้งคุณชายใหญ่หลู่ฮ่าวอวี่และเฉินกั๋วกง มู่หรงจิ่ง รีบวิ่งไปชะโงกหน้าลงไปด้านล่างแต่กลับไม่พบสิ่งใดนอกจากยอดไผ่เขียวขจีกับไอหมอกมากมายเท่านั้น ดวงตาของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความแตกตื่นตกใจและคาดไม่ถึง
โดยเฉพาะมู่หรงจิ่งกับหลู่ฮ่าวอวี่นั้นต่างกำหมัดกัดฟันหายใจหอบสะท้านมิอาจทราบได้ว่าทั้งสองตกใจหรือโกรธแค้นกันแน่ นอกจากพวกเขาทั้งคู่ หลู่ฮ่าวอวี่ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคนสนิทของเฉินกั๋วกงทั้งสับสนทั้งเสียใจเพราะมิคาดว่าน้องสาวที่ดีกับเขาราวกับเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตนเองสุดท้ายจะตัดสินใจจบชีวิตลงต่อหน้าต่อตาเขาเช่นนี้ นี่มันหาใช่แผนที่เขากับเฉินกั๋วกงตกลงกันเอาไว้! เขาอุตส่าห์ขอร้องเฉินกั๋วกงแล้วว่าอย่าสังหารหลู่อวี้หลิง ได้แล้วแท้ๆ เหตุใดมันจึงลงเอยเช่นนี้ไปได้!
“หลิงเอ๋อร์...”
คำว่าขอโทษถูกกลืนลงท้องไปเพราะเอ่ยออกไปนางก็ไม่ได้ยินแล้ว ฝ่ายของมู่หรงจิ่งเองเมื่อเห็นหลู่อวี้ หลิงกระโดดหน้าผาไปต่อหน้าต่อตา พลันคล้ายกับสมองของเขาจะแน่นิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่สติจะหวนคืนมาจึงรีบร้อนสั่งการคนของตนเองให้ลงไปค้นหาหลู่อวี้หลิงทันที
“ฟังคำสั่งเปิ่นกั๋วกง (ตัวข้ากั๋วกงผู้หนึ่ง) ตายต้องพบศพอยู่ต้องพบคน ค้นหาให้ทั่ว!”
มู่หรงจิ่งแต่แรกเริ่มเมื่อเกือบสามปีก่อนเขารักมั่นคงอยู่กับหลู่อวิ๋นเซียง แต่เพราะหลู่อวิ๋นเซียงนั้นนอกจากเป็นบุตรสาวที่เกิดจากอี้เหนียงแล้วอดีตนางโจวอี้เหนียงยังเป็นแค่นางโลมผู้หนึ่งอีกด้วย อย่างไรก็แต่งนางเข้าจวนเฉินกั๋วกงมิได้ หากจะยอมรับเข้าจวนเฉิน กั๋วกงได้ก็มีแค่เข้าไปในฐานะสตรีอุ่นเตียงเท่านั้น แต่หลู่ อวิ๋นเซียงเองนางย่อมไม่ยินยอมเช่นกัน
แต่เพราะความรักจนหน้ามืดตามัวของมู่หรงจิ่ง พอโจวอี้เหนียงกับหลู่อวิ๋นเซียงแนะนำวิธีหลอกให้หลู่อวี้หลิงหลงรักเขาจากนั้นพอสำเร็จในวันแต่งก็ฉวยโอกาสที่หลายปีมานี้หลู่อวี้หลิงไม่เคยออกจากจวนไปร่วมงานเลี้ยงใดหรือไปเปิดเผยโฉมหน้าว่านางคือคุณหนูรองหลู่ให้คนในเสียนหยางพบเห็นสังหารทิ้งแล้วให้หลู่อวิ๋นเซียงสวมรอยแทน เขาในปีนั้นก็เห็นดีเห็นงามทันที
แต่ใครจะคิดผ่านไปนานวันเข้าเพราะความดีและใสซื่อของหลู่อวี้หลิง ยิ่งเขาสนิทสนมกับนางกลับยิ่ง พึงใจ สุดท้ายจากคิดสังหารเขาจึงพลันใจอ่อน บวกกับหลู่ฮ่าวอวี่ขอร้องว่าอย่าสังหารน้องสาวคนรองได้หรือไม่ เขาจึงคิดจะแต่งทั้งสองเข้าจวนพร้อมกัน หลู่อวี้หลิงแน่นอนคือฮูหยินเอก ส่วนหลู่อวิ๋นเซียงเป็นน้องสาว ยอมพี่สาวสักหน่อยถอยไปเป็นฮูหยินรองก็คงไม่เป็น อันใด ใครจะคาดว่าหลู่อวิ๋นเซียงกับโจวอี้เหนียงกลับไม่ยินยอมสุดท้ายดำเนินตามแผนเดิมของพวกนางโดยที่เขากับหลู่ฮ่าวอวี่ไม่ทันเฉลียวใจว่าพวกนางไม่เชื่อฟังยังคงดำเนินการตามแผนเดิม
กว่าทุกสิ่งจะกระจ่างเขาและหลู่ฮ่าวอวี่ได้รู้ถึงการกระทำของโจวอี้เหนียงและหลู่อวิ๋นเซียง หลู่อวี้หลิงก็รู้แผนของสองแม่ลูกคู่นั้นเสียแล้ว และเมื่อนางได้รู้ นางจึงควบม้าหนีงานแต่งเตลิดออกมาไกลร่วมร้อยลี้เช่นนี้ ป่านนี้คนทั่วเมืองหลวงรู้กันทั่วไปแล้วว่างานแต่งของเฉินกั๋วกงเจ้าสาวควบม้าหนีจะแผนใดก็พังทลายไปจนหมดสิ้น
แต่ที่มู่หรงจิ่งคิดไม่ถึงก็คือหลู่อวี้หลิงจะใจเด็ดถึงขนาดนี้กว่าจะรู้ว่านางใจคอเด็ดเดี่ยวก็เมื่อเห็นนางกระโดดหน้าผาลงไปต่อหน้าต่อตาเสียแล้ว เขาจึงเพิ่งกระจ่าง ที่แท้เขาเองก็แบ่งใจมารักหลู่อวี้หลิงเสียแล้วอาจจะรักเสียยิ่งกว่าหลู่อวิ๋นเซียงเสียด้วยซ้ำไป ดังนั้นคนตายต้องพบศพอยู่ต้องพบหน้า เขาไม่ปล่อยวางเด็ดขาด!
