Share

บทที่ 14

Author: ฮุยสี่เชว่
last update Last Updated: 2025-01-07 13:23:20
“พอแล้ว” ฉินซือเหิงพูดตัดบทนางด้วยเสียงเย็นชา “เรื่องนี้ให้จบลงเท่านี้ นางกำนัลคนนั้นฆ่าตัวตายเป็นความผิดใหญ่หลวง ต้องถูกประหารทั้งตระกูล เกิดเรื่องเช่นนี้ภายในตำหนักบูรพา ภายภาคหน้าเพิ่มการลาดตระเวนให้เข้มงวดทั้งภายในภายนอกยิ่งขึ้น หากยังเกิดเรื่องเช่นนี้อีก คนลาดตระเวนเหล่านั้น รวมถึงคนที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดจะต้องถูกลงโทษตามความผิด”

พูดจบ ถึงขั้นมีความคิดปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป

ชิวเฉิงฮุยร้อนใจมากยิ่งขึ้น หลักฐานเหล่านั้นล้วนชี้มาที่นาง รัชทายาทปล่อยผ่านไปอย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ เช่นนั้นภายภาคหน้า...

ความร้อนใจภายในใจนางถูกสายตาของฉินซือเหิงขัดขึ้น เพราะสายตาของเขาตกลงบนตัวอวี๋เหลียงเยว่

ตั้งแต่เริ่มจนจบอวี๋เหลียงเยว่นั่งฟังพวกเขาพูดอยู่ทางด้านข้าง บางครั้งหลังได้ยินข้อสรุปของนักชันสูตรศพ สีหน้าก็เผือดซีดขึ้นเล็กน้อย เงาร่างเล็กๆ นั่งสั่นเทาอยู่ตรงนั้น ท่าทางน่าสงสารอย่างมาก

“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับเจ้า...เจ้ารีบกลับไปพักผ่อนเถอะ ไม่มีเรื่องใดก็ไม่ต้องออกจากเรือน อยู่พักผ่อนภายในเรือนดีๆ”

สิ้นคำก็หันไปพูดกับพระชายารัชทายาท “หอชมจันทร์มีคนปรนนิบัติน้อยเกินไป ข้าได้ยินจ้าวเฉียนพูดว่าภายในเรือนรวมเข้าด้วยกันก็มีแค่สี่คน เจ้าเลือกนางกำนัลสักสองคนไปปรนนิบัติเถอะ”

พระชายารัชทายาทผินมองอวี๋เหลียงเยว่แวบหนึ่ง ยิ้มละไมพลางรับปาก

ภายในสายตา ถึงขั้นไม่มีความไม่พอใจเลยสักเศษเสี้ยว

อวี๋เหลียงเยว่คล้ายรู้สึกตกตะลึงที่ฉินซือเหิงจัดการเช่นนี้ ลุกขึ้นอย่างโงนเงนกล่าวขอบคุณ ภายในสายตาล้วนเปี่ยมความดีใจและเขินอาย

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ”

อ่อนโยนบอบบาง ทำให้คนรู้สึกว่า ช่างเป็นหญิงงามมีชีวิตชีวาคนหนึ่งโดยแท้

ชิวเฉิงฮุยทางด้านข้างมองเห็นภาพนี้อยู่ในก้นบึ้งของสายตา มือที่อยู่ใต้แขนเสื้อกว้างไม่รู้กำแน่นตั้งแต่ยามใด รู้สึกโกรธแค้นภายในใจ

หากที่ผ่านมาได้เห็นอวี๋เหลียงเยว่แล้วไม่สบอารมณ์สองส่วน บัดนี้ก็คือสิบส่วน พระชายารัชทายาทฐานะสูงศักดิ์ ไป๋ซื่อมีชาติกำเนิดไม่ธรรมดา มีความสัมพันธ์ในอดีตกับรัชทายาท แต่นางอวี๋เหลียงเยว่นับเป็นอะไร ก็แค่นังแพศยาชั้นต่ำในโคลนตมคนหนึ่งเท่านั้น คิดแย่งกับนาง...

