Share

บทที่ 7

Author: ฮุยสี่เชว่
last update Last Updated: 2025-01-07 13:23:20
ชิวเฉิงฮุยเพิ่งเข้าไปภายในตำหนักจื่อเวย เท้าเหยียบลงบนพรมเปอร์เซียล้ำค่าผืนนั้น ครั้นเงยหน้าขึ้นก็แลเห็นภาพหญิงงามเช่นนี้เอง

ไป๋เหลียงตี้นอนเอนร่างอยู่บนตั่งกุ้ยเฟย ชายอาภรณ์วาดเค้าโครงเรือนร่างอวบอิ่มอรชร ใต้อาภรณ์เผยให้เห็นประกายเรื่อเรืองที่ผิวขาวผ่องสะท้อนออกมารำไร ใบหน้าดวงน้อยขนาดเท่าฝ่ามือ ไม่ว่าดวงตาหงส์เรียวยาวมีเสน่ห์คู่นั้นจะแสดงออกเช่นไรล้วนประกอบด้วยความเย้ายวนอย่างหาที่เปรียบมิได้

สาวใช้เยาว์วัยคนหนึ่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ตั่งกุ้ยเฟย กำลังพันแขนเสื้อขึ้นนวดขาให้นาง คล้ายกับได้ยินว่ามีคนมา ไป๋เหลียงตี้จึงปรือตาขึ้นอย่างเชื่องช้า ต่อจากนั้นก็เตะสาวใช้เยาว์วัยผู้นั้นเบาๆ “พอแล้ว”

สาวใช้ตัวน้อยขานรับอย่างว่าง่ายแล้วเดินไปอยู่ข้างๆ

“หม่อมฉันมาตอนนี้ รบกวนการพักผ่อนของเหลียงตี้หรือไม่เพคะ”

“มีเรื่องอันใดก็ว่ามา อย่ามาอ้อมค้อมกับข้า” นางพูดพลางหยัดร่างขึ้นนั่งแล้วบิดเอวอย่างเกียจคร้าน ความขาวผ่องอวบอิ่มบริเวณทรวงอกยิ่งนูนเด่นกว่าเดิม พาให้ชิวเฉิงฮุยอิจฉายิ่งนัก

นางเก็บงำสายตาอย่างรวดเร็ว ระหว่างที่ดวงตาทอประกายวูบวาบก็ก้มหน้าเอ่ยว่า “เหลียงตี้วันนี้ท่านไม่ได้ไปจึงไม่ได้เห็นคนใหม่ผู้นั้น หน้าตางดงามยิ่งนัก”

“อ้อ? คนที่องค์ชายห้าส่งมาเอาใจรัชทายาทก่อนหน้านี้น่ะหรือ ข้าจำได้ว่านางชื่อว่าอะไรนะ”

“แซ่อวี๋” ชิวเฉิงฮุยรีบเอ่ยเสริม

“ก็แค่ของเล่นที่ส่งมาเอาใจคนเท่านั้นแหละ คู่ควรให้เจ้าถ่อมาฟ้องข้าถึงตำหนักด้วยหรือ”

ชิวเฉิงฮุยเห็นนางไม่สนใจเลยสักนิด สีหน้ายังฉายแววไม่พอใจรางๆ จึงรีบกล่าวว่า “เหลียงตี้ หากท่านเห็นนางก็จะรู้เองว่าหม่อมฉันไม่ได้พูดเหลวไหล รูปโฉมของนางงามพิลาสโดยแท้ ปรนนิบัติเพียงหนเดียว หลังคารวะเช้า ได้ยินว่ามีรางวัลส่งไปที่หอชมจันทร์เป็นขบวน”