ตอนที่ 1ในขณะที่มู่หรงจิ่งนั้นเพิ่งพบว่าตนเองได้ทำดวงใจกึ่งหนึ่งของตนเองหล่นหายไปต่อหน้าต่อตาอยู่นั้น ฝ่ายของผู้เป็นดวงใจอีกกึ่งหนึ่งของเฉินกั๋วกงหนุ่ม บัดนี้นางกลับกำลังดำดิ่งลงจากหน้าผาสูงชันด้วยอารมณ์สิ้นหวังและท้อแท้อย่างถึงแก่นมิใช่แต่เสียใจที่ถูกบุรุษที่รักหลอกลวงแต่ทุกคนใกล้ตัวของนางล้วนหลอกลวงทั้งสิ้น!...และเหนือสิ่งอื่นใดก็คือท่านพ่อของนาง!...เพราะจากเสร็จพิธีกราบไหว้ป้ายวิญญาณที่หอบรรพชนหลังยามจื่อ บิดาของนางก็หายไป จวบจนโจวอี้เหนียงกับหลู่อวิ๋นเซียงพยายามจะจับนางกรอกยาพิษ นางก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของบิดาโผล่ออกมาขัดขวางหรือช่วยเหลือ นี่มิใช่ว่าบิดาของนางทอดทิ้งบุตรสาวเช่นตนเองหรอกหรือ?ร่างเล็กร่วงหล่นลงมาไม่นานความรู้สึกราวกับตนเองไร้น้ำหนัก สายน้ำหนึ่งก็พุ่งถาโถมเข้ามา ใต้หน้าผาแห่งนี้เต็มไปด้วยยอดไผ่ด้วยภาพด้านบนแต่ด้านล่าง กลับมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลผ่านต้นทางของสายน้ำคือน้ำตกขนาดใหญ่จากภูเขาอีกฝั่ง ท่ามกลางเสียงหวีดหวิวของสายลมที่พัดปะทะร่างกายและใบหน้าทำให้นางเสียขวัญอยู่บ้าง แต่ก็เพียงครู่ความหวาดกลัวนั้นจึงหายไป จนเห็นแอ่งน้ำตกขนาดใหญ่อยู่เบื้องล่างเจี่ยอวี้ หลันก็หลับต
ตอนที่ 2เจี่ยอวี้หลันหลับและตื่นสลับกันไปมา แต่มิอาจทราบได้ว่าวันเวลาผ่านไปกี่วันกี่คืนแล้วกันแน่ นางรู้เพียงเจ็บทุกครั้งที่นางหายใจเป็นเช่นไรนางซาบซึ้งแล้วในคราวนี้ แต่ถึงจะเจ็บปวดถึงเพียงนั้นในใจอยากยอมแพ้อยากตายไปเสียจะได้ไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดแสนสาหัสนี้แม้แต่น้อย ภาพของจางหมัวมัวกับสองสาวใช้ เสี่ยวหมิ่นกับเสี่ยวเจี๋ยนั้นยังคอยกระตุ้นเตือนในใจของนางให้ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมตาย เพราะหากนางรอดไปได้ต่อให้ต้องขายตัวขายชีวิต นางก็จะยอมทั้งหมดขอเพียงให้นางได้แก้แค้น ให้นางได้เอาคืนสามแม่ลูกพวกนั้น กับอีกหนึ่งบุรุษใจดำเช่นมู่หรงจิ่ง นางอยากจะสั่งสอนให้เขารู้ว่าสตรีมิใช่ของตายไม่ใช่เครื่องมือให้เขาหลอกใช้ได้โดยง่าย หากนางไม่ยินยอมไม่ว่าใครก็อย่าได้คิดมาหลอกใช้นางเป็นเครื่องมือให้สมหวังเด็ดขาด! กับอยากจะมีโอกาสสักครั้งไปถามบิดากันต่อหน้าว่าเหตุใดจึงไม่ช่วยเหลือนางปล่อยให้นางถูกหลอกและเกือบถูกสองแม่ถูกจับกรอกยาพิษได้อย่างไร?! นางอยากทราบจากปากของบิดาจริงๆ“ฟื้นแล้วหรือ?”เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น อยู่ไม่ไกลนี้นี่เองถึงจะยากเย็นแต่เจี่ยอวี้หลันนั้นก็พยายามกัดฟันฝืนลืมตาขึ้นมาจนได้ แล้วภาพใบหน้าของ