เรื่องของนางกำนัลคล้ายกลายเป็นหมอกผ่านตาก็มิปาน มลายหายไปจากตำหนักบูรพาอย่างว่องไว

มีเรื่องใหม่ทุกวัน เพียงไม่กี่วัน แม้แต่พวกนางกำนัลก็ไม่เอ่ยถึงอีก

หอชมจันทร์ครึกครื้นขึ้นมา นางกำนัลที่ถูกคัดเลือกมาบัดนี้กำลังนั่งอยู่บนพื้น ทำความเคารพอวี๋เหลียงเยว่

ทางฝั่งซ้ายมือคือคนยิ้มกว้างสามส่วนชื่อชุยจู๋ ส่วนทางขวาเป็นคนอายุมากกว่า มองดูแล้วอุปนิสัยสุขุม ชื่อว่าฮวาเหลียน

บ่าวเข้าตำหนักบูรพาล้วนดูเบาอวี๋เหลียงเยว่ แน่นอนว่าบ่าวสองคนนี้ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

ความสำคัญของชาติกำเนิดนั้นมิใช่เรื่องเท็จ แต่เจตนาของรัชทายาทนั้นสำคัญที่สุด

“ลุกขึ้นเถอะ” อวี๋เหลียงเยว่พูดขึ้น

ทั้งสองนี่ถึงลุกขึ้น แต่ยังก้มหน้าไม่กล้าสบตาโดยตรง

สองคนนี้นางกลับไม่กังวล นางรู้จักพระชายารัชทายาทคนนี้ดีมาก ไม่มีวันใช้อุบายเล็กน้อยพรรค์นี้ หรืออาจพูดได้ว่า ดูเบาที่จะทำ

“ในเมื่อพวกเจ้ามาที่หอชมจันทร์แล้ว ภายภาคหน้าก็ต้องทำตามกฎของที่นี่ ชิงหลิ่วอยู่ข้างกายข้ามาโดยตลอด พวกเจ้ามีเรื่องใดก็สามารถถามนางได้ แน่นอน นางมีเรื่องไม่เข้าใจ ก็จะถามพวกเจ้า พวกเจ้าทำงานดีๆ ก็พอ”

นางไม่ทุบตีพวกเขาเหมือนเจ้านายเหล่านั้น หากเกิดเจตนาขึ้นมา ทุบตีไปก็ไร้ประโยชน์ ก็ดูเถอะว่าภายภาคหน้าพวกเขาจะทำเช่นไร

เลวร้ายที่สุด จัดการไปเสียก็พอ

ดวงตาโค้งมน มองดูแล้วรอยยิ้มหวานละมุน ชวนให้สองคนรู้สึกผ่อนคลาย มองดูแล้วนายหญิงอวี๋ของหอชมจันทร์ เป็นคนดีเข้าถึงง่าย

........

ภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทกำลังพลิกอ่านบัญชี นวดหน้าผาก ใคร่ครวญพลางพูดกับหมัวมัวข้างกาย “เรื่องของนางกำนัลคนนี้ เจ้าคิดเห็นเช่นไร”

หมัวมัวครุ่นคิด “บ่าวไม่ทราบ อย่างไรเสียบ่าวดูแล้ว น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ชิวเฉิงฮุยจะสามารถทำได้เพคะ...”

พระชายารัชทายาทหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่เรื่องที่นางสามารถทำได้จริงนั่นล่ะ หากสมองของนางนั้นมีความสามารถนี้ ก็คงไม่ถูกรัชทายาทหมางเมิน ทว่า” มือซ้ายนางลูบขอบถ้วยชา เอ่ยปากว่า “หอชมจันทร์คนนั้นเล่า”

“บ่าวดูแล้ว กลับไม่คล้าย”

“มองๆ แล้วไม่คล้ายที่สุด ไม่แน่ว่าก็คือนาง...” สีหน้าเปลี่ยนไป “เพียงแต่ข้าคิดไม่ตก นางทำได้เยี่ยงไร”

“พระชายา บ่าวถามคนมาแล้ว อวี๋ซื่อคนนั้นอยู่ภายในเรือนไม่ออกไปที่ใดง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่สนทนาผูกมิตรกับบ่าวรับใช้ภายในตำหนักบูรพาด้วยเพคะ”

“อ้อ” พระชายารัชทายาทมองนางอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง “หากเป็นเช่นนี้จริง นั่นก็ไม่ใช่นางจริงๆ”

หมัวมัวพยักหน้า “แต่ไม่ว่าใช่นางหรือไม่ ไป๋ซื่อคนนั้นก็มีพระนัดดาคนโตแล้ว ครั้งนี้ยังตั้งครรภ์อีก หากคลอดออกมาได้อย่างปลอดภัย น่ากลัวว่าพระชายาท่าน...”