ไป๋เหลียงตี้ได้ยินวาจานี้ของนางก็เริ่มสนใจขึ้นมาในที่สุด เล็บมือสีสดใสเล่นปิ่นระย้าข้างจอนผม ดวงตาแฝงยิ้มบางฉายแววดูแคลน “ก็แค่ลูกสาวบ้านซิ่วไฉยากจนคนหนึ่งเท่านั้น เกือบตกต่ำจนถูกคนนำไปขายเป็นทาส ไปถือสาหาความนางให้ได้อะไรขึ้นมา คนเช่นนี้ รัชทายาทก็เพียงแต่รู้สึกว่าแปลกใหม่แค่สักพักเท่านั้นแหละ จากนั้นก็คงจะทอดทิ้งไปเอง”

น้ำเสียงนางพลันเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา “กลับเป็นพระชายานางแก่นั่นเสียอีกที่ไม่ยอมปล่อยข้าไปเสียที วันนี้แค่ไม่ได้ไปคารวะเช้าก็ให้หมอหลวงมาตรวจอาการข้า เกือบเผยพิรุธออกไปเสียแล้ว แม้รัชทายาทไม่โปรดปรานพระชายา แต่ก็ให้เกียรติตามสมควรอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง หากเขารู้ว่าข้าไม่รักษากฎระเบียบ เกรงว่าคงจะไม่พอใจ ไม่ง่ายเลยกว่าข้าจะปิดบังจนผ่านไปได้”

สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ปีนั้นหากมิใช่เพราะบ้านเดิมของนางด้อยกว่าของพระชายา หมิ่นซื่อจะได้นั่งตำแหน่งพระชายารัชทายาทอย่างนั้นหรือ?

หน้าตาอัปลักษณ์ จืดชืดน่าเบื่อ

นางรู้จักกับรัชทายาทมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกัน นางถูกคนในครอบครัวอบรมเลี้ยงดูมาในฐานะตัวเลือกว่าที่ชายารัชทายาท คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายจะคว้าน้ำเหลว

ชิวเฉิงฮุยสังเกตสีหน้านางอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงแฝงความประจบเอาใจ “เหลียงตี้ไยต้องโมโห พระชายาสูญเสียความโปรดปรานมานานแล้ว ทั้งยังมีลูกสาวเพียงคนเดียว ไหนเลยจะมีหน้ามีตาเหมือนท่าน ได้รับความโปรดปรานมานานปีโดยไม่เสื่อมคลาย ยังมีพระนัดดาคนโตอยู่ข้างกายอีก”

ท้ายประโยค น้ำเสียงแฝงความอิจฉาที่แม้แต่นางเองก็ยังไม่รู้ตัว

ไป๋ซื่อปรายตามองนาง หยิบลูกกลิ้งหยกขึ้นมากลิ้งไปมาบนผิวขาวผ่อง ครู่ต่อมาก็มองไปยังสีย้อมเล็บแสนประณีตของตนเอง “ในเมื่อรัชทายาทโปรดนาง พวกเราก็ไม่อาจไม่แสดงออก เจ้าไปถ่ายทอดคำสั่งที่เรือนบุปผา บอกว่าอวี๋หรูเหรินคนใหม่ได้รับความโปรดปราน ให้พวกเขาส่งดอกไม้งามๆ ไปสักหลายกระถางเพื่อแสดงความยินดี”

ชิวเฉิงฮุย “ฐานะของท่าน ไหนเลยจะต้องแสดงความยินดีกับนาง?”

“โง่งม!” ไป๋เหลียงตี้กลอกตาใส่นางแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “เรือนบุปผามีดอกไม้ตั้งมากมาย ดอกไม้พันธุ์ล้ำค่าอาศัยฐานะต่ำต้อยของนางย่อมไม่คู่ควรอยู่แล้ว แต่ข้าจำได้ว่าดูเหมือนจะมีดอกไม้ชนิดหนึ่งเรียกว่าอวี๋เหม่ยเหริน? อวี๋หรูเหรินแซ่นี้พอดีมิใช่หรือ? ข้าว่าส่งไปเหมาะสมนัก”

