Share

บทที่ 15

Author: ฮุยสี่เชว่
last update Last Updated: 2025-01-07 13:23:20
จ้าวเฉียนขยับขึ้นไปค้อมตัวลง “พรุ่งนี้บ่าวจะสั่งให้คนนำของมาส่งเล็กน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

“อืม” ฉินซือเหิงนี่ถึงรับคำอย่างพึงพอใจ

ภายในใจจ้าวเฉียนมีความทุกข์ใจอย่างบอกไม่ถูก ไม่ใช่เขาไม่มอบของให้ อีกทั้งยังไม่ใช่ตำหนักบูรพาปฏิบัติอย่างเข้มงวด แต่รัชทายาทเขา...ไม่เห็นอวี๋เจาซวิ่นสำคัญตั้งแต่แรก เจ้านายของเขาไม่ใส่ใจ พวกเขาบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ใส่ใจ

อวี๋เหลียงเยว่ไม่มีท่าทีตอบสนองใดต่อบทสนทนาของทั้งคู่ แต่ยืนว่าง่ายอยู่ที่ฝั่งหนึ่ง บางครั้งเงยหน้าขึ้นลอบมองฉินซือเหิงอย่างซุกซน

ฉินซือเหิงไฉนเลยจะมองไม่เห็นสายตาของนาง โบกมือ เป็นสัญญาณให้นางเข้ามา

“ยืนอยู่ทำอะไร นั่งลงเถอะ พูดเป็นเพื่อนเรา”

“เพคะ”

“ได้ยินมาว่าหลายวันนี้เจ้าไม่ชอบออกจากบ้าน เราเห็นเจ้าผอมแล้ว ได้รับความตกใจจากวันนั้นหรือ?”

ถ้อยคำนี้มองแล้วคล้ายกำลังสงสัย แต่แท้จริงแล้วกลับมั่นใจ

หลายวันมานี้ภายนอกร้อนอยู่บ้าง นางคร้านจะลุกขึ้น ไม่ชอบออกนอกบ้าน อากาศร้อนความอยากอาหารเองก็ไม่ดี นี่ถึงผอมลง

แต่ความเข้าใจผิดอันแสนงดงามนี้ อวี๋เหลียงเยว่คิดว่าดียิ่งนัก

“หม่อม...หม่อมฉันนึกถึงเรื่องวันนั้น จึงรู้สึกกลัวอยู่บ้างเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่เผยสีหน้ากังวลออกมา นิ้วมือลูบผ้าเช็ดหน้า คล้ายได้รับความตกใจมากจริงๆ

ฉินซือเหิงผินมองนางหลายครั้ง จากนั้นหัวเราะออกมา

สุดท้ายก็ยังเป็นแม่นางน้อยคนหนึ่ง

ทันใดนั้นเขาโบกมือ อวี๋เหลียงเยว่จึงขยับขึ้นมา ฉินซือเหิงจับมือเล็กคู่นั้นของนางไว้ กระซิบถาม “เขียนอักษรเป็นหรือไม่”

“ไม่มากเพคะ”

“ชื่อของเจ้า เจ้าเขียนเป็นหรือไม่”

อวี๋เหลียงเยว่ก้มหน้า อมยิ้มพลางพูดตอบ “ก่อนท่านพ่อจากไป เคยสอนหม่อมฉัน”

เขา “อืม” เสียงหนึ่ง ลุกขึ้นจูงมือเล็กของอวี๋เหลียงเยว่เดินเข้าไปภายในห้องชั้นใน “จันทร์เสี้ยวคิ้วเรียวเหนืออ่าวต้นหลิ่ว ส่องทิวทัศน์แดนเยว่ดุจคันฉ่อง อวี๋เหลียงเยว่นับเป็นชื่อที่ดี ข้าเห็นอุปนิสัยของเจ้าน่ารัก คาดว่ายามบิดามารดาของเจ้ายังอยู่ จะต้องไม่รู้สึกกังวลอย่างแน่นอน นี่นับว่ามีวาสนายิ่งใหญ่”

สิ้นคำ เขาไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าหม่นลงของอวี๋เหลียงเยว่ เดินไปที่โต๊ะด้วยตนเอง หยิบพู่กันหนึ่งด้ามขึ้นมา “เจ้ามีชื่อเล่นหรือไม่”

ชื่อเล่นก็คือชื่อไว้เรียกสั้นๆ โดยทั่วไปแล้วจะได้รับตอนยังเด็ก ที่สามารถเรียกขานได้ ล้วนเป็นคนสนิทสนมกัน

บางทีก็เป็นสามี...

อวี๋เหลียงเยว่ชะงักไป ยิ้มพลางพูดออกมาสองคำ “หมานหมาน”

หมานหมาน ก่อนมารดาของนางตาย ก็เรียกนางว่าหมานหมาน

หมานหมานรีบหนีไป หมานหมานอย่าหันหลังกลับมา...

นางได้ยินก็วิ่งไปข้างหน้า จากนั้นท่านแม่ไม่อาจทนต่อความอับอายได้ ชนกำแพงตายภายในห้องนั้น...

บัดนี้ท่านแม่ไม่อยู่แล้ว ถึงขั้นมีคนเอ่ยถึงชื่อนี้อีกครั้ง

“หมานหมาน น่าสนใจยิ่งนัก” ฉินซือเหิงพูดไปก็จรดปลายพู่กัน เขียนลากเส้นดุจมังกรลงไปสองคำ

เขียนเสร็จแล้ว เขาเงยหน้าขึ้น เห็นอวี๋เหลียงเยว่ยืนออกไปไกลอยู่บ้าง เหม่อมองอักษรสองตัวนี้ ยังคิดว่านางดีใจจนพูดอะไรไม่ออก เขายินดีทำความเข้าใจในชื่อของสตรีคนหนึ่ง ชนิดที่ว่าเป็นชื่อเล่น ไม่ว่าใครก็ดีใจมากกระมัง

เขายิ้มพลางจับมือเล็กของนาง รู้สึกเพียงกุมไว้แล้ว มือขาวผ่องนุ่มนวลคู่นั้นเยียบเย็นไปจนถึงกระดูก

ข้อมือของนางบางมาก คล้ายออกแรงเพียงนิดเดียวก็สามารถหักได้

เขามองข้อมือบางนี้

ทว่าไฉนเลยอวี๋เหลียงเยว่จะกลัว? นางพลิกมือจับมือฉินซือเหิงไว้ นิ้วก้อยถูไถฝ่ามือของเขา คล้าย...จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวหนึ่ง