สายตาคมกริบของพระชายารัชทายาทเหลือบมองนางหนึ่งปราด “ข้ารู้ความนัยของเจ้า แต่ข้ายังไม่ถึงขั้นทำเรื่องไร้สาระพรรค์นั้น ลงมือกับเด็กคนหนึ่งได้”

หมัวมัวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “พระชายา แม้ว่าบ้านมารดาไป๋ซื่อไม่สามารถเทียบท่านได้ แต่ภายภาคหน้าหากท่านมีลูกชายสองคนอยู่เคียงข้าง ต่อให้ท่านไม่คิดเพื่อตนเอง ก็ต้องคิดเพื่อท่านหญิง ด้วยอุปนิสัยของไป๋ซื่อ น่ากลัวว่าภายภาคหน้าท่านหญิงเองก็ไม่มีชีวิตที่ดี...”

เพียงถ้อยคำนี้พูดออกมาแล้ว ภายในห้องก็ไร้เสียงอยู่นาน

ผ่านไปครู่หนึ่ง พระชายารัชทายาทก็เอ่ยปากอีกครั้ง “ข้ารู้แล้ว”

เรื่องของนางกำนัลผ่านไประยะหนึ่งแล้ว ฉินซือเหิงกลับยังเกิดปัญหาอยู่ ไป๋ซื่อตั้งครรภ์กลับไม่สำรวมตนโวยวายตลอดทั้งวัน หาเหตุผลให้เขาไปเยี่ยม แต่หลายวันมานี้ภายในตำหนักกลับไม่สงบนัก เขาจึงรู้สึกกังวล

พระชายารัชทายาท...พวกเขามีความเห็นไม่ตรงกัน

ชิวเฉิงฮุย เขาปวดหัวเสียยิ่งกว่า คิดไปคิดมา ไม่มีที่ให้ไปแม้แห่งเดียว

จ้าวเฉียนเห็นสีหน้าเจ้านายไม่สบอารมณ์ เอ่ยปากถามหยั่งเชิง “นายท่าน มิสู้ไปหาอวี๋เจาซวิ่น บ่าวได้ยินบ่าวรับใช้พูดว่า หลายวันมานี้นางปิดประตูไม่ออกจากห้อง คาดว่าเรื่องนั้นก่อนหน้านี้ จะต้องทำให้นางตกใจแน่”

ภายในสมองของฉินซือเหิงปรากฎภาพร่างแบบบางของคนผู้นั้น ถูนิ้วมือ ตัดสินใจแล้วจึงพูด “ไปหอชมจันทร์”

“พ่ะย่ะค่ะ บ่าวจะไปแจ้งเดี๋ยวนี้เลย” คลี่คลายปัญหาได้แล้ว ฝีเท้าของจ้าวเฉียนว่องไวขึ้นมาก

หลายวันมานี้เจ้านายไม่ไปฝ่ายใน คราวนี้นับว่าคิดตกแล้ว

ลงท้าย ยังเป็นเพราะคนของตำหนักบูรพามีน้อยเกินไป ไม่ดูบ้างเล่าว่าฝ่ายในของตำหนักขององค์ชายท่านอื่น หญิงงามมากมายดุจก้อนเมฆ แต่เจ้านายของเขา...