ชิวเฉิงฮุยเข้าใจได้ในทันที ใบหน้าแสดงความเยาะหยันออกมา “เหลียงตี้พูดถูกนัก ดอกไม้นี้ถึงจะเหมาะสมกับนาง”

อวี๋เหม่ยเหริน ว่ากันว่าเป็นดอกไม้ที่เบ่งบานมากบริเวณหลุมศพ

ยามนี้อวี๋เหลียงเยว่กำลังได้รับความโปรดปราน จะรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตจะขุดหลุมฝังศพตัวเองหรือเปล่า

เรือนบุปผาส่งคนไปแจ้งล่วงหน้า ยามบ่ายขันทีและสาวใช้ก็หอบกระถางดอกไม้เจ็ดแปดกระถางที่กำลังเบ่งบานอย่างงดงามยิ่งยกขบวนไปหอชมจันทร์อย่างเอิกเกริก

อวี๋เหลียงเยว่เพิ่งนอนลงได้ไม่ทันไรก็ถูกเสียงดังปลุกให้ตื่นขึ้นมา ชิงหลิ่วเห็นนางมีสีหน้าไม่พอใจก็ปรนนิบัตินางสวมอาภรณ์พลางก้มหน้าเอ่ยอย่างเอาใจใส่ว่า “หรูเหริน ท่านอย่าไม่พอใจเชียวนะเพคะ ประเดี๋ยวถูกคนเห็นเข้า บ่าวเกรงว่าพวกเขาจะสร้างความลำบากให้ท่าน”

“ชิงหลิ่วคนดีของข้า ข้ารู้หนักเบาดี”

ตบหลังมือนางเบาๆ เป็นเชิงบอกให้นางวางใจ นางจึงปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเดินออกไปข้างนอก

คนนำขบวนเป็นขันทีน้อยจากเรือนบุปผา เห็นอวี๋เหลียงเยว่ก็เพียงแต่แสดงความเคารพอย่างขอไปที ชี้ไปยังกระถางดอกไม้ที่อุ้มอยู่พลางเอ่ย “ขอแสดงความยินดีกับหรูเหริน ดอกไม้นี้ชิวเฉิงฮุยสั่งให้บ่าวนำมาส่งเพื่อแสดงความยินดีที่หรูเหรินได้เลื่อนตำแหน่งโดยเฉพาะ”

อวี๋เหลียงเยว่กวาดสายตามองกระถางดอกไม้เหล่านั้น สีสันงดงานวาบผ่านดวงตา ในไม่ช้าก็กำกับให้พวกเขาวางดอกไม้ลงอย่างกระตือรือร้น น้ำเสียงแฝงความยินดี “ดอกไม้พวกนี้งามจริงๆ ชิวเฉิงฮุยมีน้ำใจแล้ว กลับไปข้าจะต้อง ‘ขอบคุณ’ นางอย่างดีแน่นอน”

ขันทีและสาวใช้เห็นนางมีท่าทางยินดีก็มองหน้ากัน ดวงตาฉายแววเยาะหยัน

ออกหน้าออกตาไม่ได้จริงๆ ด้วย แม้แต่ความหมายแฝงของดอกไม้ก็ยังไม่รู้ ยังดีใจอีกแน่ะ

อวี๋เหลียงเยว่ย่อมไม่พลาดแววตาของพวกเขา แต่ทำเป็นไม่รู้ หลังส่งพวกเขาจากไปอย่างยินดีปรีดา สีหน้าก็พลันเปลี่ยนแปลง วงโค้งของมุมปากวาดลงอย่างรวดเร็ว เดินไปถึงตั่งกุ้ยเฟยก็เอนร่างนอนลงอย่างไม่ ‘สง่างาม’ ใต้ชายประโปรง รองเท้าปักแสนประณีตโผล่ออกมา แกว่งไปมาอย่างซุกซน