ฉินซือเหิงชะงัก

เขาแยกจากเสด็จแม่ตั้งแต่เด็ก ฮองเฮาเป็นผู้เลี้ยงดู ถูกทุกคนพูดว่าเขาคือว่าที่ผู้ถูกเลือกที่ถูกต้อง จะต้องรับผิดชอบใต้หล้าอันยิ่งใหญ่ไว้บนบ่า ทุกคนต่างเคารพเลื่อมใสเขา

รวมถึงสตรีภายในฝ่ายในด้วย

ยามปรนนิบัติเขา รู้ความทำตามกฎระเบียบ ต่อให้เป็นไป๋ซื่อที่ได้รับความโปรดปราน เอาแต่ใจไปบ้าง หยิ่งยโสโอหังไปบ้าง แต่ยามอยู่ต่อหน้าเขา ก็รู้จักขอบเขต ไม่กล้าทำเลยเถิดเกินไป

ทุกคนล้วนมีขอบเขตภายในใจ ทำอยู่ในขอบเขตของตน ระมัดระวังสำรวมตน

วันเวลาเช่นนี้ผ่านไปนานวันเข้า เขาก็รู้สึกเบื่อขึ้นมา

แต่การกระทำเมื่อครู่ของอวี๋เหลียงเยว่ ทำให้เขารู้สึกแปลกใหม่

คล้ายนำสีใหม่ทั้งหมดเข้ามาในโลกที่มีเพียงแค่สีดำหรือขาวของเขา

“รัชทายาทเพคะ พวกเขาพูดว่าหม่อมฉันมีชาติกำเนิดต่ำต้อย ตำแหน่งชาติกำเนิด ไม่คู่ควรปรนนิบัติรับใช้ พวกเขาทำได้มากมาย หม่อมฉันล้วนทำไม่ได้ สิ่งที่พวกเขามี หม่อมฉันก็ล้วนไม่มี พวกเขามีบิดามารดาอยู่ข้างกาย สั่งสอนกฎระเบียบให้ หม่อมฉันไม่มี หม่อมฉันไม่เข้าใจความสง่างามของสตรี แม้เคยเรียนพิณหมากหนังสือวาดภาพมาก่อน แต่ก็แค่ผิวเผินเท่านั้น หม่อมฉัน...ใช่หรือไม่ว่าไม่สมควรปรากฏตัวออกมา รัชทายาทเองก็คิดเช่นนี้ใช่หรือไม่...”

ได้ยินเสียงแผ่วเบานุ่มนวลดังข้างโสต ยามนางพูดสิ่งเหล่านี้กับตน ฉินเซือเหิงได้แต่ตกตะลึง เงยหน้ามองไป สตรีตัวเล็กๆ ตรงหน้า น้ำตาคลอหน่วย ขอบตาแดงเรื่ออย่างกระวนกระวาย

ภายในสายตาเปี่ยมความรู้สึกพึ่งพาอาศัยเขา...ยังมีความเชื่อใจ

เชื่อใจ?

ฉินซือเหิงรู้สึกตกใจต่อสิ่งที่ได้พบนี้อย่างมาก

อวี๋เหลียงเยว่ปล่อยน้ำตาไหลโดยไร้สุ้มเสียง มุกน้ำตาไหลผ่านพวงแก้มขาวผ่อง สุดท้ายตกลงแผ่นหินบนพื้น

นางก้มหน้ามองพื้น แพรขนตาปิดบังดวงตาไว้ มองดูแล้วน่าสงสารมาก

ฉินซือเหิงลอบถอนหายใจเบาๆ ภายในใจ ยกมือวางบนศีรษะนาง ฝ่ามือร้อนผะผ่าว ลูบเบาๆ หนึ่งครั้ง สองครั้ง “เจ้ามิได้ต่ำต้อย ข้าชอบเจ้า เจ้าคู่ควรให้ปรนนิบัติรับใช้ ภายภาคหน้าขอเพียงเจ้าเชื่อฟังคำพูดเรา คนอื่น ล้วนไม่สำคัญ”

ได้รับคำตอบ อวี๋เหลียงเยว่เงยหน้า สบมองสายตาสับสนของเขา คลี่ยิ้มน้อยๆ น้ำตาที่คล้ายจะตกแต่ยังไม่ตกบนแพรขนตาร่วงหล่นลงไปที่สุด เอื้อนเอ่ยสิ่งที่ไม่สมควรพูดที่สุดภายในตำหนักบูรพาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “หม่อมฉันเชื่อรัชทายาทเพคะ ภายภาคหน้าหม่อมฉันจะฟังเพียงรัชทายาท”

ภายในห้องเงียบไปครู่หนึ่ง ชิงหลิ่วและฮวาเหลียนทางด้านข้างเบิกตากว้าง จากนั้นแสร้งไม่ได้ยินอะไรอีกครั้ง

“พูดได้ดี” ฉินซือเหิงพูดเสียงเรียบ

ค่ำคืนนี้ แสงจันทร์พร่ามัว จันทรายามค่ำคืนคล้ายถูกปกคลุมไว้ด้วยผ้าผืนหนึ่ง ทำให้คนมองได้ไม่ชัดเจน

แสงจันทร์กำลังดี ไฉนเลยจะทำผิดไปได้?

ภายในห้องเต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นของฤดูใบไม้ผลิ คืนนี้ฉินซือเหิงมีกำลังวังชามากเป็นพิเศษ ลงแรงไปหลายครั้ง พลิกตัวอวี๋เหลียงเยว่ไปมาเคี่ยวกร่ำจนหมดแรง นี่ถึงหนำใจ

หลังจบลง อวี๋เหลียงเยว่เหนื่อยเสียจนดีดนิ้วขึ้นมาไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียว คนผู้นี้คือหมาป่าหิวโหยไม่ผิดไปดังคาด...