ตอนที่ 3เจี่ยอวี้หลันคิดเอาไว้เป็นร้อยเป็นพันวิธีแต่กลับไม่มีวิธี แต่งงานแทนคุณ เลยสักนิดเพราะบัดนี้ใบหน้าของนางด้านซ้ายมีแผลยาวจากใต้ดวงตาจรดปลายคาง อย่าว่าแต่แต่งงานเลย เป็นสตรีอุ่นเตียงของชินอ๋องนางยังไม่เคยคิดว่าเขาจะเรียกร้องให้นางเป็น แล้วนี่เขากลับพูดออกมาอย่างเรียบง่ายว่าจะแต่งนางเป็นพระชายาเอกหรือชินหวางเฟยของเขาเช่นนี้ หากเจี่ยอวี้หลันนั้นไม่นิ่งงันและพูดไม่ออกแล้วนางยังจะทำสิ่งใดได้อีก สตรีทั่วต้าเซี่ยไปที่ใดกันหมดเขาจึงอยากได้นางไปให้ทำหน้าที่ดังกล่าวเจี่ยอวี้หลันนั้นสงสัยยิ่ง“มิกล้าหรือ?”ซ่างกวนไท่เอ่ยถามเนิบนาบราวกับเรื่องที่กำลังพูดคุยกันนี้เป็นการชักชวนนางนั้นไปจิบน้ำชาหรือกินข้าวสักมื้อเท่านั้นหาได้ชักชวนนางแต่งงานกัน แต่คิดอีกทีก็ธรรมดาเช่นนั้นจริงมิใช่หรือแต่งงานทดแทนบุญคุณ หากนางไม่คิดเพ้อฝันย่อมมองออกคงเพื่อการเมืองมิได้แต่งจริงจังอันใด แต่เป็นเช่นนั้นมิใช่ว่าดีต่อนางหรือ แถมนางยังจะได้แก้แค้นคนพวกนั้นอีกด้วยมิใช่การแต่งงานที่เกิดขึ้นจากความรักสักหน่อยทำไมจึงต้องคิดให้ยุ่งยาก เจี่ยอวี้หลันเผลอยกมือขึ้นไปลูบไล้ยังรอยแผลที่เพิ่งจะเริ่มแห้งโดยไม่รู้ตัว เพราะแผลนี้
ตอนที่ 4ฝ่ายของผู้ถูกหมายหัวทั้งหลายนั้นกลับยังไม่มีผู้ใดรู้ตัวสักคนเพราะในจวนจิ้งหนานโหวนับตั้งแต่วันงานแต่งของบุตรสาวคนรองที่ล่มไม่เป็นขบวน จนทำให้ทุกคนภายนอกอาจคิดว่านายท่านหลู่หรือจิ้งหนานโหวล้มป่วยหลังจากคุณหนูรองหลู่หนีงานแต่งแต่ความเป็นจริงมีเพียงโจวอี้เหนียงกับคุณหนูสามหลู่เท่านั้นที่ทราบดีกว่าใครถึงเบื้องลึกเบื้องหลังนี้ ที่เป็นต้นเหตุให้จิ้ง หนานโหวล่มป่วยหนักเช่นทุกวันนี้หลู่ฮั่นเหลียง หรือจิ้งหนานโหวคือบุรุษวัยสี่สิบสามปี รูปร่างสูงใหญ่กำยำถึงเขาไม่ใช่นักรบแต่คงเพราะเขาอยู่กรมโยธามาตั้งแต่อายุสิบแปดจากขุนนางระดับล่างจนปัจจุบันจิ้งหนานโหวคือเจ้ากรมโยธาแห่งต้าเซี่ยมาได้เจ็ดปีแล้วเป็นขุนนางบุ๋น แต่เขามักไปตรวจงานก่อสร้างบ่อยไม่แปลกที่รูปร่างจะยังสูงใหญ่กำยำราวกับขุนนางบู๊ ซึ่งไม่น่าเชื่อได้เลยว่าคนร่างกำยำและอายุเพิ่งจะเท่านี้ไม่น่าจะล้มป่วยหนักจนกลายเป็นผักดอง อย่าเอ่ยว่าเดินเหินไม่ได้ จิ้งหนานโหวแม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ได้เลยด้วยซ้ำ หากสังเกตย่อมมีหลายจุดให้สงสัยมากมายแต่คนถูกกระทำเช่นจิ้งหนานโหวพูดไม่ได้นอนเป็นผักเหี่ยวเฉาไปแล้วสองแม่ลูกย่อมไม่มีทางปริปากพูดออกมาเด็ดขาด
ตอนที่ 5แน่นอนว่าความรู้สึกไม่ว่าจะของหลู่ฮ่าวอวี่หรือมู่หรงจิ่งนั้น เจี่ยอวี้หลันย่อมไม่รับรู้อันใดทั้งสิ้นเพราะนางกำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวแต่งงานกับชินอ๋องผู้มีพระคุณ และถึงนางรับรู้ผ่านมาจนถึงวันนี้นางคงมีแต่หัวเราะเยาะเสียมากกว่าแต่จะหัวเราะเยาะตนเองหรือพี่ชายกับมู่หรงจิ่งก็สุดจะรู้ได้แต่คนที่รับรู้และเห็นกลับเป็นหลู่อวิ๋นเซียงสตรีที่คิดว่าตนเองเป็นที่หนึ่งในใจของมู่หรงจิ่งมาร่วมสามปี