ชิงหลิ่วเดินมาถึงเบื้องหน้าด้วยสีหน้าสงสัย “หรูเหริน ชิวเฉิงฮุยไม่ชอบท่านแท้ๆ เหตุใดยังต้องมาตีสนิทด้วยอีกเล่า”

นางหลุดหัวเราะออกมา หางตาแฝงไว้ด้วยเสน่ห์เย้ายวน “ชิงหลิ่วคนดีของข้า นางไม่จำเป็นต้องตีสนิทข้า ด้วยฐานะของข้า พวกนางแทบอยากเหยียบข้าให้จมโคลนเสียด้วยซ้ำจึงจะสามารถระบายโทสะในใจได้”

ชาติก่อนชิวเฉิงฮุยเป็นคนที่ทะเยอทะยานหากไร้ความสามารถเป็นที่สุด อาศัยว่าบ้านเดิมของตนเองพอมีอำนาจอยู่บ้างจึงไม่เห็นคนฐานะต่ำต้อยอยู่ในสายตา

จะมาตีสนิทนางได้อย่างไร?

เกรงว่าแค่คิดว่าต้องปรนนิบัติรัชทายาทร่วมกับคนฐานะเช่นตนเองก็คงจะโมโหจนเข่นเขี้ยวเลยกระมัง

มิหนำซ้ำ สายตานางมองไปทางดอกไม้สีสดใสที่กำลังบานสะพรั่งอยู่หน้าประตู อวี๋เหม่ยเหรินช่างเป็นดอกไม้ที่ ‘ดี’ จริงๆ

ภายในหอชมจันทร์

ฉินซือเหิงเดินมาถึงหน้าประตู อวี๋เหลียงเยว่รีบลุกขึ้นมา เดินมาแสดงความเคารพต่อหน้าเขา อาจเป็นเพราะรีบร้อนเกินไป ทั้งร่างจึงโซซัดโซเซ ทำให้เขานึกว่าสตรีตรงหน้าจะล้มลงบนพื้นก็หลายครั้งหลายครา

สุดท้ายนางเดินมาถึงเบื้องหน้าตนเอง แต่ก็ไม่ได้ล้มลง...

ฉินซือเหิงพลันนึกเสียดายอยู่บ้าง หญิงงามท่าทางเปราะบางอ่อนหวานตรงหน้า แม้แต่พูดจาก็ยังเหมือนแมวน้อยไม่มีผิด หากล้มลงไปตรงนี้แล้วร้องไห้ขึ้นมาจะเป็นภาพแบบไหนกันนะ...

Related chapters

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 8

    ฉินซือเหิงกำลังครุ่นคิด อวี๋เหลียงเยว่คารวะเสร็จไม่ได้ยินเสียงบอกให้ลุกขึ้นก็รักษาท่วงท่าคารวะเอาไว้อย่างดื้อดึง โงนเงนอยู่หลายครั้ง ราวกับว่าอึดใจถัดไปก็จะล้มลงไปบนพื้นจ้าวเฉียนมองดูจากเบื้องหลังเช่นนี้ อยากส่งเสียงเตือนอยู่หลายครั้ง แต่ทันใดนั้น ฉินซือเหิงก็ตอบสนองแล้วเขายกมือขึ้นมาประคองแขนอวี๋เหลียงเยว่ทำให้นางไม่ถึงกับล้มลง แล้วถอนหายใจ “ข้าไม่บอกให้ลุกขึ้น เจ้าก็คิดจะยืนต่อไปใช่หรือไม่”อวี๋เหลียงเยว่ก้มหน้า เผยเพียงศีรษะให้เขาดูคนทั้งสองยืนอยู่หน้าประตู ลมราตรีพัดมา กลิ่นหอมกรุ่นก็โชยมา ฉินซือเหิงกวาดสายตามองไปรอบๆ โดยสัญชาตญาณแล้วก็เห็นดอกไม้บริเวณหน้าประตูเขามุ่นคิ้ว “ดอกไม้นี้คุ้นตาทีเดียว”จ้าวเฉียนก้าวสั้นๆ มาข้างหน้า อธิบายว่า “รัชทายาท ดอกไม้นี้เรียกว่าอวี๋เหม่ยเหรินพ่ะย่ะค่ะ”“อ้อ? มีความหมายแฝงอันใดหรือไม่”จ้าวเฉียนถูกถามจนอึ้งไป ทันใดนั้นก็ไม่รู้ว่าควรออกปากอย่างไรดี“รัชทายาท ดอกไม้นี้ไป๋เหลียงตี้ส่งมาแสดงความยินดีที่หม่อมฉันได้รับตำแหน่งเพคะ หม่อมฉันชอบยิ่งนัก” อวี๋เหลียงเยว่รีบเอ่ยปาก กล่าวพลางคล้องแขนฉินซือเหิงเบาๆ ครู่ต่อมา เหมือนจะรู้ว่าไม่เหมาะสมจึ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 9