สายตากวาดมองอกของตนแวบหนึ่ง ทั้งหมดล้วนเต็มไปด้วยร่องรอยชวนให้คนรู้สึกกระดากอาย

หลังฉินซือเหิงชำระร่างกายแล้ว เพิ่งออกมาก็ได้เห็นเรือนร่างขาวดุจหิมะบนตั่งเตียง เส้นผมยุ่งเหยิงแต่กลับไม่ขาดความงาม พวงแก้มขนาดเท่าฝ่ามือนั้น ทำให้ฝ่ายหญิงงดงามเสียจนคนตกตะลึง ท่ามกลางสีท้องฟ้ายามค่ำคืน ราวกับปีศาจเย้ายวนคน

“รัชทายาท...” อวี๋เหลียงเยว่เปล่งเสียงแหบพร่า

เมื่อครู่เสียงของนาง แหบแห้งไปตั้งนานแล้ว

ฉินซือเหิงเห็นนางเป็นเช่นนี้ หัวเราะเบาๆ พลางขยับเข้าใกล้ข้างใบหูนาง ดมกลิ่นหอมอ่อนๆ กระซิบเสียงค่อยว่า “หากเมื่อครู่เจ้าใช้เสียงนี้เรียกเรา เราจะต้องทนไม่ไหวแน่...”

ดวงตาทอประกายระยับของอวี๋เหลียงเยว่เบิกกว้าง ดึงผ้าห่มปิดศีรษะของตนไว้

การกระทำนี้เรียกความพึงพอใจของฉินซือเหิงได้สำเร็จ จากเสียงหัวเราะเบาๆ ก็กลายเป็นดังลั่น

Related chapters

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 16

    จ้าวเฉียนอยู่เฝ้าหน้าประตู ได้ยินเสียงหัวเราะของเจ้านาย กวาดตามองชิงหลิ่วสองสามคนแวบหนึ่ง พูดอย่างกะทันหันว่า “ปรนนิบัติดีๆ เจ้านายของเจ้ามีวาสนาแล้ว”สองสามคนขานรับพร้อมกัน “เจ้าค่ะ”บนตั่ง ภายในม่านมุ้งฉินซือเหิงรู้สึกคล้ายถูกบางอย่างกดทับไว้อย่างกะทันหัน ลืมตามองแวบหนึ่ง ที่แท้อวี๋เหลียงเยว่ก็หลับสนิทไปแล้ว มิได้สำรวมกิริยา ถึงขั้นวางแขนข้างหนึ่งบนอกของเขานางกำลังนอนหลับสนิท กลีบปากสีชมพูเผยอออกน้อยๆ ภายในปากคล้ายกำลังบ่นงึมงำอะไรเขาพยายามฟังอยู่ครู่หนึ่ง กลับไม่ได้ยินจนจบประโยคได้เห็นใบหน้ายามหลับสนิทของฝ่ายหญิง ขณะเขาคิดจะยื่นมือเข้าจับมือแขนของอวี๋เหลียงเยว่ออก ทันใดนั้นภายในสมองพลันปรากฎภาพหนึ่ง สายตายามนางร้องไห้พลางสบมองตน ท่าทางไว้เนื้อเชื่อใจอย่างสมบูรณ์ นั่นคือเห็นเขาเป็นทั้งหมด...ท่าทางนั้นทำให้เขาหวั่นไหว คล้ายหนึ่งประโยคของเขา สามารถทำให้นางเปล่งประกายมีชีวิตใหม่ได้ อีกทั้งยังสามารถทำให้นางแหลกสลายตายไปได้ นั่นคือความรู้สึกตกอยู่ในการควบคุมอย่างสมบูรณ์ช่างเถอะ นางสูญเสียมิดามารดาไป มาที่ตำหนักบูรพานี่ก็ลำบากมากแล้ว มิหนำซ้ำยังอ่อนแอหลายส่วน...ก็ไม่นับเป็นเร

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 17

    ซู่จิ่นสบมองสีหน้าของเจ้านายตนแวบหนึ่ง ตวาดสีหน้าเคร่งขรึม “ชิวเฉิงฮุย พระชายาของพวกเรากำลังบำรุงครรภ์ ไม่สะดวกฟังเรื่องเหล่านี้”ชิวเฉิงฮุยรีบหยุดปาก เงยหน้าสบมองสีหน้าเผือดซีดของไป๋ซื่อ ไม่รู้ภายในใจเป็นอะไรไปแล้ว จู่ๆ ก็รู้สึกมีความสุขขึ้นมาที่ผ่านมารัชทายาทโปรดปรานนางที่สุด นางเองก็อาศัยความโปรดปรานเย่อหยิ่งโอหัง ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา คราวนี้ถึงตาคนอื่นแล้ว...ครรภ์นี้ของไป๋ซื่อไม่แข็งแรง เดิมทีก็กระเทือนครรภ์อยู่แล้ว คราวนี้ได้ยินเรื่องเหล่านี้ ภายในใจรู้สึกทั้งเสียใจทั้งน้อยใจ รู้สึกเจ็บท้องแทบทนไม่ไหว“ซู่...ซู่จิ่น ช่วยข้าตามหมอหลวงมา...ข้าเจ็บท้อง...”ชิวเฉิงฮุ่ยได้เห็นสีน้าขาวดุจกระดาษของนาง ลอบว้าวุ่นขึ้นมาภายในใจ นางเกลียดไป๋ซื่อจริง อยากใช้นางข่มอวี๋ซื่อคนนั้น แต่นางกลับไม่คิดทำลายชีวิตของนาง...หอหยกหิมะชุลมุนวุ่นวายขึ้นมาถึงช่วงเย็น“พระชายารัชทายาท ได้ยินว่าหอหยกหิมะท่านนั้น น่ากลัวว่าเด็กในท้องแย่แล้วเพคะ...” หมัวมัวเข้ามากระซิบเสียงค่อยถ้อยคำนี้ทำให้สีหน้าพระชายารัชทายาทเข้มขึ้น แม้ว่าวันนั้นนางถูกพูดกระตุ้นจนหวั่นไหว แต่ลงท้ายนางก็คือพระชายารัชทายาท ว