แต่พอพบว่านังพี่สาวตัวดีที่เกิดก่อนตนเองแค่สองเดือนมันตายไปจริงๆไม่ว่าจะเป็นพี่ชายแท้ๆ เช่นหลู่ฮ่าวอวี่หรือจะเป็นบุรุษที่นางกล้าเรียกเขาได้เต็มปากแล้วว่าสามีเช่นมู่หรงจิ่ง เพราะหลังเหตุการณ์เลวร้ายวันนั้นนางก็ทนที่เขาหมางเมินกับนางไม่ไหวจึงยอมมีสัมพันธ์ลึกซึ้งทอดกายให้เขาเชยชมไปแล้ว ในยามนั้นนางคิดว่ามู่หรงจิ่งจะต้องรีบรับนางเข้าจวน ต่อให้เป็นแค่อนุหลู่อวิ๋นเซียงก็ยอมแล้วจนสิ้น แต่นี่ผ่านมานานขนาดนี้นอกจากมู่หรงจิ่งจะไม่รับนางเข้าจวนยังไม่พอ พบหน้าอีกฝ่ายยังดูเหมือนจะไม่อยากพบหน้าของนางเสียด้วยซ้ำบัดซบยิ่งนัก!…บุรุษที่นางรักทั้งสองคนต่างพากันแสดงท่าทางราวกับจะตายตามนังตัวดีอวี้หลิงไปเสียให้ไ
ตอนที่ 6แต่ก่อนที่จะเผามันจนกลายเป็นเถ้าธุลี หลู่ อวิ๋นเซียงก็คิดวิธีหยามเกียรติคนตายมาได้หนึ่งวิธี ในเมื่อมันตายแล้วแต่ทำให้ความรักของนางกับมู่หรงจิ่งร้าวฉาน เช่นนั้นนางก็จะทำให้ดวงวิญญาณของหลู่อวี้หลิงได้เห็นนางกับบุรุษที่มันรักนักรักหนาร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนถึงพริกถึงขิงที่ข้างโลงบรรจุศพของมันเสียเลย เช่นนี้ไม่เรียกว่าถึงมันตายเป็นผีไปแล้ว นางก็ไม่คิดให้ดวงวิญญาณของมันได้สงบสุขหรอกหรือ แต่หากจะขอความร่วมมือกับมู่หรงจิ่ง ไม่ใช่เพียงยาก แต่คาดว่ามิอาจเป็นไปได้เลยมากกว่า ยิ่งช่วงหลังมานี้เขาดูเหมือนจะไม่อยากมองหน้าของนางด้วยซ้ำ หากนางเดินไปชักชวนเขาทำเรื่องบัดสีเช่นนั้นนอกจากไม่คิดทำตาม เกรงว่ามู่หรงจิ่งจะยิ่งมองนางไปในด้านลบเพิ่มขึ้นเสียอีกด้วยดังนั้นคงมีเพียงวางยาปลุกกำหนัดจนมู่หรงจิ่งขาดสติเท่านั้นแผนร่วมรักข้างโลงของนางจึงจะสำเร็จ พอคิดแผนชั่วช้าราวกับมิใช่คนออกมาได้เป็นฉากๆ เป็นขั้นเป็นตอนแล้ว หลู่อวิ๋นเซียงก็อดทนรอเวลาอยู่อีกหลายวันนางจึงมีโอกาสลงมือ ราตรีนี้ทุกคนที่เฝ้าอยู่โถงบรรพชนสกุลหลู่นั้นล้วนถูกวางยานอนหลับจนหมด ยกเว้นแต่มู่หรงจิ่งที่หลู่อวิ๋นเซียงไม่วางยานอนห
ตอนที่ 7ผลของการเดินหมากจบลงที่ผลัดกันแพ้และชนะอยู่คนละสองกระดาน เจี่ยอวี้หลันจึงรอดตัวไปได้ เพราะไม่ได้เสแสร้งพ่ายแพ้จนอีกฝ่ายมองว่านางดูหมิ่นเขา เรียกว่าจริงเท็จวันนี้นางดึงออกมาผสมผสาน เรื่องนี้ถึงซ่างกวนไท่จะรับรู้ได้แต่เขาก็มิได้คิดโกรธเคือง เพราะถูกใจสติปัญญาของเจี่ยอวี้หลันมากกว่า เรียกว่ายิ่งนับวันที่ได้ใกล้ชิดกันซ่างกวนไท่ยิ่งพึงใจในตัวของเจี่ยอวี้หลันมากขึ้นและมากขึ้นทุกวัน และอดจะสมน้ำหน้ามู่หรงจิ่งเสียมิได้ที่อีกฝ่ายทำสตรีเช่นนี้หลุดมือมาแล้วจริงๆแต่เรื่องที่ชินอ๋องเดินหมากเสมอกับองค์หญิงจากเผ่ากั๋วเซาตัวปลอมนี้กลับไปถึงหูของฉางตี้ฮ่องเต้เข้าจนได้ ฮ่องเต้หนุ่มวัยยี่สิบหกปีถึงกับอยากพบหน้าสตรีที่เดินหมากครั้งแรกก็สามารถเอาชนะขาดลอยเจ้าน้องชายตัวแสบของเขาได้แล้ว ครั้งที่สองก็ยังเสมอขึ้นมาอีกนี่ยังไม่ชวนให้เขาอยากจะใส่ใจได้อย่างไร ก็ขนาดตัวเขาเองจนอายุขนาดนี้แล้วเดินหมากกับซ่างกวนไท่ผู้นั้นกลับไม่เคยชนะ พอทราบว่าอีกฝ่ายถึงกับพ่ายแพ้ให้สตรีที่อดีตเป็นเพียงคุณหนูจวนโหวที่ค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวจะไม่ให้เขาอยากไปดูให้เห็นกับตาได้อย่างไร“ไปตำหนักเจ้าเจ็ดกันเถอะโม่กงกง”แน่นอน