    วันรุ่งขึ้น ภายในตำหนักบูรพามีคนวิพากษ์วิจารณ์ไม่ขาดสายพอตื่นขึ้นมาครานี้ ตำหนักบูรพาเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเสียแล้วรัชทายาทเลื่อนตำแหน่งให้อวี๋หรูเหรินเป็นอวี๋เจาซวิ่น ยังไม่พูดถึงว่านางเพิ่งได้รับตำแหน่งไม่นาน ควรทราบว่าระหว่างหรูเหรินและเจาซวิ่นยังมีเฟิ่งอี๋ รัชทายาทกลับข้ามขั้นผ่านไปอย่างง่ายดายทั้งอย่างนี้เห็นได้ชัดว่า อวี๋ซื่อผู้นี้มิอาจดูเบาข้ารับใช้ที่ปรนนิบัติเก็บความดูแคลนและความดูดายกลับไป ยามเช้าชิงหลิ่วไปรับอาหารเช้า บรรดาสาวใช้และขันทีที่พบนางล้วนแต่ต้อนรับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม นางเปิดฝาออกดูสีสันอาหารในนั้น มุมปากก็วาดขึ้นเป็นวงโค้งแห่งความยินดีต่อจากนั้น รางวัลก็หลั่งไหลเข้ามาในหอชมจันทร์ดุจสายน้ำรัชทายาทแสดงออกชัดว่าจะโปรดปรานอวี๋เจาซวิ่นชิวเฉิงฮุยกำลังรับประทานมื้อเช้า ได้ยินข่าวแล้วก็กินอะไรไม่ลง เบิกตาโตจ้องมองสาวใช้ของตนเอง “รัชทายาทได้พูดถึงเรื่องดอกไม้พวกนั้นหรือไม่?”สาวใช้ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่เพคะ”ชิวเฉิงฮุยพลันวางใจ จากนั้นก็เริ่มโมโหขึ้นมา ฝีมือเล็กน้อยของตนเองไม่เพียงไม่สร้างความเจ็บปวดให้คนชั้นต่ำนั่นแม้แต่น้อย รัชทายาทยังโปรดปรานนางถึงเพียงนี้ห