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 18

    อวี๋เหลียงเยว่มองปิ่นดอกไม้พันกิ่งราคาสูงลิบที่อยู่ในมือ แต่ละใบคล้ายมีชีวิตก็มิปาน แม้แต่เส้นใยที่บริเวณก้านดอกก็สามารถสลักลวดลายได้อย่างละเอียดประณีตถึงเพียงนี้ เพียงมองดูก็รู้ว่าไม่ธรรมดายังมีต่างหูทับทิมทางด้านข้าง เม็ดเล็กๆ ประดับอยู่ด้านบน เป็นสีแดงไปหมดยังไม่ต้องพูดถึงขนาด ก็พูดเพียงสีแดงสดนี้ ภายนอกคล้ายหาไม่พบเพลินเพลินอยู่ท่ามกลางความสุข อวี๋เหลียงเยว่ตอบชิงหลิ่ว “อืม” อย่างไม่ใส่ใจชิงหลิ่วเห็นนางเป็นเช่นนี้ ภายในใจยังคิดว่า นายหญิงลำบากมาทั้งชีวิต ก่อนนี้ถูกฉินมู่ใช้ประโยชน์ บัดนี้รัชทายาทดีต่อนาง ทำให้นางหวั่นไหวอย่างอดไม่ได้ นี่ถึงเล่นสิ่งของที่รัชทายาทมอบให้อยู่ตลอด คาดว่ากำลังนึกถึงรัชทายาทจากนั้นนางมองเงาด้านหลังของอวี๋เหลียงเยว่อย่างกังวลแวบหนึ่ง นายหญิงชมชอบรัชทายาทถึงเพียงนี้ แต่ความชอบนี้ภายในตำหนักบูรพา เป็นเรื่องดีจริงหรือ...สตรีฝ่ายในของรัชทายาทจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ภายภาคหน้าจะต้องเตือนนายหญิง ห้ามมิให้ทุ่มเทไปทั้งหมด!ไม่รู้ดอกอวี๋เหม่ยเหริน ถูกสับเปลี่ยนตั้งแต่ยามใด แทนที่ด้วยต้นทับทิมบานสะพรั่งทุกดอกล้วนบานสะพรั่ง สีแดงสดแฝงอยู่ท่ามกลางใบสีเขียว เ

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 19

    เสียงของเขาค่อยๆ เข้มขึ้น ผู้อยู่ใต้อาณัตินึกแปลกใจภายในใจ แม่นางอวี๋ได้รับความโปรดปรานภายในตำหนักบูรพา สำหรับนายท่านแล้ว นี่เป็นเรื่องดีอย่างมาก แผนของพวกเขา ก็สามารถทำได้อย่างราบรื่น แต่เหตุใดเขาฟังดูแล้วคล้ายภายในเสียงของนายท่านเจือ...โทสะ“เช่นนั้นจะให้ข้าน้อยส่งข่าวถึงแม่นางอวี๋หรือไม่ ฝ่าบาทส่งคนไปแจกเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยจำนวนไม่น้อย หากถึงเวลานั้นเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีปัญหา คาดว่าต่อให้ท่านนั้นของตำหนักบูรพาได้รับความโปรดปรานมากเพียงใด เกรงว่าก็หนีไม่พ้นถูกตำหนิ...”ครั้งนี้ผู้ที่รับผิดชอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยคือรัชทายาท หากอวี๋ซื่อสามารถทำอะไรบางอย่างในตำหนักบูรพาได้ ได้รู้เส้นทางขนส่ง พวกเขาก็สามารถวางอุบายได้“ไม่ อย่าเพิ่งวู่วามตอนนี้ ข้ามีแผนของตน” ฉินมู่ยกมือเกยหน้าผาก โบกมือไล่เขาออกไปหลังรายงานจบ เขาก็ลุกขึ้นจากไปประตูห้องหนังสือปิดลง ขาของเขาเพิ่งขยับไปได้สองก้าว ก็ได้ยินเสียงถ้วยชาแตกละเอียดจากภายในขาของเขาก้าวว่องไวยิ่งขึ้น........เทียบความสงบในที่แห่งอื่น บรรยากาศภายในหอหยกหิมะอึมครึมอย่างมากพระนัดดาองค์โตถลันมาหยุดข้างตั่งเตียง มองดูเหงื่อเย

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 20

    เหล่าขันที่ประคองเขาขึ้น อีกคนหนึ่งจับสุนัขไว้ท่านหญิงร้อนใจแล้ว รีบปัดมือสาวใช้ วิ่งเข้ามา “ทั้งๆ ที่เจ้าเดินเข้าหาสุนัขของข้า นี่ถึงได้ชนกัน! เจ้ารีบปล่อยมันเดี๋ยวนี้”ท่านหญิงยิ่งร้อนใจ ฉินหงอวิ๋นก็ยิ่งมีความสุข นึกถึงความเจ็บปวดของมารดา ลอบปาดน้ำตา เขาเดินสองสามก้าวไปหยุดข้างขันที อุ้มสุนัขขึ้นมา ออกแรงกระแทกลงกับพื้นเหล่าขันทีและนางกำนัลล้วนตกตะลึงเหม่อไป รอจนกระทั่งเขากระแทกสุนัขลงพื้นแล้ว ท่านหญิงก็กรีดร้อง วิ่งไปทางสุนัขน้อยสุนัขน้อยมองดูแล้วยังเด็กมาก เพิ่งจะไม่กี่เดือนเท่านั้น กระแทกลงไปเช่นนี้ ปากก็ส่งเสียง “หงิงๆ” ด้วยความเจ็บปวดไม่หยุดฉินผิงหว่านขอบตาแดงเรื่อ หันมองฉินหงอวิ๋นพลางตะคอก “เสวี่ยถวนของข้า เจ้าจะฆ่าเสวี่ยถวนของข้า”ฉินหงอวิ๋นเองก็ร้องไห้ตาม เสแสร้งได้รับความตกใจ ชี้เสวี่ยถวน “ทั้งๆ ที่เดรัจฉานตัวนั้นชนข้า ทำให้ข้าล้ม”ทั้งสองฝ่ายโวยวายอย่างหนัก เหล่านางกำนัลและขันทีล้วนรับมือไม่ทัน“พวกเจ้ากำลังมองอะไรกัน ไม่เห็นหรือว่าสุนัขของท่านหญิงได้รับบาดเจ็บ หากไม่รักษาตอนนี้ก็ช่วยไว้ไม่ได้แล้ว” เสียงของอวี๋เหลียงเยว่ดังมาจากที่ไกลๆเมื่อครู่นางได้เห็นทั้งหม