ตอนที่ 8แต่ถึงจะคิดเช่นนั้นแต่ให้เลือกเจี่ยอวี้หลันย่อมเลือกเช่นเดิมอีกครั้ง ก็นางตัวคนเดียว อำนาจไม่มี เงินทองติดกายยิ่งไม่มี อดีตเมื่อครั้งที่นางตัดสินใจกระโดดหน้าผานับว่านางโง่เขลาจริงๆ แต่พอนางรอดตายมาได้จึงค่อยกระจ่าง โลกใบนี้มิได้สวยงามแม้แต่น้อย ชีวิตดำรงอยู่ได้ต้องมีเงินไม่มีเงินแค่กินข้าวยังทำไม่ได้เลย แล้ววันนั้นนางหนีออกมาตัวเปล่านอกจากเครื่องประดับไม่กี่ชิ้นก็ไม่มีเงินติดกายแม้แต่อีแปะเดียว แค่คิดก็ไม่รอดแล้ว หากไม่ได้ชินอ๋องช่วยเหลือป่านนี้หากไม่ตายก็อาจถูกจับไปขายหอนางโลมไม่ก็ถูกจับไปเป็นทาสค้าแรงงานก็ได้ใครจะคาดเดาได้ ดังนั้นที่นางกระโดดลงมาพบชินอ๋อง นับว่าสวรรค์ประทานพรให้เช่นนี้หากราคาที่นางต้องจ่าย จึงคุ้มค่าแล้ว คิดอีกกี่ครั้งหากไม่มีซ่างกวนไท่ฉุดดึงนางขึ้นมาจากปากแม่น้ำลืมเลือน ป่านนี้นางจะเป็นตัวอะไรไปแล้วใครจะรู้ รักคนผิดมาแล้วหนึ่งครั้ง เกือบไม่เหลือแม้แต่ชีวิต บทเรียนที่จ่ายไป แพงเหลือเกิน...“อวี้หลันถวายพระพรฝ่าบาทขอทรงอายุยืนหมื่นปีหมื่นๆ ปีเพคะ” เพราะฉางตี้ฮ่องเต้มาอย่างกะทันหัน เจี่ยอวี้หลันจึงออกมาต้อนรับเขาด้วยทั้งที่ยังต้องรีบร้อนงานในมือค้างคาอยู่ แ
ตอนที่ 30จบมื้อค่ำวันนี้ก็เป็นการลงสีเก็บรายละเอียดตรงข้อมือต่อให้เสร็จ อีกสามวันจะถึงกำหนดพิธีฝังศพของอดีตจิ้งหนานโหวแล้ว ส่วนศพของหลู่อวิ๋นเซียงนั้น ตามประเพณีของชาวต้าเซี่ย หนึ่งปลิดชีพตนเอง สองแท้งบุตรโดยมิได้แต่งงาน สามคบชู้ สี่กบฏ ห้าต้องโทษหนัก คนเหล่านี้ตายแล้วห้ามฝังในสุสานของตระกูลๆ เด็ดโดด เช่นนั้นพอสิ้นใจแล้วไม่เกินสามชั่วยาม ศพของหลู่ อวิ๋นเซียงกับเด็กในครรภ์จะต้องถูกนำไปฝังในสุสานไร้แซ่ไร้นามทันทีนับว่าสาแก่ใจของเจี่ยอวี้หลัน ครั้งหนึ่งหลู่ อวิ๋นเซียงก็ตั้งใจให้นางตายไร้ที่ฝัง หรือจะกล่าวให้ถูกก็คือตายไปอย่างไร้คนจดจำ ไร้ป้ายวิญญาณ พอถึงวันนี้สิ่งที่หลู่อวิ๋นเซียงคิดทำกับนางกลับย้อนกลับไปคืนสนอง ที่สำคัญ คนลงมือยังเป็นบิดาของบุตรในครรภ์และบุรุษที่อีกฝ่ายรักปักใจอีกด้วยสาแก่ใจจริงๆ!...“มีความสุขหรือ?”ขณะกำลังเก็บรายละเอียด บังเอิญที่ซ่างกวนไท่เหลือบสายตาขึ้นไปสังเกตสีหน้าของเจี่ยอวี้หลัน ด้วยกังวลว่านางจะเจ็