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 10

    คิดได้เช่นนั้น ไป๋ซื่อก็แย้มยิ้มหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดปากหัวเราะเบาๆ แต่ในไม่ช้าก็หัวเราะไม่ออกแล้วพระชายารัชทายาทอมยิ้มตั้งแต่ต้นจนจบ กระทั่งถามเรื่องสัพเพเหระกับฝ่ายตรงข้ามอย่างสนิทสนมอวี๋เหลียงเยว่มีท่าทางเคารพระคนตื่นเต้นยินดี ตอบคำถามพระชายารัชทายาทอย่างระมัดระวัง คนทั้งสองโต้ตอบกันไปมา ถึงขั้นมีทีท่าว่าจะคุยกันถูกคออีกด้วยรอยยิ้มของไป๋ซื่อสลายไปโดยสิ้นเชิง เห็นสีหน้ายิ้มแย้มของคนทั้งสองแล้วในใจก็บังเกิดความอึดอัดคับข้องขึ้นมาน่าเบื่อจริงๆ พระชายารัชทายาทนางเฒ่าผู้นี้ คิดว่าคงต้องการดึงอวี๋ซื่อไปเป็นพวก แต่น่าเสียดายสตรีที่ฐานะต่ำต้อยคนหนึ่ง ดึงมาเป็นพวกแล้วมีประโยชน์อันใดเล่าคุยกับอวี๋เหลียงเยว่เสร็จ พระชายารัชทายาทก็หันมาถามไป๋ซื่อ “สุขภาพเจ้าดีขึ้นหรือยัง ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดว่าสุขภาพเจ้าไม่ดีมาตลอดจึงไม่อาจมาคารวะเช้า ยามนี้หงอวิ๋นอายุเพียงหนึ่งขวบ เป็นวัยกำลังซนพอดี ถ้าเจ้าลำบากเกินไปก็มมิสู้ดูแลสุขภาพตัวเองให้ดี ข้าสามารถดูแลหงอวิ๋นแทนเจ้าได้สักหลายวัน...”“ไม่ต้อง!” นางพูดจบค่อยตระหนักว่าน้ำเสียงตนเองแหลมสูงจึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลงหลายส่วน “ขอบพระทัยพระช

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 11

    เหมือนกับชาติก่อน เพื่อให้มั่นใจว่าฉินมู่จะสามารถจับตาดูทุกการกระทำของนางในตำหนักบูรพาได้ รับประกันว่านางจะฟังคำสั่งและปฏิบัติตาม บางครั้งยังมาทรมานนาง เพราะอวี๋เหลียงเยว่ไม่สามารถทำให้ฉินซือเหิงพึงพอใจได้กลางดึกลอบเข้าห้องชั้นในเพื่อกล่าวเตือนล้วนเป็นเพียงอาหารเรียกน้ำย่อย บางครั้งโหดเหี้ยมถึงขั้นใช้เข็มแทงเข้าที่ปลายนิ้วของนาง ตำแหน่งนั้นถูกคนพบเห็นได้ยาก อีกทั้งยังสามารถทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บปวดเกินทนเถิงว่านเกลียดนางอย่างแท้จริง อีกทั้งยังรักฉินมู่มาก วันเวลาเหล่านั้นยามอยู่ในจวนฉินมู่ ยามนางและฉินมู่ลอบพบกันเป็นการส่วนตัว ได้เห็นสายตาเปี่ยมรักของเถิงว่านยามสบมองฉินมู่มิใช่เพียงแค่ครั้งเดียว กลับเผยด้านอำมหิตต่อหน้านาง น่าเสียดาย ฉินมู่ไม่เคยมอบความรักให้ผู้ใด เว้นเสียแต่ใช้ประโยชน์เท่านั้นผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ภายในห้องเงียบงันลงเงาดำคลายมือออก เงาร่างสายหนึ่งที่ถูกรัดไว้นั้นสูญเสียการทรงตัวในที่สุด หันหน้าเข้าหาพื้นล้มลงอย่างกะทันหัน ปังเสียงกระแทกพื้นดังขึ้น หมดลมหายใจไปตั้งนานแล้วนางไม่รีบร้อนไม่ร่ำไรก้าวเท้าเข้ามาหยุดข้างกายเถิงว่าน หยิบเข็มเงินบนพื้นมาดูแวบหนึ่ง ถอนหายใจ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 12