ไม่พูดก็ช่างเถอะ

หลังอวี๋เหลียงเยว่ได้รับข่าว ก็รีบอาบน้ำแต่งตัวมารอต้อนรับรัชทายาทที่หน้าประตู

รัชทายาทเดินมาถึงประตูแล้ว ก็ได้เห็นนางทำความเคารพอย่างนอบบน้อม มองอยู่ไกลๆ เอวคอดกิ่วแบบบางเหลือเกิน

เขาขมวดคิ้วแน่น ยามเดินผ่านก็เรียกให้ลุกขึ้น ทันใดนั้นเดินเข้าห้องไปแล้ว

อวี๋เหลียงเยว่ลุกขึ้น ลูบกำไลเยียบเย็นที่ข้อมือ จากนั้นรีบเดินตามหลังเข้าห้อง

ฉินซือเหิงมองการตกแต่งภายในห้องหนึ่งรอบอย่างหาได้ยาก คิ้วที่เพิ่งคลายออกจากกันก็ขมวดแน่นขึ้นอีกครั้ง “เหตุใดเรียบง่ายถึงเพียงนี้”

........

Related chapters

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 15

    จ้าวเฉียนขยับขึ้นไปค้อมตัวลง “พรุ่งนี้บ่าวจะสั่งให้คนนำของมาส่งเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”“อืม” ฉินซือเหิงนี่ถึงรับคำอย่างพึงพอใจภายในใจจ้าวเฉียนมีความทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เขาไม่มอบของให้ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักบูรพาปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่รัชทายาทเขา...ไม่เห็นอวี๋เจาซวิ่นสำคัญตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ใส่ใจอวี๋เหลียงเยว่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดต่อบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ยืนว่าง่ายอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง บางครั้งเงยหน้าขึ้นลอบมองฉินซือเหิงอย่างซุกซนฉินซือเหิงไฉนเลยจะมองไม่เห็นสายตาของนาง โบกมือ เป็นสัญญาณให้นางเข้ามา“ยืนอยู่ทำอะไร นั่งลงเถอะ พูดเป็นเพื่อนเรา”“เพคะ”“ได้ยินมาว่าหลายวันนี้เจ้าไม่ชอบออกจากบ้าน เราเห็นเจ้าผอมแล้ว ได้รับความตกใจจากวันนั้นหรือ?”ถ้อยคำนี้มองแล้วคล้ายกำลังสงสัย แต่แท้จริงแล้วกลับมั่นใจหลายวันมานี้ภายนอกร้อนอยู่บ้าง นางคร้านจะลุกขึ้น ไม่ชอบออกนอกบ้าน อากาศร้อนความอยากอาหารเองก็ไม่ดี นี่ถึงผอมลงแต่ความเข้าใจผิดอันแสนงดงามนี้ อวี๋เหลียงเยว่คิดว่าดียิ่งนัก“หม่อม...หม่อมฉันนึกถึงเรื่องวันนั้น จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 16

    จ้าวเฉียนอยู่เฝ้าหน้าประตู ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย กวาดตามองชิงหลิ่วสองสามคนแวบหนึ่ง พูดอย่างกะทันหันว่า “ปรนนิบัติดีๆ เจ้านายของเจ้ามีวาสนาแล้ว”สองสามคนขานรับพร้อมกัน “เจ้าค่ะ”บนตั่ง ภายในม่านมุ้งฉินซือเหิงรู้สึกคล้ายถูกบางอย่างกดทับไว้อย่างกะทันหัน ลืมตามองแวบหนึ่ง ที่แท้อวี๋เหลียงเยว่ก็หลับสนิทไปแล้ว มิได้สำรวมกิริยา ถึงขั้นวางแขนข้างหนึ่งบนอกของเขานางกำลังนอนหลับสนิท กลีบปากสีชมพูเผยอออกน้อยๆ ภายในปากคล้ายกำลังบ่นงึมงำอะไรเขาพยายามฟังอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่ได้ยินจนจบประโยคได้เห็นใบหน้ายามหลับสนิทของฝ่ายหญิง ขณะเขาคิดจะยื่นมือเข้าจับมือแขนของอวี๋เหลียงเยว่ออก ทันใดนั้นภายในสมองพลันปรากฎภาพหนึ่ง สายตายามนางร้องไห้พลางสบมองตน ท่าทางไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสมบูรณ์ นั่นคือเห็นเขาเป็นทั้งหมด...ท่าทางนั้นทำให้เขาหวั่นไหว คล้ายหนึ่งประโยคของเขา สามารถทำให้นางเปล่งประกายมีชีวิตใหม่ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้นางแหลกสลายตายไปได้ นั่นคือความรู้สึกตกอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์ช่างเถอะ นางสูญเสียมิดามารดาไป มาที่ตำหนักบูรพานี่ก็ลำบากมากแล้ว มิหนำซ้ำยังอ่อนแอหลายส่วน...ก็ไม่นับเป็นเร