ตอนที่ 29“จุมพิตของข้ามันแย่ถึงเพียงนั้น?” ซ่างกวนไท่อดใจไม่ไหวจึงต้องถามออกไป“หามิได้เพคะ”พอถูกถามเจี่ยอวี้หลันจึงได้สติ รีบร้อนปฏิเสธออกไปทันที ส่ายหัวส่ายหน้ายกมือวุ่นวายเห็นแล้วซ่างกวนไท่จึงคลายกังวลกลับเป็นรู้สึกหมั่นไส้ปนเอ็นดูแทน“ไม่มีผู้ใดถึงแก่ความตายด้วยจุมพิตมาก่อน เผื่อเจ้าไม่รู้”กล่าวออกไปแล้วก็ยอมปล่อย ให้ร่างน้อยเป็นอิสระ อย่างตัดใจ เพราะเห็นว่าหากเขายังจะจุมพิตนางต่อไป คืนนี้ที่ตั้งใจจะลบรอยแผลเป็นและปานแดง คงไปจบบนเตียงแทนเสียเป็นแน่เขารู้ความต้องการของตนเองดี ยามที่ยังไม่ได้แตะต้องลึกซึ้งก็พอจะหักห้ามใจตนเองได้ไหวอยู่ ทว่ายามใดที่เขาล้ำลึกกับนางไปแล้วความอดทนคงไม่มี และเขาเป็นพวกที่กินแล้วยากจะอิ่ม เพียงครั้งเดียวยากจะจบลง แล้วหากเขาเริ่ม เจี่ยอวี้หลันคงลุกไม่ไหวอย่างน้อยก็สองถึงสามวัน แล้วที่เขารับปากจะให้นางไปร่วมพิธีฝังศพบิดาคงต้องล้มเลิกเป็นแน่แต่ถึงจะปล่อยนางแล้วไม่โอบกอด แต่ถึงอย่างนั้นซ่างกวนไท่ก็ยังคง
ตอนที่ 28หลังจากเตรียมข้าวของสำหรับสักลบรอยทั้งแผลเป็นและปานแดงซึ่งนับได้ว่าค่อนข้างเร่งร้อนแล้วซ่างกวนไท่จึงกลับมาหาเจี่ยอวี้หลันในช่วงใกล้ค่ำ ที่ต้องกล่าวว่าต้องเร่งร้อนเพราะมันเร่งร้อนอยู่มากจริงๆ เร่งร้อนเพราะหากมีผู้ใดสักคนสังเกตเห็นถึงจะทำเป็นนิ่งเฉยไม่ยอมรับอย่างไรทว่ามันก็บ่มเพาะความสงสัยให้ผู้คนขึ้นมาแล้ว ซ่างกวนไท่แต่เดิมก็ไม่ชอบเรื่องยุ่งยากในภายหลังมาแต่ไหนแต่ไร แต่ที่เขาทำเป็นมองข้ามปัญหาเล็กน้อย เช่นรอยแผลเป็นกับรอยปานแดงนั้นคงเพราะเกิดใจอ่อนขึ้นมากับเจี่ยอวี้หลัน หาไม่แค่ปัญหาเล็กเท่าขี้ตามดอย่างไรหากมองแล้วว่าจะยุ่งยากในภายหลัง มีหรือจะยอมปิดหูปิดตาทำเป็นมองไม่เห็นมาแต่แรกเริ่ม“เจี่ยเอ๋อร์…”เสียงห้าวดังมาก่อนตัว แต่ที่ลอยมาก่อนเสียงคงเป็นกลิ่นคาวโลหิตกลิ่นที่นางคุ้นเคยไม่หวาดกลัวนานแล้ว เจี่ยอวี้หลันที่เพิ่งอาบน้ำแต่งกายเสร็จจึงรีบออกมาจากฉากกั้นแต่งกายออกมายืนรออยู่ก่อนแล้ว“พี่ฉุนไป๋จะอาบน้ำก่อนหรือไม่”คนตัวเล็กถามขึ้นเพราะเห็
ตอนที่ 27ส่วนเจี่ยอวี้หลันนอกจากไม่รู้สึกสงสารแล้วยังสมน้ำหน้าทั้งสามแม่ลูกอสรพิษอีกด้วย คนชั่วพบเจอคนชั่วกว่านี่จึงนับว่านรกส่งเสริมวาสนาพวกมันแล้ว“หากเจี่ยเอ๋อร์เดาไม่ผิด ทั้งเฉินกั๋วกงผู้เฒ่าและเฉินกั๋วกงคงวางแผนบางอย่างเอาไว้แต่แรกแล้วกระมังจึงต้องการแต่งงานกับบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินเอกจิ้งหนานโหว”ซ่างกวนไท่พอได้ฟังความคิดเห็นที่เจี่ยอวี้หลันกล่าวออกมาก็อดจะกดจุมพิตนางที่หน้าผากนวลเนียนเสียมิได้ เพราะผ่านมาจนถึงวันนี้ เด็กสาวไร้เดียงสาให้อดีตเติบโตขึ้นมา นางเท่าทันคนแล้ว“ที่เจ้ากล่าวมาถูกต้องแล้ว ทั้งหมดนั้นคือภาพที่มู่หรงจิ่งกับเฉินกั๋วกงผู้เฒ่าสร้างขึ้น เพราะแท้จริง สกุลมู่หรงหาได้สนับสนุนข้ากับพี่ห้า หากแต่แอบช่วยเหลือ เสด็จอา ซ่างกวนเหยา หรือก็คือโซ่วอ๋อง ที่บัดนี้ปกครองแคว้นอิ๋งโจว และที่ข้าหายไปก่อนงานแต่งงานก็เพราะไปสืบข่าวที่โซ่วอ๋องแอบสะสมกำลังทหารกับเสบียงหวังก่อกบฎโค่นล้มพี่ห้า”เจี่ยอวี้หลันเงยหน้าขึ้นมองสบตากับคนที่โอบกอดนางเอาไว้หลวมๆ พลา