    ใคร่ครวญภายในใจว่าตกลงเกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่ ตำหนักบูรพานี้ต่อสู้กันไม่หยุด วันนี้ไม่ใช่นางทำให้นางลำบาก ก็คือถูกคนใช้ประโยชน์“พระชายารัชทายาทเพคะ ภายในบ่อน้ำลานส่วนหลังพบคนตาย...ยิ่งไปกว่านั้น ไป๋เหลียงตี้ตกใจจนหมดสติไป หมอหลวงเดินทางมาแล้ว...พูดว่านางตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือน เดิมทีครรภ์ยังไม่แข็งแรง ตกใจหนักถึงเพียงนี้เกือบรักษาเด็กไว้ไม่ได้ บัดนี้ทางฝั่งนั้นกำลังตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวายเพคะ...”สาวใช้คาดเดาแล้วพูดออกมาคนตาย นั่นคือเรื่องใหญ่ต่อสู้กันก็ช่างเถอะ หากเกี่ยวข้องกับการฆาตรกรรม นี่ก็จัดการยากแล้ว...“คนตายเป็นใคร”“นางกำนัลคนหนึ่งชื่อว่าเถิงว่านเพคะ”ภายในหอหยกหิมะ ประตูมีคนผ่านไปมาไม่ขาดสายไป๋เหลียงตี้นอนบนตั่งเตียงสีหน้าเผือดซีด จับผ้าห่มนุ่มบนตั่งเตียงเอาไว้แน่น ภายในสมองเต็มไปด้วยภาพศพหญิงบวมอืดในบ่อน้ำใบหน้าสีม่วงคล้ำเผือดซีดบวมเปล่งจนมองเห็นหน้าได้ไม่ชัด ผมดำสยายอยู่ภายในบ่อน้ำ ไฉนเลยนางจะเคยเห็นภาพน่ากลัวเช่นนี้“แหวะ...”“เหลียงตี้ เหลียงตี้ ท่านอย่าทำให้บ่าวตกใจเลยเพคะ” ซู่จิ่นตบหลังของนาง ภายในสายตาสะท้อนความร้อนใจอย่างสุดระงับไป๋ซื่อเงยหน้าขึ้นอ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 13

    ฉินซือเหิงนั่งบนตำแหน่งประธาน พระชายารัชทายาทนั่งถัดจากเขา“ตรวจสอบเป็นเช่นไร ได้ข้อสรุปแล้วหรือไม่”นักชันสูตรศพล้างมือในอ่างน้ำที่นางกำนัลยกมาให้ หันหลังเอ่ยตอบอย่างมีมารยาท “กระหม่อมมีคำตอบแล้ว นางกำนัลคนนี้มองดูคล้ายจมน้ำตาย แต่ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว สามารถมองเห็นรอยรัดลึกเข้าเนื้อบริเวณคอได้ จะต้องตายก่อนจมน้ำแน่พ่ะย่ะค่ะ”เงียบงันครู่หนึ่ง ฉินซือเหิงเอ่ยถามเสียงเครียด “สามารถมองออกว่าที่รัดคอนางตายเป็นสิ่งใดหรือไม่”นักชันสูตรศพเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยตอบ “กระหม่อมคิดว่า น่าจะเป็นของจำพวกผ้าต่วน แต่...”ฉินซือเหิงโบกมือ “เจ้าพูดมาก็พอ”“กระหม่อมคิดว่า สามารถทิ้งรอยลึกเช่นนี้ไว้ได้ คนร้ายจะต้องมีแรงมหาศาล น่ากลัวว่าเป็นฝีมือของผู้ชาย...แต่ กระหม่อมยังพบ ภายในนิ้วมือของฝ่ายหญิง มีเส้นด้ายบางๆ อยู่ กระหม่อมประเมินคร่าวๆ น่าจะเป็นด้ายเงาจันทร์พ่ะย่ะค่ะ”ผู้ชาย? ภายในตำหนักบูรพานอกจากขันทีแล้วก็มีแค่ขันทีองครักษ์หรือผู้ชายทั่วไป เดิมทีก็ไม่สามารถเข้ามาในตำหนักบูรพาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงลานส่วนหลังส่วนด้ายเงาจันทร์...นี่คือเครื่องราชบรรณาการภายในวัง ตำหนักบูรพาย่อมมีเฉกเดียวกัน