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 21  

    สุดท้ายนางกล่าวเสริมหนึ่งประโยค “ยังดีที่อวี๋เจาซวิ่นเข้ามาทัน พวกเราถึงเอาตัวรอดมาได้เพคะ” ปัง! “บังอาจ!” พระชายารัชทายาทตบโต๊ะอย่างรุนแรง สวี่หมัวมัวที่อยู่ด้านข้างรีบเดินเข้ามา “พระชายารัชทายาทเพคะ” ถูกขัดจังหวะ พระชายารัชทายาทชำเลืองมองนางปราดหนึ่ง กลับน่าแปลกที่มิได้บันดาลโทสะออกมา สวี่หมัวมัวเป็นแม่นมคนสนิทของนาง ฐานะย่อมแตกต่างและสำคัญเกินกว่าจะเปรียบเทียบ “หมัวมัวจะพูดอะไร” สวี่หมัวมัวมองเห็นใบหน้าโกรธกริ้วจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่อยู่ของนางแล้ว ก็ทอดถอนหายใจออกมา “บ่าวทราบว่าท่านกำลังเดือดดาล แต่ในยามนี้ท่านจะบุกเข้าไปเอาเรื่องถึงที่มิได้เด็ดขาดเพคะ ร่างกายของไป๋ซื่อนั้น…หากว่าท่านบุกเข้าไปในยามนี้ แล้วนางไปร้องห่มร้องไห้ปรับทุกข์ต่อหน้าองค์รัชทายาทแล้ว เช่นนี้ไม่เท่ากับหาเรื่องใส่ตัวหรือเพคะ” พระชายารัชทายาทถูกนางขัดจังหวะ บัดนี้ได้สติกลับคืนมาแล้ว ก็จูงมือพระธิดาไปนั่งข้างโต๊ะ พลางมองเสวี่ยถวนที่แน่นิ่งไร้เสียงตอบสนองไปแล้ว ก็กล่าวปลอบโยนด้วยเสียงอ่อนนุ่ม “ลูกอย่าร้องไห้เลย เสวี่ยถวนรู้ว่าเจ้ารักมัน และมันก็รักเจ้ามากเหมือนกัน” ฉินผิงหว่านยังคงกอดเสวี่ยถวนไว้อย่างดื

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 22  

    เห็นนางนอบน้อมสุภาพ ไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเพราะได้รับความโปรดปรานเป็นพิเศษเลยแม้แต่น้อย รอยยิ้มบนใบหน้าของหมิ่นซื่อยิ่งปรากฏความจริงใจชัดเจนขึ้นแล้ว “ว่าไปแล้วเป็นข้าต่างหากที่ควรจะต้องขอบคุณเจ้าแล้ว ได้ยินว่าวันนี้ท่านหญิงกับพระนัดดามีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันตามประสาเด็กน้อยในสวนดอกไม้ ยังดีที่เจ้าเข้าไปช่วยแก้ไขสถานการณ์ให้” อวี๋เหลียงเยว่ผุดยิ้ม “แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น มิควรค่าจะกล่าวถึงเพคะ อนึ่งท่านหญิงท่านเป็นทายาทสายตรง และยังมีศักดิ์เป็นพี่สาว พระนัดดาเองก็มิควรล้ำเส้นท่านหญิงเพคะ” พระชายารัชทายาทได้ยินถ้อยคำนี้ แววตาพลันสะท้อนประกายสว่างวาบ ยกน้ำชาขึ้นจิบหนึ่งคำอย่างเฉยเมย มิได้เอ่ยวาจาใดต่อ นางเข้าใจ ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจความหมายที่แฝงไว้ในคำพูดของตนเองแล้ว นางแสดงความบริสุทธิ์ใจออกมาแล้ว เหลือก็แต่รอดูท่าทีว่าพระชายารัชทายาทจะคิดอย่างไร พระชายารัชทายาทในชาติที่แล้วแทบมิได้ลงมือทำอะไรเลย วันทั้งวันเอาแต่จัดการดูแลเรือนหลัง มิเคยจงใจกลั่นแกล้งรังแกผู้ใด หากว่าเป็นครอบครัวสามัญชน นายหญิงแบบนี้ประเสริฐที่สุดแล้ว น่าเสียดาย ที่แห่งนี้คือตำหนักบูรพา คิดดูแล้วเกิดเหตุการณ์

    Last Updated : 2025-01-07
  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 23  

    ต่างออกไปจากความงามเพริศพริ้งมีเสน่ห์ในยามปกติ แต่ความงดงามในวันนี้แฝงด้วยความองอาจและท้าทาย นางผุดยิ้มกับคันฉ่อง หญิงงามในคันฉ่องก็ยกยิ้มด้วยเช่นกัน นางค่อยหยัดกายขึ้นยืนด้วยความพึงพอใจ “ไปกันเถิด” ชิงหลิ่วมองไปที่หัวเข่าของนางปราดหนึ่ง แต่ท้ายที่สุดก็มิได้เอ่ยวาจาใดออกมาทั้งสิ้น ในเมื่อนายหญิงทำไปเช่นนี้แล้ว ย่อมต้องมีเหตุผลของนาง กระทั่งมาถึงหอดุจจันทร์แล้ว วันนี้นางมาถึงช้าไปเล็กน้อย พอเข้าไปก็พบว่าชิวเฉิงฮุย และไป๋เหลียงตี้มาถึงก่อนแล้ว ครั้นเห็นนางเข้ามา สองคนก็ชำเลืองสายตาประเมินนางตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าปราดหนึ่ง แววตาสะท้อนประกายบางอย่างที่มิอาจอธิบาย ไป๋ซื่อเปล่งเสียงแดกดันออกมาทันที “ข้าเพิ่งพูดไปว่าผู้ใดมาถึงแล้ว ที่แท้ก็เป็นอวี๋เจาซวิ่นเองหรือ การแต่งกายเฉกเช่นนี้ของเจ้าดูจะไม่เหมาะกับกฎระเบียบแล้วกระมัง คนไม่รู้คงคิดไปว่าเจ้าคือเหลียงตี้” ชิวเฉิงฮุยก็หัวเราะออกมาเบา ๆ พลางหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาปิดริมฝีปากไว้แล้วเอ่ยว่า “เหลียงตี้กล่าวได้ถูกต้องเพคะ อวี๋เจาซวิ่นมีชาติกำเนิดต่ำต้อย จะไม่รู้กฎระเบียบย่อมถือเป็นเรื่องปกติ” “ถูกต้องแล้ว ฟังว่าเจ้าเป็นเพียงแค่บุตรี