ตอนที่ 26พอกลับถึงตำหนักแทนที่จะได้พักผ่อน กลับพบว่าคณะทูตจากเผ่ากั๋วเซามารอเข้าเฝ้า ชินอ๋องและชินหวางเฟยอยู่ก่อนแล้ว เรื่องนี้ถึงไม่อยู่เหนือความคาดหมายเท่าใดนัก แต่ก็ออกจะมาอย่างฉุกละหุกไปสักหน่อยกับการมาเยือนของคณะทูต ยังดีว่าเจี่ยอวี้หลันนั้นเตรียมตัวมานานกว่าหลายเดือนเรื่องจึงไม่ยุ่งยากมากนัก พอจะรับมือได้ ถึงภายในใจของนางจะไม่สงบเท่าใดนัก แต่ด้วยภาระหน้าที่เจี่ยอวี้หลันก็จัดการอารมณ์ของตนเองได้“น้องหญิงเก้า ดูสบายดีนี่”ซือถูเจียงหว่าน ธิดาของหัวหน้าเผ่าลำดับที่หกของเผ่ากั๋วเซาแต่ดูแล้วอายุคงมากกว่าซือถูเจินจูไม่น่าจะเกินสองปี ทักขึ้นหลังจากคารวะชินอ๋องซ่างกวนไท่ตามประเพณีของชนเผ่ากั๋วเซาและของต้าเซี่ยแล้ว เจี่ยอวี้หลันซึ่งกำลังมองเลยไปยังบุรุษผู้หนึ่งที่ตนเองเคยเห็นว่าดวงจิตของซือถูเจินจูล่องลอยอยู่ใกล้ๆ เมื่อสิบกว่าวันก่อนและเขาเองก็กำลังมองตรงมาที่นางแน่วนิ่งเช่นกัน รีบดึงสายตาหันมาสนใจน้องสาวตามฐานะเสียก่อน“แน่นอน พี่ฉุนไป๋ หมายถึงชินอ๋องดูแลข้าดีมาตลอดจ
ตอนที่ 25“บังอาจ! นี่คือชินหวางเฟย จงถอยออกไป”จากที่สงสัยเพราะเกิดจดจำแววตาของหลู่อวี้ หลิงได้เมื่อแลเห็นระยะใกล้ มู่หรงจิ่ง จึงต้องพิสูจน์ รอยแผลเป็นตรงหลังมืออาจบังเอิญได้แต่ปานแดงตรงเลยข้อมือขึ้นไปเล็กน้อยที่เขาพลิกดูเมื่อครู่ช่วงที่นางล้มมาทางเขานั้นยากจะมีใครเหมือนเป็นคนที่สองแน่ เขามั่นใจ!“เฉินกั๋วกงจะไปที่ใด?!”หลู่ฮ่าวอวี่ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใดพอเห็นมู่หรงจิ่งรีบร้อนจะพุ่งตามติดชินอ๋องไปเขาจึงรีบทักท้วงเอาไว้ เนื่องจากใครบ้างอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับปีศาจขาวแห่งต้าเซี่ยผู้นั้น“ไม่ต้องยุ่ง!!!” ตวาดออกไปแล้วก็วิ่งตามไปทันที ในใจของมู่หรงจิ่งแม้แต่ความตายก็ลืมสิ้น เพราะอยากได้คนของเขาคืน และนี่อาจเป็นสันดานเสียเดียวของเฉินกั๋วกง ที่อยากได้อันใดก็ต้องได้ สันดานเสียเดียวที่จะนำพาเขาไปสู่จุดจบก่อนวัยอันสมควร“เสียสติอันใดของเขากัน คนเช่นชินอ๋องซ่างกวนไท่ใครล่วงเกินได้หรือไร บัดซบเอ๊ย!”หลู่ฮ่าวอวี่คาดไม่ถึงว่าคนที่ระวังตัวดีมาตลอดเช่นมู่หรงจิ่งจะทำ
ตอนที่ 24“บังอาจ นี่คือชินหวางเฟย จงถอยออกไป”พอตั้งสติได้และสองบุรุษโผล่ออกมาหงเหมยรีบชักกระบี่ออกมาขวางคนทั้งสอง โดยที่เจี่ยอวี้หลันนั้นยังคงยืนหันหลังให้กับบุรุษทั้งสอง กิริยาสงบนิ่งมั่นคงและสูงศักดิ์จนมู่หรงจิ่งกับหลู่ฮ่าวอวี่ยังหายใจสะดุด“อย่าเสียมารยาทหงเหมย จิ้งหนานโหวเปิ่นหวางเฟยเพียงรู้สึกไม่สบายจึงออกมาเดินผ่อนคลายมิคาดว่ากลับหลงทาง ล่วงล้ำเรือนชั้นในของจิ้งหนานโหวแล้ว