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 14

    “พอแล้ว” ฉินซือเหิงพูดตัดบทนางด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ นางกำนัลคนนั้นฆ่าตัวตายเป็นความผิดใหญ่หลวง ต้องถูกประหารทั้งตระกูล เกิดเรื่องเช่นนี้ภายในตำหนักบูรพา ภายภาคหน้าเพิ่มการลาดตระเวนให้เข้มงวดทั้งภายในภายนอกยิ่งขึ้น หากยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก คนลาดตระเวนเหล่านั้น รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษตามความผิด”พูดจบ ถึงขั้นมีความคิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปชิวเฉิงฮุยร้อนใจมากยิ่งขึ้น หลักฐานเหล่านั้นล้วนชี้มาที่นาง รัชทายาทปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นภายภาคหน้า...ความร้อนใจภายในใจนางถูกสายตาของฉินซือเหิงขัดขึ้น เพราะสายตาของเขาตกลงบนตัวอวี๋เหลียงเยว่ตั้งแต่เริ่มจนจบอวี๋เหลียงเยว่นั่งฟังพวกเขาพูดอยู่ทางด้านข้าง บางครั้งหลังได้ยินข้อสรุปของนักชันสูตรศพ สีหน้าก็เผือดซีดขึ้นเล็กน้อย เงาร่างเล็กๆ นั่งสั่นเทาอยู่ตรงนั้น ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า...เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีเรื่องใดก็ไม่ต้องออกจากเรือน อยู่พักผ่อนภายในเรือนดีๆ”สิ้นคำก็หันไปพูดกับพระชายารัชทายาท “หอชมจันทร์มีคนปรนนิบัติน้อยเกินไป ข้าได้ยินจ้าวเฉียนพูด

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 15

    จ้าวเฉียนขยับขึ้นไปค้อมตัวลง “พรุ่งนี้บ่าวจะสั่งให้คนนำของมาส่งเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”“อืม” ฉินซือเหิงนี่ถึงรับคำอย่างพึงพอใจภายในใจจ้าวเฉียนมีความทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เขาไม่มอบของให้ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักบูรพาปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่รัชทายาทเขา...ไม่เห็นอวี๋เจาซวิ่นสำคัญตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ใส่ใจอวี๋เหลียงเยว่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดต่อบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ยืนว่าง่ายอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง บางครั้งเงยหน้าขึ้นลอบมองฉินซือเหิงอย่างซุกซนฉินซือเหิงไฉนเลยจะมองไม่เห็นสายตาของนาง โบกมือ เป็นสัญญาณให้นางเข้ามา“ยืนอยู่ทำอะไร นั่งลงเถอะ พูดเป็นเพื่อนเรา”“เพคะ”“ได้ยินมาว่าหลายวันนี้เจ้าไม่ชอบออกจากบ้าน เราเห็นเจ้าผอมแล้ว ได้รับความตกใจจากวันนั้นหรือ?”ถ้อยคำนี้มองแล้วคล้ายกำลังสงสัย แต่แท้จริงแล้วกลับมั่นใจหลายวันมานี้ภายนอกร้อนอยู่บ้าง นางคร้านจะลุกขึ้น ไม่ชอบออกนอกบ้าน อากาศร้อนความอยากอาหารเองก็ไม่ดี นี่ถึงผอมลงแต่ความเข้าใจผิดอันแสนงดงามนี้ อวี๋เหลียงเยว่คิดว่าดียิ่งนัก“หม่อม...หม่อมฉันนึกถึงเรื่องวันนั้น จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status