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 17

    ซู่จิ่นสบมองสีหน้าของเจ้านายตนแวบหนึ่ง ตวาดสีหน้าเคร่งขรึม “ชิวเฉิงฮุย พระชายาของพวกเรากำลังบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกฟังเรื่องเหล่านี้”ชิวเฉิงฮุยรีบหยุดปาก เงยหน้าสบมองสีหน้าเผือดซีดของไป๋ซื่อ ไม่รู้ภายในใจเป็นอะไรไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ผ่านมารัชทายาทโปรดปรานนางที่สุด นางเองก็อาศัยความโปรดปรานเย่อหยิ่งโอหัง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา คราวนี้ถึงตาคนอื่นแล้ว...ครรภ์นี้ของไป๋ซื่อไม่แข็งแรง เดิมทีก็กระเทือนครรภ์อยู่แล้ว คราวนี้ได้ยินเรื่องเหล่านี้ ภายในใจรู้สึกทั้งเสียใจทั้งน้อยใจ รู้สึกเจ็บท้องแทบทนไม่ไหว“ซู่...ซู่จิ่น ช่วยข้าตามหมอหลวงมา...ข้าเจ็บท้อง...”ชิวเฉิงฮุ่ยได้เห็นสีน้าขาวดุจกระดาษของนาง ลอบว้าวุ่นขึ้นมาภายในใจ นางเกลียดไป๋ซื่อจริง อยากใช้นางข่มอวี๋ซื่อคนนั้น แต่นางกลับไม่คิดทำลายชีวิตของนาง...หอหยกหิมะชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาถึงช่วงเย็น“พระชายารัชทายาท ได้ยินว่าหอหยกหิมะท่านนั้น น่ากลัวว่าเด็กในท้องแย่แล้วเพคะ...” หมัวมัวเข้ามากระซิบเสียงค่อยถ้อยคำนี้ทำให้สีหน้าพระชายารัชทายาทเข้มขึ้น แม้ว่าวันนั้นนางถูกพูดกระตุ้นจนหวั่นไหว แต่ลงท้ายนางก็คือพระชายารัชทายาท ว

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 18

    อวี๋เหลียงเยว่มองปิ่นดอกไม้พันกิ่งราคาสูงลิบที่อยู่ในมือ แต่ละใบคล้ายมีชีวิตก็มิปาน แม้แต่เส้นใยที่บริเวณก้านดอกก็สามารถสลักลวดลายได้อย่างละเอียดประณีตถึงเพียงนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดายังมีต่างหูทับทิมทางด้านข้าง เม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ด้านบน เป็นสีแดงไปหมดยังไม่ต้องพูดถึงขนาด ก็พูดเพียงสีแดงสดนี้ ภายนอกคล้ายหาไม่พบเพลินเพลินอยู่ท่ามกลางความสุข อวี๋เหลียงเยว่ตอบชิงหลิ่ว “อืม” อย่างไม่ใส่ใจชิงหลิ่วเห็นนางเป็นเช่นนี้ ภายในใจยังคิดว่า นายหญิงลำบากมาทั้งชีวิต ก่อนนี้ถูกฉินมู่ใช้ประโยชน์ บัดนี้รัชทายาทดีต่อนาง ทำให้นางหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้ นี่ถึงเล่นสิ่งของที่รัชทายาทมอบให้อยู่ตลอด คาดว่ากำลังนึกถึงรัชทายาทจากนั้นนางมองเงาด้านหลังของอวี๋เหลียงเยว่อย่างกังวลแวบหนึ่ง นายหญิงชมชอบรัชทายาทถึงเพียงนี้ แต่ความชอบนี้ภายในตำหนักบูรพา เป็นเรื่องดีจริงหรือ...สตรีฝ่ายในของรัชทายาทจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายภาคหน้าจะต้องเตือนนายหญิง ห้ามมิให้ทุ่มเทไปทั้งหมด!ไม่รู้ดอกอวี๋เหม่ยเหริน ถูกสับเปลี่ยนตั้งแต่ยามใด แทนที่ด้วยต้นทับทิมบานสะพรั่งทุกดอกล้วนบานสะพรั่ง สีแดงสดแฝงอยู่ท่ามกลางใบสีเขียว เ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 19