    Last Updated : 2025-01-07

Latest chapter

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 40

    “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะ” ชิงหลิ่วตอบกลับ จากนั้นสิ่งที่ตอบรับนางก็คือเสียงลมหายใจของอวี๋เหลียงเยว่ที่หลับไหลไปแล้ว......สถานที่ที่มีสตรีมากมาย เรื่องราวก็ยิ่งมาก ฉากหน้าเป็นพี่น้องที่แสนดี ทุกคนล้วนให้ความเกรงใจกัน สนิมสนมกลมเกลียวกันมากแต่เบื้องหลังกลับแทบอยากจะฉีกหน้าอีกฝ่ายจนเละ ดึงทึ้งเครื่องประดับบนศีรษะของอีกฝ่ายให้แตกเป็นเสี่ยง ๆ เรื่องราวต่อหน้าและลับหลังเกิดขึ้นในมุมมากมาย......“ได้ข่าวแล้วหรือยัง เหตุใดถึงเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นได้!” ฉินมู่นั่งอยู่ข้างโต๊ะ จมอยู่ท่ามกลางเงาดำมืด แค่เสียงก็ทำให้คนรู้สึกกลัวจนตัวสั่นสะท้านที่ปรึกษาที่กำลังคุกเข่าอยู่ตัวสั่นระริก หยาดเหงื่อเม็ดใหญ่หยดลงพื้น “กระหม่อมสืบมาแล้ว ถึงได้ข่าวว่าคนผู้นั้น...มีความสัมพันธ์ย่ำแย่กับภรรยาที่บ้านมานานแล้ว ถึงขนาดที่พูดได้ว่า...จงเกลียดจงชัง ดังนั้นเมื่อเราเอาภรรยาของเขามาบีบบังคับ เขาจึงแกล้งรับปาก แต่ความจริงแล้วกลับสืบหาจุดมุ่งหมายและดูลาดเลาของพวกเรา สุดท้ายก็ตลบหลัง ไม่ทำตามที่เราสั่งพ่ะย่ะค่ะ...”นับตั้งแต่ที่ฉินมู่ได้รับข่าวจากทางอวี๋เหลียวเยว่เมื่อครั้งก่อน เขาก็ดำเนินการอย่างรวดเร็วเข

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 39

    “อวี๋เจาซวิ่น” “น้อมคารวะฉือเฉิงฮุยเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่ยิ้มพลางคารวะฉือชิวเยียนรีบส่งสัญญาณให้สาวใช้ไปประคองด้วยความเกรงใจมาก ก่อนจะรีบกล่าวว่า “ข้าไม่ถือเรื่องพวกนี้ ข้าเพิ่งเข้าตำหนักบูรพา ยังมีเรื่องมากมายที่ไม่เข้าใจ วันหน้ายังต้องรบกวนให้อวี๋เจาซวิ่นช่วยดูแลอีกมาก” อวี๋เหลียงเยว่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ฉือเฉิงฮุยกล่าวอันใดกันเพคะ ตำแหน่งของท่านสูงกว่าหม่อมฉัน ชาติตระกูลก็ดี วันหน้าจะต้องก้าวขึ้นตำแหน่งสูงอย่างรวดเร็วแน่นอนเพคะ”นี่เป็นการปฏิเสธคำขอของนางอย่างสุภาพฉือชิวเยียนหน้าทะมึนลง แต่ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวไป พอข้ามาถึงก็ได้ยินว่าเจ้าเข้ามาที่ตำหนักบูรพาก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทมาก ไฉนจะเหมือนกับพวกเราที่ได้ร่วมราตรีเพียงครั้งเดียวก็ไม่มีโอกาสได้พบองค์รัชทายาทอีก” ฉือซื่อพูดพลางทำหน้าหม่นหมองเล็กน้อย“องค์รัชทายาทจะพบใครหรือไม่พบใคร หม่อมฉันก็ไม่สามารถช่วยเรื่องนี้ได้เช่นกัน พี่ฉือเพคะ ตอนนี้หม่อมฉันรู้สึกง่วงเล็กน้อย ขอกลับเรือนก่อนนะเพคะ” อวี๋เหลียงเยว่กล่าวจบก็เดินจากไป ไม่ให้โอกาสฉือชิวเยียนได้พูดคุยต่อเลยคนหน้าเนื้อใจเส

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 38

    เมื่อสูญเสียบุตรไปแล้ว ฉินซือเหิงได้รับข่าวก็รีบไปที่หอหยกหิมะ เมื่อเผชิญหน้ากับเขา ไป๋ซื่อก็ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเสียใจอีกครั้งราวกับดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ช่างน่าสะเทือนใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสตรีที่ตอนเคยโปรดปรานมาก่อน เมื่อเห็นนางเสียใจถึงเพียงนี้ เขาเองก็เศร้าใจกับกาสูญเสียบุตรไปเช่นกัน จึงปลอบใจดี ๆ อยู่นาน อีกทั้งยังพำนักอยู่ในเรือนของนางหลายวันต่อมา ไป๋ซื่อรั้งองค์รัชทายาทให้พำนักอยู่ในเรือนของนางทุกคืน หอหยกหิมะที่ก่อนหน้านี้ยังไร้ชีวิตชีวา ไม่นานก็คึกคักขึ้นมาอีกครั้งภายในหอดุจจันทร์ พระชายารัชทายาทลูบสร้อยประคำในมือโดยที่ไม่ได้รู้สึกแย่อะไร วันนี้ตำแหน่งด้านขวาล่างว่างเปล่าอีกครั้งคนอื่น ๆ มากันครบแล้วใบหน้าของนางดูไม่ออกถึงความรู้สึกใด ๆ อวี๋เหลียงเยว่เริ่มสังเกตสองคนที่มาใหม่อย่างละเอียดอีกครั้ง คนหนึ่งแซ่อวี้ มีนามว่าอวี้หานเซียง ชื่อช่างเหมาะสมกับตัวคน เล่ากันว่าเมื่อเกิดมาก็มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ติดกาย รูปโฉมงดงามแต่ไม่ได้เย้ายวน ตรงกันข้ามใบหน้ากลับให้ความรู้สึกเย็นชานับตั้งแต่ที่เข้ามาในหอดุจจันทร์ อวี๋เหลียงเยวก็สังเกตเห็นว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางเชิดคางมองตร

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 37

    ฮวาต้วนก็มองอย่างตะลึงงัน แต่บทเรียนจากหลายครั้งที่ผ่านมาทำให้นางใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว รีบตัดสินใจส่งน้ำแก้วหนึ่งไปที่ริมฝีปากของไป๋ซื่อ “เหลียงตี้เพคะ ท่านรีบดื่มน้ำเถิดเพคะ! อาจจะดีขึ้นบ้าง! ยังต้องใช้เวลาสักพักกว่าหมอหลวงจะมาถึง ท่านไม่ได้เสวยอะไรมาทั้งวัน เวลานี้ก็ไม่มีแรงแล้วด้วย”ไป๋ซื่อกำลังคิดจะบันดาลโทสะ เมื่อได้ยินคำพูดของนางก็รู้สึกว่ามีเหตุผลมาก จึงรับไปดื่มรวดเดียวจนหมดหลังจากดื่มหมดก็เป็นการรอคอนที่แสนยาวนานเวลานี้นางรู้สึกนึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง หมอหลวงกำชับอย่างเด็ดขาดแล้วว่าให้นางพักผ่อนให้ดี อย่าได้มีอารมณ์รุนแรงแต่ว่าตอนนี้นึกเสียใจก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เนื่องจากไม่นานก็มีดอกไม้โลหิตสีสันสดใสเบ่งบานเป็นดวงใหญ่ที่ใต้ชายกระโปรง ย้อมจนเป็นสีแดงผืนใหญ่ เมื่อฮวาต้วนเห็นสีแดงนั้นในดวงตาก็เหมือนกับเห็นกระบี่ที่แย่งชิงชีวิตก็ไม่ปาน ทำให้นางกรีดร้องด้วยความตกใจ!“ใครก็ได้ แย่แล้ว! ใครก็ได้รีบมาที เหลียงตี้แย่แล้ว!” นางเหมือนกับเป็นบ้าไม่สนใจภาพลักษณ์ ปิ่นมุกบนศีรษะก็หลุดรุ่ย ก่อนจะกรีดร้องตะโกนเสียงดังตรงหน้าประตูไม่นานข้ารับใช้ด้านล่างก็รีบกรูกันเข้ามา บ้างก็ไปตามหมอห

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 36

    “พ่ะย่ะค่ะองค์รัชทายาท กระหม่อมทราบแล้ว” จ้าวเฉียนเดินตามหลัง ข่มกลั้นความตกตะลึงในใจ บังคับตัวเองไม่ให้หันห้าไปมองอวี๋ซื่อ องค์รัชทายาทไม่เคยลุ่มหลงในความงดงามของอิสตรี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการเอาใจใส่สตรีนางหนึ่ง อวี๋เจาซวิ่นเพิ่งร่วมราตรีได้ไม่นาน ก็ได้รับความโปรดปรานจากองค์รัชทายาทถึงเพียงนี้ ทำให้เขาตกใจจริง ๆ...แต่ก็เห็นได้ถึง ความเฉียบแหลมของอวี๋เจาซวิ่น“หยกสมปรารถนาชิ้นนั้นเป็นของที่อดีตฮ่องเต้ทรงทิ้งไว้ พระราชทานให้กับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน และฝ่าบาทได้พระราชทานให้องค์รัชทายาท บัดนี้องค์รัชทยาททรงมอบให้อวี๋เจาซวิ่น ช่างเป็นการเอาใจใส่เกินไปหน่อยจริงๆ” พระชายารัชทายาทหยุดพลิกดูสมุดบัญชีในมือ แล้วทำสีหน้าใคร่ครวญออกมาพระชายารัชทายาทชอบดูชอบฟังเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความอวดดีไร้เหตุผลของไป๋ซื่อ ประการแรกเป็นเพราะกำลังสนับสนุนจากตระกูลมารดาของนาง ประการที่สองเป็นเพราะความโปรดปรานจากองค์รัชทายาท อีกทั้งยังให้กำเนิดพระนัดดารัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวแต่อวี๋ซื่อผู้นี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหรือว่าสิ่งอื่นใดล้วนห่างชั้นจากไป๋ซื่อมากนัก แต่เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่ผ่านมานี้ รู้สึกได้ราง ๆ ว่านางยัง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 35

    เขายื่นมือไปโอบเอวบางของอวี๋เหลียงเยว่ ให้นางนั่งตักของเขาแล้วหัวเราะเบา ๆ ว่า “เจ้ามาอยู่ตำหนักบูรพาได้นานพอสมควรแล้ว ได้ยินว่าเจ้าให้ความเคารพต่อพระชายารัชทายาทมาก” ได้รับความโปรดปรานแต่ไม่เย่อหยิ่ง ถือเป็นข้อดีอย่างหนึ่งยามค่ำคืนอวี๋เหลียงเยว่ก็ถอดปิ่นมุกมากมายบนศีรษะออกเช่นกัน เส้มผมสีดำสยายอยู่ด้านหลังศีรษะ มีหลายเส้นตกลงมาบนไหปลาร้าของนางอย่างซุกซน ทำให้ฉินซือเหิงอดมองนานขึ้นไม่ได้ “พระชายาทรงมีเมตตาต่อหม่อมฉันมากมาตลอด หม่อมฉันย่อมเคารพนางเป็นธรรมดาเพคะ”นางกล่าวด้วยใบหน้าไร้เดียงสา จากนั้นก็ยื่นแขนขาวนวลไปโอบคอของรัชทายาทอย่างกล้าหาญมากอีกครั้ง ท่าทางดูพึ่งพิงมาก ทำให้ฉินซือเหิงรู้สึกสบายใจมากเขายกมือขึ้นมาลูบดวงหน้าเล็กนุ่มละมุนของนาง “เจ้ารู้ความ เราย่อมโปรดปรานเจ้ามากยิ่งขึ้น” อวี๋เหลียงเยว่ฟังแล้วก็ปล่อยผ่านไป ไม่ได้เก็บมาใส่ใจแม้แต่น้อย หากชอบเจ้า เจ้าก็จะเป็นของล้ำค่าในดวงใจ ไม่ว่าทำสิ่งใดล้วนดีไปหมด หากชิงชังเจ้า เกรงว่าเจ้าไม่อาจเทียบได้แม้กระทั่งฝุ่นบนพื้น ฝุ่นยังมีคนปัดกวาด ชาติที่แล้วนางไม่ได้รับความโปรดปราน ทำได้เพียงปล่อยให้คนเหยียบย่ำ อวี๋เหลียงเย