ต้องขออภัยจริงๆ”เรือนกายอรชรในอาภรณ์หรูหราค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับบุรุษที่ตนเองชิงชังจนอยากจะฆ่าให้ตายด้วยมือตนเองช้าๆ เจ็บใด แค้นใด เจี่ยอวี้หลันจำต้องกลืนมันลงท้องไป แล้วเสแสร้งสวมบทบาทของพระชายาเจี่ยเอาไว้อย่างแนบเนียน เย่อหยิ่ง ไว้ตัว สูงศักดิ์ เหล่านี้นางไม่ต้องพยายามเพราะโดยปกติ หลู่อวี้ หลิงก็มีกิริยาดังกล่าวกับคนแปลกหน้ามาตลอดอยู่แล้ว“ชินหวางเฟย...”หลู่ฮ่าวอวี่พึมพำออกมาราวกับคนหลงละเมออยู่ในห้วงฝัน เพราะโฉมของสตรีตรงหน้างดงามราวกับเทพธิดาลงมาเยือนปฐพีมิ
ตอนที่ 23เท้าเรียวแต่ไม่ได้เล็กราวกับดอกบัวเช่นคุณหนูในห้องหอสกุลสูงศักดิ์ทั่วไปในแผ่นดินต้าเซี่ยเพราะในวัยเด็กมารดาของนางมิอาจทำใจทรมานร่างกายบุตรสาวด้วยธรรมเนียมรัดเท้าให้เป็นทรงดอกบัว ส่วนบิดาเองก็คิดว่ามิได้สำคัญถึงเพียงนั้น เพราะด้วยฐานะจวนจิ้งหนานโหวย่อมไม่กลัวบุตรสาวที่เกิดจากฮู หยินเอกนั้นจะไม่มีสกุลที่ดีมาสู่ขออยู่แล้วมีหรือจะคิดทรมานบุตรสาวโดยไม่จำเป็นดังนั้นในยามก้าวเดินนางจึงเดินได้อย่างมั่นคงเช่นเดียวกับหงเหมยที่องครักษ์ซึ่งน้อยยิ่งนักที่คุณหนูสูงศักดิ์ในต้าเซี่ยจะมีเท้าเช่นคุณหนูรองหลู่และนี่คือข้อดีอีกข้อที่ซ่างกวนไท่เลือกเจี่ยอวี้หลันมาสวมบทบาทเป็นซือถูเจินจูไม่ใช่ใครก็ได้ เพราะใช่จะมีใครมีเท้าเป็นธรรมชาติเช่นนี้มากนักในเมืองเสียนหยางนี้ลัดเลาะครู่เดียวก็ติดตามไปทัน นั่นก็ต้องยกความดีให้กับสัมผัสหลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาจากประตูผี กลิ่นของโลหิต...กลิ่นนี้ชักนำให้นางตามติดหลู่ฮ่าวอวี่กับมู่หรงจิ่งจนพบในเวลาแสนสั้น จนหงเหมยอดจะแปลกใจเสียมิได้ว่าเหตุใดพระชา
ตอนที่ 22แต่หว่านเสน่ห์ไปก็เท่านั้นคนเช่นซ่างกวนไท่เขามิได้อับจนหญิงงาม กับคนเช่นมู่หรงเจียวแค่มองคาดว่ายังไม่มองให้เสียสายตาด้วยซ้ำ เจี่ยอวี้หลันกวาดสายตาไปยังครอบครัวสกุลมู่หรง แต่ก็ต้องมีอันสะดุ้งกับสายตาของมู่หรงเจียว ที่ส่งสายตาฟาดฟันมาทางตนเอง…ผีเข้าหรือไรกัน? …เจี่ยอวี้หลันคิดในใจทันที ปกติสมัยที่นางยังเป็น หลู่อวี้หลิง คุณหนูห้ามู่หรงผู้นั้นก็ไม่ค่อยญาติดีกับนางนักชอบนินทาทั้งต่อหน้าและลับหลัง เรียกว่าปากร้ายมาก ทว่าก็ไม่ถึงกับมองกันด้วยสายตาราวกับจะฉีกเนื้อเช่นในยามนี้ เฮ้อ! มีสามีหล่อเหลานี่ไม่ง่ายเลยจริงๆ แต่มันความผิดของนางหรือซ่างกวนไท่หรือก็หาไม่ ในอดีตอีกฝ่ายหวงพี่ชายกับนางก็ว่ามู่หรงเจียวร้ายกาจแล้ว พอมาหึงหวงสามีของนางกลับน่ารังเกียจนัก“ห้ามมองมันนาน ข้าหึงหวงยิ่ง”อยู่ดีๆ คนด้านข้างกลับชะโงกหน้ามากระซิบดุดันเสียอย่างนั้น ก็มิใช่ว่าเมื่อเช้าเขายังบอกว่าตนเองเป็นผู้มีเหตุผลพอ บัดนี้แค่นางมองไปทางครอบครัวสกุลมู่หรงนานหน่อยกลับมาส่งกลิ่นอายสังหารเข้มข้นข่มเหงนางเส