    เสียงของเขาค่อยๆ เข้มขึ้น ผู้อยู่ใต้อาณัตินึกแปลกใจภายในใจ แม่นางอวี๋ได้รับความโปรดปรานภายในตำหนักบูรพา สำหรับนายท่านแล้ว นี่เป็นเรื่องดีอย่างมาก แผนของพวกเขา ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น แต่เหตุใดเขาฟังดูแล้วคล้ายภายในเสียงของนายท่านเจือ...โทสะ“เช่นนั้นจะให้ข้าน้อยส่งข่าวถึงแม่นางอวี๋หรือไม่ ฝ่าบาทส่งคนไปแจกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนไม่น้อย หากถึงเวลานั้นเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีปัญหา คาดว่าต่อให้ท่านนั้นของตำหนักบูรพาได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด เกรงว่าก็หนีไม่พ้นถูกตำหนิ...”ครั้งนี้ผู้ที่รับผิดชอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยคือรัชทายาท หากอวี๋ซื่อสามารถทำอะไรบางอย่างในตำหนักบูรพาได้ ได้รู้เส้นทางขนส่ง พวกเขาก็สามารถวางอุบายได้“ไม่ อย่าเพิ่งวู่วามตอนนี้ ข้ามีแผนของตน” ฉินมู่ยกมือเกยหน้าผาก โบกมือไล่เขาออกไปหลังรายงานจบ เขาก็ลุกขึ้นจากไปประตูห้องหนังสือปิดลง ขาของเขาเพิ่งขยับไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงถ้วยชาแตกละเอียดจากภายในขาของเขาก้าวว่องไวยิ่งขึ้น........เทียบความสงบในที่แห่งอื่น บรรยากาศภายในหอหยกหิมะอึมครึมอย่างมากพระนัดดาองค์โตถลันมาหยุดข้างตั่งเตียง มองดูเหงื่อเย

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 20

    เหล่าขันที่ประคองเขาขึ้น อีกคนหนึ่งจับสุนัขไว้ท่านหญิงร้อนใจแล้ว รีบปัดมือสาวใช้ วิ่งเข้ามา “ทั้งๆ ที่เจ้าเดินเข้าหาสุนัขของข้า นี่ถึงได้ชนกัน! เจ้ารีบปล่อยมันเดี๋ยวนี้”ท่านหญิงยิ่งร้อนใจ ฉินหงอวิ๋นก็ยิ่งมีความสุข นึกถึงความเจ็บปวดของมารดา ลอบปาดน้ำตา เขาเดินสองสามก้าวไปหยุดข้างขันที อุ้มสุนัขขึ้นมา ออกแรงกระแทกลงกับพื้นเหล่าขันทีและนางกำนัลล้วนตกตะลึงเหม่อไป รอจนกระทั่งเขากระแทกสุนัขลงพื้นแล้ว ท่านหญิงก็กรีดร้อง วิ่งไปทางสุนัขน้อยสุนัขน้อยมองดูแล้วยังเด็กมาก เพิ่งจะไม่กี่เดือนเท่านั้น กระแทกลงไปเช่นนี้ ปากก็ส่งเสียง “หงิงๆ” ด้วยความเจ็บปวดไม่หยุดฉินผิงหว่านขอบตาแดงเรื่อ หันมองฉินหงอวิ๋นพลางตะคอก “เสวี่ยถวนของข้า เจ้าจะฆ่าเสวี่ยถวนของข้า”ฉินหงอวิ๋นเองก็ร้องไห้ตาม เสแสร้งได้รับความตกใจ ชี้เสวี่ยถวน “ทั้งๆ ที่เดรัจฉานตัวนั้นชนข้า ทำให้ข้าล้ม”ทั้งสองฝ่ายโวยวายอย่างหนัก เหล่านางกำนัลและขันทีล้วนรับมือไม่ทัน“พวกเจ้ากำลังมองอะไรกัน ไม่เห็นหรือว่าสุนัขของท่านหญิงได้รับบาดเจ็บ หากไม่รักษาตอนนี้ก็ช่วยไว้ไม่ได้แล้ว” เสียงของอวี๋เหลียงเยว่ดังมาจากที่ไกลๆเมื่อครู่นางได้เห็นทั้งหม