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 34

    หลังจากนี้ต่อให้จับได้ พอถึงตอนนั้นก็สายไปแล้วลองถามดูเถิด ใครเล่าจะเชื่อคำพูดของนักโทษคนหนึ่ง? คำพูดเพ้อเจ้อของนักโทษ หากเชื่อขึ้นมา ตนเองก็คงเป็นคนบ้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ? นางหัวเราะเบา ๆ แล้วไม่อธิบายอะไรอีก ก่อนจะแกว่งเท้าเล็ก ๆ ดื่มเครื่องดื่มเย็น ๆ ในชามจนหมดในอึกเดียว จากนั้นก็เงยหน้าเผยให้เห็นความจริงใจเล็กน้อย “ชิงหลิ่วคนดี อีกประเดี๋ยวเจ้านี่ก็หมดแล้ว ไม่สู้...เจ้าช่วยไปที่ห้องเครื่องเอามาให้ข้าอีกสักชามเถิด” นางกล่าวพลางทำทางไร้เดียงสา ชิงหลิ่ว “นายหญิงเพคะ ส่วนของท่านมีแค่ชามเดียว หมดแล้วเพคะ”อวี๋เหลียงเยว่ไม่หลงกล ขณะที่กำลังเตรียมตัวอ้อนวอนต่อ สายตามองไปเห็นเงาดำด้านนอกประตู จึงเปลี่ยนน้ำเสียงในพริบตาว่า “บัดนี้องค์รัชทายาททรงโปรดปรานข้า ข้าขอเครื่องดื่มเย็น ๆ เพิ่มอีกชามคงไม่เป็นไรหรอก! องค์รัชทายาททรงมีความสามารถถึงเพียงนี้ ยังจะถูกข้ากินจนหมดตัวได้อีกหรือ!” “พูดได้ดี เราต้องพยายามเสียแล้ว เพื่อไม่ให้เราโดนเจ้ากินจนหมดตัว”ฉินซือเหิงสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างฉับไว ใบหน้ามีรอยยิ้มบาง ๆ แค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์ดีมากปลาติดเบ็ดแล้ว ได้มาอย่างไม่เปลืองแรงเลยแต่สิ่ง

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 33

    ข่าวที่ชิงหลิ่วส่งออกไปถูกส่งต่อไปถึงมือของฉินมู่ เขามองชื่อที่เขียนบนกระดาษจดหมายแล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า “สืบประวัติคนผู้นี้แล้วหรือยัง”ที่ปรึกษาใต้บังคับบัญชาพยักหน้า เอ่ยเสียงเบาว่า “กระหม่อมไปสืบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เรื่องนี้อยู่ในความรับผิดชอบขององค์รัชทายาทมาโดยตลอดจริง ๆ หากเขาอยู่ในกองขนส่งเสบียง กระหม่อมคิดว่าข่าวนี้เป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ” ฉินมู่ผงกศีรษะ แนวกรามที่เรียบคมเผยให้เห็นความเย็นชาอำมหิต เขานั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน แสงไฟภายในห้องสลัว ครู่ต่อมาเขาจึงถามอีกว่า “แม่นางอวี๋ในตำหนักบูรพาสบายดีหรือไม่” ที่ปรึกษามองเขาอย่างยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง ก่อนจะก้มหน้ากล่าวออกมาว่า “สบายดีไปหมดทุกอย่างพ่ะย่ะค่ะ” เมื่อได้ยินคำนี้ แววตาของเขาก็ทะมึนลง จากนั้นก็คลี่ยิ้มหยันออกมา “ดี” ไม่มีใครเห็นว่าบนโต๊ะของเขามีภาพวาดภาพหนึ่ง สตรีบนภาพเลอโฉมเฉิดฉัน ดวงหน้างดงามดุจดังเทพเยนในภาพวาด นัยน์ตาดูเฉลียวฉลาด หางตาและคิ้วมีเสน่ห์เย้ายวนใจราวกับพรายน้ำเขายกมือขึ้นมา นิ้วที่มีข้อต่อชัดเจนลูบไล้แก้มของสตรีในภาพวาด ผ่านไปสักพักก็มีเสียงแผ่วเบาดังมาจากในห้องที่มืดสลัวว่า “เจ้าเป็นของข้า...

  • โฉมสะคราญไร้ใจ   บทที่ 32

    ชิงหลิ่วไม่รู้ว่าเหตุใดจึงถามเช่นนี้ จึงทำได้เพียงพยายามเอ่ยอย่างคลุมเครือให้มากที่สุด ยิ่งเอ่ยมากก็ยิ่งผิดมากฉินซือเหิงเข้าใจกระจ่างแจ้งแล้ว หนึ่งเดือนมานี้มีคนใหม่เข้ามาในตำหนักบูรพา อวี๋เหลียงเยว่จึงอยากพึ่งพิงเขามากขึ้นเล็กน้อย...คิดว่าคงไม่สบายใจ ทว่าเมื่อเกิดการคาดเดาเช่นนี้ขึ้นมา ในใจของเขาก็เกิดความรู้สึกที่ยากจะอธิบายให้ชัดเจนขึ้นมาเล็กน้อยความรู้สึกนี้ดำเนินต่อไปจนกระทั่งเขาเข้าเฝ้าที่ท้องพระโรงถึงค่อย ๆ จางหายไป...... หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จสิ้นแล้วกลับมาที่ตำหนักบูรพา จ้าวเฉียนก็มาช่วยเขาเปลี่ยนเป็นสวมชุดฉางฝู ยังไม่ทันนั่งลง สาวใช้ด้านนอกก็มาแจ้งว่าไป๋เหลียงตี้อาเจียนไม่หยุด ขอให้องค์รัชทายาทไปดูความหมายในคำพูดนี้มีไม่น้อยเลยจริง ๆ อาเจียนสินะ เมื่อคำนวณดูแล้วไป๋เหลียงตี้เพิ่งจะตั้งครรภ์นี้ได้แค่หนึ่งเดือน น่าจะยังไม่ถึงช่วงเวลานี้ อีกอย่างการที่สตรีมีครรภ์อาเจียน ปกติแล้วเป็นเพราะว่าได้กลิ่นอะไรบางอย่าง หรือว่ากินอะไรบางอย่าง ไม่ว่าเป็นเพราะอะไร คิดว่าไป๋เหลียงตี้คงจะสร้างเรื่องอีกแล้ว จ้าวเฉียนคิดเช่นนี้ ฉินซือเหิงลูบสร้อยประคำมันเงาบนมือแล้วสั่งการว่า “ไปเช

DMCA.com Protection Status