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 21  

    สุดท้ายนางกล่าวเสริมหนึ่งประโยค “ยังดีที่อวี๋เจาซวิ่นเข้ามาทัน พวกเราถึงเอาตัวรอดมาได้เพคะ” ปัง! “บังอาจ!” พระชายารัชทายาทตบโต๊ะอย่างรุนแรง สวี่หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างรีบเดินเข้ามา “พระชายารัชทายาทเพคะ” ถูกขัดจังหวะ พระชายารัชทายาทชำเลืองมองนางปราดหนึ่ง กลับน่าแปลกที่มิได้บันดาลโทสะออกมา สวี่หมัวมัวเป็นแม่นมคนสนิทของนาง ฐานะย่อมแตกต่างและสำคัญเกินกว่าจะเปรียบเทียบ “หมัวมัวจะพูดอะไร” สวี่หมัวมัวมองเห็นใบหน้าโกรธกริ้วจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ของนางแล้ว ก็ทอดถอนหายใจออกมา “บ่าวทราบว่าท่านกำลังเดือดดาล แต่ในยามนี้ท่านจะบุกเข้าไปเอาเรื่องถึงที่มิได้เด็ดขาดเพคะ ร่างกายของไป๋ซื่อนั้น…หากว่าท่านบุกเข้าไปในยามนี้ แล้วนางไปร้องห่มร้องไห้ปรับทุกข์ต่อหน้าองค์รัชทายาทแล้ว เช่นนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรือเพคะ” พระชายารัชทายาทถูกนางขัดจังหวะ บัดนี้ได้สติกลับคืนมาแล้ว ก็จูงมือพระธิดาไปนั่งข้างโต๊ะ พลางมองเสวี่ยถวนที่แน่นิ่งไร้เสียงตอบสนองไปแล้ว ก็กล่าวปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ลูกอย่าร้องไห้เลย เสวี่ยถวนรู้ว่าเจ้ารักมัน และมันก็รักเจ้ามากเหมือนกัน” ฉินผิงหว่านยังคงกอดเสวี่ยถวนไว้อย่างดื

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 22  

    เห็นนางนอบน้อมสุภาพ ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเพราะได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของหมิ่นซื่อยิ่งปรากฏความจริงใจชัดเจนขึ้นแล้ว “ว่าไปแล้วเป็นข้าต่างหากที่ควรจะต้องขอบคุณเจ้าแล้ว ได้ยินว่าวันนี้ท่านหญิงกับพระนัดดามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันตามประสาเด็กน้อยในสวนดอกไม้ ยังดีที่เจ้าเข้าไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้” อวี๋เหลียงเยว่ผุดยิ้ม “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น มิควรค่าจะกล่าวถึงเพคะ อนึ่งท่านหญิงท่านเป็นทายาทสายตรง และยังมีศักดิ์เป็นพี่สาว พระนัดดาเองก็มิควรล้ำเส้นท่านหญิงเพคะ” พระชายารัชทายาทได้ยินถ้อยคำนี้ แววตาพลันสะท้อนประกายสว่างวาบ ยกน้ำชาขึ้นจิบหนึ่งคำอย่างเฉยเมย มิได้เอ่ยวาจาใดต่อ นางเข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจความหมายที่แฝงไว้ในคำพูดของตนเองแล้ว นางแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาแล้ว เหลือก็แต่รอดูท่าทีว่าพระชายารัชทายาทจะคิดอย่างไร พระชายารัชทายาทในชาติที่แล้วแทบมิได้ลงมือทำอะไรเลย วันทั้งวันเอาแต่จัดการดูแลเรือนหลัง มิเคยจงใจกลั่นแกล้งรังแกผู้ใด หากว่าเป็นครอบครัวสามัญชน นายหญิงแบบนี้ประเสริฐที่สุดแล้ว น่าเสียดาย ที่แห่งนี้คือตำหนักบูรพา คิดดูแล้วเกิดเหตุการณ์

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status